[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่3 13

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 13 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 13

 

「ก็ประมาณนั้นละครับ… ทั้งหมดที่ผมคิดได้ เอ๊ะ เป็นอะไรไปหรอครับ มูเกะซัง」

 

เมื่อผมพูดจบ มูเกะซังก็มองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ

 

「ปะ-เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ? แบบจริงของจริงๆหน่ะ?」

 

「คือ ผมเองก็ยังยืนยันไม่ได้ครับจะเป็นยังงั้น… แต่มันก็เกือบจะแน่นอนแล้วครับว่าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ง่ายๆถ้าไม่มีกับดักคอยสร้างมานาในร่างกายก่อนครับ」

 

「เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่เลยนะ รู้ไหม้!?」

 

「……เอ๊ะ?」

 

มูเกะซังโน้มตัวมาจับไหล่ผมอย่างตื่นเต้น

 

「ที่ทุกการยึดครองเขาวงกตแต่ละครั้งล้มเหลวก็เพราะเสียการควบคุมอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งไป! ถ้าการคาดเดาของเรย์จิซังถูกต้องละก็ ก็จะสามารถดำเนินการยึดครองต่อจากจุดที่ติดได้ทันทีเลยละ!!」

 

「นี้พวกเขาไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลยหรอครับ?」

 

「ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าไม่เคยได้ยินอะไรอย่างที่ทฤษฎีของเรย์จิซังเลย ทุกคนเอาแต่คิดว่าจะรักษาอารมณ์ของตัวเองยังไง」

 

「งั้นหรอครับ」

 

ผมสังเกตเห็นว่าความคิดของผมนั้นใกล้เคียงกับที่ผู้คนในยุคปัจจุบันของโลกคิด; ความคิดแบบหลักวิทยาศาสตร์ มันอาจจะเป็นความคิดแปลกใหม่สำหรับผู้คนบนโลกนี้ที่มีเวทมนตร์ก็ได้

 

อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เห็นตัวแปรอื่นที่สำคัญยิ่งกว่านี้เช่นกัน

 

「สกิล…」

 

ชาวเลฟนั้นไม่สามารถรับสกิลได้ นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รู้จัก【เวทย์มนุษย์】ถึงผมเองก็จำได้แค่ลางๆจากที่ตาแก่ฮินกาพูดเมื่อนานมาแล้วก็เถอะ

 

อุปกรณ์ที่ถูกนำออกจาก “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” นั้นนำความมั่งคั่งมาสู่ชาวเลฟ ทว่าในทางกลับกัน มันก็ดูจะย้อนแย้งสำหรับผมที่ว่าชาวเลฟที่ไม่สามารถใช้หินสกิลได้จะต้องยึดครองดันเจี้ยนโดยมีแค่ปัญญาอย่างเดียวแบบนี้

 

「แล้วก็นะครับ… ทำไมชาวเลฟถึงไม่สามารถใช้หินสกิลได้หรอครับ?」

 

「ข้าเองก็ไม่รู้ คือว่าข้าเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ก็…」มูเกะซังพูดพร้อมกับคอตก

 

ปรากฏว่ามูเกะซังได้เคยซื้อหินสกิลที่ด้านนอกจักรวรรดิแล้วพยายามใช้มันหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทว่าไม่มีครั้งไหนสำเร็จเลย

 

「เพราะแบบนั้น พวกเราก็เลยถูกเรียกว่า “เผ่าต้องคำสาป” แบบนี้ อาาา…」มูเกะซังพูดไปไหล่ตกไป

 

ผมพอจะเข้าใจเขานะ

 

(“เด็กน่ารังเกียจ”, “เด็กแห่งหายนะ” …เพราะผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน)

 

ผมถูกข่มเหงเพียงแค่เพราะว่าผมมีผมสีดำกับตาสีดำ

 

ผมจับไปที่ผมของตัวเอง ตอนนี้ด้วยคำขอของมิมิโนะซัง ผมของผมจึงเป็นสีส้มๆ เธอบอกผมว่า “พวกเราเหมือนกันอีกครั้งแล้ว!” แต่ผมของเธอเป็นสีอำพันไม่ใช่หรอ

