บัลลังก์หมอยาเซียน 1114 ไปเจอหลินเซียว

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1114 ไปเจอหลินเซียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภรรยาเจ้าของเรือทำอาหารค่ำ แล้วเดินย่องอย่างช้า ๆ เข้ามาเชิญทั้งสองคนไปกินข้าว

ภรรยาเจ้าของเรืออายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ หาเลี้ยงชีพกับแม่น้ำมานาน จึงคุ้นเคยกับการเดินบนพื้นเรือที่สั่นโคลงเคลง ร่างกายของนางโอนเอนเล็กน้อย แล้วเพราะส่วนใหญ่นางจะเริ่มลงทะเลสาบตอนกลางคืน นอนหลับในช่วงกลางวัน ดังนั้นผิวของนางจึงขาวมาก

ภรรยาเจ้าของเรือมือไม้คล่องแคล่ว ทำอาหารมาให้สองสามอย่าง มีหมูเส้นผัด ปลาย่าง หน่อไม้ผัด และโจ๊กปรุงสด นิ้วมือของหยู่เหวินเห้าขยับพร้อม คืนนี้เขายังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว ไปดึงตัวหยวนชิงหลิงมานั่งลง พูดชมภรรยาเจ้าของเรือว่า: “กลิ่นหอมยวนใจ รสชาติต้องดีมากแน่”

ภรรยาเจ้าของเรือก็คุ้นเคยกับการต้อนรับขับสู้ผู้คนเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าคุณชายท่านนี้หน้าตาหล่อเหลาพิสุทธ์ดั่งหยกเนื้อดี ถูกเขาพูดชมเช่นนี้ ก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “แค่อาหารหยาบ ๆ หวังว่าคุณชายกับฮูหยินจะไม่รังเกียจก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

“นั่งกินด้วยกันดีหรือไม่?” หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญ

ภรยาเจ้าของเรือโบกมือเป็นระวิง “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่กินด้วยหรอก ของพวกเรามี”

หลังจากที่นางพูดจบ ก็รีบถอยห่างออกไปอย่างเขินอาย

บนดาดฟ้า มีโคมไฟลมดวงหนึ่งถูกจุดไว้ อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะเตี้ย ทั้งสองนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง มองดูสายน้ำในทะเลสาบที่เป็นระลอกคลื่น กับเงาสะท้อนของดวงดาวในผืนน้ำ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างสุดจะพรรณนา

อาหารจานผัดนั้นอร่อยมาก หน่อไม้ไม่แก่ เหมาะกำลังดี ทั้งสดและนุ่มมาก

หยู่เหวินเห้าคีบให้หยวนชิงหลิงเยอะมาก ได้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มยุ้ยไปหมด ก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงกินไปพลาง ก็หันไปให้ความสนใจกับคู่สามีภรรยากับลูกเรือผู้ช่วยที่หยุดเพื่อกินข้าวอยู่อีกด้าน

พวกเขานั่งล้อมวงกัน ตรงกลางมีหม้อใบหนึ่งตั้งอยู่ แต่ละคนถือชามคนละใบ กึ่งนั่งยอง ๆ กึ่งชันเข่ากินข้าว ไม่เห็นว่ากินอะไร แต่ดูท่าทางแล้วกินได้อย่างเอร็ดอร่อยมาก เจ้าของเรือคีบอาหารให้ภรรยาอย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมาก เพราะความที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ย่อมต้องเข้าใจกันและกันได้โดยปริยาย นางชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แน่นอนว่าเขาต้องรู้ดี

ความรู้สึกที่เงียบสงบเช่นนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกประทับใจมาก

จะอยากได้ใต้หล้าไปทำไม? จะเป็นฮ่องเต้ไปทำไม? ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบไม่วุ่นวายแบบนี้ต่างหาก ที่วิเศษเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ตั้งแต่พวกเขาเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันดี ๆ แบบนี้? พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการคิดคำนวณแผนการนั่นนี่ทุกวี่วัน ความรุ่งเรืองความงดงามทั้งหลาย ล้วนสร้างจากเลือดเนื้อของใครหลาย ๆ คนที่ต้องล้มตายราวสายฝน พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ

พวกเขาแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ล้วนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน หยู่เหวินเห้ามองไปยังทิศทางที่นางกำลังมองอยู่ ในใจก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร จึงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า: “บางทีรอสักวันหนึ่ง เราก็อาจจะเป็นแบบพวกเขาได้เหมือนกันนะ ซื้อเรือสักลำ ออกไปตกปลาทุกวัน พอพลบค่ำก็ทำอาหารสดใหม่กินกัน ไม่ต้องเอาปัญหาอะไรมาให้กวนใจ มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้น”

“ดีจริง!” หยวนชิงหลิงวางชามข้าวลงอย่างช้า ๆ การมีความหวังเป็นสิ่งดี แต่กลับช่างยาวไกลเหลือเกิน เส้นทางในอนาคตของเขา เหมือนจะถูกกำหนดชัดแล้ว ตอนนี้เขาได้เป็นรัชทายาทแล้ว ไม่มีวันแยกออกจากหน้าที่นี้ได้อีกต่อไป รอให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็น่ากลัวว่าจะยุ่งขึ้นกว่าตอนนี้อีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

เขาแกะก้างปลาให้นาง แล้วคีบไปจ่อที่ปาก “ลองชิมดูสิ สดมากเลยนะ”

หลังจากหยวนชิงหลิงกินเข้าไป ก็รู้สึกถึงความสดขณะที่เคี้ยว เห็นว่าปลาตัวนี้ก็เป็นแค่ปลาตะเพียนธรรมดา “มันอร่อยมากจริง ๆ พวกนี้น่าจะเป็นอาหารสดในทะเลสาบสินะ?”

“ น่าจะใช่ นี่อาจไม่ใช่ปลาเลี้ยง เลยหวานอร่อยกว่ามาก ” หยู่เหวินเห้าเห็นว่านางมีความสุขมาก จึงพูดหยอกเย้าว่า “แค่ปลาที่ รสชาติอร่อยตัวเดียว เจ้าก็มีความสุขขนาดนี้เชียวรึ? หยวน ข้อเรียกร้องของเจ้าต่ำไปหน่อยนะนี่”

หยวนชิงหลิงมองเขานิ่ง ๆ “ไม่ใช่แค่ปลาตัวนี้หรอก เป็นเพราะคืนนี้ แสงดาวเหล่านี้ ทะเลสาบแห่งนี้  แล้วก็คนสำคัญที่สุดก็คือเจ้าด้วย”

หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “สิ่งที่เจ้าพูดในคืนนี้ ทำให้ข้ารู้สึกหน่วงในใจยิ่งนัก”

สองคนมองประสานสายตากันครู่ใหญ่ ได้เห็นความอ่อนโยนและรักใคร่จากก้นบึ้งดวงตาของเขา ในใจหยวนชิงหลิงก็บังเกิดความปลื้มปริ่มยินดีอย่างไม่รู้จบ

หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ทั้งสองก็ไปนั่งเล่นบนหัวเรือ โอบกอดกันมองดูทะเลสาบอันพลุกพล่าน มองจากฝั่งไป เรือนางโลมในทะเลสาบดูแน่นหนามาก แต่เมื่อนั่งดูจากตรงกลาง ถึงรู้ว่าพวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยระยะห่างที่ไกลกันพอสมควร ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าต่างคนต่างได้รับความสงบที่น่าพอใจ

ทั้งสองพูดคุยกันนานมาก เริ่มตั้งแต่เรื่องของพวกเขา ไปจนถึงเรื่องของลูก ๆ พูดถึงพ่อแม่ในยุคปัจจุบันกับฟางหวู่ พูดเรื่องท่านชายหงเย่ พูดเรื่องจวิ้นจู่จิ้งเหอกับอ๋องเว่ย หยวนชิงหลิงถึงได้รู้ว่าแขนของอ๋องเว่ยเชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งสองคนกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวง

“เจ้าว่าพวกเขาสองคนจะลงเอยกันด้วยดีได้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

ตอนแรกหยวนชิงหลิงไม่ได้มองในแง่ดี แต่สิ่งใด ๆ ในชีวิตล้วนแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ใครจะคิดว่าเวลาต่อมา พวกเขาจะฝ่าฟันจนผ่านเคราะห์กรรมมาด้วยกัน อีกทั้งอ๋องเว่ยยังได้ช่วยชีวิตจวิ้นจู่จิ้งเหออีกล่ะ?

