[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 53
บทที่ 2 ตอนที่ 53
ผมบอกให้คุณหนูถอยไปก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เลเลนอร์ซังจับไปที่ดาบของเธออย่างระมัดระวัง
「…เรย์จิคุง ชั้นถูกสั่งจากนายท่านให้มาที่นี่ในฐานะที่เรารู้จักกัน ถูกบอกแค่ให้มาพาตัวนายไป ดังนั้นชั้นจึงไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ถ้านายเลือกที่จะขัดขืนละก็ ชั้นก็คงต้องใช้กำลังแล้วละ」
「ถึงพวกเราจะรู้จักกัน แต่ผมก็ไม่ออกมือหรอกนะครับถ้าคุณหันดาบใส่ผม」
เลเลนอร์ซังขมวดคิ้ว
「ถ้านายดูถูกตระกูลเอเบนละก็ ชั้นก็จะเป็นคนเปลี่ยนความคิดนายเอง! เพื่อปกป้องตระกูลเอเบนในเมืองศักดิ์สิทธิ์นี้ ชั้นหน่ะ–」
「ผมเตือนคุณแล้วนะครับ」
「อะไรน่ะ!?」
จังหวะที่ผมก้าวออกมาจากประตู เลเลนอร์ซังก็ถูกส่งลอยขึ้นฟ้าไปทันที จะมีสักกี่คนกันนะที่รู้ว่าผมยิงเธอด้วย【เวทย์ลม】หน่ะ?
「แล้วสำเนียงของคุณมันทำให้ผมนึกถึงเพื่อนอันแสนล้ำค่าของผม ดังนั้นผมเลยไม่อยากลากยาวไปมากกว่านี้ครับ」
อีกฝ่ายนั้นเป็นหญิงสาวฮาร์ฟลิง และมันก็ยากสำหรับผมเพราะวิธีพูดของเธอเหมือนกับมิมิโนะซังเลย ดังนั้นผมเลยจัดการกับเธอก่อน เธอน่าจะสลบไปแล้วและคงไม่ตื่นขึ้นมาในอีกสักพัก
เหล่าทหารติดอาวุธนั้นประหลาดใจในตอนที่ถูกโจมตีกระทันหัน
(ทำไมพวกนายถึงยืนเปิดโล่งขนาดนั้นหล่ะ? ในตอนที่ผมกำลังคุ้มกันคุณหนูอยู่หน่ะ ผมไม่เคยเสียสมาธิเลยนะ รู้ไหม!)
ผมเริ่มวิ่งฝ่าไปยังกองทหารติดอาวุธด้วย【ทักษะการวิ่ง】แล้วยิง【เวทย์ลม】อย่างต่อเนื่อง
「อุ๊ก!」
「อั๊ก!?」
「อ๊ากกก!!」
ประมาณ 7 คนถูกผลักกระเด็นออกไป และคนที่ 8 ก็ใช้โล่หยุดเวทมนตร์ของผม โล่ได้เปล่งแสงในตอนที่หยุดเวทมนตร์ของผมเอาไว้ สงสัยจังว่านั่นคือโล่เวทมนตร์หรือเปล่านะ?
「เห้ย เตรียมอาวุธของพวกแกซะ! จัดกระบวนทัพ! พวกเรากำลังถูกโจมตี!」
「ไอ้คนขี้ขลาด!」
เอาคนจำนวนมากมาเผชิญหน้ากับคนๆเดียวแบบนี้ ยังเรียกผมว่า “ขี้ขลาด” อีกเหรอเนี้ย กองทหารติดอาวุธได้ล้อมผมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
(พวกนายจะเว้นระยะห่างโดยไม่บุกเข้ามาหรอ? ต่างกันด้านจำนวนขนาดนี้เนี้ยนะ? เอางั้นก็ได้ จะให้ผมแสดงวิธีต่อสู้ที่ขี้ขลาดกว่านี้ให้ดูก็ได้นะ?)