 

「แต่เอาเถอะ!」มูเกะซังตบมือ「ดังนั้นแล้วทุกคน ข้ารู้สึกว่าข้าทำเงินมาได้มากพอแล้ว แต่แล้วพวกนายอยากจะทำอะไรต่อละ?」

 

「เอ๊ะ? คุณทำเงินได้หรอครับ? ผมเผาออโตมาตรอนด้วยเวทมนตร์ไปถึงขนาดนั้นนะครับ…」

 

「ส่วนขับเคลื่อนของล้อยังสมบูรณ์ดี แถมหินเวทย์ที่พังก็สามารถขายได้ราคาสมเหตุสมผลอยู่ ถึงพวกเราจะสามารถจัดการมันง่ายๆด้วย Magi Lightning ได้ก็ตาม แต่ถ้าทำแบบนั้น มันจะทำลายวงจรเวทมนตร์ด้านในหมดเลยหน่ะสิ」

 

「อ่าา…」

 

ผมได้ยินมาว่าแผนกยึดครองเขาวงกตเองก็มีอาวุธแบบนั้นอยู่

 

แน่นอนว่า ไฟฟ้านั้นใช้ได้ผลดีมากกับศัตรูประเภทเครื่องจักร

 

ทว่า【เวทย์สายฟ้า】นั้นขึ้นชื่อในเรื่องความไม่สะดวก คุณไม่สามารถควบคุมทิศทางในตอนที่ยิงออกไปได้ ถึงจะโดนอีกฝ่ายง่ายขึ้นถ้าอีกฝ่ายใช้อะไรแบบหอกก็เถอะ แต่นั่นเป็นเพราะมันทำงานเหมือนกับสายล่อฟ้า แถมพลังทำลายยังด้อยกว่ามานาที่สูบไปเองก็เป็นหนึ่งจุดเด่นของมันอีก

 

บางทีอาจจะเป็นไปได้ที่จะยิงมันใส่ตรงๆในระยะใกล้ก็ได้นะ?

 

จนถึงตอนนี้ ผมจัดการพวกออโตมาตรอนโดย Flame Tornado แต่บางทีผมควรจะหาวิธีอื่นนะ จะตรึงศัตรูเอาไว้ด้วย【เวทย์บุบพา】ดีหรือเปล่า? แต่ว่าที่นี่ไม่มีต้นไม้นี้นา…

 

ขณะที่ผมคิดแบบนั้น–

 

「อุหิหิหิ วันนี้วันเดียวข้าได้เงินมามากกว่ากองคาราวานทั้งเดือนซะอีก หิหิหิ! ข้าคงหยุดเข้าเขาวงกตไม่ได้แล้วหลังจากนี้」

 

โอ้ไม่นะ นี้ไม่ดีแล้ว ตาของมูเกะซังกลายเป็นเงินไปแล้ว

 

「ใช่ แต่ว่านี้เองก็เหมือนกับการพนันนะคะ เพราะคุณจะต้องเดิมพันด้วยสิ่งที่เรียกว่าชีวิต」น็อนซังพูดด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร

 

「จะ-จริงด้วย…」มูเกะซังพยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

คุณเองก็เข้าใจสินะครับ มูเกะซัง? ที่น็อนซังนั้นน่ากลัว…

 

「แต่ว่านะ… มูเกะซัง ถ้านายอยากจะกลับละก็ พวกเราก็จะออกจากเขาวงกตกัน ยังไงซะ งานของเราคือการคุ้มกันนายอยู่แล้ว」

 

ค่าธรรมเนียมคำร้องนั้นก็ไม่ได้มากอะไร แต่พวกเราจะได้ครึ่งนึงของกำไรที่ได้จากการขายของดรอปด้วย เนื่องจากการที่มูเกะซังดูค่อนข้างมีความสุข ผมคิดว่ามันคงจะได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

 