“ไม่รู้สิ คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา บางทีพวกเขาอาจจะไม่ถึงกับต้องอยู่ด้วยกันก็ได้นะ”

สุดท้ายถ้าจะอยู่ด้วยกันจริง ๆ แล้วจะมองหน้ากันได้อย่างไร ก็ยังเป็นปัญหาที่ยากจะคาดเดา

“ ถ้าต้องแยกจากกัน ก็น่าเสียดายนัก ” หยู่เหวินเห้าพูด

หยวนชิงหลิงในฐานะที่เป็นผู้หญิง มักจะรู้สึกว่าความผิดพลาดบางอย่าง อาจพอจะให้อภัยกันได้ แต่อาจไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ นางรู้สึกว่าจิ้งเหอเป็นคนที่ดูฉากหน้าเหมือนจะอ่อนแอ แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้นมาก

แต่นี่เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน คนนอกอย่างเขา ก็ทำได้แค่พูดแสดงความเสียใจให้สองสามคำ แต่ก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงตามอำเภอใจได้

หยวนชิงหลิงบอกว่านางเริ่มจะง่วงแล้ว จึงพิงไหล่ของเขาเพื่อนอนหลับ หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ในอ้อมแขน มองไปที่ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยแสงสะท้อนของดวงดาว หัวใจก็สงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว เสี้ยวหงเฉิงก็ไปที่คุกของกรมการพระนครเพื่อเจอหลินเซียว

เดิมทีนางก็คิดไม่ตก แต่รู้สึกว่าถ้าบางทีไม่ได้เจอหน้า ก็คงไม่อาจปล่อยวางมันได้ตลอดไป

นางไม่คิดจะฆ่าเขาอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เกลียดเขา แต่นางรู้ว่าต้องใช้เวลาวางแผนนานมากขนาดไหน กว่าจะจับตัวหลินเซียวได้ แล้วถ้าหากหลินเซียวไม่ตาย มันจะมีประโยชน์มากกว่า ดังนั้น นางจึงตัดสินใจไม่ฆ่าหลินเซียว

นางรู้สึกขอบคุณรัชทายาทมาก ที่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจครั้งนี้กับนาง เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังคงยึดถือเอามิตรภาพระหว่างพวกเขา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดมาโดยตลอด

นางมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ที่เหมือนกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ ที่หยู่เหวินเห้าหยิบยื่นให้ ทำไมยังต้องไปเฝ้าจมปลักอยู่กับการทรยศ และการหลอกลวงของหลินเซียวด้วยล่ะ?

ด้วยเหตุนี้ นางยังถึงกับเอาเหล้าไปด้วยไหหนึ่ง ตั้งใจว่าจะไปคุยกับเขาสักครั้ง ให้โอกาสเขาได้ใช้ลิ้นสองแฉกพูดให้เหตุผลเสียหน่อย หรือบางที อาจจะพอล้วงข้อมูลอะไรมาได้บ้าง

เมื่อมาถึงก่อนพลบค่ำ อ๋องฉียังอยู่ในที่ทำการปกครอง นอกจากอ๋องฉี ลู่หยวนก็อยู่ที่นั่นด้วย

“เจ้ามาแล้วรึ?” หลังจากที่ลู่หยวนมองดูมือนางจนแน่ชัด ในดวงตาของเขาก็ปรากฏความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาราง ๆ

นางไม่ได้พกกระบี่มา แต่กลับพกเหล้ามาแทน!

เสี้ยวหงเฉิงหันไปมองเขา “เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย?”

ลู่หยวนมาเพื่อนาง หลินเซียวถูกจับ นางจะต้องมาแน่ ติดแค่ว่าจะฆ่าหรือจะปล่อยเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะเดาผิดเสียแล้ว

เห็นนางที่แต่งหน้าด้วยสีแดงอ่อนเรื่อ ๆ ดวงตาของเขาก็ฉายแววขมขื่นอย่างอธิบายไม่ถูก “ข้ามาดื่มเหล้ากับท่านอ๋องน่ะ”

เสี้ยวหงเฉิงพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้วดีกว่า ขอท่านอ๋องส่งคนมานำทางข้าไปที่คุกหน่อย ข้าจะไปคุยกับหลินเซียวสักครู่”

อ๋องฉีรู้เรื่องของทั้งสองคน เจ้าอ้วนเคยเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ลู่หยวนปฏิเสธการแต่งงานกับ โหรเหยาเขาก็ขัดแย้งกับตระกูลมาตลอด หวังที่จะได้ลงเอยกับเสี้ยวหงเฉิง

อันที่จริงตระกูลลู่รักลูกชายของพวกเขามาก ความขัดแย้งที่ลู่หยวนเพียรพยายามก่อมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ทางเสี้ยวหงเฉิงก็…..

