รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]บทที่ 592 ความจริงของภพเซียน ประวัติศาสตร์อันนองเลือด!

Now you are reading รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] Chapter บทที่ 592 ความจริงของภพเซียน ประวัติศาสตร์อันนองเลือด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 592 ความจริงของภพเซียน ประวัติศาสตร์อันนองเลือด!

ยอดฝีมือแดนมรณาเร่งความเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ข้ามผ่านดวงดารานับไม่ถ้วน เขามีนามว่า ‘อ้าน’ เขาไม่นับว่าเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยในแดนมรณา เขามีตำแหน่งฐานะอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้สูงอะไรมากนัก

ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็มาถึงยังด้านนอกอาณาจักรแห่งนี้

“หืม!?”

เขาขมวดคิ้ว แววตาปรากฏความฉงน สถานการณ์ที่นี้แตกต่างกับที่เขาคิดเป็นอย่างมาก!

บนอากาศเต็มไปด้วยซากเรือขนาดใหญ่ ส่วนสิ่งมีชีวิตของอาณาจักรเทียนหยวนนั้น เขาไม่เห็นแม้แต่เงา

สถานการณ์เป็นเช่นไรกัน? ก่อนหน้านี้มีคนลงมือสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของอาณาจักรเทียนหยวนหรือ?

“ผู้ใดลงมือกัน? อย่าให้ข้ารู้ ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องทำให้มันไม่มีจุดจบที่ดี!”

เขากล่าวออกมาอย่างดุร้าย ภายในใจอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก

ก่อนที่จะมาถึง เขาได้ตัดสินใจจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของอาณาจักรเทียนหยวนอันไม่ได้ความ แต่สุดท้ายเขายังไม่ทันจะได้ลงมือ ก็มีผู้ลงมือสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของอาณาจักรเทียนหยวนตัดหน้าเสียแล้ว นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

“มาแล้ว…”

ขณะนั้นเอง บนจักรวาลหมื่นดาราก็มีเสียงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ตรงซากเรือขนาดใหญ่มีร่างงดงามอย่างไม่อาจหาที่เปรียบได้นั่งจับจ้องมาทางอ้าน

นางงดงามจนหาพบได้ยากยิ่ง ไร้ผู้เทียบ งดงามจนชวนให้ใจสั่นสะท้าน ประหนึ่งความฝันราวกับภาพมายา เลื่อนลอยเกินความจริง อารมณ์เย็นชาห่างเหินไม่อาจจับต้องคล้ายแยกจากทุกสิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้าทำให้ขัดเคืองใจ

“เจ้า…เป็นผู้ลงมือหรือ?”

อ้านเงยหน้าขึ้น มองร่างงดงามอันหาที่เปรียบไม่ได้ คิ้วของเขาอดขมวดเข้าหากันไม่ได้

แปลก…แปลกเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้ เขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงตัวตนของร่างงดงามอันหาที่เปรียบไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง ด้วยขอบเขตความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เกรงว่าสตรีผู้นี้…จะรับมือได้ไม่ง่าย

อ้านมองสำรวจจักรพรรดินี เช่นเดียวกับที่จักรพรรดินีมองสำรวจอ้าน ภายในใจของนางก็เกิดความตกตะลึงไม่ต่างกัน แดนมรณาดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากที่นางคิดเล็กน้อย

นางสามารถสัมผัสได้ถึงปราณนิรันดร์บนร่างของอ้าน!

เป็นไปได้อย่างไร!?

อ้านเคยอยู่ในสถานที่ที่มีสสารนิรันดร์มาก่อนหรือไม่ จึงสามารถกลายเป็นเซียนที่แท้จริงได้?

นางแทบไม่เชื่อเลย ว่านอกจากภพเซียนแล้ว สถานที่แห่งใดยังจะสามารถมีสสารนิรันดร์ได้อีก?

หรือว่าอ้านจะมาจากด้านในภพเซียน!?

