[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 4

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 4

 

「…การเคลื่อนไหวตามใจในจักรวรรดินั้นถือเป็นข้อห้ามครับ โปรดสวมกำไลนี้และห้ามถอดมันเด็ดขาด แล้วก็โปรดคืนมันหลังจากออกมาจากจักรวรรดิด้วยเช่นกันครับ ถ้าคุณออกไปโดยไม่ถอดละก็ มันจะส่งเสียงแจ้งเตือนดังมากๆ แถมกำไลนี้จะยืมข้อมูลจากกิลด์การ์ดและจะลบเองเมื่อคุณคืนมันแล้วด้วยครับ」

 

กำไลที่ได้รับมาจากชาวเลฟนั้นมีบานพับอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมันเปิดไม่ได้ถ้าไม่ใช้กุญแจ

 

ถึงมันจะดูเหมือนกำไลทั่วไปก็จริง แต่【World Ruler】ระบุว่ามันมีเวทมนตร์ฝังอยู่ตรงด้านที่สัมผัสกับแขน

 

(มันเหมือนกับระบบ GPS และยังบันทึกอารมณ์กับการตอบสนองของผู้สวมใส่ด้วยงั้นหรอ?)

 

ถ้าจะให้เทียบก็คงเป็นสมาร์ทวอทช์ แต่ระบบบางอย่างนั้นสูงกว่ามาก

 

มันสุดยอดไปเลยที่พวกเขาสร้างอะไรอย่างนี้ขึ้นมาได้

 

(แต่มันก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ข้อมูลของผมถูกบันทึกเอาไว้)

 

ผมพันแขนของผมด้วยผ้าพันแผลแล้วสวมกำไลทับ

 

「เอาละ เชิญทางนี้」

 

ผู้อาวุโสชาวเลฟที่ดูเหมือนกับนักวิชาการมากกว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กิลด์นักผจญภัยนั้นสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้ม หนวดเคลาสีขาวล้วนยาวไปถึงคางบ่งบอกถึงอายุของเขา บางทีละนะ—เอาตรงๆผมรู้สึกทึ่งกับหนวดนั้นมากเลย

 

พวกเรายืนอยู่ข้างหน้ากำแพงสูงตะหง่าน มันมีประตูเหล็กอยู่ตรงนั้น และเหนือขึ้นไปก็มีชาวเลฟประมาณ 5 คนเฝ้ายามอยู่ แล้วอุโมงค์ที่กว้างพอจะให้รถม้าผ่านได้ก็ได้เปิดออก

 

พวกเราซิวเวอร์บาลานซ์ได้ผ่านเข้าไปข้างในพร้อมกับระวังพวกยาม

 

ความยาวของอุโมงค์นั้นประมาณ 50 เมตรพร้อมกับตะเกียงเวทมนตร์ที่จุดเว้นระยะห่างกัน 5 เมตร

 

(มีลมอยู่ด้วย…)

 

สายลมแห้งๆพัดผ่านมาจากอีกฝาก

 

แสงที่สุดปลายอุโมงค์นั้นจ้ามากจนผมต้องขยี้ตาตัวเองเลย

 

「ยินดีต้อนรับสู่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ」

 

พนักงานกิลด์พูดในขณะที่เขาหันมาทางพวกเราที่ทางออก

 

ผมเกือบจะส่งเสียงด้วยความตื่นตะลึงเลย

 

หน้าผาสีแดงน้ำตาลทอดยาวไปทั้งซ้ายและขวา ยาวไปจนถึงอีกฝากนึงเลย

 

พื้นที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยหน้าผานั้นคือจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ

 

มีเรือเหาะเวทมนตร์บินอยู่บนฟ้ามากมาย ทว่าดูเหมือนมันจะไว้สำหรับขนของมากกว่าจะใช้ขนคน

 

อาคารเกือบทั้งหมดนั้นสูง 5 ชั้นขึ้นไป บางทีคงเพราะผสมและเสริมด้วยดินจากหน้าผา อาคารทั้งหมดจึงมีสีแดงเข้ม

