บัลลังก์หมอยาเซียน 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงหลิงมองไปที่เขาแวบหนึ่ง “เจ้าช่างหยาบคายนัก!”

เจ้าห้ายิ่งนับวันก็ยิ่งไม่รู้ประสาเข้าไปทุกที กล้าล้อเลียนการแต่งหน้าของผู้หญิงต่อหน้าเจ้าตัวนั่นเป็นอะไรที่ทำร้ายความภาคภูมิใจในตนเองอย่างยิ่ง

“มันดูไม่สวยจริงๆ นี่” หยู่เหวินเห้าพึมพำ “ก่อนหน้านี้ดูสดชื่นผ่อนคลาย สบายตาขนาดนั้นแท้ๆ”

“หุบปาก!” หยวนชิงหลิงเอ็ดใส่ แล้วหันไปยิ้มให้เสี้ยวหงเฉิงในเชิงขอโทษ “เจ้าสำนักเสี้ยวอย่าได้ไปโต้เถียงกับคนไม่รู้ประสาเช่นเขาเลยนะ ผู้ชายทื่อๆ พรรค์นี้ไม่รู้ว่าอะไรคือความงามนักหรอก”

“มันดูไม่สวยรึ?” เสี้ยวหงเฉิงถามหยวนชิงหลิง พลางยกมือขึ้นลูบๆ ใบหน้า

“มันก็สวยอยู่หรอก…แต่ พูดตามจริงแล้วมันไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าเท่าไหร่ การแต่งหน้านี้ดูหนาไปหน่อย ควรจะแต่งให้บางกว่านี้อีกนิด” หลังจากที่เห็นแววตาที่ถามอย่างจริงจังมองมา หยวนชิงหลิงลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดความจริง

“ดูปลอมมาก!” หยู่เหวินเห้าจ้องหน้านาง

หยู่เหวินเห้าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง “คนที่อยู่ในสำนักของข้าบอกว่า แบบนี้มันดูดีมากนะ”

“ อย่าไปสนใจกับเรื่องแต่งหน้าแล้วสวยหรือไม่สวยพวกนี้เลย เจ้ามาจนค่ำขนาดนี้ คงมีข่าวอะไรมาแล้วใช่หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

เสี้ยวหงเฉินสงบจิตใจ แล้วเหลือบสายตามองไปทางหยวนชิงหลิง “เอ่อ…. ให้พระชายารัชทายาทรู้ได้ใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องราวทั้งหมดนางรู้แล้ว ” หยู่เหวินเห้าพูด

เสี้ยวหงเฉิงรู้สึกโล่งใจ “เช่นนั้นก็ดี เรื่องที่เจ้าขอให้ข้าไปสอบถามมาก่อนนี้ ได้ข่าวมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นชื่อชินเหริน เป็นตัวเรียกแขกของหอจุ้ยชุน เป็นสาวงามอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่ารัชทายาทคงเคยได้เห็นเองกับตามาแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดในประเด็นนี้ ไม่อย่างนั้น เจ้าคงจะไม่ขอให้ข้าส่งคนจากสำนักเหมยแดงไปสอบสวนเรื่องนี้

แต่อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่รัชทายาทไม่รู้ นั่นคือ หญิงสาวคนนี้มีเสน่ห์มาก ร่างกายของนางยืดหยุ่นอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง นางสามารถงอขามาพาดบนบ่าของตัวเองได้ การทำท่วงท่าใดๆ ล้วนไม่มีปัญหาสำหรับนาง จึงเป็นสาเหตุให้นางได้กลายเป็นตัวเรียกแขกอันดับหนึ่งของหอจุ้ยชุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าหรือขุนนางใหญ่ ลูกหลานของตระกูลขุนนาง แม้แต่สมาชิกในราชวงศ์ เช่นรัชทายาทพระองค์ท่านเป็นต้น ต่างก็ฝันใฝ่อยากไปหานางสักครั้ง พร้อมจะหอบทองพันตำลึงไปประเคนให้ เพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกันกับนางเลยทีเดียว ”

หลังจากเสี้ยวหงเฉิงพูดจบ นางก็มองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความชื่นชม: “ผู้ชายคนนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับธรรมชาติเรื่องมองคนสวยคนงามของเขา เขาอาจไม่ชอบความงามราวบุพผาแรกแย้ม แต่ถ้าพูดถึงรูปร่างที่ยืดหยุ่นนุ่มนวลของหญิงสาว เขากลับรู้สึกตื่นเต้นสนใจขึ้นมาได้ แต่คาดไม่ถึงจริงๆ นะว่าพระชายารัชทายาทจะให้ความยินยอมแก่สามีถึงขนาดนี้ มันช่าง…..”