「อืม… นายคิดว่าไงละ เรย์จิซัง?」

 

「เอ๊ะ ผม?」

 

「ใช่ๆ นายเป็นคนคิดทฤษฎีสุดยอดนั้นขึ้นมา ดังนั้นนายเองก็ต้องมีแผนอะไร ใช่ไหมละ? บอกข้ามาทีเถอะ〜!」

 

「…………」

 

มูเกะซังที่ตาเป็นเงินนั้นค่อนข้างน่ารำคาญเลยทีเดียว

 

「อืมมม ผมอยากจะยืนยันกับดักหน่ะครับ ดังนั้นผมจึงอยากจะไปต่อ」

 

「งั้นก็ไปต่อกัน! ข้าจะใช้เงินที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ปรับปรุงร้านอย่างที่ข้าใฝ่ฝันมานานหลายปี!」

 

อืมมม อย่าพูดปักธงอย่างนั้นสิครับ…

 

「ยิปปี้! เค้าจะหาเงินเยอะๆที่นี่แล้วจะจ่ายหนี้คืนหนุ่มน้อยให้หมดเลย!」เซอรี่ซังกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

 

ธงอีกอันนึงแล้ว! ผมรู้สึกเหมือนกับพวกเรากำลังจะชิบหายแล้วเลย!

 

*ลูลูช่า *

 

「ศัตรู… ถูกทำลาย」

 

「พวกเราจัดการพวกมันได้ไหม?」

 

ลูลูช่าเกือบจะทิ้งตัวลงบนพื้น

 

เธอถูกบังคับให้ใช้ Magi Lightnings ไปเกือบหมด ทว่าเธอก็สามารถขับไล่ออโตมาตรอนไปได้ ทั้งกลุ่มนั้นถูกบังคับให้ต่อสู้กับออโตมาตรอนจำนวนมาก และก็มีผู้คนมากมายได้รับบาดเจ็บ

 

เธอกำลังตั้งคำถามกับสวรรค์ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากถอนกำลังแล้วงั้นหรอ

 

(ชั้นคิดตื้นเกินไป…)

 

เธอคิดจริงๆว่าเธอจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยเพียงแค่เมจิคเกียร์ คิดว่าบางทีเธออาจจะสามารถยึดครองเขาวงกตแห่งความหวาดกลัวได้ก็ได้ แถมยังคิดว่าเสบียงนั้นเพียงพอแล้ว

 

แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว… ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้เลยถ้าเสบียงตัวกระตุ้นหมด

 

「โอ้แหม่ จบแล้วงั้นหรอ?」

 

「ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะรอดอะไรแบบนั้นมาได้」

 

「พวกนายมีนักผจญภัยคอยคุ้มกันอยู่ใช่ไหมละ?」

 

ชาวเลฟของบริษัทที่มาด้วยกันกับแผนกยึดครองที่ 4 นั้นต่างพูดนั้นพูดนี้กัน ทว่าลูลูช่านั้นไม่อาจสนใจคำพูดพวกนั้นได้เลย

 

「รักษาคนเจ็บ! เร็วเข้า! ตรวจสอบจำนวนคนที่สามารถขยับได้ซะ!」

 

「หัวหน้า ของดรอป…」

 

「ให้บริษัทพวกนั้นจัดการ」

 

เท่าที่ตาเห็น ไม่มีอันไหนที่ไม่เสียหายเลย แถมเขม่าควันจากออโตมาตรอนก็ลอยคละคลุ้งไปหมด เพียงแค่มองดูสถานการณ์ในตอนนี้ก็สามารถบอกได้เลยว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

(แต่ว่า… ชั้นยังยอมแพ้ไม่ได้! มันจะจบลงอย่างนี้หน่ะหรอ? นี้นะหรอเขาวงกต? ไม่ ถ้าแค่ชั้นมีเสบียงมากกว่านี้ละก็ ไม่สิ มีคนที่ไม่ได้ร่วมสู้อยู่ด้วย ไม่สิ หรือว่าคำสั่งของชั้นผิดงั้นหรอ? ไม่สิ…)