เมื่อผมใช้งาน【เวทย์มืด】กระสุนความมืด 10 นัดก็ได้ปรากฏขึ้น 5 นัดที่มือขวา อีก 5 นัดที่มือซ้าย
「พลโล่! หยุดเวทมนตร์เอาไว้! มันกำลังมาแล้ว!」
เหล่าพลโล่ได้สลับตำแหน่งกับทหารติดอาวุธขึ้นมาข้างหน้า ทว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด ผมได้ยิงกระสุนทั้ง 10 นัดออกไป
「กันเอาไว้!… ห่ะ!?」
ผมไม่ได้เล็งไปที่ทหาร สิ่งที่ผมเล็กหน่ะ–
「หว่า!? อะไรกันเนี้ย!!」
「มืดไปหมดเลย!」
คือตะเกียงเวทมนตร์ ผมยิงกระสุนความมืดนัดแล้วนัดเล่าแล้วคลุมมันเอาไว้รอบๆตะเกียง มันไม่สามารถทำความเสียหายอะไรได้หรอก มันก็แค่เวทมนตร์ที่ใช้บล็อกแสงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะถูกดาบฟันหรือมือทุบ มันก็จะไม่หายไปจนกว่าจะผ่านไปสักพักด้วย
ทันทีทันใด บริเวณรอบๆก็ถูกบดบังด้วยความมืดยามค่ำคืน
ผมวิ่งไปยังพลโล่ก่อนจะผ่านเข้าไป ผมเหยียบไปที่หัวของพวกเขาแล้วกระโดดข้ามโล่ออกมา
ผมสามารถมองเห็นในความมืดได้ด้วยสกิล【Night Vision】ของผม ดูเหมือนว่าจะมีทหารประมาณ 1, 2, 3… 3คนที่มี【Night Vision】อยู่ แต่มันก็ไม่พอหรอกนะ
「อุ๊ก!」
「อั๊ก!」
「หว่า!?」
ผมยิง【เวทย์ลม】ออกไปมั่วๆรอบตัวผม ก่อนจะชกและเตะไปที่คนที่ไม่ได้สวมชุดเกราะ【เวทย์ลม】นี้สุดยอดไปเลย ไม่มีทั้งล่องลอย, ไม่ส่องสว่าง, แถมถ้าลมแรงมากพอก็จะทำความเสียหายได้แม้จะใส่ชุดเกราะอยู่
「ยิงไปที่ตรงนั้น! ไม่ต้องสนพวกที่อยู่ใกล้ๆ!」
ทหารที่มี【Night Vision】ตะโกนสั่งการให้กับคนที่ดูเหมือนกับนักเวทย์
เปลวเพลิงปรากฏขึ้นที่มือที่ยกขึ้นของนักเวทย์คนนั้น ส่งผลให้บริเวณรอบๆส่องสว่างขึ้นมาทันที
「ยิงได้!!!」
ผมรีบสัมผัสกับพื้นแล้วใช้งาน【เวทย์ดิน】กำแพงดินเหนียวก็ได้ปรากฏขึ้น ทะลุพิ้นหินแล้วส่งทหาร 2 นายลอยขึ้นไปบนฟ้า มันได้หยุดกระสุนเพลิงที่ยิงออกมาได้
「หา!? 【เวทย์ดิน】ก็ด้วยงั้นเรอะ!?」
「เจ้าหมอนั่นมันใช้ได้กี่อย่างกันแน่?!」
กำแพงดินเหนียวนั้นเป็นตัวล่อที่ดีเลย ในจังหวะนั้น ผมก็พุ่งเข้าหากองทหารด้วย【Night Vision】และทำให้พวกเขาสลบไปด้วย【เวทย์ลม】ก่อนจะชกไปที่นักเวทย์
ในตอนที่ผมจัดการพวกนักเวทย์หมดแล้ว พวกทหารก็เริ่มโจมตีกันเองจากความมืด พวกนายนี้นะ ไปคิดวิธีต่อสู้โดยความต่างด้านจำนวนมาอีกสักนิดเถอะ
「บ้าเอ้ย! เจ้านั่นมันยิงเวทมนตร์ได้กี่นัดกันวะเนี้ย!?」
「ปล่อยให้มันยิงไป! มันน่าจะมานาหมดในเร็วๆ— อั๊ก!」
ผมรู้สึกแย่ที่ไม่ปล่อยให้เขาพูดจนจบประโยคด้วย【เวทย์ลม】แบบนี้
「หืมม คิดว่าคงจัดการไปได้สักครึ่งนึงแล้วละนะ」
