[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 47

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่2 47 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ตอนที่ 47

 

ผมรู้สึกว่าท่านเอิร์ลอาจจะเดาไว้แล้วว่าคุณหนูจะคืนตำแหน่ง

 

ทั้งปล่อยให้เธอทำลายธุรกิจทรัพยากรมนุษย์, ปล่อยคุณหนูออกไปเดินเล่นในเมืองตามใจ, และถึงขนาดมอบหินสกิลให้นอกงานพิธีด้วย—ซึ่งมันผิดต่อขนบธรรมเนียมของสังคมขุนนาง

 

พูดอีกอย่างก็คือ ท่านเอิร์ลเน้นให้คุณหนูเติบโตเป็นตัวเองมากกว่าตำแหน่งขุนนางของเธอ หึมมม แต่รู้สึกว่าเขาจะเร่งๆไงไม่รู้สิ

 

(ท่านเอิร์ลอาจจะตัดใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อตั้งแต่ที่เขาถูกโจมตีเมื่อปีก่อนตอนที่ผมช่วยเขาเอาไว้แล้วก็ได้ และเขาก็อาจจะไม่รอดในการโจมตีครั้งต่อไปด้วย ถ้างั้น คิดว่าเขาคงหวังจะให้คุณหนูเป็นอิสระให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็ได้)

 

ผมก็ไม่เคยได้ยินจากปากของเขาตรงๆหรอก แถมเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบพูดอะไรแบบนั้นด้วย

 

(เอ เดี๋ยวก่อนนะ… ถ้าท่านเอิร์ลตายละก็ ผมก็จะต้องโทษตัวเองที่ “ไม่อาจปกป้องท่านเอิร์ลได้” ด้วยความรู้สึกผิดนั้น ผมคงจะตัดสินใจที่จะ “อยู่เคียงข้างคุณหนูจะกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่” แน่ๆเลย ใช่แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ผมจะต้องทำแน่ๆ! ท่านเอิร์ล นี้คุณมองไปไกลถึงขนาดนั้นแล้วหรอ?!)

 

ในโลกใบนี้ การใช้กำลังเข้าสู้ไม่ได้ตัดสินว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ เหล่าขุนนางนั้นน่าหวาดกลัว โดยเฉพาะขุนนางที่ชาญฉลาด เป็นใครกันให้ตายสิ!? คนที่ตัดสินใจมอบอำนาจให้ท่านเอิร์ลหน่ะ…!

 

「เรย์จิ…」

 

ในขณะที่ผมตกอยู่ในห้วงความคิดนั้น คุณหนูเองก็คิดถึงอะไรหลายๆอย่างด้วยเหมือนกัน

 

「ชั้นเป็นลูกสาวของเอิร์ลซิวลิซส์ และชั้นจะเดินตามเส้นทางนั้น มีอะไรหลายอย่างที่มีแต่ขุนนางเท่านั้นที่ทำได้ ใช่ไหมหล่ะ? มันก็ไม่ได้สายเกินไปที่จะเป็นอิสระหลังจากทำทุกอย่างสำเร็จแล้วด้วย」

 

ไม่มีความลังเลอยู่ในน้ำเสียงของคุณหนูเลย มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่นอยู่ที่เข่า

 

「ดะ-ดังนั้น เรย์จิ…」

 

「ครับ?」

 

「ชั้น… ชั้นอยากให้นายคอยอยู่ข้างๆชั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วย…」

 

กูววว–

 

ท้องของผมร้องขึ้นมา

 

「…………」

 

「…………」

 

มันช่วยไม่ได้นี้นา ใช่ไหมละ? ผมไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว และยังใช้งานร่างกายค่อนข้างหนักแถมยังเลือดออกด้วย! ดังนั้นหยุดมองผมด้วยสายตาแบบนั้นเถอะครับ คุณหนู!