 

กระจกหน้าต่างที่หาได้ยากในประเทศอื่นจนใช้แค่ตกแต่งสวยงามนั้นเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แถมยังใช้อย่างกว้างขวางเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วย

 

และ… ที่เคลื่อนที่ไปมาอยู่บนพื้นนั้นไม่ใช่รถม้า แต่เป็นรถ

 

「ไม่ได้ใช้เคลื่องจักรไอน้ำ… แต่เคลื่อนที่ด้วยเวทมนตร์งั้นหรอ…」

 

「โฮ่ เจ้าค่อนข้างมีความรู้เลยนะ ยานพาหนะ 6 ล้อที่คับเคลื่อนด้วย “เครื่องยนตร์มากิ(Magi Engine)” นั้นได้กลายเป็นการขนส่งหลักของจักรวรรดิไปแล้ว เอาละตอนนี้ ดูเหมือนคนที่จะมารับพวกเจ้าได้มาถึงแล้วนะ」

 

เจ้าหน้าที่กิลด์ที่ดูเหมือนกับนักวิชาการได้ชี้ไปยังมูเกะซังที่ขี่เนโกะจังมาพร้อมกับโบกมือ “เห้〜!” มาทางนี้

 

…หืมมม ชาวเลฟคนอื่นขมวดคิ้วเมื่อพวกเขามองไปที่เนโกะจัง ก็มันไม่มีรถจักรไอน้ำคันอื่นวิ่งอยู่เลยนี่นะ—โอ๊ะ เนโกะจังดูจะอารมณ์ไม่ดีนะ เคลื่องยนตร์ดับไปแล้วหน่ะ

 

「…เอาละถ้างั้น พยายามอย่าสร้างปัญหาละ」

 

เจ้าหน้าที่กิลด์คนนั้นรีบหันหลังแล้วกลับไปยังอุโมงค์

 

แล้วพวกเราก็ได้เข้าไปหามูเกะซัง

 

**

 

「โอ๊ะ ขอบคุณมาก ดันเต้ซังนี้แข็งแกร่งจริงๆเลย」

 

หลังจากนั้น ดันเต้ซังก็ได้ดันเนโกะจังมาตลอดทางเพราะเธอดับสนิท สายตาดูถูกจากผู้คนรอบข้างเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ทว่ายังไงก็ตาม พวกเราก็ได้มาถึงร้านของมูเกะซังแล้ว

 

ร้านของเขาที่ตั้งอยู่นอกเมืองนั้นมีโกดังสีดำขนาดใหญ่อยู่ เป็นที่ที่ใช้เก็บเนโกะจัง, ถ่านหิน, และสินค้า ที่ที่ห่างไกลจากเมืองขนาดนี้นั้นไม่มีทั้งพื้นที่ปูด้วยหิน ต้นไม้ใบหญ้ากระจายอยู่ทั่วไปหมด และหน้าผาที่ล้อมจักรวรรดิอยู่นั้นก็สามารถเห็นได้จากใกล้

 

(ที่ตรงนั้นมัน… พวกเขาทำรูที่หน้าผา)

 

ปั้นจั่นถูกติดตั้งเอาไว้ที่หน้าผา และผมก็เห็นสัมภาระกับผู้คนขึ้นลงด้วยมัน ภาพแบบนั้นเห็นได้ทั่วไปตามหน้าผา และมันก็ยังมีรูอยู่ตามผาด้วย อดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันจะมีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า

 

เป็นห้องเก็บของงั้นหรอ? หรือว่าไซโล? พวกเขาใช้หน้าผาเพราะพื้นที่มีจำกัดละมั้ง ไม่สิ ถ้าเปป็นกรณีนั้นละก็ พวกเขาก็น่าจะแค่ขุดลงไปเอาก็ได้

 

「เอาละ มูเกะซัง ทำไมคุณถึงว่าจ้างพวกเราในครั้งนี้ละ?」

 

