[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 57
บทที่ 2 ตอนที่ 57
ผมบังเอิญพบเข้ากับดันเต้ซังที่กำลังออกมาซื้ออาหารเช้าเข้าในตอนที่ผมมาถึงโรงแรมกระบองเพชรสีเงิน
「เฮ้ นายมาเร็วกว่าที่คิดนะเนี้ย หืมม คนๆนั้นคือ…」
ขณะที่รู้สึกโล่งใจเพราะดันเต้ซังทำตัวเหมือนกับเมื่อก่อน ผมก็แนะนำตัวให้กับเซอรี่ซัง
「นี้คือเซอรี่ซังครับ เธอเป็นมนุษย์สัตว์ที่อยู่ในกองทหารรับจ้างเขี้ยวทมิฬเดียวกับไรเครียซังครับ และเธอก็เป็นคนช่วยพาผมหนีออกมาจากสหพันธ์คีทแกรนด้วยครับ」
「ยินดีที่ได้รู้จักน้า」เซอรี่ซังพูด
「ไรเครีย…」
ดันเต้ซังจมอยู่ในความคิดแปปหนึ่งก่อนจะยิ้มตอบกลับมา
「พวกเราควรกลับไปที่โรงแรมกันก่อนดีไหม? ทั้งมิมิโนะกับน็อนจะต้องตกใจแน่ๆ พวกเธอคิดว่านายจะต้องมาหาในอีก 5 หรือ 10 เป็นอย่างน้อยเลยนะ」
「คือ เมื่อวานผมก็มานะครับ…」
「ใช่ แต่ว่าน็อนพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะออกมาในช่วงเวลานี้หน่ะ」
งั้นหรอ… น็อนซังคงคิดว่าผมเลือกที่จะทำงานให้กับเอิร์ลซินะ
จากนั้นพวกเราก็เข้าไปในโรงแรมและตรงไปยังห้องที่ซิวเวอร์บาลานซ์อยู่ ดูเหมือนดันเต้ซังกับพวกผู้หญิงจะนอนคนละห้องกันนะ ผมก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่นอนห้องเดียวกัน แต่ก็ถูกบอกมาว่า “เจ้าของโรงแรมไม่ชอบความคิดนั้น…” ด้วยน้ำเสียงเหงาๆ ดังนั้นผมจึงรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่หัวข้อที่ผมควรขุดคุ้ยไปมากกว่านี้แล้ว
ดันเต้ซังยกนิ้วชี้มาที่ริมฝีปากของเขาแล้ว “ชู่ววว…” เบาๆพร้อมกับขยิบตาให้ผม และเคาะไปที่ห้องของสาวๆ
「–ใครหน่ะ?」
「ข้าเอง เปิดหน่อยสิ」
「คุณพ่อ? นี้ยังเช้าอยู่เลยนะคะ?」
เมื่อประตูที่แง้มออกมาเล็กน้อย ดันเต้ซังก็รีบชะโงกหน้าเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับหยุดไม่ให้ประตูเปิดไปมากกว่านี้
「คือว่า ข้ายังช้อปปิ้งไม่เสร็จหรอก… แต่ลองเดาดูสิว่าข้าเจอใครระหว่างทาง?」
ผมสัมผัสได้ว่าทั้งมิมิโนะซังกับน็อนซังกำลังถอนหาใจตอบกลับคำพูดติดตลกของเขา
「คุณพ่อ… หนูจะโกรธจริงๆนะคะถ้าพ่อพา “เพื่อนดื่ม” มาเหมือนเมื่อเดือนที่แล้วแบบนั้น」
「—ห้ามดื่มไป 1 เดือมเต็มเลยด้วย」มิมิโนะซังพูด
ดันเต้ซัง คุณไปทำอะไรมากันแน่เนี้ย…
「เธอเป็นคนรักษาเขาเองไม่ใช่หรอ หนุ่มน้อย? ตอนนี้พอเขาหายดีก็เริ่มหยอกล้อกับพวกผู้หญิงซะแล้ว ให้ตายสิ คนแบบนี้นี้ใช้ไม่ได้เอาซะเลย…」
อย่างคุณนี้พูดได้หรอครับ เซอรี่ซัง? คนที่เมาหัวทิ่มอยู่ตรงมุมถนนแบบนั้นหน่ะ…
「คะ-ครั้งนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ เป็นสหายของพวกเราจริงๆ– อุ๊ก!!」
ดันเต้ซังถูกพลักออกไปแล้วประตูก็เปิดออก
「「เรย์จิคุง!?」」
มิมิโนะซังกับน็อนซังก็ได้โพล่ออกมา
「เธอมาจริงๆด้วย! โอ้ ตายแล้ว นั่นเสื้อที่ชั้นถักให้เธอนี้!」มิมิโนะซังพูด
「นะ-นี้ เรย์จิคุง เธอลาออกจากงานของตระกูลเอิร์ลแล้วหรอ?」
「ครับ」
ทั้งสองคนลูบหัวผมอย่างมีความสุขไปสักพัก
ผมยิ้มออกมา ก็ช่วยไม่ได้นี้ เห็นทั้งสองคนแบบนี้ผมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
「หลังจากนี้จะมีปัญหาตามมาอีกแล้วละครับ」ผมพูด
หลังจากนั้น พวกเราก็ออกมาจากโรงแรมเป็นการชั่วคราว, ซื้ออาหารกลางวันจากร้านแผงลอยข้างทาง แล้วนั่งคุยไปกินไปที่ม้านั่งสาธารณะ
ผมเล่าสถานการณ์ของผมให้พวกเขาฟังทุกอย่าง—ถึงจะยกเว้นเรื่องสัญญาของผมกับคุณหนูก็เถอะ—เล่ายาวเป็นชั่วโมงเลย
「…นายลำบากมามากเลยสินะ หา…」ดันเต้ซังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
「ก็ครับ แต่มันก็มีเรื่องดีๆอยู่เหมือนกันนะครับ」
「นี้ไม่ใช่แค่ลำบากแล้ว นี้มันโหดร้ายเกินไปแล้วต่างหาก! ขุนนางในประเทศนี้เป็นพวกปัญญาอ่อนที่ตอบแทนคนอื่นด้วย– อู้!」
「จ้าๆ มิมิโนะซัง พวกเราเข้าใจแล้ว เงียบๆหน่อยสิจ๊ะ~ วิจารย์ขุนนางในที่สาธารณะแบบนี้จะพามาแต่ปัญหานะจ๊ะ~」
ทำดีมากครับ น็อนซัง!