【เวทย์มืด】ที่คลุมตะเกียงอยู่ได้คลายออก — ตะเกียงแทบทั้งหมดถูกโยนทิ้งพื้น ดังนั้นมันจึงเริ่มสว่างขึ้นจากพื้น
เหล่าทหารติดอาวุธต่างนอนกองอยู่รอบๆตัวผมอย่างกับศพเลย เนื่องจากผมยิงเวทมนตร์เพื่อทำให้สลบไม่ได้ฆ่า มันจึงไม่ได้กินมานามากเท่าไหร่ หืม ดูเหมือนผมจะได้เรียนสกิล【ควบคุมมานา】4 ดาวของคุณหนูมาด้วยนะ ผมรู้สึกเหมือนกับผมสามารถควบคุมมานาที่ไหล่เวียนอยู่ในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์เลย
ผมเอาผ้าเช็ดมือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากของผม
「ถึงคนที่ยังยืนได้อยู่!」ผมพูด
หลังจากที่ผมเก็บผ้าเช็ดหน้า ผมก็ใช้งาน【เวทย์มืด】สร้างกระสุนความมืดขึ้นมา 10 นัด
「หวังว่าพวกคุณคงจะร่วมเต้นรำกับผมจนกว่าจะจบนะครับ?」
ขณะที่ผมก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม เหล่าทหารติดอาวุธก็เริ่มตัวสั่นแล้วถอยออกไป แทบทั้งหมดนั้นหน้าถอดสี มือที่กำอาวุธอยู่สั่นสะท้าน
「—หยุดเดี๋ยวนี้!」
และผมก็ได้ยินเสียงเกือกม้ากระทบกับพื้นหิน จังหวะที่【เสริมการได้ยิน】ของผมได้ยินเสียงเกือกม้าจากไกลๆ เสียงตะโกนก็ได้ดังลั่นมาถึงตรงนี้แล้ว เสียงตะโกนนั่นมันต้องดังขนาดไหนกันถึงดังมาถึงตรงนี้ได้เนี้ย
ม้าที่ตัวใหญ่กว่าปกติที่เห็นได้บ่อยๆก็เข้ามาในระยะสายตา มันเป็นม้ากล้ามบึกขนสีฟ้า ทว่าชายที่ขี่มันนั้นเด่นยิ่งกว่าตัวม้าซะอีก
ชายร่างยักษ์สวมหนังหมีกริซลี่ สะพายขวานสองมือที่หนักกว่า 100 กิโลกรัมเอาไว้ที่หลัง
「เอิร์ลชายแดน…」
ตัวปัญหาโผล่มาแล้ว เอิร์ลชายแดนนั้นแน่นอนว่าแข็งแกร่งมาก, มาก, มากยิ่งกว่าทหารพวกนี้รวมกันซะอีก
เมื่อผมจ้องมองไปที่เขา เขาก็ลงมาจากม้าห่างจากกองทหารไปประมาณ 10 เมตร
「หยุดต่อสู้กันเดี๋ยวนี้ ข้าคือเอิร์ลประจำชายแดนมิวล์ พวกแกเข้าใจใช่ไหมว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร?」
เอิร์ลชายแดนนำบางอย่างที่ดูเหมือนกับอัญมณี*มากาทามะส่องแสงสีฟ้าที่ห้อยอยู่ตรงข้อมือของเขาออกมา
「ตะ-ตราผู้แทนของฝ่าบาท!?」
เหล่าทหารต่างฮือฮา ดูเหมือนว่าเอิร์ลชายแดนจะมาที่นี่ในฐานะตัวแทนของราชันศักดิ์สิทธิ์—หรืออะไรแบบนั้นนะ
「ถ้าพวกแกเข้าใจแล้วละก็ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!! เด็กคนนั้นไม่ใช่ใครที่คนอย่างพวกแกจะจัดการได้ตั้งแต่แรกแล้ว! เมื่อพวกแกกลับไป ไปบอกไอ้เตี้ยเอเบนว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆนี้จะไม่ถูกมองข้ามอย่างเด็ดขาด!」