 

「ฮ่าา… เอาเถอะ คำแรกที่ออกมาจากปากนายหลังจากตื่นขึ้นมาก็คือ “หิว” ด้วยนี่นะ」

 

「ฮ่าๆ… ขออภัยด้วยครับ」

 

「ชั้นจะไปขอให้พ่อครัวทำอะไรให้ทานก็แล้วกัน」

 

「ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมเข้าไปในครัวแล้วหาขนมปังหรืออย่างอื่นทานเอาก็ได้ครับ」

 

「เข้าใจแล้ว…」

 

「…ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ เมื่อกี้คุณหนูได้พูดอะไรหรือเปล่าครับ? ท้องผมร้องดังไปหน่อยก็เลยได้ยินไม่ชัดหน่ะครับ」

 

「!!」

เมื่อผมถามแบบนั้น หน้าของคุณหนูก็แดงก่ำ มากพอที่จะเห็นได้ชัดในห้องมืดๆนี้เลย

 

「ชั้นเองก็จะไปนอนแล้ว!」เธอพูดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้น

 

「งะ-งั้นหรอครับ? งั้นผมจะพาคุณหนูไปที่ห้องนะครับ」

 

「ไม่ต้อง! ชั้นจะไปคนเดียว!」

 

「เอ๋…」

 

คุณหนูบอกเองไม่ใช่หรอครับว่าคนคุ้มกันจะต้องอยู่ข้างๆเจ้านายหน่ะ…

 

ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่คุณหนูก็ออกไปจากห้องอย่างฉุนเฉียว หลังจากนั้นผมก็ตรงไปยังห้องครัว มันไม่มีขนมปังแต่มีผลไม้อยู่มากมาย มันเหมือนกับแอปเปิ้ลเขียวเลย

 

「…นั่นมันผลไม้ที่ดูเหมือนกับแอปเปิ้ลเขียวที่ผมเคยกินในป่าตอนที่ผมหลบหนีจากเหมืองหรือเปล่านะ?」

 

ขณะที่รู้สึกคิดถึงอยู่นั้น ผมก็กินผลไม้พวกนั้นเป็นจำนวนหนึ่ง ความเปรี้ยวและชุ่มฉ่ำได้ปัดเป่าความง่วงของผมไป

 

(…ผมนี้มันขี้ขลาดจริงๆ)

 

สักวันนึงผมก็ต้องจากคุณหนูไป เพราะยังมีบางสิ่งที่ผมต้องทำอยู่

 

(ถึงผมจะบอกคุณหนูว่าเธอมีทางเลือก แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่มีทางจะพูดว่า “หนีไปกันเถอะ” หรอก)

 

ผมอยากจะกระตุ้นจิตใต้สำนึกของผมว่าเธอนั้นสามารถยืนด้วยตัวคนเดียวได้ต่อให้ผมจากไปแล้ว

 

มันคงจะง่ายถ้าหากผมสามารถเป็นคนคุ้มกันของคุณหนูตลอดไปได้

 

หรือผมควรจะกลับมาที่นี่หลังจากที่ทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จหมดแล้วดี?

 

(…ไม่ใช่เวลามามัวคิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้สินะ)

 

ผมคิดว่าผมจะอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะมีข้อมูลของลาร์คหรือลูลูช่าซัง ผมเองก็ดีใจที่ได้พบกับซิวเวอร์บาลาซอีกครั้ง แต่ผมไม่คิดว่าพวกเราจะได้รวมตัวกันในทันทีหรอก

 

(มีอีกหลายอย่างที่ต้องคิดอยู่)

 

ผมหยิบผลไม้นั้นขึ้นมาอีกลูก ผมรู้สึกได้ถึงอากาศที่เปลี่ยนไป รุ่งสางนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

 

เอิร์ลซิวลิซส์นั้นกลับมาในตอนรุ่งสางแล้วเรียกผมให้ไปพบในห้องทำงานของเขาในทันทีเลย

 

เมื่อพวกเราเข้าไป พ่อบ้านก็ได้ออกจากห้องไป ทิ้งไว้แค่ผมกับท่านเอิร์ลเพียงลำพัง เป็นไปได้ที่ท่านเอิร์ลจะใช้เวลาทั้งคืนเลยจากชุดที่เขาสวมตั้งแต่งานพิธีเมื่อวานแล้ว เขาดูเหนื่อยสุดๆไปเลย ทว่าสำหรับคนหน้าตาดีแล้ว ผมคิดว่ามันก็ยังแสดงเสน่ห์อีกแบบนึงออกมาได้แม้จะอยู่ในสภาพนั้นก็ตามที