มีโต๊ะเก่าๆอยู่ในโกดังด้วย และพวกเราก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆรอบๆมัน มูเกาะซังก็ได้นำเหยือกที่มีน้ำกับน้ำแข็งเข้ามา—มีไอเย็นเกาะอยู่ตามผิวของเหยือกเหล็ก ดันเต้ซังรินน้ำจากเหยือกลงไปในแก้วเหล็กแล้วดื่มมันเข้าไป 3 แก้วในทันที

 

「…ข้าขายกิก้าโบว์ไปแล้ว แต่กลับขายได้ราคาดีกว่าที่คิดเอาไว้หน่ะสิ」

 

「…? ก็ดีไม่ใช่รึ?」

 

「ใช่ ดีจริงๆ–โอ๊ะ ข้าไม่ได้จะพยายามกดราคาที่เคยคุยกันไว้หรอกนะ โอเคไหม้ ดันเต้ซัง?」

 

「ข้ารู้」

 

ดันเต้ซังหัวเราะให้กับมูเกะซังที่หาเหตุผลเข้าข้างการกระทำของเขาอยู่ จากนั้นมูเกะซังก็ดื่มน้ำเย็นให้ชุ่มคอก่อนจะพูดต่อ – ชาวเลฟดูจะควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ไม่ดีเท่าสัตว์เลื้อยคลาน ดังนั้นดูเหมือนว่าการดื่มน้ำจะเป็นสิ่งจำเป็น

 

「มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นระหว่างที่พวกเราเดินทางกันหน่ะ」

 

「เหตุการณ์งั้นหรอ?」

 

「ใช่ อาวุธทางยุทธศาสตร์ของจักรวรรดิ เรือเหาะเวทมนตร์ “Queen of the Night (ราชินีแห่งค่ำคืน)” ถูกขโมยไปหน่ะสิ」

 

「โอ๊ะ…?」

 

ดันเต้ซังมองมาที่พวกเราพร้อมกับเลิกคิ้ว ทว่าผมเองก็ยังจนปัญญาที่จะตอบเลย นี้มูเกะซังจ่ายค่าธรรมเนียมกิลด์เพื่อเรียกพวกเรามาคุยเรื่องนี้งั้นหรอ?

 

「ขนาดในหมู่เรือเหาะเวทมนตร์ด้วยกันเอง Queen of the Night นั้นใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดเลยนะ ตัวเรือสีเงินงดงามจนถึงขั้นที่ดื่มเหล้าพร้อมกับชมตัวเรือไปด้วยกลายเป็นเทรนด์เลยด้วย โดยเฉพาะการบินยามค่ำคืนที่ตัวพิสูจน์ความสำเร็จเลย」

 

「แล้วนายกำลังบอกว่าไอ้ของแบบนั้นถูกขโมยไปได้งั้นสินะ แล้ว พวกเราจะเข้าประเด็นกันได้รึยัง?」

 

「…คนที่ขโมยมันไปดูจะเป็นกลุ่มโจร แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ฝ่าบาทจักรพรรดิหน่ะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยละ… และเขาก็ออกคำสั่งลงมา」

 

—ให้สร้างเรือเหาะลำใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือล้ำกว่า “Queen of the Night”

 

「รู้หรือเปล่าว่าไอ้การพัฒนาเทคโนโลยีของจักรวรรดินั้นเอามาจากเขาวงกตทั้ง 9 หน่ะ?」

 

「เขาวงกต?」

 

ดันเต้ซังดูจะไม่เคยได้ยิน

 

มูเกะซังอธิบายว่าเทคโนโลยีเวทมนตร์ที่ใช้ในจักรวรรดินั้นถูกวิจัยโดยการเลียนแบบและวิเคราะห์ไอเทมเวทมนตร์ที่พบในเขาวงกต และเขาวงกตนั้นมีทั้งหมด 9 แห่ง