เสี้ยวหงเฉิงได้รับคำเตือนจากสายตาอันเย็นชาของหยู่เหวินเห้า จึงลังเลไปครู่หนึ่งแล้วหยุดพูด แต่เมื่อครู่นี้ไม่ใช่บอกว่า เรื่องนี้สามารถพูดให้พระชายารัชทายาทฟังได้หรอกรึ?

สิ่งที่หยู่เหวินเห้ากลัวที่สุดคือบรรยากาศที่จู่ๆ ก็เงียบสงัดลงไปทันทีเช่นนี้ หยวนชิงหลิงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้มือทั้งสองข้างลูบๆ หน้าท้องตัวเอง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เห็น

เขาถูมือพลางมองหยวนชิงหลิงอย่างเก้อกระดากใจ “พูดไปเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่จริงๆ แล้วข้าไปสืบข่าวของทางราชการเลยต้องไปสืบหาข้อมูลเท่านั้นเอง”

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ริมฝีปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เชื่อ? ข้าเคยไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดในอดีตหรือไม่ล่ะ?”

“จริงด้วย เรื่องนี้มีอะไรที่พูดไม่ได้ล่ะ? มันล้วนเป็นเรื่องของทางราชการ สิ่งที่รัชทายาทบอกข้าในเวลานั้น ก็บอกว่าเป็นเรื่องของทางราชการนี่ล่ะ!” เสี้ยวหงเฉิงรีบละล่ำละลักพูดเพื่อชดเชยความผิด แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งอยากปกปิดซ่อนเร้นเท่าไหร่ ก็กลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้มากกว่าเดิม

หยู่เหวินเห้าหันไปส่งสายตาเหี้ยมๆ ใส่เสี้ยวหงเฉิงแวบหนึ่ง ยัยผู้หญิงปากมากเอ๊ย!

หยวนชิงหลิงกลับเพิกเฉยต่อหัวข้อนี้ แค่ถามเสี้ยวหงเฉิงว่า “ไม่ทราบว่ามีข่าวจากทางหนานเจียงกับหงเย่บ้างหรือไม่?”

เสี้ยวหงเฉิงแทบอดใจไม่ไหว อยากจะเปลี่ยนหัวข้อซักที “มี มี! วันนี้ที่มาก็เพราะมีข่าวนี้ที่จะมาบอกนี่ล่ะ หงเย่ไปที่ซีโจวแล้ว”

“ซีโจว?” หยู่เหวินเห้าแอบตกใจ  ไปเยี่ยมชมเขาหมื่นพุทธกับทะเลสาบจิ้ง! ” เสี้ยวหงเฉิงพูดไปก็แอบ สงสัยไปด้วย “ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่เขาหมื่นพุทธกันนะ?”

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหันมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาดูหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า: “เขาไปที่ทะเลสาบจิ้งรึ?”

เสี้ยวหงเฉิงตอบว่า “ใช่ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เขาหมื่นพุทธ สนทนากับนักพรตยู่ซวีเรื่องพระคัมภีร์และลัทธิเต๋า นอกจากนี้ เขายังถามหาปรมาจารย์อา แล้วพูดคุยกับท่านในเรือนตลอดทั้งคืนด้วย จนเช้าวันรุ่งขึ้นถึงค่อยออกไป”

ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเปลี่ยนเป็นขาวซีด หันหน้าไปมองหยู่เหวินเห้าอย่างรวดเร็ว

หยู่เหวินเห้าก็ตกใจไปเฮือกหนึ่ง รีบพูดขึ้นว่า: “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกเราเคยไปที่เขาหมื่นพุทธมาก่อน ยังเคยพบนักพรตยู่ซวีผู้นั้นด้วย ปรมาจารย์อาของเขาเสียสติจนกระโดดลงไปในทะเลสาบจิ้งเมื่อหลายปีก่อน จนจมน้ำตายไปแล้ว หงเย่คุยกับผีหรืออย่างไรกัน ?”