 

「ก่อนอื่นเลย เรย์จิซัง ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากเมื่อวานนะ」

 

「ดูเหมือนคุณเองก็งานหนักพอตัวนะครับ」

 

「อืม… ใช่แล้วละ หนักจริงๆ」

 

โซฟานั้นถูกวางหันหน้าเข้าหากันในพื้นที่รับรอง และท่านเอิร์ลก็ได้ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหาดูได้ยาก

 

「ข้าเข้าใจว่าเจ้ามีอะไรหลายอย่างอยากจะถามนะ เรย์จิซัง แต่มาพูดคุยเรื่องที่สำคัญกันก่อนเถอะ」

 

「เข้าใจแล้วครับ」

 

「เจ้าถูกเรียกตัวให้ไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ในบ่ายวันนี้ ข้าเองก็จะไปด้วย ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม」

 

「ผม… ที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์งั้นหรอครับ?」

 

「ไอ้โดมความมืดนั่น, ทั้งหิน 8 ดาว, คนกลาง, ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ」

 

「อืม ก็คงอย่างนั้นแหล่ะครับ」

 

「ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เป็นไปได้ว่าเวทย์พันธสัญญาจะถูกร่ายใส่เจ้าเพื่อไม่ให้เจ้าออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์เลยก็ได้」

 

「ว่าไงนะครับ!?」

 

ผมโกรธและลุกขึ้นยืน ทว่าคิดดูจากฝั่งของพวกเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติละนะ

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นจะถือว่าเป็นความลับระดับชาติของราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์เลย

 

「ข้าจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นแล้วกัน แต่ข้าเองก็เดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก」

 

「…ทำไมละครับ?」

 

「หมายความว่ายังไง เรย์จิซัง? ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้ถึงความจำเป็นของเวทพันธสัญญาอยู่แล้วนี่」

 

「ผมหมายถึงทำไมคุณถึงบอกผมเรื่องนี้หน่ะครับ ท่านเอิร์ล? ผมอาจจะหนีไปทันทีตอนนี้เลยก็ได้นะครับ」

 

「เอาตรงๆเลยนะ ข้าคิดว่ามีโอกาส 50% ที่เจ้าจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ในเช้านี้เลย」

 

「งั้นทำไม–」

 

「ฝ่าบาทเองก็คงจะคิดแบบเดียวกันนี้ด้วย ดังนั้นท่านเลยให้เวลาครึ่งวันยังไงละ」

 

「…ฝ่าบาทหน่ะหรอครับ?」

 

ปวดหัวเลย ราชันศักดิ์สิทธิ์เรียกตัวผม ในทางกลับกัน เขาก็คิดว่าผมอาจจะหนีไปด้วย ถ้าเขาอยากให้ผมไปละก็ เขาก็ไม่ควรให้เวลากับผมแล้วเรียกตัวผมให้ไปทันทีเลยสิ

 

「อาจจะเพราะท่านรู้สึกขอบคุณเจ้าก็ได้」

 

「ขอบคุณ…?」

 

「ที่หยุดคนกลางได้ก็เป็นเพราะฝีมือเจ้า」

 

「แต่ฝ่าบาทเองก็แข็งแกร่งพอนี้ครับ?」

 

「นั่นเป็นเพราะตรรกะถูกทำลายไปแล้วยังไงละ ตอนนี้คำสั่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ดังนั้นมาคุยกันเรื่องนั้นเถอะ」

 

แล้วท่านเอิร์ลก็กระแอมในลำคอ

 

「โดมความมืดนั่นคือจุดกึ่งกลางระหว่างโลกใบนี้กับโลกที่พวกเราเรียกว่า “โลกอื่น” ข้าได้ยินมาว่าจะสามารถแทรกแซงโลกใบนี้จาก “โลกอื่น” ได้เมื่อสร้างโดมนั่นขึ้นมา และโดมนั่นก็ได้สร้างตรรกะที่ไม่ว่าจะเป็นคนจากโลกนี้หรือ “โลกอื่น” ก็ไม่สามารถโจมตีกันได้」