อ๋องฉีมองไปที่เหล้าในมือของนาง ยังมีใบหน้าที่ตั้งใจแต่งมาอย่างบรรจงนั่นอีก เฮ้อ!

คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการความรักความแค้นอย่างเขารู้ดีว่า เวลาที่ผู้หญิงไปหาผู้ชาย แล้วยังยินดีแต่งหน้าไปให้เขาเห็น ส่วนใหญ่คือฟันธงได้เลยว่านางยังมีเยื่อใยอยู่

เขาสั่งให้คนพาเสี้ยวหงเฉิงไปที่คุก แล้วหันไปตบไหล่ของลู่หยวนเป็นการปลอบ “ชีวิตเจ้าก็ช่างลำบากเสียจริง ๆ นะ แต่ก่อนไปตกหลุมรักเจ้าอ้วน ก็ถูกข้าแย่งไปเสียก่อน มาตอนนี้ชอบเสี้ยวหงเฉิง กลับต้องมานั่งมองนางเฝ้าคิดถึงคะนึงหาแต่หลินเซียวตาปริบ ๆ ช่างเถอะ! จากนี้ค่อยไปหาพี่สะใภ้รองให้ช่วยเป็นธุระจัดหาให้เจ้าก็แล้วกัน”

ลู่หยวนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างสิ ต้องพูดออกมาด้วยรึ?”

อ๋องฉีพูดอย่างมีเมตตาว่า “ข้าไม่อยากให้เจ้ามีแผลที่สลักอยู่ในใจ เลยช่วยพูดแทนเจ้าให้หมด จากนี้เราไปดื่มกันสักยก ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ คืนนี้ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนเจ้าเอง จะดึกแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1114 ไปเจอหลินเซียว

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1114 ไปเจอหลินเซียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภรรยาเจ้าของเรือทำอาหารค่ำ แล้วเดินย่องอย่างช้า ๆ เข้ามาเชิญทั้งสองคนไปกินข้าว

ภรรยาเจ้าของเรืออายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ หาเลี้ยงชีพกับแม่น้ำมานาน จึงคุ้นเคยกับการเดินบนพื้นเรือที่สั่นโคลงเคลง ร่างกายของนางโอนเอนเล็กน้อย แล้วเพราะส่วนใหญ่นางจะเริ่มลงทะเลสาบตอนกลางคืน นอนหลับในช่วงกลางวัน ดังนั้นผิวของนางจึงขาวมาก

ภรรยาเจ้าของเรือมือไม้คล่องแคล่ว ทำอาหารมาให้สองสามอย่าง มีหมูเส้นผัด ปลาย่าง หน่อไม้ผัด และโจ๊กปรุงสด นิ้วมือของหยู่เหวินเห้าขยับพร้อม คืนนี้เขายังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว ไปดึงตัวหยวนชิงหลิงมานั่งลง พูดชมภรรยาเจ้าของเรือว่า: “กลิ่นหอมยวนใจ รสชาติต้องดีมากแน่”

ภรรยาเจ้าของเรือก็คุ้นเคยกับการต้อนรับขับสู้ผู้คนเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าคุณชายท่านนี้หน้าตาหล่อเหลาพิสุทธ์ดั่งหยกเนื้อดี ถูกเขาพูดชมเช่นนี้ ก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “แค่อาหารหยาบ ๆ หวังว่าคุณชายกับฮูหยินจะไม่รังเกียจก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

“นั่งกินด้วยกันดีหรือไม่?” หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญ

ภรยาเจ้าของเรือโบกมือเป็นระวิง “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่กินด้วยหรอก ของพวกเรามี”