========================================================
*มากาทามะ เครื่องรางโบราณของญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายหยินหยางที่มีซีกเดียว
Comments
[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 53
บทที่ 2 ตอนที่ 53
ผมบอกให้คุณหนูถอยไปก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เลเลนอร์ซังจับไปที่ดาบของเธออย่างระมัดระวัง
「…เรย์จิคุง ชั้นถูกสั่งจากนายท่านให้มาที่นี่ในฐานะที่เรารู้จักกัน ถูกบอกแค่ให้มาพาตัวนายไป ดังนั้นชั้นจึงไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ถ้านายเลือกที่จะขัดขืนละก็ ชั้นก็คงต้องใช้กำลังแล้วละ」
「ถึงพวกเราจะรู้จักกัน แต่ผมก็ไม่ออกมือหรอกนะครับถ้าคุณหันดาบใส่ผม」
เลเลนอร์ซังขมวดคิ้ว
「ถ้านายดูถูกตระกูลเอเบนละก็ ชั้นก็จะเป็นคนเปลี่ยนความคิดนายเอง! เพื่อปกป้องตระกูลเอเบนในเมืองศักดิ์สิทธิ์นี้ ชั้นหน่ะ–」
「ผมเตือนคุณแล้วนะครับ」
「อะไรน่ะ!?」
จังหวะที่ผมก้าวออกมาจากประตู เลเลนอร์ซังก็ถูกส่งลอยขึ้นฟ้าไปทันที จะมีสักกี่คนกันนะที่รู้ว่าผมยิงเธอด้วย【เวทย์ลม】หน่ะ?
「แล้วสำเนียงของคุณมันทำให้ผมนึกถึงเพื่อนอันแสนล้ำค่าของผม ดังนั้นผมเลยไม่อยากลากยาวไปมากกว่านี้ครับ」
อีกฝ่ายนั้นเป็นหญิงสาวฮาร์ฟลิง และมันก็ยากสำหรับผมเพราะวิธีพูดของเธอเหมือนกับมิมิโนะซังเลย ดังนั้นผมเลยจัดการกับเธอก่อน เธอน่าจะสลบไปแล้วและคงไม่ตื่นขึ้นมาในอีกสักพัก
เหล่าทหารติดอาวุธนั้นประหลาดใจในตอนที่ถูกโจมตีกระทันหัน
(ทำไมพวกนายถึงยืนเปิดโล่งขนาดนั้นหล่ะ? ในตอนที่ผมกำลังคุ้มกันคุณหนูอยู่หน่ะ ผมไม่เคยเสียสมาธิเลยนะ รู้ไหม!)
ผมเริ่มวิ่งฝ่าไปยังกองทหารติดอาวุธด้วย【ทักษะการวิ่ง】แล้วยิง【เวทย์ลม】อย่างต่อเนื่อง
「อุ๊ก!」
「อั๊ก!?」
「อ๊ากกก!!」
ประมาณ 7 คนถูกผลักกระเด็นออกไป และคนที่ 8 ก็ใช้โล่หยุดเวทมนตร์ของผม โล่ได้เปล่งแสงในตอนที่หยุดเวทมนตร์ของผมเอาไว้ สงสัยจังว่านั่นคือโล่เวทมนตร์หรือเปล่านะ?
「เห้ย เตรียมอาวุธของพวกแกซะ! จัดกระบวนทัพ! พวกเรากำลังถูกโจมตี!」
「ไอ้คนขี้ขลาด!」
เอาคนจำนวนมากมาเผชิญหน้ากับคนๆเดียวแบบนี้ ยังเรียกผมว่า “ขี้ขลาด” อีกเหรอเนี้ย กองทหารติดอาวุธได้ล้อมผมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
(พวกนายจะเว้นระยะห่างโดยไม่บุกเข้ามาหรอ? ต่างกันด้านจำนวนขนาดนี้เนี้ยนะ? เอางั้นก็ได้ จะให้ผมแสดงวิธีต่อสู้ที่ขี้ขลาดกว่านี้ให้ดูก็ได้นะ?)