 

「เอ๊ะ? แต่แล้วคนกลางละครับ?」

 

「มีเพียงแค่คนกลางเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น เขาจะทำอะไรก็ได้ตราบใดที่ยังปฏิบัติตาม “พันธสัญญา” นั่นเป็นสิ่งที่เข้าเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้」

 

งั้น มันก็เป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่ท่านเอิร์ลก็ไม่รู้สินะ

 

「ต้องขอบคุณที่เรย์จิซังทำลายโดมนั้น ตรรกะก็เลยถูกทำลายลงไปด้วย และในที่สุดการโจมตีของฝ่าบาทก็ได้ผล」

 

「แล้วเรื่องหินนั่นละครับ?」

 

ตอนที่ผมมาถึงโดม เอิร์ลซิวลิซส์ก็กำลังจะทำลายมันด้วยหินนั่นอยู่

 

「ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ดูเหมือนว่าหินนั่นจะมาจากช่วงเวลาเดียวกับที่แท่นบูชาที่ 1 ถูกสร้างขึ้น มันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยมภายในคลังสมบัติของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์」

 

นี่คุณขโมยหินที่ถูก “เก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม” มายังงั้นหรอครับ?

 

แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไป ท่านเอิร์ลนั้นมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้ม เป็นใบหน้าที่บ่งบอกว่า “อย่าถาม”

 

「มันเป็นเรื่องราวเมื่อหลายพันปีก่อน… เรื่องราวจากช่วงเวลาที่พวกเราเรียกกันว่า “ยุคโบราณอันศักดิ์สิทธิ์” ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่ได้ครอบครองแท่นบูชาที่ 1 นั้นถูกผูกมัดเอาไว้ด้วย “พันธสัญญา” ฉบับหนึ่ง ซึ่งก็คือหินสกิล 8 ดาว」

 

========================================================

TL: ขออภัยที่หายไปนานนะครับ ช่วงต้นปีไม่ค่อยว่างเท่าไหร่

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 47

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่2 47 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ตอนที่ 47

 

ผมรู้สึกว่าท่านเอิร์ลอาจจะเดาไว้แล้วว่าคุณหนูจะคืนตำแหน่ง

 

ทั้งปล่อยให้เธอทำลายธุรกิจทรัพยากรมนุษย์, ปล่อยคุณหนูออกไปเดินเล่นในเมืองตามใจ, และถึงขนาดมอบหินสกิลให้นอกงานพิธีด้วย—ซึ่งมันผิดต่อขนบธรรมเนียมของสังคมขุนนาง

 

พูดอีกอย่างก็คือ ท่านเอิร์ลเน้นให้คุณหนูเติบโตเป็นตัวเองมากกว่าตำแหน่งขุนนางของเธอ หึมมม แต่รู้สึกว่าเขาจะเร่งๆไงไม่รู้สิ

 

(ท่านเอิร์ลอาจจะตัดใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อตั้งแต่ที่เขาถูกโจมตีเมื่อปีก่อนตอนที่ผมช่วยเขาเอาไว้แล้วก็ได้ และเขาก็อาจจะไม่รอดในการโจมตีครั้งต่อไปด้วย ถ้างั้น คิดว่าเขาคงหวังจะให้คุณหนูเป็นอิสระให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็ได้)

 

ผมก็ไม่เคยได้ยินจากปากของเขาตรงๆหรอก แถมเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบพูดอะไรแบบนั้นด้วย

 

(เอ เดี๋ยวก่อนนะ… ถ้าท่านเอิร์ลตายละก็ ผมก็จะต้องโทษตัวเองที่ “ไม่อาจปกป้องท่านเอิร์ลได้” ด้วยความรู้สึกผิดนั้น ผมคงจะตัดสินใจที่จะ “อยู่เคียงข้างคุณหนูจะกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่” แน่ๆเลย ใช่แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ผมจะต้องทำแน่ๆ! ท่านเอิร์ล นี้คุณมองไปไกลถึงขนาดนั้นแล้วหรอ?!)