“ไม่นะ” เสี้ยวหงเฉิงตกตะลึงไปเล็กน้อย “หรือว่าจะสืบข้อมูลมาผิดพลาดแล้ว มิน่าล่ะ คนที่มารายงานถึงบอกว่าปรมาจารย์อาผู้นั้นดูอ่อนวัยกว่านักพรตยู่ซวีอยู่บ้าง บางทีข้อมูลอาจจะผิดได้ แต่คนของข้าได้ยินนักพรตยู่ซวีเรียกเขาว่าปรมาจารย์อาจริงๆ นะ ลูกศิษย์น่ะสามารถรับเข้ามาภายหลังได้ แต่ปรมาจารย์อาน่ะ ไม่น่าจะจำกันผิดได้หรอกกระมัง? เป็นไปได้หรือไม่ว่ายู่ซวีจะเปลี่ยนไปเป็นศิษย์สำนักอื่นแล้ว?”

“ไปสืบมาอีกครั้ง!” หยวนชิงหลิงคว้าที่พนักวางแขนของเก้าอี้ แสดงท่าทีว่ารู้สึกเคร่งเครียดมาก

เสี้ยวหงเฉินมองไปที่ใบหน้าของนาง “พระชายารัชทายาท ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? สีหน้าของท่านดูไม่ดีเอามากๆ เลยนะ”

หยวนชิงหลิงกดที่หน้าอกของตัวเอง “ท้องใหญ่มากแล้ว หายใจลำบากนิดหน่อยน่ะ”

“โอ้!” เสี้ยวหงเฉิงมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ หันไปบ่นกับหยู่เหวินเห้าอีกครั้ง: “ตอนนี้พระชายารัชทายาทกำลังตั้งครรภ์ลูกของเจ้าอยู่นะ เจ้าก็อย่าออกไปหาพวกนางโลมนักเรียกแขกอันดับต้นๆ ที่ไหนอีกเลย รู้จักอยู่จวนเป็นเพื่อนนางเสียบ้าง”

“หุบปากสักทีเถอะน่า!” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ ก็บอกแล้วอย่างไรล่ะว่ามันเป็นเรื่องงาน เป็นเรื่องงาน เจ้าไม่มีหูหรืออย่างไร?”

เสี้ยวหงเฉิงกดมือของเขาลง “ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ดึกขนาดนี้แล้วข้าไม่รบกวนดีกว่า ขอตัวล่ะ”

นางยืนขึ้นพลางประสานมือ เดินออกไปจนถึงประตู จู่ๆ ก็หันกลับมามองหยวนชิงหลิง “การแต่งหน้าแบบนี้ของข้า…มันไม่ดีจริงๆน่ะรึ?”

หยวนชิงหลิงตอบอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “มันเข้มไปหน่อย ถ้าแต่งให้บางกว่านี้ได้จะเหมาะกว่า”

“ถ้าอย่างนั้น… ไม่ทราบว่าพระชายารัชทายาท พอจะให้ข้ายืมใช้โต๊ะเครื่องแป้งสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าอยากแต่งหน้าใหม่อีกครั้ง”

“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะแต่งหน้าไปทำอะไรอีกล่ะ? ” หยู่เหวินเห้ารีบออกมาขับไล่ไสส่งคนออกไป “รีบไปๆๆ”

เสี้ยวหงเฉิงพูดขึ้นว่า: “หลังจากนี้ข้ายังต้องไปพบคนคนหนึ่งอยู่!”

“ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะไปพบใคร ? ทั้งยังแต่งตัวเสียหรูหราเช่นนี้ ” หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลงพลางถามด้วยความสงสัย

“เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยล่ะ จะถามมากมายขนาดนี้ไปทำไม? แค่ยืมโต๊ะเครื่องแป้งกับแป้งใช้หน่อย เจ้าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรนี่!” เสี้ยวหงเฉิงจ้องมองเขาตาเขม็ง

หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปจ้องนางตอบ “เจ้าอย่าถูกหลอกง่ายๆ เลยน่า ผู้หญิงอายุขนาดนี้แล้วยังแต่งไม่ออกมักจะถูกหลอกได้ง่าย ต่อให้คนที่เจ้าชอบไม่เล่นด้วย เจ้าก็ไม่ควรจะสุ่มสี่สุ่มห้าคว้าใครที่ไหนก็ได้มาทำพันธุ์หรอกนะ”

“เจ้าห้า พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้ากัน?” หยวนชิงหลิงเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์ ได้ยินเขาพูดคำพูดร้ายกาจแบบนั้น จึงรีบหยุดปากเขาไว้ทันที

เสี้ยวหงเฉิงสีหน้าเย็นเยียบ จ้องมองเขาครู่หนึ่ง ก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป “ช่างมันเถอะ!”