 

ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

 

「หัวหน้าครับ พบศัตรู!」

 

「ว่าไงนะ……」

 

กำลังเสริมของศัตรู—อย่างที่คิด ความสิ้นหวังก่อตัวในใจเธอ ทว่าเธอก็สูดหายใจเข้าเล็กๆ เมื่อเธอเห็นออโตมาตรอนที่ปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝากของทางเดิน

 

มันมีขนาดเล็กกว่าออโตมาตรอนตัวไหนที่เธอเจอ

 

จนถึงตอนนี้ มีเพียงแค่ออโตมาตรอนรูปแบบสัตว์ที่ปรากฏตัวขึ้น เป็นรูปแบบง่ายๆที่จะเอาแต่พุ่งตรงใส่คุณ เธอถึงขนาดสงสัยเลยว่า “นี้มันเขาวงกตแห่งความหวาดกลัวงั้นหรอ? หรือว่าสวนสัตว์กันแน่?”

 

「เป็นรูปร่างทีแปลก แต่ว่า… ตัวเล็กนะ มี Magi Lightning เหลืออยู่ทั้งหมดเท่าไหร่!?」

 

「เหลืออีก 12 อันครับ」

 

「งั้นพวกเราก็น่าจะจัดการมันได้อยู่」

 

เธอถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกโล่งใจ

 

ที่ปรากฏตัวในครั้งนี้นั้นมีขนาดประมาณเมตรครึ่ง ทว่ามันมีแขน 4 ข้างที่ดูเหมือนกับหอก ไม่มีหัว และมีอัญมณี 3 เม็ดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงกลางของลำตัว

 

「โอเค มาจัดการมันกันเถอะ」ลูลูช่าพูดพร้อมกับชูหมัดขึ้นเพื่อระดมคนที่ยังขยับได้

 

『…………』

 

เธอไม่สังเกตเห็นว่าอัญมณีนั้นได้ส่องแสงออกมา ไม่ได้รับรู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่3 13

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 13 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 13

 

「ก็ประมาณนั้นละครับ… ทั้งหมดที่ผมคิดได้ เอ๊ะ เป็นอะไรไปหรอครับ มูเกะซัง」

 

เมื่อผมพูดจบ มูเกะซังก็มองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ

 

「ปะ-เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ? แบบจริงของจริงๆหน่ะ?」

 

「คือ ผมเองก็ยังยืนยันไม่ได้ครับจะเป็นยังงั้น… แต่มันก็เกือบจะแน่นอนแล้วครับว่าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ง่ายๆถ้าไม่มีกับดักคอยสร้างมานาในร่างกายก่อนครับ」

 

「เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่เลยนะ รู้ไหม้!?」

 

「……เอ๊ะ?」

 

มูเกะซังโน้มตัวมาจับไหล่ผมอย่างตื่นเต้น

 

「ที่ทุกการยึดครองเขาวงกตแต่ละครั้งล้มเหลวก็เพราะเสียการควบคุมอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งไป! ถ้าการคาดเดาของเรย์จิซังถูกต้องละก็ ก็จะสามารถดำเนินการยึดครองต่อจากจุดที่ติดได้ทันทีเลยละ!!」

 

「นี้พวกเขาไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลยหรอครับ?」

 

「ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าไม่เคยได้ยินอะไรอย่างที่ทฤษฎีของเรย์จิซังเลย ทุกคนเอาแต่คิดว่าจะรักษาอารมณ์ของตัวเองยังไง」

 

「งั้นหรอครับ」

 

ผมสังเกตเห็นว่าความคิดของผมนั้นใกล้เคียงกับที่ผู้คนในยุคปัจจุบันของโลกคิด; ความคิดแบบหลักวิทยาศาสตร์ มันอาจจะเป็นความคิดแปลกใหม่สำหรับผู้คนบนโลกนี้ที่มีเวทมนตร์ก็ได้

 

อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เห็นตัวแปรอื่นที่สำคัญยิ่งกว่านี้เช่นกัน