 

ในโลกใบนี้ การใช้กำลังเข้าสู้ไม่ได้ตัดสินว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ เหล่าขุนนางนั้นน่าหวาดกลัว โดยเฉพาะขุนนางที่ชาญฉลาด เป็นใครกันให้ตายสิ!? คนที่ตัดสินใจมอบอำนาจให้ท่านเอิร์ลหน่ะ…!

 

「เรย์จิ…」

 

ในขณะที่ผมตกอยู่ในห้วงความคิดนั้น คุณหนูเองก็คิดถึงอะไรหลายๆอย่างด้วยเหมือนกัน

 

「ชั้นเป็นลูกสาวของเอิร์ลซิวลิซส์ และชั้นจะเดินตามเส้นทางนั้น มีอะไรหลายอย่างที่มีแต่ขุนนางเท่านั้นที่ทำได้ ใช่ไหมหล่ะ? มันก็ไม่ได้สายเกินไปที่จะเป็นอิสระหลังจากทำทุกอย่างสำเร็จแล้วด้วย」

 

ไม่มีความลังเลอยู่ในน้ำเสียงของคุณหนูเลย มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่นอยู่ที่เข่า

 

「ดะ-ดังนั้น เรย์จิ…」

 

「ครับ?」

 

「ชั้น… ชั้นอยากให้นายคอยอยู่ข้างๆชั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วย…」

 

กูววว–

 

ท้องของผมร้องขึ้นมา

 

「…………」

 

「…………」

 

มันช่วยไม่ได้นี้นา ใช่ไหมละ? ผมไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว และยังใช้งานร่างกายค่อนข้างหนักแถมยังเลือดออกด้วย! ดังนั้นหยุดมองผมด้วยสายตาแบบนั้นเถอะครับ คุณหนู!

 

「ฮ่าา… เอาเถอะ คำแรกที่ออกมาจากปากนายหลังจากตื่นขึ้นมาก็คือ “หิว” ด้วยนี่นะ」

 

「ฮ่าๆ… ขออภัยด้วยครับ」

 

「ชั้นจะไปขอให้พ่อครัวทำอะไรให้ทานก็แล้วกัน」

 

「ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมเข้าไปในครัวแล้วหาขนมปังหรืออย่างอื่นทานเอาก็ได้ครับ」

 

「เข้าใจแล้ว…」

 

「…ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ เมื่อกี้คุณหนูได้พูดอะไรหรือเปล่าครับ? ท้องผมร้องดังไปหน่อยก็เลยได้ยินไม่ชัดหน่ะครับ」

 

「!!」

เมื่อผมถามแบบนั้น หน้าของคุณหนูก็แดงก่ำ มากพอที่จะเห็นได้ชัดในห้องมืดๆนี้เลย

 

「ชั้นเองก็จะไปนอนแล้ว!」เธอพูดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้น

 

「งะ-งั้นหรอครับ? งั้นผมจะพาคุณหนูไปที่ห้องนะครับ」

 

「ไม่ต้อง! ชั้นจะไปคนเดียว!」

 

「เอ๋…」

 

คุณหนูบอกเองไม่ใช่หรอครับว่าคนคุ้มกันจะต้องอยู่ข้างๆเจ้านายหน่ะ…

 

ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่คุณหนูก็ออกไปจากห้องอย่างฉุนเฉียว หลังจากนั้นผมก็ตรงไปยังห้องครัว มันไม่มีขนมปังแต่มีผลไม้อยู่มากมาย มันเหมือนกับแอปเปิ้ลเขียวเลย

 

「…นั่นมันผลไม้ที่ดูเหมือนกับแอปเปิ้ลเขียวที่ผมเคยกินในป่าตอนที่ผมหลบหนีจากเหมืองหรือเปล่านะ?」

 

ขณะที่รู้สึกคิดถึงอยู่นั้น ผมก็กินผลไม้พวกนั้นเป็นจำนวนหนึ่ง ความเปรี้ยวและชุ่มฉ่ำได้ปัดเป่าความง่วงของผมไป

 

(…ผมนี้มันขี้ขลาดจริงๆ)

 