เมื่อผมใช้งาน【เวทย์มืด】กระสุนความมืด 10 นัดก็ได้ปรากฏขึ้น 5 นัดที่มือขวา อีก 5 นัดที่มือซ้าย
「พลโล่! หยุดเวทมนตร์เอาไว้! มันกำลังมาแล้ว!」
เหล่าพลโล่ได้สลับตำแหน่งกับทหารติดอาวุธขึ้นมาข้างหน้า ทว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด ผมได้ยิงกระสุนทั้ง 10 นัดออกไป
「กันเอาไว้!… ห่ะ!?」
ผมไม่ได้เล็งไปที่ทหาร สิ่งที่ผมเล็กหน่ะ–
「หว่า!? อะไรกันเนี้ย!!」
「มืดไปหมดเลย!」
คือตะเกียงเวทมนตร์ ผมยิงกระสุนความมืดนัดแล้วนัดเล่าแล้วคลุมมันเอาไว้รอบๆตะเกียง มันไม่สามารถทำความเสียหายอะไรได้หรอก มันก็แค่เวทมนตร์ที่ใช้บล็อกแสงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะถูกดาบฟันหรือมือทุบ มันก็จะไม่หายไปจนกว่าจะผ่านไปสักพักด้วย
ทันทีทันใด บริเวณรอบๆก็ถูกบดบังด้วยความมืดยามค่ำคืน
ผมวิ่งไปยังพลโล่ก่อนจะผ่านเข้าไป ผมเหยียบไปที่หัวของพวกเขาแล้วกระโดดข้ามโล่ออกมา
ผมสามารถมองเห็นในความมืดได้ด้วยสกิล【Night Vision】ของผม ดูเหมือนว่าจะมีทหารประมาณ 1, 2, 3… 3คนที่มี【Night Vision】อยู่ แต่มันก็ไม่พอหรอกนะ
「อุ๊ก!」
「อั๊ก!」
「หว่า!?」
ผมยิง【เวทย์ลม】ออกไปมั่วๆรอบตัวผม ก่อนจะชกและเตะไปที่คนที่ไม่ได้สวมชุดเกราะ【เวทย์ลม】นี้สุดยอดไปเลย ไม่มีทั้งล่องลอย, ไม่ส่องสว่าง, แถมถ้าลมแรงมากพอก็จะทำความเสียหายได้แม้จะใส่ชุดเกราะอยู่
「ยิงไปที่ตรงนั้น! ไม่ต้องสนพวกที่อยู่ใกล้ๆ!」
ทหารที่มี【Night Vision】ตะโกนสั่งการให้กับคนที่ดูเหมือนกับนักเวทย์
เปลวเพลิงปรากฏขึ้นที่มือที่ยกขึ้นของนักเวทย์คนนั้น ส่งผลให้บริเวณรอบๆส่องสว่างขึ้นมาทันที
「ยิงได้!!!」
ผมรีบสัมผัสกับพื้นแล้วใช้งาน【เวทย์ดิน】กำแพงดินเหนียวก็ได้ปรากฏขึ้น ทะลุพิ้นหินแล้วส่งทหาร 2 นายลอยขึ้นไปบนฟ้า มันได้หยุดกระสุนเพลิงที่ยิงออกมาได้
「หา!? 【เวทย์ดิน】ก็ด้วยงั้นเรอะ!?」
「เจ้าหมอนั่นมันใช้ได้กี่อย่างกันแน่?!」
กำแพงดินเหนียวนั้นเป็นตัวล่อที่ดีเลย ในจังหวะนั้น ผมก็พุ่งเข้าหากองทหารด้วย【Night Vision】และทำให้พวกเขาสลบไปด้วย【เวทย์ลม】ก่อนจะชกไปที่นักเวทย์
ในตอนที่ผมจัดการพวกนักเวทย์หมดแล้ว พวกทหารก็เริ่มโจมตีกันเองจากความมืด พวกนายนี้นะ ไปคิดวิธีต่อสู้โดยความต่างด้านจำนวนมาอีกสักนิดเถอะ
「บ้าเอ้ย! เจ้านั่นมันยิงเวทมนตร์ได้กี่นัดกันวะเนี้ย!?」
「ปล่อยให้มันยิงไป! มันน่าจะมานาหมดในเร็วๆ— อั๊ก!」
ผมรู้สึกแย่ที่ไม่ปล่อยให้เขาพูดจนจบประโยคด้วย【เวทย์ลม】แบบนี้
「หืมม คิดว่าคงจัดการไปได้สักครึ่งนึงแล้วละนะ」
【เวทย์มืด】ที่คลุมตะเกียงอยู่ได้คลายออก — ตะเกียงแทบทั้งหมดถูกโยนทิ้งพื้น ดังนั้นมันจึงเริ่มสว่างขึ้นจากพื้น