 

「สกิล…」

 

ชาวเลฟนั้นไม่สามารถรับสกิลได้ นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รู้จัก【เวทย์มนุษย์】ถึงผมเองก็จำได้แค่ลางๆจากที่ตาแก่ฮินกาพูดเมื่อนานมาแล้วก็เถอะ

 

อุปกรณ์ที่ถูกนำออกจาก “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” นั้นนำความมั่งคั่งมาสู่ชาวเลฟ ทว่าในทางกลับกัน มันก็ดูจะย้อนแย้งสำหรับผมที่ว่าชาวเลฟที่ไม่สามารถใช้หินสกิลได้จะต้องยึดครองดันเจี้ยนโดยมีแค่ปัญญาอย่างเดียวแบบนี้

 

「แล้วก็นะครับ… ทำไมชาวเลฟถึงไม่สามารถใช้หินสกิลได้หรอครับ?」

 

「ข้าเองก็ไม่รู้ คือว่าข้าเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ก็…」มูเกะซังพูดพร้อมกับคอตก

 

ปรากฏว่ามูเกะซังได้เคยซื้อหินสกิลที่ด้านนอกจักรวรรดิแล้วพยายามใช้มันหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทว่าไม่มีครั้งไหนสำเร็จเลย

 

「เพราะแบบนั้น พวกเราก็เลยถูกเรียกว่า “เผ่าต้องคำสาป” แบบนี้ อาาา…」มูเกะซังพูดไปไหล่ตกไป

 

ผมพอจะเข้าใจเขานะ

 

(“เด็กน่ารังเกียจ”, “เด็กแห่งหายนะ” …เพราะผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน)

 

ผมถูกข่มเหงเพียงแค่เพราะว่าผมมีผมสีดำกับตาสีดำ

 

ผมจับไปที่ผมของตัวเอง ตอนนี้ด้วยคำขอของมิมิโนะซัง ผมของผมจึงเป็นสีส้มๆ เธอบอกผมว่า “พวกเราเหมือนกันอีกครั้งแล้ว!” แต่ผมของเธอเป็นสีอำพันไม่ใช่หรอ

 

「แต่เอาเถอะ!」มูเกะซังตบมือ「ดังนั้นแล้วทุกคน ข้ารู้สึกว่าข้าทำเงินมาได้มากพอแล้ว แต่แล้วพวกนายอยากจะทำอะไรต่อละ?」

 

「เอ๊ะ? คุณทำเงินได้หรอครับ? ผมเผาออโตมาตรอนด้วยเวทมนตร์ไปถึงขนาดนั้นนะครับ…」

 

「ส่วนขับเคลื่อนของล้อยังสมบูรณ์ดี แถมหินเวทย์ที่พังก็สามารถขายได้ราคาสมเหตุสมผลอยู่ ถึงพวกเราจะสามารถจัดการมันง่ายๆด้วย Magi Lightning ได้ก็ตาม แต่ถ้าทำแบบนั้น มันจะทำลายวงจรเวทมนตร์ด้านในหมดเลยหน่ะสิ」

 

「อ่าา…」

 

ผมได้ยินมาว่าแผนกยึดครองเขาวงกตเองก็มีอาวุธแบบนั้นอยู่

 

แน่นอนว่า ไฟฟ้านั้นใช้ได้ผลดีมากกับศัตรูประเภทเครื่องจักร

 

ทว่า【เวทย์สายฟ้า】นั้นขึ้นชื่อในเรื่องความไม่สะดวก คุณไม่สามารถควบคุมทิศทางในตอนที่ยิงออกไปได้ ถึงจะโดนอีกฝ่ายง่ายขึ้นถ้าอีกฝ่ายใช้อะไรแบบหอกก็เถอะ แต่นั่นเป็นเพราะมันทำงานเหมือนกับสายล่อฟ้า แถมพลังทำลายยังด้อยกว่ามานาที่สูบไปเองก็เป็นหนึ่งจุดเด่นของมันอีก

 

บางทีอาจจะเป็นไปได้ที่จะยิงมันใส่ตรงๆในระยะใกล้ก็ได้นะ?