เมื่อมองเงาด้านหลังที่เดินจากไปด้วยความเดือดดาลของเสี้ยวหงเฉิง หยวนชิงหลิงจึงตีไปที่แขนของหยู่เหวินเห้าครั้งหนึ่ง พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ทำไมเจ้าถึงต้องพูดแบบนั้นกับนาง?”

“เพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง แค่กลัวว่านางจะถูกหลอก” หยู่เหวินเห้าตอบ

“ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะไปพบใคร พูดได้อย่างไรว่านางจะถูกหลอก ? มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงจะก้าวเท้าขึ้นไปอีกขั้น เจ้าอย่าได้โจมตีนางด้วยคำพูดอะไรแบบนี้อีกเป็นอันขาด”

เมื่อเห็นท่าทางบูดบึ้งของนาง หยู่เหวินเห้าก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบกล่อมนางว่า: “ได้ ข้ารู้แล้ว วันพรุ่งนี้ถ้าได้พบนาง ข้าจะพูดกับนางอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดีหรือไม่?”

“เรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เจ้าจะเข้าไปจัดการเองได้โดยไม่ถามไถ่” หยวนชิงหลิงกลอกตา “ไม่ใช่ว่าข้าจะห้ามไม่ให้เจ้าสนใจเรื่องของเพื่อนๆ ของเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าไม่เข้าใจหัวอกของผู้หญิง ก็ไม่สมควรแสดงความคิดเห็นของตัวเอง แบบที่คิดเองเออเองฝ่ายเดียวชุ่ยๆ”

“ข้าเข้าใจหัวอกผู้หญิงนะ!” หยู่เหวินเห้าช่วยพยุงนางออกไป

“จริงรึ? ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ข้ากำลังคิดอะไรอยู่?” หยวนชิงหลิงผละออกจากมือของเขา

หยู่เหวินเห้าถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ “มันเป็นเรื่องของทางราชการจริงๆ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงหลิงมองไปที่เขาแวบหนึ่ง “เจ้าช่างหยาบคายนัก!”

เจ้าห้ายิ่งนับวันก็ยิ่งไม่รู้ประสาเข้าไปทุกที กล้าล้อเลียนการแต่งหน้าของผู้หญิงต่อหน้าเจ้าตัวนั่นเป็นอะไรที่ทำร้ายความภาคภูมิใจในตนเองอย่างยิ่ง

“มันดูไม่สวยจริงๆ นี่” หยู่เหวินเห้าพึมพำ “ก่อนหน้านี้ดูสดชื่นผ่อนคลาย สบายตาขนาดนั้นแท้ๆ”

“หุบปาก!” หยวนชิงหลิงเอ็ดใส่ แล้วหันไปยิ้มให้เสี้ยวหงเฉิงในเชิงขอโทษ “เจ้าสำนักเสี้ยวอย่าได้ไปโต้เถียงกับคนไม่รู้ประสาเช่นเขาเลยนะ ผู้ชายทื่อๆ พรรค์นี้ไม่รู้ว่าอะไรคือความงามนักหรอก”

“มันดูไม่สวยรึ?” เสี้ยวหงเฉิงถามหยวนชิงหลิง พลางยกมือขึ้นลูบๆ ใบหน้า

“มันก็สวยอยู่หรอก…แต่ พูดตามจริงแล้วมันไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าเท่าไหร่ การแต่งหน้านี้ดูหนาไปหน่อย ควรจะแต่งให้บางกว่านี้อีกนิด” หลังจากที่เห็นแววตาที่ถามอย่างจริงจังมองมา หยวนชิงหลิงลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดความจริง

“ดูปลอมมาก!” หยู่เหวินเห้าจ้องหน้านาง

หยู่เหวินเห้าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง “คนที่อยู่ในสำนักของข้าบอกว่า แบบนี้มันดูดีมากนะ”

“ อย่าไปสนใจกับเรื่องแต่งหน้าแล้วสวยหรือไม่สวยพวกนี้เลย เจ้ามาจนค่ำขนาดนี้ คงมีข่าวอะไรมาแล้วใช่หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