เหล่าทหารติดอาวุธต่างนอนกองอยู่รอบๆตัวผมอย่างกับศพเลย เนื่องจากผมยิงเวทมนตร์เพื่อทำให้สลบไม่ได้ฆ่า มันจึงไม่ได้กินมานามากเท่าไหร่ หืม ดูเหมือนผมจะได้เรียนสกิล【ควบคุมมานา】4 ดาวของคุณหนูมาด้วยนะ ผมรู้สึกเหมือนกับผมสามารถควบคุมมานาที่ไหล่เวียนอยู่ในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์เลย
ผมเอาผ้าเช็ดมือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากของผม
「ถึงคนที่ยังยืนได้อยู่!」ผมพูด
หลังจากที่ผมเก็บผ้าเช็ดหน้า ผมก็ใช้งาน【เวทย์มืด】สร้างกระสุนความมืดขึ้นมา 10 นัด
「หวังว่าพวกคุณคงจะร่วมเต้นรำกับผมจนกว่าจะจบนะครับ?」
ขณะที่ผมก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม เหล่าทหารติดอาวุธก็เริ่มตัวสั่นแล้วถอยออกไป แทบทั้งหมดนั้นหน้าถอดสี มือที่กำอาวุธอยู่สั่นสะท้าน
「—หยุดเดี๋ยวนี้!」
และผมก็ได้ยินเสียงเกือกม้ากระทบกับพื้นหิน จังหวะที่【เสริมการได้ยิน】ของผมได้ยินเสียงเกือกม้าจากไกลๆ เสียงตะโกนก็ได้ดังลั่นมาถึงตรงนี้แล้ว เสียงตะโกนนั่นมันต้องดังขนาดไหนกันถึงดังมาถึงตรงนี้ได้เนี้ย
ม้าที่ตัวใหญ่กว่าปกติที่เห็นได้บ่อยๆก็เข้ามาในระยะสายตา มันเป็นม้ากล้ามบึกขนสีฟ้า ทว่าชายที่ขี่มันนั้นเด่นยิ่งกว่าตัวม้าซะอีก
ชายร่างยักษ์สวมหนังหมีกริซลี่ สะพายขวานสองมือที่หนักกว่า 100 กิโลกรัมเอาไว้ที่หลัง
「เอิร์ลชายแดน…」
ตัวปัญหาโผล่มาแล้ว เอิร์ลชายแดนนั้นแน่นอนว่าแข็งแกร่งมาก, มาก, มากยิ่งกว่าทหารพวกนี้รวมกันซะอีก
เมื่อผมจ้องมองไปที่เขา เขาก็ลงมาจากม้าห่างจากกองทหารไปประมาณ 10 เมตร
「หยุดต่อสู้กันเดี๋ยวนี้ ข้าคือเอิร์ลประจำชายแดนมิวล์ พวกแกเข้าใจใช่ไหมว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร?」
เอิร์ลชายแดนนำบางอย่างที่ดูเหมือนกับอัญมณี*มากาทามะส่องแสงสีฟ้าที่ห้อยอยู่ตรงข้อมือของเขาออกมา
「ตะ-ตราผู้แทนของฝ่าบาท!?」
เหล่าทหารต่างฮือฮา ดูเหมือนว่าเอิร์ลชายแดนจะมาที่นี่ในฐานะตัวแทนของราชันศักดิ์สิทธิ์—หรืออะไรแบบนั้นนะ
「ถ้าพวกแกเข้าใจแล้วละก็ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!! เด็กคนนั้นไม่ใช่ใครที่คนอย่างพวกแกจะจัดการได้ตั้งแต่แรกแล้ว! เมื่อพวกแกกลับไป ไปบอกไอ้เตี้ยเอเบนว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆนี้จะไม่ถูกมองข้ามอย่างเด็ดขาด!」
========================================================
*มากาทามะ เครื่องรางโบราณของญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายหยินหยางที่มีซีกเดียว
Comments