สักวันนึงผมก็ต้องจากคุณหนูไป เพราะยังมีบางสิ่งที่ผมต้องทำอยู่

 

(ถึงผมจะบอกคุณหนูว่าเธอมีทางเลือก แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่มีทางจะพูดว่า “หนีไปกันเถอะ” หรอก)

 

ผมอยากจะกระตุ้นจิตใต้สำนึกของผมว่าเธอนั้นสามารถยืนด้วยตัวคนเดียวได้ต่อให้ผมจากไปแล้ว

 

มันคงจะง่ายถ้าหากผมสามารถเป็นคนคุ้มกันของคุณหนูตลอดไปได้

 

หรือผมควรจะกลับมาที่นี่หลังจากที่ทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จหมดแล้วดี?

 

(…ไม่ใช่เวลามามัวคิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้สินะ)

 

ผมคิดว่าผมจะอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะมีข้อมูลของลาร์คหรือลูลูช่าซัง ผมเองก็ดีใจที่ได้พบกับซิวเวอร์บาลาซอีกครั้ง แต่ผมไม่คิดว่าพวกเราจะได้รวมตัวกันในทันทีหรอก

 

(มีอีกหลายอย่างที่ต้องคิดอยู่)

 

ผมหยิบผลไม้นั้นขึ้นมาอีกลูก ผมรู้สึกได้ถึงอากาศที่เปลี่ยนไป รุ่งสางนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

 

เอิร์ลซิวลิซส์นั้นกลับมาในตอนรุ่งสางแล้วเรียกผมให้ไปพบในห้องทำงานของเขาในทันทีเลย

 

เมื่อพวกเราเข้าไป พ่อบ้านก็ได้ออกจากห้องไป ทิ้งไว้แค่ผมกับท่านเอิร์ลเพียงลำพัง เป็นไปได้ที่ท่านเอิร์ลจะใช้เวลาทั้งคืนเลยจากชุดที่เขาสวมตั้งแต่งานพิธีเมื่อวานแล้ว เขาดูเหนื่อยสุดๆไปเลย ทว่าสำหรับคนหน้าตาดีแล้ว ผมคิดว่ามันก็ยังแสดงเสน่ห์อีกแบบนึงออกมาได้แม้จะอยู่ในสภาพนั้นก็ตามที

 

「ก่อนอื่นเลย เรย์จิซัง ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากเมื่อวานนะ」

 

「ดูเหมือนคุณเองก็งานหนักพอตัวนะครับ」

 

「อืม… ใช่แล้วละ หนักจริงๆ」

 

โซฟานั้นถูกวางหันหน้าเข้าหากันในพื้นที่รับรอง และท่านเอิร์ลก็ได้ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหาดูได้ยาก

 

「ข้าเข้าใจว่าเจ้ามีอะไรหลายอย่างอยากจะถามนะ เรย์จิซัง แต่มาพูดคุยเรื่องที่สำคัญกันก่อนเถอะ」

 

「เข้าใจแล้วครับ」

 

「เจ้าถูกเรียกตัวให้ไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ในบ่ายวันนี้ ข้าเองก็จะไปด้วย ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม」

 

「ผม… ที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์งั้นหรอครับ?」

 

「ไอ้โดมความมืดนั่น, ทั้งหิน 8 ดาว, คนกลาง, ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ」

 

「อืม ก็คงอย่างนั้นแหล่ะครับ」

 

「ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เป็นไปได้ว่าเวทย์พันธสัญญาจะถูกร่ายใส่เจ้าเพื่อไม่ให้เจ้าออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์เลยก็ได้」

 

「ว่าไงนะครับ!?」

 

ผมโกรธและลุกขึ้นยืน ทว่าคิดดูจากฝั่งของพวกเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติละนะ

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นจะถือว่าเป็นความลับระดับชาติของราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์เลย

 

「ข้าจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นแล้วกัน แต่ข้าเองก็เดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก」

 

「…ทำไมละครับ?」

 

「หมายความว่ายังไง เรย์จิซัง? ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้ถึงความจำเป็นของเวทพันธสัญญาอยู่แล้วนี่」

 