เสี้ยวหงเฉินสงบจิตใจ แล้วเหลือบสายตามองไปทางหยวนชิงหลิง “เอ่อ…. ให้พระชายารัชทายาทรู้ได้ใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องราวทั้งหมดนางรู้แล้ว ” หยู่เหวินเห้าพูด

เสี้ยวหงเฉิงรู้สึกโล่งใจ “เช่นนั้นก็ดี เรื่องที่เจ้าขอให้ข้าไปสอบถามมาก่อนนี้ ได้ข่าวมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นชื่อชินเหริน เป็นตัวเรียกแขกของหอจุ้ยชุน เป็นสาวงามอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่ารัชทายาทคงเคยได้เห็นเองกับตามาแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดในประเด็นนี้ ไม่อย่างนั้น เจ้าคงจะไม่ขอให้ข้าส่งคนจากสำนักเหมยแดงไปสอบสวนเรื่องนี้

แต่อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่รัชทายาทไม่รู้ นั่นคือ หญิงสาวคนนี้มีเสน่ห์มาก ร่างกายของนางยืดหยุ่นอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง นางสามารถงอขามาพาดบนบ่าของตัวเองได้ การทำท่วงท่าใดๆ ล้วนไม่มีปัญหาสำหรับนาง จึงเป็นสาเหตุให้นางได้กลายเป็นตัวเรียกแขกอันดับหนึ่งของหอจุ้ยชุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าหรือขุนนางใหญ่ ลูกหลานของตระกูลขุนนาง แม้แต่สมาชิกในราชวงศ์ เช่นรัชทายาทพระองค์ท่านเป็นต้น ต่างก็ฝันใฝ่อยากไปหานางสักครั้ง พร้อมจะหอบทองพันตำลึงไปประเคนให้ เพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกันกับนางเลยทีเดียว ”

หลังจากเสี้ยวหงเฉิงพูดจบ นางก็มองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความชื่นชม: “ผู้ชายคนนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับธรรมชาติเรื่องมองคนสวยคนงามของเขา เขาอาจไม่ชอบความงามราวบุพผาแรกแย้ม แต่ถ้าพูดถึงรูปร่างที่ยืดหยุ่นนุ่มนวลของหญิงสาว เขากลับรู้สึกตื่นเต้นสนใจขึ้นมาได้ แต่คาดไม่ถึงจริงๆ นะว่าพระชายารัชทายาทจะให้ความยินยอมแก่สามีถึงขนาดนี้ มันช่าง…..”

เสี้ยวหงเฉิงได้รับคำเตือนจากสายตาอันเย็นชาของหยู่เหวินเห้า จึงลังเลไปครู่หนึ่งแล้วหยุดพูด แต่เมื่อครู่นี้ไม่ใช่บอกว่า เรื่องนี้สามารถพูดให้พระชายารัชทายาทฟังได้หรอกรึ?

สิ่งที่หยู่เหวินเห้ากลัวที่สุดคือบรรยากาศที่จู่ๆ ก็เงียบสงัดลงไปทันทีเช่นนี้ หยวนชิงหลิงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้มือทั้งสองข้างลูบๆ หน้าท้องตัวเอง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เห็น

เขาถูมือพลางมองหยวนชิงหลิงอย่างเก้อกระดากใจ “พูดไปเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่จริงๆ แล้วข้าไปสืบข่าวของทางราชการเลยต้องไปสืบหาข้อมูลเท่านั้นเอง”

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ริมฝีปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เชื่อ? ข้าเคยไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดในอดีตหรือไม่ล่ะ?”

“จริงด้วย เรื่องนี้มีอะไรที่พูดไม่ได้ล่ะ? มันล้วนเป็นเรื่องของทางราชการ สิ่งที่รัชทายาทบอกข้าในเวลานั้น ก็บอกว่าเป็นเรื่องของทางราชการนี่ล่ะ!” เสี้ยวหงเฉิงรีบละล่ำละลักพูดเพื่อชดเชยความผิด แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งอยากปกปิดซ่อนเร้นเท่าไหร่ ก็กลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้มากกว่าเดิม

หยู่เหวินเห้าหันไปส่งสายตาเหี้ยมๆ ใส่เสี้ยวหงเฉิงแวบหนึ่ง ยัยผู้หญิงปากมากเอ๊ย!