 

จนถึงตอนนี้ ผมจัดการพวกออโตมาตรอนโดย Flame Tornado แต่บางทีผมควรจะหาวิธีอื่นนะ จะตรึงศัตรูเอาไว้ด้วย【เวทย์บุบพา】ดีหรือเปล่า? แต่ว่าที่นี่ไม่มีต้นไม้นี้นา…

 

ขณะที่ผมคิดแบบนั้น–

 

「อุหิหิหิ วันนี้วันเดียวข้าได้เงินมามากกว่ากองคาราวานทั้งเดือนซะอีก หิหิหิ! ข้าคงหยุดเข้าเขาวงกตไม่ได้แล้วหลังจากนี้」

 

โอ้ไม่นะ นี้ไม่ดีแล้ว ตาของมูเกะซังกลายเป็นเงินไปแล้ว

 

「ใช่ แต่ว่านี้เองก็เหมือนกับการพนันนะคะ เพราะคุณจะต้องเดิมพันด้วยสิ่งที่เรียกว่าชีวิต」น็อนซังพูดด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร

 

「จะ-จริงด้วย…」มูเกะซังพยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

คุณเองก็เข้าใจสินะครับ มูเกะซัง? ที่น็อนซังนั้นน่ากลัว…

 

「แต่ว่านะ… มูเกะซัง ถ้านายอยากจะกลับละก็ พวกเราก็จะออกจากเขาวงกตกัน ยังไงซะ งานของเราคือการคุ้มกันนายอยู่แล้ว」

 

ค่าธรรมเนียมคำร้องนั้นก็ไม่ได้มากอะไร แต่พวกเราจะได้ครึ่งนึงของกำไรที่ได้จากการขายของดรอปด้วย เนื่องจากการที่มูเกะซังดูค่อนข้างมีความสุข ผมคิดว่ามันคงจะได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

 

「อืม… นายคิดว่าไงละ เรย์จิซัง?」

 

「เอ๊ะ ผม?」

 

「ใช่ๆ นายเป็นคนคิดทฤษฎีสุดยอดนั้นขึ้นมา ดังนั้นนายเองก็ต้องมีแผนอะไร ใช่ไหมละ? บอกข้ามาทีเถอะ〜!」

 

「…………」

 

มูเกะซังที่ตาเป็นเงินนั้นค่อนข้างน่ารำคาญเลยทีเดียว

 

「อืมมม ผมอยากจะยืนยันกับดักหน่ะครับ ดังนั้นผมจึงอยากจะไปต่อ」

 

「งั้นก็ไปต่อกัน! ข้าจะใช้เงินที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ปรับปรุงร้านอย่างที่ข้าใฝ่ฝันมานานหลายปี!」

 

อืมมม อย่าพูดปักธงอย่างนั้นสิครับ…

 

「ยิปปี้! เค้าจะหาเงินเยอะๆที่นี่แล้วจะจ่ายหนี้คืนหนุ่มน้อยให้หมดเลย!」เซอรี่ซังกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

 

ธงอีกอันนึงแล้ว! ผมรู้สึกเหมือนกับพวกเรากำลังจะชิบหายแล้วเลย!

 

*ลูลูช่า *

 

「ศัตรู… ถูกทำลาย」

 

「พวกเราจัดการพวกมันได้ไหม?」

 

ลูลูช่าเกือบจะทิ้งตัวลงบนพื้น

 

เธอถูกบังคับให้ใช้ Magi Lightnings ไปเกือบหมด ทว่าเธอก็สามารถขับไล่ออโตมาตรอนไปได้ ทั้งกลุ่มนั้นถูกบังคับให้ต่อสู้กับออโตมาตรอนจำนวนมาก และก็มีผู้คนมากมายได้รับบาดเจ็บ

 

เธอกำลังตั้งคำถามกับสวรรค์ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากถอนกำลังแล้วงั้นหรอ