 

เขาวงกตแห่งความรัก (Labyrinth of Love) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความเกลียดชัง (Labyrinth of Hatred) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความนับถือ (Labyrinth of Worship) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความเศร้าโศก (Labyrinth of Grief) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความโกรธเกรี้ยว (Labyrinth of Wrath) x ถล่มลงมา

 

เขาวงกตแห่งความบ้าคลั่ง (Labyrinth of Madness) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความโหยหา (Labyrinth of Craving) x ยังไม่ได้สำรวจ

 

เขาวงกตแห่งความเมตตา (Labyrinth of Sympathy) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความหวาดกลัว (Labyrinth of Fear) △ กำลังทำการยึดครอง

 

「เรียกรวมๆกันว่า “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” และปรากฏอยู่ในหน้าผาที่ล้อมรอบประเทศแห่งนี้—“ผาเลฟ”」

 

「อ่าห์… งั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีรูอยู่บนหน้าผาสินะ?」

 

「ใช่แล้วละ รูพวกนั้นมีเพื่อยึดครองเขาวงกตหน่ะ ยังไงก็ตาม หลายๆรูก็ใช้เพื่อเพาะปลูกอาหารหลักของพวกเราอย่างเห็ดไมก้า(mica mushrooms) ด้วย」

 

ผมพึ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเห็ดนั้นเป็นอาหารหลักของชาวเลฟ

 

ดูเหมือนที่มันเป็นอาหารหลักจะเป็นเพราะแค่ว่ามันเก็บเกี่ยวได้ง่ายเท่านั้นเอง แต่มูเกาะซังมักจะเลือกขนมปังและเนื้อมากกว่า เขาบอกพวกเราแบบนั้น

 

「พวกเราตัดสินใจที่จะยึดเขาวงกตเกลียดชัง, บ้าคลั่ง, เมตตา, หวาดกลัวทั้ง 4 แห่งพร้อมๆกันแต่ความแข็งแกร่งของจักรวรรดิมีไม่พอ เพื่อทำแบบนั้น พวกเราจึงเกณฑ์เหล่านักผจญภัยจากภายนอกยังไงละ」

 

「จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีพวกนักผจญภัยมารวมตัวกันที่ด้านนอกสินะ หา」ดันเต้ซังพูด และมูเกาะซังก็พยักหน้าตอบ

 

「ดูเหมือนว่าแต่ละเขาวงกตจะอยู่ในการดูแลของ “แผนกที่ 1” จนถึง “แผนกที่ 4” ของ “สำนักงานยึดครองเขาวงกต (Labyrinth Capture Bureau)” ตามลำดับ… และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เรย์จิซัง…」

 

「ครับ?」

 

「คนที่นายอยากจะพบชื่ออะไรนะ?」

 

「——」

 

ผมตกตะลึง

 

ลูกสาวของตาแก่ฮินกานั้นจากไปแล้ว และหลานสาวของเขาก็ไม่สามารถเข้าพบได้เพราะ “คำสั่งจากเจ้าหน้าที่”

 

ถ้า “คำสั่ง” นั้นเกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณะละก็ มันก็สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะไม่สามารถจัดการเข้าพบให้ได้

 

「ชื่อลูลูช่าซังครับ」

 

「คนๆนั้นเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเลฟ… ใช่ไหม?」มูเกะซังพูด

 

「ครับ」

 

「อย่างที่คิดเลย」เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย

 

「ข้าได้ยินมาว่าหัวหน้าของ “แผนกที่ 4 แห่งสำนักงานยึดครองเขาวงกต” นั้นเป็นครึ่งมนุษย์… นามว่าลูลูช่าซัง ตอนนี้คนๆนั้นอยู่ในเขาวงกตแห่งความหวาดกลัว」

 

========================================================

TL: สวัสดีวันสงกรานต์ย้อนหลังนะครับ ฮา

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 4

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 4

 