หยวนชิงหลิงกลับเพิกเฉยต่อหัวข้อนี้ แค่ถามเสี้ยวหงเฉิงว่า “ไม่ทราบว่ามีข่าวจากทางหนานเจียงกับหงเย่บ้างหรือไม่?”

เสี้ยวหงเฉิงแทบอดใจไม่ไหว อยากจะเปลี่ยนหัวข้อซักที “มี มี! วันนี้ที่มาก็เพราะมีข่าวนี้ที่จะมาบอกนี่ล่ะ หงเย่ไปที่ซีโจวแล้ว”

“ซีโจว?” หยู่เหวินเห้าแอบตกใจ  ไปเยี่ยมชมเขาหมื่นพุทธกับทะเลสาบจิ้ง! ” เสี้ยวหงเฉิงพูดไปก็แอบ สงสัยไปด้วย “ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่เขาหมื่นพุทธกันนะ?”

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหันมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาดูหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า: “เขาไปที่ทะเลสาบจิ้งรึ?”

เสี้ยวหงเฉิงตอบว่า “ใช่ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เขาหมื่นพุทธ สนทนากับนักพรตยู่ซวีเรื่องพระคัมภีร์และลัทธิเต๋า นอกจากนี้ เขายังถามหาปรมาจารย์อา แล้วพูดคุยกับท่านในเรือนตลอดทั้งคืนด้วย จนเช้าวันรุ่งขึ้นถึงค่อยออกไป”

ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเปลี่ยนเป็นขาวซีด หันหน้าไปมองหยู่เหวินเห้าอย่างรวดเร็ว

หยู่เหวินเห้าก็ตกใจไปเฮือกหนึ่ง รีบพูดขึ้นว่า: “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกเราเคยไปที่เขาหมื่นพุทธมาก่อน ยังเคยพบนักพรตยู่ซวีผู้นั้นด้วย ปรมาจารย์อาของเขาเสียสติจนกระโดดลงไปในทะเลสาบจิ้งเมื่อหลายปีก่อน จนจมน้ำตายไปแล้ว หงเย่คุยกับผีหรืออย่างไรกัน ?”

“ไม่นะ” เสี้ยวหงเฉิงตกตะลึงไปเล็กน้อย “หรือว่าจะสืบข้อมูลมาผิดพลาดแล้ว มิน่าล่ะ คนที่มารายงานถึงบอกว่าปรมาจารย์อาผู้นั้นดูอ่อนวัยกว่านักพรตยู่ซวีอยู่บ้าง บางทีข้อมูลอาจจะผิดได้ แต่คนของข้าได้ยินนักพรตยู่ซวีเรียกเขาว่าปรมาจารย์อาจริงๆ นะ ลูกศิษย์น่ะสามารถรับเข้ามาภายหลังได้ แต่ปรมาจารย์อาน่ะ ไม่น่าจะจำกันผิดได้หรอกกระมัง? เป็นไปได้หรือไม่ว่ายู่ซวีจะเปลี่ยนไปเป็นศิษย์สำนักอื่นแล้ว?”

“ไปสืบมาอีกครั้ง!” หยวนชิงหลิงคว้าที่พนักวางแขนของเก้าอี้ แสดงท่าทีว่ารู้สึกเคร่งเครียดมาก

เสี้ยวหงเฉินมองไปที่ใบหน้าของนาง “พระชายารัชทายาท ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? สีหน้าของท่านดูไม่ดีเอามากๆ เลยนะ”

หยวนชิงหลิงกดที่หน้าอกของตัวเอง “ท้องใหญ่มากแล้ว หายใจลำบากนิดหน่อยน่ะ”

“โอ้!” เสี้ยวหงเฉิงมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ หันไปบ่นกับหยู่เหวินเห้าอีกครั้ง: “ตอนนี้พระชายารัชทายาทกำลังตั้งครรภ์ลูกของเจ้าอยู่นะ เจ้าก็อย่าออกไปหาพวกนางโลมนักเรียกแขกอันดับต้นๆ ที่ไหนอีกเลย รู้จักอยู่จวนเป็นเพื่อนนางเสียบ้าง”

“หุบปากสักทีเถอะน่า!” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ ก็บอกแล้วอย่างไรล่ะว่ามันเป็นเรื่องงาน เป็นเรื่องงาน เจ้าไม่มีหูหรืออย่างไร?”