หลังจากที่นางพูดจบ ก็รีบถอยห่างออกไปอย่างเขินอาย

บนดาดฟ้า มีโคมไฟลมดวงหนึ่งถูกจุดไว้ อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะเตี้ย ทั้งสองนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง มองดูสายน้ำในทะเลสาบที่เป็นระลอกคลื่น กับเงาสะท้อนของดวงดาวในผืนน้ำ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างสุดจะพรรณนา

อาหารจานผัดนั้นอร่อยมาก หน่อไม้ไม่แก่ เหมาะกำลังดี ทั้งสดและนุ่มมาก

หยู่เหวินเห้าคีบให้หยวนชิงหลิงเยอะมาก ได้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มยุ้ยไปหมด ก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงกินไปพลาง ก็หันไปให้ความสนใจกับคู่สามีภรรยากับลูกเรือผู้ช่วยที่หยุดเพื่อกินข้าวอยู่อีกด้าน

พวกเขานั่งล้อมวงกัน ตรงกลางมีหม้อใบหนึ่งตั้งอยู่ แต่ละคนถือชามคนละใบ กึ่งนั่งยอง ๆ กึ่งชันเข่ากินข้าว ไม่เห็นว่ากินอะไร แต่ดูท่าทางแล้วกินได้อย่างเอร็ดอร่อยมาก เจ้าของเรือคีบอาหารให้ภรรยาอย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมาก เพราะความที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ย่อมต้องเข้าใจกันและกันได้โดยปริยาย นางชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แน่นอนว่าเขาต้องรู้ดี

ความรู้สึกที่เงียบสงบเช่นนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกประทับใจมาก

จะอยากได้ใต้หล้าไปทำไม? จะเป็นฮ่องเต้ไปทำไม? ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบไม่วุ่นวายแบบนี้ต่างหาก ที่วิเศษเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ตั้งแต่พวกเขาเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันดี ๆ แบบนี้? พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการคิดคำนวณแผนการนั่นนี่ทุกวี่วัน ความรุ่งเรืองความงดงามทั้งหลาย ล้วนสร้างจากเลือดเนื้อของใครหลาย ๆ คนที่ต้องล้มตายราวสายฝน พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ

พวกเขาแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ล้วนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน หยู่เหวินเห้ามองไปยังทิศทางที่นางกำลังมองอยู่ ในใจก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร จึงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า: “บางทีรอสักวันหนึ่ง เราก็อาจจะเป็นแบบพวกเขาได้เหมือนกันนะ ซื้อเรือสักลำ ออกไปตกปลาทุกวัน พอพลบค่ำก็ทำอาหารสดใหม่กินกัน ไม่ต้องเอาปัญหาอะไรมาให้กวนใจ มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้น”

“ดีจริง!” หยวนชิงหลิงวางชามข้าวลงอย่างช้า ๆ การมีความหวังเป็นสิ่งดี แต่กลับช่างยาวไกลเหลือเกิน เส้นทางในอนาคตของเขา เหมือนจะถูกกำหนดชัดแล้ว ตอนนี้เขาได้เป็นรัชทายาทแล้ว ไม่มีวันแยกออกจากหน้าที่นี้ได้อีกต่อไป รอให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็น่ากลัวว่าจะยุ่งขึ้นกว่าตอนนี้อีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

เขาแกะก้างปลาให้นาง แล้วคีบไปจ่อที่ปาก “ลองชิมดูสิ สดมากเลยนะ”

หลังจากหยวนชิงหลิงกินเข้าไป ก็รู้สึกถึงความสดขณะที่เคี้ยว เห็นว่าปลาตัวนี้ก็เป็นแค่ปลาตะเพียนธรรมดา “มันอร่อยมากจริง ๆ พวกนี้น่าจะเป็นอาหารสดในทะเลสาบสินะ?”

“ น่าจะใช่ นี่อาจไม่ใช่ปลาเลี้ยง เลยหวานอร่อยกว่ามาก ” หยู่เหวินเห้าเห็นว่านางมีความสุขมาก จึงพูดหยอกเย้าว่า “แค่ปลาที่ รสชาติอร่อยตัวเดียว เจ้าก็มีความสุขขนาดนี้เชียวรึ? หยวน ข้อเรียกร้องของเจ้าต่ำไปหน่อยนะนี่”

หยวนชิงหลิงมองเขานิ่ง ๆ “ไม่ใช่แค่ปลาตัวนี้หรอก เป็นเพราะคืนนี้ แสงดาวเหล่านี้ ทะเลสาบแห่งนี้  แล้วก็คนสำคัญที่สุดก็คือเจ้าด้วย”

หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “สิ่งที่เจ้าพูดในคืนนี้ ทำให้ข้ารู้สึกหน่วงในใจยิ่งนัก”

สองคนมองประสานสายตากันครู่ใหญ่ ได้เห็นความอ่อนโยนและรักใคร่จากก้นบึ้งดวงตาของเขา ในใจหยวนชิงหลิงก็บังเกิดความปลื้มปริ่มยินดีอย่างไม่รู้จบ

หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ทั้งสองก็ไปนั่งเล่นบนหัวเรือ โอบกอดกันมองดูทะเลสาบอันพลุกพล่าน มองจากฝั่งไป เรือนางโลมในทะเลสาบดูแน่นหนามาก แต่เมื่อนั่งดูจากตรงกลาง ถึงรู้ว่าพวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยระยะห่างที่ไกลกันพอสมควร ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าต่างคนต่างได้รับความสงบที่น่าพอใจ

ทั้งสองพูดคุยกันนานมาก เริ่มตั้งแต่เรื่องของพวกเขา ไปจนถึงเรื่องของลูก ๆ พูดถึงพ่อแม่ในยุคปัจจุบันกับฟางหวู่ พูดเรื่องท่านชายหงเย่ พูดเรื่องจวิ้นจู่จิ้งเหอกับอ๋องเว่ย หยวนชิงหลิงถึงได้รู้ว่าแขนของอ๋องเว่ยเชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งสองคนกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวง

“เจ้าว่าพวกเขาสองคนจะลงเอยกันด้วยดีได้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

ตอนแรกหยวนชิงหลิงไม่ได้มองในแง่ดี แต่สิ่งใด ๆ ในชีวิตล้วนแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ใครจะคิดว่าเวลาต่อมา พวกเขาจะฝ่าฟันจนผ่านเคราะห์กรรมมาด้วยกัน อีกทั้งอ๋องเว่ยยังได้ช่วยชีวิตจวิ้นจู่จิ้งเหออีกล่ะ?

“ไม่รู้สิ คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา บางทีพวกเขาอาจจะไม่ถึงกับต้องอยู่ด้วยกันก็ได้นะ”

สุดท้ายถ้าจะอยู่ด้วยกันจริง ๆ แล้วจะมองหน้ากันได้อย่างไร ก็ยังเป็นปัญหาที่ยากจะคาดเดา

“ ถ้าต้องแยกจากกัน ก็น่าเสียดายนัก ” หยู่เหวินเห้าพูด

หยวนชิงหลิงในฐานะที่เป็นผู้หญิง มักจะรู้สึกว่าความผิดพลาดบางอย่าง อาจพอจะให้อภัยกันได้ แต่อาจไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ นางรู้สึกว่าจิ้งเหอเป็นคนที่ดูฉากหน้าเหมือนจะอ่อนแอ แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้นมาก

แต่นี่เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน คนนอกอย่างเขา ก็ทำได้แค่พูดแสดงความเสียใจให้สองสามคำ แต่ก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงตามอำเภอใจได้

หยวนชิงหลิงบอกว่านางเริ่มจะง่วงแล้ว จึงพิงไหล่ของเขาเพื่อนอนหลับ หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ในอ้อมแขน มองไปที่ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยแสงสะท้อนของดวงดาว หัวใจก็สงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว เสี้ยวหงเฉิงก็ไปที่คุกของกรมการพระนครเพื่อเจอหลินเซียว

เดิมทีนางก็คิดไม่ตก แต่รู้สึกว่าถ้าบางทีไม่ได้เจอหน้า ก็คงไม่อาจปล่อยวางมันได้ตลอดไป

นางไม่คิดจะฆ่าเขาอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เกลียดเขา แต่นางรู้ว่าต้องใช้เวลาวางแผนนานมากขนาดไหน กว่าจะจับตัวหลินเซียวได้ แล้วถ้าหากหลินเซียวไม่ตาย มันจะมีประโยชน์มากกว่า ดังนั้น นางจึงตัดสินใจไม่ฆ่าหลินเซียว

นางรู้สึกขอบคุณรัชทายาทมาก ที่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจครั้งนี้กับนาง เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังคงยึดถือเอามิตรภาพระหว่างพวกเขา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดมาโดยตลอด

นางมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ที่เหมือนกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ ที่หยู่เหวินเห้าหยิบยื่นให้ ทำไมยังต้องไปเฝ้าจมปลักอยู่กับการทรยศ และการหลอกลวงของหลินเซียวด้วยล่ะ?