รู้ม่านตาของนางหดลง ความคิดนี้แล่นวาบเข้ามาในใจของนาง

“ใช่ ข้าเป็นคนทำ และก็รอเจ้าอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว”

นางยืนขึ้น เผยให้เห็นรูปร่างงดงามสมบูรณ์แบบ พลางตอบกลับอ้าน แดนมรณานั้นไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่คิด นางเริ่มเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังมากขึ้น

“เจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด?”

อ้านถามอีกครั้ง เขารู้สึกหวาดเกรงหญิงงามผู้นี้ เขามองนางไม่ออกว่าอยู่ขอบเขตใดกันแน่

“ภพเซียน”

จักรพรรดินีมองไปที่อ้าน ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น นางต้องการจะรู้ว่าแดนมรณาเกี่ยวข้องอะไรกับภพเซียนหรือไม่

ผลที่ออกมา ดูเหมือนว่าแดนมรณาและภพเซียนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างลึกล้ำ หลังจากอ้านได้ยินคำตอบของจักรพรรดินี สีหน้าและท่าทางจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

“ถึงว่าข้าจึงไม่อาจมองเจ้าออก ที่แท้ก็เป็นเศษสวะจากภพเซียน!”

แววตาของอ้านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ จิตสังหารล้นทะลัก เขาไม่เอ่ยวาจาใดอีก เรียกดาบสีดำออกมาฟันไปทางจักรพรรดินีทันที

ดาบสีดำวาดออก เจตจำนงดาบพุ่งออกไป กระทั่งจักรวาลหมื่นดาราก็ยังไม่อาจทนรับได้ ถูกผ่าแบ่งเป็นสอง อ้านพุ่งเข้ามาพร้อมมีดด้วยท่าทางดุร้ายทันที ต้องการจะสังหารจักรพรรดินีให้ตายเสีย

หลังจากเห็นดาบดำเล่มนี้ จักรพรรดินีก็หมดข้อสงสัย นี่คือดาบเซียนเล่มหนึ่ง หลอมขึ้นมาจากทองเซียน นอกจากภพเซียนแล้ว ยังจะหาได้จากที่ใดอีก

“เจ้าออกมาจากภพเซียนหรือ?”

จักรพรรดินีเรียกทวนยาวออกมาด้วยท่าทางองอาจ ศัสตราเล่มยาวเปล่งแสงเซียน นางราวกับเซียนหญิงนักรบ เข้าต่อสู้กับอ้าน

เสียงโลหะปะทะกันดังกังวาน ประกายไฟกระเซ็น ทำลายความสงบของจักรวาลหมื่นดารา พลังอันน่าหวาดเกรงแผ่กระจาย ดาวดวงแล้วดวงเล่าระเบิดทลายภายใต้การต่อสู้

“ไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเกรงกลัวหรอกนะ จึงได้ออกมาจากภพเซียนเพื่อจัดการกับพวกเรา!?”

อ้านตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเยนชา ดาบดำถูกฟาดออกมาไม่หยุด ลำแสงจากดาบใหญ่เกินประมาณ ตัดกระทั่งความว่างเปล่า กาลเวลาถึงกับถูกรบกวน!

“หมายความว่าอย่างไร?”

จักรพรรดินีขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่อ้านกล่าว พวกเขาสองคนคล้ายสื่อสารไปคนละทาง เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน

“หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าวันนี้เจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”

สีหน้าของอ้านไม่แยแส เขามีท่าทางดูเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด จิตสังหารรุนแรงเป็นอย่างมาก ต้องการจะสังหารจักรพรรดินีลงที่นี่

จักรพรรดินีไม่กล่าวอะไรอีก นางวาดทวนเข้าต่อสู่กับอ้านอีกครั้ง

ต้องกล่าวเลยว่าอ้านนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากเทียบกับในภพเซียนแล้ว อ้านก็ไม่อาจนับว่าเป็นเซียนทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน อยู่เหนือเสียยิ่งกว่าเซียนส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ

ความสงสัยของจักรพรรดินีเริ่มมีมากขึ้น อ้านมาจากภพเซียนจริงหรือไม่?