「งั้น ข้าคิดว่าพวกเราควรจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์กันวันนี้เลย อยู่นานไปกว่านี้ก็น่าจะไม่ดีแน่」
「เอ๋… แต่คุณพ่อคะ พวกเรายังมีคำขอจากกิลด์ที่ยังไม่เสร็จอยู่เลยนะคะ」
「ยกเลิกให้หมด」
「…ฮึมมม」
เป็นไปได้ด้วยหรอที่จะยกเลิกคำขอจากกิลด์นักผจญภัยหน่ะ? เมื่อผมมองไปที่เซอรี่ซัง
「พวกนายคือ “ซิวเวอร์บาลานซ์” ที่เป็นปาร์ตี้แรงค์ทองใช่ไหม?」เซอรี่ซังถามขึ้น
「ใช่」ดันเต้ซังตอบ
「ถ้างั้น บทลงโทษในการยกเลิกคำขอจะไม่สูงไปหน่อยหรอ?」
เอ๊ะ จริงดิ!? …ไม่สิ ก่อนหน้านั้น!
「แรงค์ทอง!?」
「โอ๊ะ จริงสิ ข้ายังไม่ได้บอกนายสินะ เรย์จิ แต่จริงๆแล้วข้าได้เลื่อนแรงค์… ถึงมันจะล่วงหลังจากบทลงโทษนี้ก็เถอะ แต่ช่างมันสิ」
「ไม่นะ…」
「ยังไงซะ ข้าก็จะถูกลงโทษจากที่ก่อเรื่องขึ้นที่กิลด์เมื่อวานอยู่แล้ว」
ไปทำอะไรมากันแน่ครับเนี้ย ดันเต้ซัง… เป็นตอนที่น็อนซังบอกว่าดันเต้ซังกับมิมิโนะซังไปที่กิลด์เพื่อสั่งสอนยังงั้นหรอ!?
「แล้วก็ข้าสามารถชนะพวกที่อยู่ต่ำกว่าแรงค์เงินในกิลด์ได้ด้วยนะ แต่ก็อาจจะเสมอกับพวกแรงค์ทองอยู่! ไม่สิ มีพวกแรงค์ทองที่ค่อนข้างเก่งอยู่ในเมืองนี้ด้วยนี้นะ!」
「ดันเต้ซัง… นี้คุณกลายเป็นพวกสมองกล้ามไปแล้วหรอครับเนี้ย?」
「ใช่แล้วละ เรย์จิคุงต้องรับผิดชอบที่ทำให้คุณพ่อกลายเป็นแบบนี้ด้วยนะ」
「ผมหรอ!?」
「ใช่แล้ว ความผิดเรย์จิคุงเลย」
「ขนาดมิมิโนะซังก็ยังพูดแบบนั้น!?」
ถึงจะนอกเรื่องไปบ้าง แต่ทุกคนก็ดูจะเห็นตรงกันว่าจะยกเลิกคำขอของกิลด์
「ขอบคุณครับ แต่ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ」
「ไม่เป็นไรหรอก เรย์จิคุงอุตส่าห์กลับมาเข้าร่วมซิวเวอร์บาลานซ์ทั้งที!」มิมิโนะซังพูด
ผมสงสัยจังว่ามันจะไม่เป็นไรจริงๆหรอที่ผมจะทำแบบนี้
การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองแบบนี้ทำให้ผมทั้งรู้สึกแย่และดีใจในเวลาเดียวกันเลย
ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น
「แล้วก็นะ เธอคือเซอรี่ซัง ผู้ที่ถูกเรียกว่า “สปายแคท (Spy Cat)” สินะ?」
「เอ๋!?」
ซะ-เซอรี่ซังมีชื่อเล่นอย่างนั้นหรอ…!?