ด้วยเหตุนี้ นางยังถึงกับเอาเหล้าไปด้วยไหหนึ่ง ตั้งใจว่าจะไปคุยกับเขาสักครั้ง ให้โอกาสเขาได้ใช้ลิ้นสองแฉกพูดให้เหตุผลเสียหน่อย หรือบางที อาจจะพอล้วงข้อมูลอะไรมาได้บ้าง

เมื่อมาถึงก่อนพลบค่ำ อ๋องฉียังอยู่ในที่ทำการปกครอง นอกจากอ๋องฉี ลู่หยวนก็อยู่ที่นั่นด้วย

“เจ้ามาแล้วรึ?” หลังจากที่ลู่หยวนมองดูมือนางจนแน่ชัด ในดวงตาของเขาก็ปรากฏความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาราง ๆ

นางไม่ได้พกกระบี่มา แต่กลับพกเหล้ามาแทน!

เสี้ยวหงเฉิงหันไปมองเขา “เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย?”

ลู่หยวนมาเพื่อนาง หลินเซียวถูกจับ นางจะต้องมาแน่ ติดแค่ว่าจะฆ่าหรือจะปล่อยเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะเดาผิดเสียแล้ว

เห็นนางที่แต่งหน้าด้วยสีแดงอ่อนเรื่อ ๆ ดวงตาของเขาก็ฉายแววขมขื่นอย่างอธิบายไม่ถูก “ข้ามาดื่มเหล้ากับท่านอ๋องน่ะ”

เสี้ยวหงเฉิงพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้วดีกว่า ขอท่านอ๋องส่งคนมานำทางข้าไปที่คุกหน่อย ข้าจะไปคุยกับหลินเซียวสักครู่”

อ๋องฉีรู้เรื่องของทั้งสองคน เจ้าอ้วนเคยเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ลู่หยวนปฏิเสธการแต่งงานกับ โหรเหยาเขาก็ขัดแย้งกับตระกูลมาตลอด หวังที่จะได้ลงเอยกับเสี้ยวหงเฉิง

อันที่จริงตระกูลลู่รักลูกชายของพวกเขามาก ความขัดแย้งที่ลู่หยวนเพียรพยายามก่อมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ทางเสี้ยวหงเฉิงก็…..

อ๋องฉีมองไปที่เหล้าในมือของนาง ยังมีใบหน้าที่ตั้งใจแต่งมาอย่างบรรจงนั่นอีก เฮ้อ!

คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการความรักความแค้นอย่างเขารู้ดีว่า เวลาที่ผู้หญิงไปหาผู้ชาย แล้วยังยินดีแต่งหน้าไปให้เขาเห็น ส่วนใหญ่คือฟันธงได้เลยว่านางยังมีเยื่อใยอยู่

เขาสั่งให้คนพาเสี้ยวหงเฉิงไปที่คุก แล้วหันไปตบไหล่ของลู่หยวนเป็นการปลอบ “ชีวิตเจ้าก็ช่างลำบากเสียจริง ๆ นะ แต่ก่อนไปตกหลุมรักเจ้าอ้วน ก็ถูกข้าแย่งไปเสียก่อน มาตอนนี้ชอบเสี้ยวหงเฉิง กลับต้องมานั่งมองนางเฝ้าคิดถึงคะนึงหาแต่หลินเซียวตาปริบ ๆ ช่างเถอะ! จากนี้ค่อยไปหาพี่สะใภ้รองให้ช่วยเป็นธุระจัดหาให้เจ้าก็แล้วกัน”

ลู่หยวนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างสิ ต้องพูดออกมาด้วยรึ?”

อ๋องฉีพูดอย่างมีเมตตาว่า “ข้าไม่อยากให้เจ้ามีแผลที่สลักอยู่ในใจ เลยช่วยพูดแทนเจ้าให้หมด จากนี้เราไปดื่มกันสักยก ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ คืนนี้ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนเจ้าเอง จะดึกแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+