เสี้ยวหงเฉิงกดมือของเขาลง “ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ดึกขนาดนี้แล้วข้าไม่รบกวนดีกว่า ขอตัวล่ะ”

นางยืนขึ้นพลางประสานมือ เดินออกไปจนถึงประตู จู่ๆ ก็หันกลับมามองหยวนชิงหลิง “การแต่งหน้าแบบนี้ของข้า…มันไม่ดีจริงๆน่ะรึ?”

หยวนชิงหลิงตอบอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “มันเข้มไปหน่อย ถ้าแต่งให้บางกว่านี้ได้จะเหมาะกว่า”

“ถ้าอย่างนั้น… ไม่ทราบว่าพระชายารัชทายาท พอจะให้ข้ายืมใช้โต๊ะเครื่องแป้งสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าอยากแต่งหน้าใหม่อีกครั้ง”

“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะแต่งหน้าไปทำอะไรอีกล่ะ? ” หยู่เหวินเห้ารีบออกมาขับไล่ไสส่งคนออกไป “รีบไปๆๆ”

เสี้ยวหงเฉิงพูดขึ้นว่า: “หลังจากนี้ข้ายังต้องไปพบคนคนหนึ่งอยู่!”

“ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะไปพบใคร ? ทั้งยังแต่งตัวเสียหรูหราเช่นนี้ ” หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลงพลางถามด้วยความสงสัย

“เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยล่ะ จะถามมากมายขนาดนี้ไปทำไม? แค่ยืมโต๊ะเครื่องแป้งกับแป้งใช้หน่อย เจ้าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรนี่!” เสี้ยวหงเฉิงจ้องมองเขาตาเขม็ง

หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปจ้องนางตอบ “เจ้าอย่าถูกหลอกง่ายๆ เลยน่า ผู้หญิงอายุขนาดนี้แล้วยังแต่งไม่ออกมักจะถูกหลอกได้ง่าย ต่อให้คนที่เจ้าชอบไม่เล่นด้วย เจ้าก็ไม่ควรจะสุ่มสี่สุ่มห้าคว้าใครที่ไหนก็ได้มาทำพันธุ์หรอกนะ”

“เจ้าห้า พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้ากัน?” หยวนชิงหลิงเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์ ได้ยินเขาพูดคำพูดร้ายกาจแบบนั้น จึงรีบหยุดปากเขาไว้ทันที

เสี้ยวหงเฉิงสีหน้าเย็นเยียบ จ้องมองเขาครู่หนึ่ง ก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป “ช่างมันเถอะ!”

เมื่อมองเงาด้านหลังที่เดินจากไปด้วยความเดือดดาลของเสี้ยวหงเฉิง หยวนชิงหลิงจึงตีไปที่แขนของหยู่เหวินเห้าครั้งหนึ่ง พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ทำไมเจ้าถึงต้องพูดแบบนั้นกับนาง?”

“เพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง แค่กลัวว่านางจะถูกหลอก” หยู่เหวินเห้าตอบ

“ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะไปพบใคร พูดได้อย่างไรว่านางจะถูกหลอก ? มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงจะก้าวเท้าขึ้นไปอีกขั้น เจ้าอย่าได้โจมตีนางด้วยคำพูดอะไรแบบนี้อีกเป็นอันขาด”

เมื่อเห็นท่าทางบูดบึ้งของนาง หยู่เหวินเห้าก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบกล่อมนางว่า: “ได้ ข้ารู้แล้ว วันพรุ่งนี้ถ้าได้พบนาง ข้าจะพูดกับนางอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดีหรือไม่?”

“เรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เจ้าจะเข้าไปจัดการเองได้โดยไม่ถามไถ่” หยวนชิงหลิงกลอกตา “ไม่ใช่ว่าข้าจะห้ามไม่ให้เจ้าสนใจเรื่องของเพื่อนๆ ของเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าไม่เข้าใจหัวอกของผู้หญิง ก็ไม่สมควรแสดงความคิดเห็นของตัวเอง แบบที่คิดเองเออเองฝ่ายเดียวชุ่ยๆ”

“ข้าเข้าใจหัวอกผู้หญิงนะ!” หยู่เหวินเห้าช่วยพยุงนางออกไป

“จริงรึ? ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ข้ากำลังคิดอะไรอยู่?” หยวนชิงหลิงผละออกจากมือของเขา

หยู่เหวินเห้าถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ “มันเป็นเรื่องของทางราชการจริงๆ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+