「ผมหมายถึงทำไมคุณถึงบอกผมเรื่องนี้หน่ะครับ ท่านเอิร์ล? ผมอาจจะหนีไปทันทีตอนนี้เลยก็ได้นะครับ」

 

「เอาตรงๆเลยนะ ข้าคิดว่ามีโอกาส 50% ที่เจ้าจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ในเช้านี้เลย」

 

「งั้นทำไม–」

 

「ฝ่าบาทเองก็คงจะคิดแบบเดียวกันนี้ด้วย ดังนั้นท่านเลยให้เวลาครึ่งวันยังไงละ」

 

「…ฝ่าบาทหน่ะหรอครับ?」

 

ปวดหัวเลย ราชันศักดิ์สิทธิ์เรียกตัวผม ในทางกลับกัน เขาก็คิดว่าผมอาจจะหนีไปด้วย ถ้าเขาอยากให้ผมไปละก็ เขาก็ไม่ควรให้เวลากับผมแล้วเรียกตัวผมให้ไปทันทีเลยสิ

 

「อาจจะเพราะท่านรู้สึกขอบคุณเจ้าก็ได้」

 

「ขอบคุณ…?」

 

「ที่หยุดคนกลางได้ก็เป็นเพราะฝีมือเจ้า」

 

「แต่ฝ่าบาทเองก็แข็งแกร่งพอนี้ครับ?」

 

「นั่นเป็นเพราะตรรกะถูกทำลายไปแล้วยังไงละ ตอนนี้คำสั่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ดังนั้นมาคุยกันเรื่องนั้นเถอะ」

 

แล้วท่านเอิร์ลก็กระแอมในลำคอ

 

「โดมความมืดนั่นคือจุดกึ่งกลางระหว่างโลกใบนี้กับโลกที่พวกเราเรียกว่า “โลกอื่น” ข้าได้ยินมาว่าจะสามารถแทรกแซงโลกใบนี้จาก “โลกอื่น” ได้เมื่อสร้างโดมนั่นขึ้นมา และโดมนั่นก็ได้สร้างตรรกะที่ไม่ว่าจะเป็นคนจากโลกนี้หรือ “โลกอื่น” ก็ไม่สามารถโจมตีกันได้」

 

「เอ๊ะ? แต่แล้วคนกลางละครับ?」

 

「มีเพียงแค่คนกลางเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น เขาจะทำอะไรก็ได้ตราบใดที่ยังปฏิบัติตาม “พันธสัญญา” นั่นเป็นสิ่งที่เข้าเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้」

 

งั้น มันก็เป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่ท่านเอิร์ลก็ไม่รู้สินะ

 

「ต้องขอบคุณที่เรย์จิซังทำลายโดมนั้น ตรรกะก็เลยถูกทำลายลงไปด้วย และในที่สุดการโจมตีของฝ่าบาทก็ได้ผล」

 

「แล้วเรื่องหินนั่นละครับ?」

 

ตอนที่ผมมาถึงโดม เอิร์ลซิวลิซส์ก็กำลังจะทำลายมันด้วยหินนั่นอยู่

 

「ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ดูเหมือนว่าหินนั่นจะมาจากช่วงเวลาเดียวกับที่แท่นบูชาที่ 1 ถูกสร้างขึ้น มันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยมภายในคลังสมบัติของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์」

 

นี่คุณขโมยหินที่ถูก “เก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม” มายังงั้นหรอครับ?

 

แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไป ท่านเอิร์ลนั้นมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้ม เป็นใบหน้าที่บ่งบอกว่า “อย่าถาม”

 

「มันเป็นเรื่องราวเมื่อหลายพันปีก่อน… เรื่องราวจากช่วงเวลาที่พวกเราเรียกกันว่า “ยุคโบราณอันศักดิ์สิทธิ์” ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่ได้ครอบครองแท่นบูชาที่ 1 นั้นถูกผูกมัดเอาไว้ด้วย “พันธสัญญา” ฉบับหนึ่ง ซึ่งก็คือหินสกิล 8 ดาว」

 

========================================================

TL: ขออภัยที่หายไปนานนะครับ ช่วงต้นปีไม่ค่อยว่างเท่าไหร่

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+