 

(ชั้นคิดตื้นเกินไป…)

 

เธอคิดจริงๆว่าเธอจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยเพียงแค่เมจิคเกียร์ คิดว่าบางทีเธออาจจะสามารถยึดครองเขาวงกตแห่งความหวาดกลัวได้ก็ได้ แถมยังคิดว่าเสบียงนั้นเพียงพอแล้ว

 

แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว… ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้เลยถ้าเสบียงตัวกระตุ้นหมด

 

「โอ้แหม่ จบแล้วงั้นหรอ?」

 

「ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะรอดอะไรแบบนั้นมาได้」

 

「พวกนายมีนักผจญภัยคอยคุ้มกันอยู่ใช่ไหมละ?」

 

ชาวเลฟของบริษัทที่มาด้วยกันกับแผนกยึดครองที่ 4 นั้นต่างพูดนั้นพูดนี้กัน ทว่าลูลูช่านั้นไม่อาจสนใจคำพูดพวกนั้นได้เลย

 

「รักษาคนเจ็บ! เร็วเข้า! ตรวจสอบจำนวนคนที่สามารถขยับได้ซะ!」

 

「หัวหน้า ของดรอป…」

 

「ให้บริษัทพวกนั้นจัดการ」

 

เท่าที่ตาเห็น ไม่มีอันไหนที่ไม่เสียหายเลย แถมเขม่าควันจากออโตมาตรอนก็ลอยคละคลุ้งไปหมด เพียงแค่มองดูสถานการณ์ในตอนนี้ก็สามารถบอกได้เลยว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

(แต่ว่า… ชั้นยังยอมแพ้ไม่ได้! มันจะจบลงอย่างนี้หน่ะหรอ? นี้นะหรอเขาวงกต? ไม่ ถ้าแค่ชั้นมีเสบียงมากกว่านี้ละก็ ไม่สิ มีคนที่ไม่ได้ร่วมสู้อยู่ด้วย ไม่สิ หรือว่าคำสั่งของชั้นผิดงั้นหรอ? ไม่สิ…)

 

ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

 

「หัวหน้าครับ พบศัตรู!」

 

「ว่าไงนะ……」

 

กำลังเสริมของศัตรู—อย่างที่คิด ความสิ้นหวังก่อตัวในใจเธอ ทว่าเธอก็สูดหายใจเข้าเล็กๆ เมื่อเธอเห็นออโตมาตรอนที่ปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝากของทางเดิน

 

มันมีขนาดเล็กกว่าออโตมาตรอนตัวไหนที่เธอเจอ

 

จนถึงตอนนี้ มีเพียงแค่ออโตมาตรอนรูปแบบสัตว์ที่ปรากฏตัวขึ้น เป็นรูปแบบง่ายๆที่จะเอาแต่พุ่งตรงใส่คุณ เธอถึงขนาดสงสัยเลยว่า “นี้มันเขาวงกตแห่งความหวาดกลัวงั้นหรอ? หรือว่าสวนสัตว์กันแน่?”

 

「เป็นรูปร่างทีแปลก แต่ว่า… ตัวเล็กนะ มี Magi Lightning เหลืออยู่ทั้งหมดเท่าไหร่!?」

 

「เหลืออีก 12 อันครับ」

 

「งั้นพวกเราก็น่าจะจัดการมันได้อยู่」

 

เธอถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกโล่งใจ

 

ที่ปรากฏตัวในครั้งนี้นั้นมีขนาดประมาณเมตรครึ่ง ทว่ามันมีแขน 4 ข้างที่ดูเหมือนกับหอก ไม่มีหัว และมีอัญมณี 3 เม็ดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงกลางของลำตัว

 

「โอเค มาจัดการมันกันเถอะ」ลูลูช่าพูดพร้อมกับชูหมัดขึ้นเพื่อระดมคนที่ยังขยับได้

 

『…………』

 

เธอไม่สังเกตเห็นว่าอัญมณีนั้นได้ส่องแสงออกมา ไม่ได้รับรู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+