「นุฟุฟุฟุ หนุ่มน้อย ตกใจใช่ไหมล้า? ใช่แล้วละ เค้ามีชื่อเล่นด้วยนะ」
「ฟังดูเห่ยชะมัด!」
「หว่ะ!?」เซอรี่ซังช็อค
แต่ว่า “สปายแคท” งั้นหรอ? ฟังดูเห่ยจริงๆนั่นแหล่ะ ฟังดูเหมือนกับชื่อเล่นที่ตั้งให้แมวในคาเฟ่แมวเลย แบบประเภทมาสคอตชัดๆ
「ยะ-ยังไงก็เถอะ… เค้าเองก็เห็นด้วยที่หนุ่มน้อยควรจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้นะ…」
เซอรี่ซัง อย่าง่อยไปเลยครับ ต่อให้ไม่มีชื่อเล่น ผมก็รู้ถึงความสามารถของคุณดีครับ และก็เรื่องที่คุณแย่เกินเยียวยาแล้วด้วย
「เมื่อตกลงกันได้แล้วละก็ พวกก็ควรเตรียมตัวกันเดี๋ยวนี้เลย」
ถึงแผนของพวกเขาจะเปลี่ยนกระทันหันเพราะผม ดันเต้ซังก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อไม่ทำให้ผมรู้สึกผิด
「เรย์จิ อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย ข้าโคตรจะมีความสุขเลยตอนนี้ ร่างกายของข้าแข็งแรงดี และข้าเองก็สามารถออกเดินไปกับลูกสาวคนเดียวของข้า, สหายที่อยู่ด้วยกันมานานของข้า, และก็คนที่ช่วยชีวิตข้าได้ด้วย ไม่มีอะไรที่ข้าหวังไปมากกว่านี้แล้วละ」
「…ดันเต้ซัง」
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่ได้นอนก็ได้ แต่ผมรู้สึกอย่างกับจะร้องไห้ออกมาเลย
ความใจดีของผู้คนมากมายได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้หลายครั้งแล้ว และกว่าครึ่งก็มาจากสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์นี้
ผมจะสามารถตอบแทนพวกเขาแม้จะเพียงน้อยนิดได้ไหมนะ?
ถึงผมจะรักษาคำสาปไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบแทนอะไรมิมิโนะซังเลย
ผมอยากจะไปยังจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟเพื่อพบลูลูช่าซัง หลังจากนั้นผมก็อยากจะตามหาลาร์ค บางทีเมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ผมก็อาจจะสามารถหาอะไรที่ผมอยากจะทำร่วมกับทุกคนจากซิวเวอร์บาลานซ์ก็ได้
「…อ้า แล้วก็เซอรี่ซังเองก็จะติดสอยห้อยตามไปกับเราด้วย จะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?」
「โหดร้ายมากเลยนะ หนุ่มน้อย! เค้าจะตามเธอไปด้วยไม่ว่าเธอจะไปที่หนายยย!」
ขณะที่เซอรี่ซังพูดแบบนั้น มิมิโนะซังก็เข้ามาอยู่ข้างๆผม
「ชั้นก็ไม่ได้แบ่งแยกอะไรกับมนุษย์สัตว์หรอกนะ แต่ชั้นคิดว่ามนุษย์สัตว์คนนี้จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเธอนะ เรย์จิคุง เธอไม่ควรจะเลียนแบบคนๆนี้มากเกินไปนะ」
「นี้ นั่นมันแบ่งแยกกันชัดๆเลยนะ!?」
「ไม่เป็นไรหรอกครับ มิมิโนะซัง กลับกัน ผมต่างหากที่จะต้องสอนอะไรหลายๆอย่างกับคนๆนี้ด้วย」
「หนุ่มน้อย!? เค้าเองก็ทำเต็มที่แล้วนะ รู้ไหม้!?」
「อย่างการจ่ายหนี้ของตัวเอง」
「อุ๊…」
ผมหัวเราะให้กับเซอรี่ซังที่ทำท่าราวกับปวดท้องแล้วพยายามที่จะหนี มิมิโนะซังเองก็หัวเราะเหมือนกัน น็อนซังนั้นนิ่งเงียบ ส่วนดันเต้ซังกำลังพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับไปยังโรงแรม, เก็บข้าวเก็บของ, และตรงไปยังกิลด์นักผจญภัย เมื่อพวกเราเข้าไป เหล่านักผจญภัยที่เห็นดันเต้ซังก็หน้าซีดแล้วถอยห่างเขาไปไกลมากเลย… ให้ตายสิ นี้คุณไปทำอะไรเอาไว้กันแน่เนี้ย ดันเต้ซัง…
เจ้าหน้าที่กิลด์ถอนหายใจแล้วดำเนิกการยกเลิกคำขอในขณะที่ประกาศการลดขั้นของซิวเวอร์บาลานซ์เป็นแรงค์เงิน อย่างไรก็ตาม ทั้งดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, และน็อนซังก็ไม่มีท่าทีสนใจอะไรทั้งนั้น จากนั้นพวกเราก็รับคำร้องขนส่งจดหมายไปที่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ – ดูเหมือนว่ามันจะมีกฏข้อห้ามอะไรบางอย่างที่ห้ามไม่ให้เข้าประเทศถ้าไม่มีคำร้องอันนั้น ผมไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย
หลังจากออกมาจากกิลด์ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการมองหารถม้าแล้วออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครไล่ตามผมมา ทว่าเมื่อผมขึ้นไปบนรถม้า ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคน …ใช่คนของดยุคเอเบนหรือใครสักคนหรือเปล่านะ? หลังออกมาจากเมือง ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย
การเดินทางบนรถม้านั้นยาวนานมากๆ พวกเราพูดคุยกันเยอะแยะเลย
ดันเต้ซังหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ครั้งแรกที่พวกเราพบกันก็เพราะงู และที่พวกเรากลับมาพบกันได้ก็เพราะงูอีก”
น็อนซังดูจะชำนาญ【เวทย์แสง】แล้ว และสำหรับโบสถ์เองก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความเข้ากันได้กับ【เวทย์แสง】ด้วย ดังนั้นดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความคิดที่จะปล่อยเธอไปเลย
น็อนซังยังพูดกับผมอีกว่า “มันค่อนข้างแปลกเลยนะที่เธอสามารถยิงเวทย์ไฟได้ต่อเนื่องแบบปิ้วๆๆแบบนั้นหน่ะ แถมยังใช้เวทมนตร์ขั่วตรงข้ามกันในเวลาเดียวกันด้วย”
อย่างไรก็ตาม มิมิโนะซังก็ตอบกลับอย่างภูมิใจสุดๆว่า “มันก็ไม่แปลกนี้ นั่นเรย์จิคุงเลยนะ” …อืม ผมเริ่มจะเห็นภาพ “พ่อแม่ตามใจลูก” จากตัวของมิมิโนะซังแล้ว
“โพชั้นลอกเลียนแบบ” ที่ใช้โดยมิมิโนะซังในตอนที่สู้กับอูโรโบรอสนั้นดูจะเป็นของที่ทำขึ้นจากวัตถุดิบหายาก และมันก็ถูกเก็บเอาไว้ใช้เป็นไพ่ตายในจังหวะสำคัญด้วย “ชั้นจะต้องทำมันใหม่อีกแล้ว” เธอพูดแบบนั้นโดยไม่มีท่าทีเสียใจใดๆเลย กลับกันยังดูมีความสุขซะอีก ดังนั้น ผมคิดว่ามันก็คงจะไม่เป็นอะไรละมั้ง…?
และก็อีกอย่าง ดูเหมือนว่าภาคีอัศวินจะได้ชิ้นส่วนแทบทั้งหมดของอูโรโบรอสไป ทว่ากิลด์นักผจญภัยเองก็สามารถเอามาได้เล็กน้อยอยู่ และดันเต้ซังนั้นสามารถเก็บอัญมณีที่ผมทำลายไปอันที่อยู่ข้างในหัวของมันมาได้ เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ช่างน่าเศร้าที่พวกเราสามารถเอามาได้แค่นี้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยละนะ” ทว่าเมื่อผมมองมันผ่าน【World Ruler】มันดูจะเก็บสะสมมานาจำนวนมหาศาลเอาไว่… หะ-เห้ย มานาขนาดนี้ไม่ใช่เล่นๆเลย ตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิดดีกว่า…
ต่อให้พวกเราจะพูดคุยกันมากแค่ไหน พวกเราก็ไม่เคยหมดหัวข้อคุยกันเลย ก็เหมือนกับผม ซิวเวอร์บาลานซ์เองก็แข็งแกร่งมากขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ โชคไม่ดีที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลาร์คหรือ【ราชาเงา★★★★★★】เลย
เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งคูวานยู เมืองขนาดมหึมาที่สามารถเห็นได้จากไกลๆ ในที่สุดก็ลับหายไปจากสายตาแล้ว และหลังจากนั้นพวกเราก็ยังคงเดินทางต่อด้วยรถม้าวันแล้ววันเล่า
ทุกๆครั้งที่ผมผ่านเมือง ผมก็รู้สึกว่าหัวใจอันแตกร้าวของผมนั้นกำลังสงบลง
ผมได้ทำทั้งสิ่งที่ผิดพลาดและถูกต้องไปหลายอย่างในเมืองศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามีหลายครั้งที่ผมรู้สึกเสียใจ ทว่าผมก็เก็บพวกมันเอาไว้ใกล้ๆกับหัวใจแล้วมองไปยังอนาคต
ผมมั่นใจว่าคุณหนูเองก็คงจะทำแบบเดียวกันอยู่
(…คุณหนูครับ ไว้พบกันใหม่ในสักวันนะครับ)
ท้องฟ้าที่พวกเราเห็นยามเงยหน้ามองนั้นคือท้องฟ้าผืนเดียวกัน ทั้งดวงดาวดว
งเดียวกันและก้อนเมฆก้อนเดียวกัน
พวกเราจะต้องได้พบกันอีกครั้งแน่ๆ
เมื่อถึงตอนนั้น คุณหนูจะเดิบโตเป็นนายหญิงที่แสนวิเศษแล้วหรือเปล่านะ? หรือเธอจะยังคงเป็นคุณหนูคนเดิมที่ร้องขอเรื่องไม่เป็นเรื่องกับผมเหมือนเดิมกัน?