「…การเคลื่อนไหวตามใจในจักรวรรดินั้นถือเป็นข้อห้ามครับ โปรดสวมกำไลนี้และห้ามถอดมันเด็ดขาด แล้วก็โปรดคืนมันหลังจากออกมาจากจักรวรรดิด้วยเช่นกันครับ ถ้าคุณออกไปโดยไม่ถอดละก็ มันจะส่งเสียงแจ้งเตือนดังมากๆ แถมกำไลนี้จะยืมข้อมูลจากกิลด์การ์ดและจะลบเองเมื่อคุณคืนมันแล้วด้วยครับ」

 

กำไลที่ได้รับมาจากชาวเลฟนั้นมีบานพับอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมันเปิดไม่ได้ถ้าไม่ใช้กุญแจ

 

ถึงมันจะดูเหมือนกำไลทั่วไปก็จริง แต่【World Ruler】ระบุว่ามันมีเวทมนตร์ฝังอยู่ตรงด้านที่สัมผัสกับแขน

 

(มันเหมือนกับระบบ GPS และยังบันทึกอารมณ์กับการตอบสนองของผู้สวมใส่ด้วยงั้นหรอ?)

 

ถ้าจะให้เทียบก็คงเป็นสมาร์ทวอทช์ แต่ระบบบางอย่างนั้นสูงกว่ามาก

 

มันสุดยอดไปเลยที่พวกเขาสร้างอะไรอย่างนี้ขึ้นมาได้

 

(แต่มันก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ข้อมูลของผมถูกบันทึกเอาไว้)

 

ผมพันแขนของผมด้วยผ้าพันแผลแล้วสวมกำไลทับ

 

「เอาละ เชิญทางนี้」

 

ผู้อาวุโสชาวเลฟที่ดูเหมือนกับนักวิชาการมากกว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กิลด์นักผจญภัยนั้นสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้ม หนวดเคลาสีขาวล้วนยาวไปถึงคางบ่งบอกถึงอายุของเขา บางทีละนะ—เอาตรงๆผมรู้สึกทึ่งกับหนวดนั้นมากเลย

 

พวกเรายืนอยู่ข้างหน้ากำแพงสูงตะหง่าน มันมีประตูเหล็กอยู่ตรงนั้น และเหนือขึ้นไปก็มีชาวเลฟประมาณ 5 คนเฝ้ายามอยู่ แล้วอุโมงค์ที่กว้างพอจะให้รถม้าผ่านได้ก็ได้เปิดออก

 

พวกเราซิวเวอร์บาลานซ์ได้ผ่านเข้าไปข้างในพร้อมกับระวังพวกยาม

 

ความยาวของอุโมงค์นั้นประมาณ 50 เมตรพร้อมกับตะเกียงเวทมนตร์ที่จุดเว้นระยะห่างกัน 5 เมตร

 

(มีลมอยู่ด้วย…)

 

สายลมแห้งๆพัดผ่านมาจากอีกฝาก

 

แสงที่สุดปลายอุโมงค์นั้นจ้ามากจนผมต้องขยี้ตาตัวเองเลย

 

「ยินดีต้อนรับสู่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ」

 

พนักงานกิลด์พูดในขณะที่เขาหันมาทางพวกเราที่ทางออก

 

ผมเกือบจะส่งเสียงด้วยความตื่นตะลึงเลย

 

หน้าผาสีแดงน้ำตาลทอดยาวไปทั้งซ้ายและขวา ยาวไปจนถึงอีกฝากนึงเลย

 

พื้นที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยหน้าผานั้นคือจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ

 

มีเรือเหาะเวทมนตร์บินอยู่บนฟ้ามากมาย ทว่าดูเหมือนมันจะไว้สำหรับขนของมากกว่าจะใช้ขนคน

 

อาคารเกือบทั้งหมดนั้นสูง 5 ชั้นขึ้นไป บางทีคงเพราะผสมและเสริมด้วยดินจากหน้าผา อาคารทั้งหมดจึงมีสีแดงเข้ม