รูปลักษณ์ของเธอจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ตัวตนของเธอก็คงจะเหมือนเดิมแน่ๆ
ก็นั่นคือคุณหนูซะอย่าง ผมมั่นใจว่าเธอจะต้องไม่เปลี่ยนไปแน่ๆ
พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศแห่งเวทมนตร์และเทคโนโลยี “จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ” — เพื่อพบกับลูลูช่าซัง หนึ่งในเป้าหมายของการเดินทางของผม
สายลมร้อนๆพัดขึ้นมาจากพื้นสู่รถม้า
ฤดูกาลกำลังแปรเปลี่ยน ฤดูร้อนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
Comments
[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่2 57
บทที่ 2 ตอนที่ 57
ผมบังเอิญพบเข้ากับดันเต้ซังที่กำลังออกมาซื้ออาหารเช้าเข้าในตอนที่ผมมาถึงโรงแรมกระบองเพชรสีเงิน
「เฮ้ นายมาเร็วกว่าที่คิดนะเนี้ย หืมม คนๆนั้นคือ…」
ขณะที่รู้สึกโล่งใจเพราะดันเต้ซังทำตัวเหมือนกับเมื่อก่อน ผมก็แนะนำตัวให้กับเซอรี่ซัง
「นี้คือเซอรี่ซังครับ เธอเป็นมนุษย์สัตว์ที่อยู่ในกองทหารรับจ้างเขี้ยวทมิฬเดียวกับไรเครียซังครับ และเธอก็เป็นคนช่วยพาผมหนีออกมาจากสหพันธ์คีทแกรนด้วยครับ」
「ยินดีที่ได้รู้จักน้า」เซอรี่ซังพูด
「ไรเครีย…」
ดันเต้ซังจมอยู่ในความคิดแปปหนึ่งก่อนจะยิ้มตอบกลับมา
「พวกเราควรกลับไปที่โรงแรมกันก่อนดีไหม? ทั้งมิมิโนะกับน็อนจะต้องตกใจแน่ๆ พวกเธอคิดว่านายจะต้องมาหาในอีก 5 หรือ 10 เป็นอย่างน้อยเลยนะ」
「คือ เมื่อวานผมก็มานะครับ…」
「ใช่ แต่ว่าน็อนพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะออกมาในช่วงเวลานี้หน่ะ」
งั้นหรอ… น็อนซังคงคิดว่าผมเลือกที่จะทำงานให้กับเอิร์ลซินะ
จากนั้นพวกเราก็เข้าไปในโรงแรมและตรงไปยังห้องที่ซิวเวอร์บาลานซ์อยู่ ดูเหมือนดันเต้ซังกับพวกผู้หญิงจะนอนคนละห้องกันนะ ผมก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่นอนห้องเดียวกัน แต่ก็ถูกบอกมาว่า “เจ้าของโรงแรมไม่ชอบความคิดนั้น…” ด้วยน้ำเสียงเหงาๆ ดังนั้นผมจึงรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่หัวข้อที่ผมควรขุดคุ้ยไปมากกว่านี้แล้ว
ดันเต้ซังยกนิ้วชี้มาที่ริมฝีปากของเขาแล้ว “ชู่ววว…” เบาๆพร้อมกับขยิบตาให้ผม และเคาะไปที่ห้องของสาวๆ
「–ใครหน่ะ?」
「ข้าเอง เปิดหน่อยสิ」
「คุณพ่อ? นี้ยังเช้าอยู่เลยนะคะ?」
เมื่อประตูที่แง้มออกมาเล็กน้อย ดันเต้ซังก็รีบชะโงกหน้าเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับหยุดไม่ให้ประตูเปิดไปมากกว่านี้
「คือว่า ข้ายังช้อปปิ้งไม่เสร็จหรอก… แต่ลองเดาดูสิว่าข้าเจอใครระหว่างทาง?」
ผมสัมผัสได้ว่าทั้งมิมิโนะซังกับน็อนซังกำลังถอนหาใจตอบกลับคำพูดติดตลกของเขา
「คุณพ่อ… หนูจะโกรธจริงๆนะคะถ้าพ่อพา “เพื่อนดื่ม” มาเหมือนเมื่อเดือนที่แล้วแบบนั้น」
「—ห้ามดื่มไป 1 เดือมเต็มเลยด้วย」มิมิโนะซังพูด
ดันเต้ซัง คุณไปทำอะไรมากันแน่เนี้ย…
「เธอเป็นคนรักษาเขาเองไม่ใช่หรอ หนุ่มน้อย? ตอนนี้พอเขาหายดีก็เริ่มหยอกล้อกับพวกผู้หญิงซะแล้ว ให้ตายสิ คนแบบนี้นี้ใช้ไม่ได้เอาซะเลย…」
อย่างคุณนี้พูดได้หรอครับ เซอรี่ซัง? คนที่เมาหัวทิ่มอยู่ตรงมุมถนนแบบนั้นหน่ะ…
「คะ-ครั้งนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ เป็นสหายของพวกเราจริงๆ– อุ๊ก!!」
ดันเต้ซังถูกพลักออกไปแล้วประตูก็เปิดออก
「「เรย์จิคุง!?」」
มิมิโนะซังกับน็อนซังก็ได้โพล่ออกมา
「เธอมาจริงๆด้วย! โอ้ ตายแล้ว นั่นเสื้อที่ชั้นถักให้เธอนี้!」มิมิโนะซังพูด
「นะ-นี้ เรย์จิคุง เธอลาออกจากงานของตระกูลเอิร์ลแล้วหรอ?」
「ครับ」
ทั้งสองคนลูบหัวผมอย่างมีความสุขไปสักพัก
ผมยิ้มออกมา ก็ช่วยไม่ได้นี้ เห็นทั้งสองคนแบบนี้ผมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
「หลังจากนี้จะมีปัญหาตามมาอีกแล้วละครับ」ผมพูด
หลังจากนั้น พวกเราก็ออกมาจากโรงแรมเป็นการชั่วคราว, ซื้ออาหารกลางวันจากร้านแผงลอยข้างทาง แล้วนั่งคุยไปกินไปที่ม้านั่งสาธารณะ
ผมเล่าสถานการณ์ของผมให้พวกเขาฟังทุกอย่าง—ถึงจะยกเว้นเรื่องสัญญาของผมกับคุณหนูก็เถอะ—เล่ายาวเป็นชั่วโมงเลย
「…นายลำบากมามากเลยสินะ หา…」ดันเต้ซังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
「ก็ครับ แต่มันก็มีเรื่องดีๆอยู่เหมือนกันนะครับ」
「นี้ไม่ใช่แค่ลำบากแล้ว นี้มันโหดร้ายเกินไปแล้วต่างหาก! ขุนนางในประเทศนี้เป็นพวกปัญญาอ่อนที่ตอบแทนคนอื่นด้วย– อู้!」
「จ้าๆ มิมิโนะซัง พวกเราเข้าใจแล้ว เงียบๆหน่อยสิจ๊ะ~ วิจารย์ขุนนางในที่สาธารณะแบบนี้จะพามาแต่ปัญหานะจ๊ะ~」
ทำดีมากครับ น็อนซัง!
「งั้น ข้าคิดว่าพวกเราควรจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์กันวันนี้เลย อยู่นานไปกว่านี้ก็น่าจะไม่ดีแน่」
「เอ๋… แต่คุณพ่อคะ พวกเรายังมีคำขอจากกิลด์ที่ยังไม่เสร็จอยู่เลยนะคะ」
「ยกเลิกให้หมด」
「…ฮึมมม」
เป็นไปได้ด้วยหรอที่จะยกเลิกคำขอจากกิลด์นักผจญภัยหน่ะ? เมื่อผมมองไปที่เซอรี่ซัง
「พวกนายคือ “ซิวเวอร์บาลานซ์” ที่เป็นปาร์ตี้แรงค์ทองใช่ไหม?」เซอรี่ซังถามขึ้น
「ใช่」ดันเต้ซังตอบ
「ถ้างั้น บทลงโทษในการยกเลิกคำขอจะไม่สูงไปหน่อยหรอ?」
เอ๊ะ จริงดิ!? …ไม่สิ ก่อนหน้านั้น!
「แรงค์ทอง!?」
「โอ๊ะ จริงสิ ข้ายังไม่ได้บอกนายสินะ เรย์จิ แต่จริงๆแล้วข้าได้เลื่อนแรงค์… ถึงมันจะล่วงหลังจากบทลงโทษนี้ก็เถอะ แต่ช่างมันสิ」
「ไม่นะ…」
「ยังไงซะ ข้าก็จะถูกลงโทษจากที่ก่อเรื่องขึ้นที่กิลด์เมื่อวานอยู่แล้ว」
ไปทำอะไรมากันแน่ครับเนี้ย ดันเต้ซัง… เป็นตอนที่น็อนซังบอกว่าดันเต้ซังกับมิมิโนะซังไปที่กิลด์เพื่อสั่งสอนยังงั้นหรอ!?
「แล้วก็ข้าสามารถชนะพวกที่อยู่ต่ำกว่าแรงค์เงินในกิลด์ได้ด้วยนะ แต่ก็อาจจะเสมอกับพวกแรงค์ทองอยู่! ไม่สิ มีพวกแรงค์ทองที่ค่อนข้างเก่งอยู่ในเมืองนี้ด้วยนี้นะ!」
「ดันเต้ซัง… นี้คุณกลายเป็นพวกสมองกล้ามไปแล้วหรอครับเนี้ย?」
「ใช่แล้วละ เรย์จิคุงต้องรับผิดชอบที่ทำให้คุณพ่อกลายเป็นแบบนี้ด้วยนะ」
「ผมหรอ!?」
「ใช่แล้ว ความผิดเรย์จิคุงเลย」
「ขนาดมิมิโนะซังก็ยังพูดแบบนั้น!?」
ถึงจะนอกเรื่องไปบ้าง แต่ทุกคนก็ดูจะเห็นตรงกันว่าจะยกเลิกคำขอของกิลด์
「ขอบคุณครับ แต่ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ」
「ไม่เป็นไรหรอก เรย์จิคุงอุตส่าห์กลับมาเข้าร่วมซิวเวอร์บาลานซ์ทั้งที!」มิมิโนะซังพูด
ผมสงสัยจังว่ามันจะไม่เป็นไรจริงๆหรอที่ผมจะทำแบบนี้
การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองแบบนี้ทำให้ผมทั้งรู้สึกแย่และดีใจในเวลาเดียวกันเลย
ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น
「แล้วก็นะ เธอคือเซอรี่ซัง ผู้ที่ถูกเรียกว่า “สปายแคท (Spy Cat)” สินะ?」
「เอ๋!?」
ซะ-เซอรี่ซังมีชื่อเล่นอย่างนั้นหรอ…!?