 

กระจกหน้าต่างที่หาได้ยากในประเทศอื่นจนใช้แค่ตกแต่งสวยงามนั้นเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แถมยังใช้อย่างกว้างขวางเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วย

 

และ… ที่เคลื่อนที่ไปมาอยู่บนพื้นนั้นไม่ใช่รถม้า แต่เป็นรถ

 

「ไม่ได้ใช้เคลื่องจักรไอน้ำ… แต่เคลื่อนที่ด้วยเวทมนตร์งั้นหรอ…」

 

「โฮ่ เจ้าค่อนข้างมีความรู้เลยนะ ยานพาหนะ 6 ล้อที่คับเคลื่อนด้วย “เครื่องยนตร์มากิ(Magi Engine)” นั้นได้กลายเป็นการขนส่งหลักของจักรวรรดิไปแล้ว เอาละตอนนี้ ดูเหมือนคนที่จะมารับพวกเจ้าได้มาถึงแล้วนะ」

 

เจ้าหน้าที่กิลด์ที่ดูเหมือนกับนักวิชาการได้ชี้ไปยังมูเกะซังที่ขี่เนโกะจังมาพร้อมกับโบกมือ “เห้〜!” มาทางนี้

 

…หืมมม ชาวเลฟคนอื่นขมวดคิ้วเมื่อพวกเขามองไปที่เนโกะจัง ก็มันไม่มีรถจักรไอน้ำคันอื่นวิ่งอยู่เลยนี่นะ—โอ๊ะ เนโกะจังดูจะอารมณ์ไม่ดีนะ เคลื่องยนตร์ดับไปแล้วหน่ะ

 

「…เอาละถ้างั้น พยายามอย่าสร้างปัญหาละ」

 

เจ้าหน้าที่กิลด์คนนั้นรีบหันหลังแล้วกลับไปยังอุโมงค์

 

แล้วพวกเราก็ได้เข้าไปหามูเกะซัง

 

**

 

「โอ๊ะ ขอบคุณมาก ดันเต้ซังนี้แข็งแกร่งจริงๆเลย」

 

หลังจากนั้น ดันเต้ซังก็ได้ดันเนโกะจังมาตลอดทางเพราะเธอดับสนิท สายตาดูถูกจากผู้คนรอบข้างเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ทว่ายังไงก็ตาม พวกเราก็ได้มาถึงร้านของมูเกะซังแล้ว

 

ร้านของเขาที่ตั้งอยู่นอกเมืองนั้นมีโกดังสีดำขนาดใหญ่อยู่ เป็นที่ที่ใช้เก็บเนโกะจัง, ถ่านหิน, และสินค้า ที่ที่ห่างไกลจากเมืองขนาดนี้นั้นไม่มีทั้งพื้นที่ปูด้วยหิน ต้นไม้ใบหญ้ากระจายอยู่ทั่วไปหมด และหน้าผาที่ล้อมจักรวรรดิอยู่นั้นก็สามารถเห็นได้จากใกล้

 

(ที่ตรงนั้นมัน… พวกเขาทำรูที่หน้าผา)

 

ปั้นจั่นถูกติดตั้งเอาไว้ที่หน้าผา และผมก็เห็นสัมภาระกับผู้คนขึ้นลงด้วยมัน ภาพแบบนั้นเห็นได้ทั่วไปตามหน้าผา และมันก็ยังมีรูอยู่ตามผาด้วย อดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันจะมีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า

 

เป็นห้องเก็บของงั้นหรอ? หรือว่าไซโล? พวกเขาใช้หน้าผาเพราะพื้นที่มีจำกัดละมั้ง ไม่สิ ถ้าเปป็นกรณีนั้นละก็ พวกเขาก็น่าจะแค่ขุดลงไปเอาก็ได้

 

「เอาละ มูเกะซัง ทำไมคุณถึงว่าจ้างพวกเราในครั้งนี้ละ?」

 