「นุฟุฟุฟุ หนุ่มน้อย ตกใจใช่ไหมล้า? ใช่แล้วละ เค้ามีชื่อเล่นด้วยนะ」
「ฟังดูเห่ยชะมัด!」
「หว่ะ!?」เซอรี่ซังช็อค
แต่ว่า “สปายแคท” งั้นหรอ? ฟังดูเห่ยจริงๆนั่นแหล่ะ ฟังดูเหมือนกับชื่อเล่นที่ตั้งให้แมวในคาเฟ่แมวเลย แบบประเภทมาสคอตชัดๆ
「ยะ-ยังไงก็เถอะ… เค้าเองก็เห็นด้วยที่หนุ่มน้อยควรจะออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้นะ…」
เซอรี่ซัง อย่าง่อยไปเลยครับ ต่อให้ไม่มีชื่อเล่น ผมก็รู้ถึงความสามารถของคุณดีครับ และก็เรื่องที่คุณแย่เกินเยียวยาแล้วด้วย
「เมื่อตกลงกันได้แล้วละก็ พวกก็ควรเตรียมตัวกันเดี๋ยวนี้เลย」
ถึงแผนของพวกเขาจะเปลี่ยนกระทันหันเพราะผม ดันเต้ซังก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อไม่ทำให้ผมรู้สึกผิด
「เรย์จิ อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย ข้าโคตรจะมีความสุขเลยตอนนี้ ร่างกายของข้าแข็งแรงดี และข้าเองก็สามารถออกเดินไปกับลูกสาวคนเดียวของข้า, สหายที่อยู่ด้วยกันมานานของข้า, และก็คนที่ช่วยชีวิตข้าได้ด้วย ไม่มีอะไรที่ข้าหวังไปมากกว่านี้แล้วละ」
「…ดันเต้ซัง」
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่ได้นอนก็ได้ แต่ผมรู้สึกอย่างกับจะร้องไห้ออกมาเลย
ความใจดีของผู้คนมากมายได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้หลายครั้งแล้ว และกว่าครึ่งก็มาจากสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์นี้
ผมจะสามารถตอบแทนพวกเขาแม้จะเพียงน้อยนิดได้ไหมนะ?
ถึงผมจะรักษาคำสาปไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบแทนอะไรมิมิโนะซังเลย
ผมอยากจะไปยังจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟเพื่อพบลูลูช่าซัง หลังจากนั้นผมก็อยากจะตามหาลาร์ค บางทีเมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ผมก็อาจจะสามารถหาอะไรที่ผมอยากจะทำร่วมกับทุกคนจากซิวเวอร์บาลานซ์ก็ได้
「…อ้า แล้วก็เซอรี่ซังเองก็จะติดสอยห้อยตามไปกับเราด้วย จะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?」
「โหดร้ายมากเลยนะ หนุ่มน้อย! เค้าจะตามเธอไปด้วยไม่ว่าเธอจะไปที่หนายยย!」
ขณะที่เซอรี่ซังพูดแบบนั้น มิมิโนะซังก็เข้ามาอยู่ข้างๆผม
「ชั้นก็ไม่ได้แบ่งแยกอะไรกับมนุษย์สัตว์หรอกนะ แต่ชั้นคิดว่ามนุษย์สัตว์คนนี้จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเธอนะ เรย์จิคุง เธอไม่ควรจะเลียนแบบคนๆนี้มากเกินไปนะ」
「นี้ นั่นมันแบ่งแยกกันชัดๆเลยนะ!?」
「ไม่เป็นไรหรอกครับ มิมิโนะซัง กลับกัน ผมต่างหากที่จะต้องสอนอะไรหลายๆอย่างกับคนๆนี้ด้วย」
「หนุ่มน้อย!? เค้าเองก็ทำเต็มที่แล้วนะ รู้ไหม้!?」
「อย่างการจ่ายหนี้ของตัวเอง」
「อุ๊…」
ผมหัวเราะให้กับเซอรี่ซังที่ทำท่าราวกับปวดท้องแล้วพยายามที่จะหนี มิมิโนะซังเองก็หัวเราะเหมือนกัน น็อนซังนั้นนิ่งเงียบ ส่วนดันเต้ซังกำลังพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับไปยังโรงแรม, เก็บข้าวเก็บของ, และตรงไปยังกิลด์นักผจญภัย เมื่อพวกเราเข้าไป เหล่านักผจญภัยที่เห็นดันเต้ซังก็หน้าซีดแล้วถอยห่างเขาไปไกลมากเลย… ให้ตายสิ นี้คุณไปทำอะไรเอาไว้กันแน่เนี้ย ดันเต้ซัง…
เจ้าหน้าที่กิลด์ถอนหายใจแล้วดำเนิกการยกเลิกคำขอในขณะที่ประกาศการลดขั้นของซิวเวอร์บาลานซ์เป็นแรงค์เงิน อย่างไรก็ตาม ทั้งดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, และน็อนซังก็ไม่มีท่าทีสนใจอะไรทั้งนั้น จากนั้นพวกเราก็รับคำร้องขนส่งจดหมายไปที่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ – ดูเหมือนว่ามันจะมีกฏข้อห้ามอะไรบางอย่างที่ห้ามไม่ให้เข้าประเทศถ้าไม่มีคำร้องอันนั้น ผมไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย
หลังจากออกมาจากกิลด์ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการมองหารถม้าแล้วออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครไล่ตามผมมา ทว่าเมื่อผมขึ้นไปบนรถม้า ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคน …ใช่คนของดยุคเอเบนหรือใครสักคนหรือเปล่านะ? หลังออกมาจากเมือง ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย
การเดินทางบนรถม้านั้นยาวนานมากๆ พวกเราพูดคุยกันเยอะแยะเลย
ดันเต้ซังหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ครั้งแรกที่พวกเราพบกันก็เพราะงู และที่พวกเรากลับมาพบกันได้ก็เพราะงูอีก”
น็อนซังดูจะชำนาญ【เวทย์แสง】แล้ว และสำหรับโบสถ์เองก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความเข้ากันได้กับ【เวทย์แสง】ด้วย ดังนั้นดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความคิดที่จะปล่อยเธอไปเลย
น็อนซังยังพูดกับผมอีกว่า “มันค่อนข้างแปลกเลยนะที่เธอสามารถยิงเวทย์ไฟได้ต่อเนื่องแบบปิ้วๆๆแบบนั้นหน่ะ แถมยังใช้เวทมนตร์ขั่วตรงข้ามกันในเวลาเดียวกันด้วย”
อย่างไรก็ตาม มิมิโนะซังก็ตอบกลับอย่างภูมิใจสุดๆว่า “มันก็ไม่แปลกนี้ นั่นเรย์จิคุงเลยนะ” …อืม ผมเริ่มจะเห็นภาพ “พ่อแม่ตามใจลูก” จากตัวของมิมิโนะซังแล้ว
“โพชั้นลอกเลียนแบบ” ที่ใช้โดยมิมิโนะซังในตอนที่สู้กับอูโรโบรอสนั้นดูจะเป็นของที่ทำขึ้นจากวัตถุดิบหายาก และมันก็ถูกเก็บเอาไว้ใช้เป็นไพ่ตายในจังหวะสำคัญด้วย “ชั้นจะต้องทำมันใหม่อีกแล้ว” เธอพูดแบบนั้นโดยไม่มีท่าทีเสียใจใดๆเลย กลับกันยังดูมีความสุขซะอีก ดังนั้น ผมคิดว่ามันก็คงจะไม่เป็นอะไรละมั้ง…?
และก็อีกอย่าง ดูเหมือนว่าภาคีอัศวินจะได้ชิ้นส่วนแทบทั้งหมดของอูโรโบรอสไป ทว่ากิลด์นักผจญภัยเองก็สามารถเอามาได้เล็กน้อยอยู่ และดันเต้ซังนั้นสามารถเก็บอัญมณีที่ผมทำลายไปอันที่อยู่ข้างในหัวของมันมาได้ เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ช่างน่าเศร้าที่พวกเราสามารถเอามาได้แค่นี้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยละนะ” ทว่าเมื่อผมมองมันผ่าน【World Ruler】มันดูจะเก็บสะสมมานาจำนวนมหาศาลเอาไว่… หะ-เห้ย มานาขนาดนี้ไม่ใช่เล่นๆเลย ตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิดดีกว่า…
ต่อให้พวกเราจะพูดคุยกันมากแค่ไหน พวกเราก็ไม่เคยหมดหัวข้อคุยกันเลย ก็เหมือนกับผม ซิวเวอร์บาลานซ์เองก็แข็งแกร่งมากขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ โชคไม่ดีที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลาร์คหรือ【ราชาเงา★★★★★★】เลย
เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งคูวานยู เมืองขนาดมหึมาที่สามารถเห็นได้จากไกลๆ ในที่สุดก็ลับหายไปจากสายตาแล้ว และหลังจากนั้นพวกเราก็ยังคงเดินทางต่อด้วยรถม้าวันแล้ววันเล่า
ทุกๆครั้งที่ผมผ่านเมือง ผมก็รู้สึกว่าหัวใจอันแตกร้าวของผมนั้นกำลังสงบลง
ผมได้ทำทั้งสิ่งที่ผิดพลาดและถูกต้องไปหลายอย่างในเมืองศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามีหลายครั้งที่ผมรู้สึกเสียใจ ทว่าผมก็เก็บพวกมันเอาไว้ใกล้ๆกับหัวใจแล้วมองไปยังอนาคต
ผมมั่นใจว่าคุณหนูเองก็คงจะทำแบบเดียวกันอยู่
(…คุณหนูครับ ไว้พบกันใหม่ในสักวันนะครับ)
ท้องฟ้าที่พวกเราเห็นยามเงยหน้ามองนั้นคือท้องฟ้าผืนเดียวกัน ทั้งดวงดาวดว
งเดียวกันและก้อนเมฆก้อนเดียวกัน
พวกเราจะต้องได้พบกันอีกครั้งแน่ๆ
เมื่อถึงตอนนั้น คุณหนูจะเดิบโตเป็นนายหญิงที่แสนวิเศษแล้วหรือเปล่านะ? หรือเธอจะยังคงเป็นคุณหนูคนเดิมที่ร้องขอเรื่องไม่เป็นเรื่องกับผมเหมือนเดิมกัน?
รูปลักษณ์ของเธอจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ตัวตนของเธอก็คงจะเหมือนเดิมแน่ๆ
ก็นั่นคือคุณหนูซะอย่าง ผมมั่นใจว่าเธอจะต้องไม่เปลี่ยนไปแน่ๆ
พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศแห่งเวทมนตร์และเทคโนโลยี “จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ” — เพื่อพบกับลูลูช่าซัง หนึ่งในเป้าหมายของการเดินทางของผม
สายลมร้อนๆพัดขึ้นมาจากพื้นสู่รถม้า
ฤดูกาลกำลังแปรเปลี่ยน ฤดูร้อนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
Comments