มีโต๊ะเก่าๆอยู่ในโกดังด้วย และพวกเราก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆรอบๆมัน มูเกาะซังก็ได้นำเหยือกที่มีน้ำกับน้ำแข็งเข้ามา—มีไอเย็นเกาะอยู่ตามผิวของเหยือกเหล็ก ดันเต้ซังรินน้ำจากเหยือกลงไปในแก้วเหล็กแล้วดื่มมันเข้าไป 3 แก้วในทันที

 

「…ข้าขายกิก้าโบว์ไปแล้ว แต่กลับขายได้ราคาดีกว่าที่คิดเอาไว้หน่ะสิ」

 

「…? ก็ดีไม่ใช่รึ?」

 

「ใช่ ดีจริงๆ–โอ๊ะ ข้าไม่ได้จะพยายามกดราคาที่เคยคุยกันไว้หรอกนะ โอเคไหม้ ดันเต้ซัง?」

 

「ข้ารู้」

 

ดันเต้ซังหัวเราะให้กับมูเกะซังที่หาเหตุผลเข้าข้างการกระทำของเขาอยู่ จากนั้นมูเกะซังก็ดื่มน้ำเย็นให้ชุ่มคอก่อนจะพูดต่อ – ชาวเลฟดูจะควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ไม่ดีเท่าสัตว์เลื้อยคลาน ดังนั้นดูเหมือนว่าการดื่มน้ำจะเป็นสิ่งจำเป็น

 

「มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นระหว่างที่พวกเราเดินทางกันหน่ะ」

 

「เหตุการณ์งั้นหรอ?」

 

「ใช่ อาวุธทางยุทธศาสตร์ของจักรวรรดิ เรือเหาะเวทมนตร์ “Queen of the Night (ราชินีแห่งค่ำคืน)” ถูกขโมยไปหน่ะสิ」

 

「โอ๊ะ…?」

 

ดันเต้ซังมองมาที่พวกเราพร้อมกับเลิกคิ้ว ทว่าผมเองก็ยังจนปัญญาที่จะตอบเลย นี้มูเกะซังจ่ายค่าธรรมเนียมกิลด์เพื่อเรียกพวกเรามาคุยเรื่องนี้งั้นหรอ?

 

「ขนาดในหมู่เรือเหาะเวทมนตร์ด้วยกันเอง Queen of the Night นั้นใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดเลยนะ ตัวเรือสีเงินงดงามจนถึงขั้นที่ดื่มเหล้าพร้อมกับชมตัวเรือไปด้วยกลายเป็นเทรนด์เลยด้วย โดยเฉพาะการบินยามค่ำคืนที่ตัวพิสูจน์ความสำเร็จเลย」

 

「แล้วนายกำลังบอกว่าไอ้ของแบบนั้นถูกขโมยไปได้งั้นสินะ แล้ว พวกเราจะเข้าประเด็นกันได้รึยัง?」

 

「…คนที่ขโมยมันไปดูจะเป็นกลุ่มโจร แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ฝ่าบาทจักรพรรดิหน่ะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยละ… และเขาก็ออกคำสั่งลงมา」

 

—ให้สร้างเรือเหาะลำใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือล้ำกว่า “Queen of the Night”

 

「รู้หรือเปล่าว่าไอ้การพัฒนาเทคโนโลยีของจักรวรรดินั้นเอามาจากเขาวงกตทั้ง 9 หน่ะ?」

 

「เขาวงกต?」

 

ดันเต้ซังดูจะไม่เคยได้ยิน

 

มูเกะซังอธิบายว่าเทคโนโลยีเวทมนตร์ที่ใช้ในจักรวรรดินั้นถูกวิจัยโดยการเลียนแบบและวิเคราะห์ไอเทมเวทมนตร์ที่พบในเขาวงกต และเขาวงกตนั้นมีทั้งหมด 9 แห่ง

 

เขาวงกตแห่งความรัก (Labyrinth of Love) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความเกลียดชัง (Labyrinth of Hatred) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความนับถือ (Labyrinth of Worship) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความเศร้าโศก (Labyrinth of Grief) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว

 

เขาวงกตแห่งความโกรธเกรี้ยว (Labyrinth of Wrath) x ถล่มลงมา

 

เขาวงกตแห่งความบ้าคลั่ง (Labyrinth of Madness) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความโหยหา (Labyrinth of Craving) x ยังไม่ได้สำรวจ

 

เขาวงกตแห่งความเมตตา (Labyrinth of Sympathy) △ กำลังทำการยึดครอง

 

เขาวงกตแห่งความหวาดกลัว (Labyrinth of Fear) △ กำลังทำการยึดครอง

 

「เรียกรวมๆกันว่า “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” และปรากฏอยู่ในหน้าผาที่ล้อมรอบประเทศแห่งนี้—“ผาเลฟ”」

 

「อ่าห์… งั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีรูอยู่บนหน้าผาสินะ?」

 

「ใช่แล้วละ รูพวกนั้นมีเพื่อยึดครองเขาวงกตหน่ะ ยังไงก็ตาม หลายๆรูก็ใช้เพื่อเพาะปลูกอาหารหลักของพวกเราอย่างเห็ดไมก้า(mica mushrooms) ด้วย」

 

ผมพึ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเห็ดนั้นเป็นอาหารหลักของชาวเลฟ

 

ดูเหมือนที่มันเป็นอาหารหลักจะเป็นเพราะแค่ว่ามันเก็บเกี่ยวได้ง่ายเท่านั้นเอง แต่มูเกาะซังมักจะเลือกขนมปังและเนื้อมากกว่า เขาบอกพวกเราแบบนั้น

 

「พวกเราตัดสินใจที่จะยึดเขาวงกตเกลียดชัง, บ้าคลั่ง, เมตตา, หวาดกลัวทั้ง 4 แห่งพร้อมๆกันแต่ความแข็งแกร่งของจักรวรรดิมีไม่พอ เพื่อทำแบบนั้น พวกเราจึงเกณฑ์เหล่านักผจญภัยจากภายนอกยังไงละ」

 

「จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีพวกนักผจญภัยมารวมตัวกันที่ด้านนอกสินะ หา」ดันเต้ซังพูด และมูเกาะซังก็พยักหน้าตอบ

 

「ดูเหมือนว่าแต่ละเขาวงกตจะอยู่ในการดูแลของ “แผนกที่ 1” จนถึง “แผนกที่ 4” ของ “สำนักงานยึดครองเขาวงกต (Labyrinth Capture Bureau)” ตามลำดับ… และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เรย์จิซัง…」

 

「ครับ?」

 

「คนที่นายอยากจะพบชื่ออะไรนะ?」

 

「——」

 

ผมตกตะลึง

 

ลูกสาวของตาแก่ฮินกานั้นจากไปแล้ว และหลานสาวของเขาก็ไม่สามารถเข้าพบได้เพราะ “คำสั่งจากเจ้าหน้าที่”

 

ถ้า “คำสั่ง” นั้นเกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณะละก็ มันก็สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะไม่สามารถจัดการเข้าพบให้ได้

 

「ชื่อลูลูช่าซังครับ」

 

「คนๆนั้นเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเลฟ… ใช่ไหม?」มูเกะซังพูด

 

「ครับ」

 

「อย่างที่คิดเลย」เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย

 

「ข้าได้ยินมาว่าหัวหน้าของ “แผนกที่ 4 แห่งสำนักงานยึดครองเขาวงกต” นั้นเป็นครึ่งมนุษย์… นามว่าลูลูช่าซัง ตอนนี้คนๆนั้นอยู่ในเขาวงกตแห่งความหวาดกลัว」

 

========================================================

TL: สวัสดีวันสงกรานต์ย้อนหลังนะครับ ฮา

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+