นอกจากนี้แล้ว ในแดนมรณามีอ้านเป็นเซียนเพียงผู้เดียว หรือยังมีเซียนคนอื่น ๆ นอกจากเขาอยู่อีก

นางร้อนใจอยากรู้คำตอบ จึงไม่ยั้งมืออีกต่อไป แม้อ้านจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เหนือกว่าเซียนทั่วไป แต่ทว่าต่อหน้านางแล้ว อ้านไม่อาจนับเป็นสิ่งใด ยังห่างชั้นมากเกินไป

ไม่ต้องพูดถึงอ้าน คนในภพเซียนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอ้านไม่รู้เท่าไหร่นางยังเคยสังหารมาไม่น้อย ขอบเขตของนางอยู่เหนือยิ่งกว่าเซียน!

ทวนยาวทะลวงนภา ราวกับไร้ผู้ต้านทาน ดาบดำที่ฟาดเข้าใส่ไม่อาจต้านรับ ทวนยาวพุ่งทะลุผ่านเข้าใส่ไหล่ซ้ายของอ้าน เพียงจักรพรรดินีออกแรง ร่างของอ้านก็ปลิวกระเด็นออกไป!

“อ๊าก!”

อ้านกรีดร้องเสียงดังลั่น โลหิตสาดกระเซ็น ทวนยาวไม่เพียงแต่แทงเข้าไปในร่างของเขา ยังแทงทะลุเข้าไปถึงวิญญาณ นำพาความเจ็บปวดมหาศาลเข้าใส่

เขาไม่คาดคิดว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดินีจะเก็บงำฝีมือตนเองเอาไว้ ไม่ได้ใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ ตอนนี้เมื่อไม่ยั้งมือ เขาจึงไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดินีแม้แต่น้อย ช่องว่างนั้นใหญ่เป็นอย่างมาก

“นี่มันอะไรกัน หากไม่ใช่เพราะตอนนั้น ข้าจะอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ? เจ้าจะสามารถอยู่เหนือข้าได้อย่างไร!”

อ้านมองไปที่จักรพรรดินีอย่างดุร้าย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้น ครั้งหนึ่งพวกเขาล้วนเคยเป็นเซียน เพียงแต่ถูกทอดทิ้ง ไม่เช่นนั้น เขาเชื่อว่าตนเองจะไม่มีวันอ่อนแอไปกว่าจักรพรรดินี!

จักรพรรดินีไม่พูดอะไรให้มากความ นางสยบอ้านลง หลังจากนั้นก็ใช้พลังอันแข็งแกร่งค้นวิญญาณของอ้าน

นางต้องการจะรู้อย่างรวดเร็ว ภายในวิญญาณของอ้านไม่สามารถปิดบังสิ่งใดได้

ความจริงค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายไปบ้าง แต่ก็ดูแล้วสมเหตุสมผล นางได้รู้เรื่องราวว่าตระกูลต่าง ๆ ในภพเซียนทำเรื่องอะไรลงไปบ้าน

ภพเซียนอันสูงส่งไร้ผู้เปรียบ แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นแดนที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง แต่เดิมทีอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ก่อนจะแยกตัวออกไปเป็นเอกเทศ

นานแสนนานมาแล้ว ครั้งที่อาณาจักรแห่งนี้เจริญรุ่งเรือง หนทางการฝึกตนเต็มไปด้วยความเฟื่องฟู เซียนไม่นับว่าเป็นขั้นสูงสุด เป็นเพียงแค่ขอบเขตหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตอื่นในอาณาจักรแห่งนี้

ยามนั้น สสารนิรันดร์ปกคลุมอย่างหนาแน่นทั่วทั้งอาณาจักร วัตถุฝึกตนระดับสูงสามารถหาพบเห็นได้ทุกที่ การฝึกตนจนกลายเป็นเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบาก ไม่ว่าใครที่มีพรสวรรค์ก็ล้วนสามารถก้าวสู่หนทางเซียน กลายเป็นเซียนได้สำเร็จ

น่าเสียดาย ไม่รู้ด้วยเหตุใด ณ ช่วงเวลาหนึ่งกลับเกิดพลังพิศวงปะทุขึ้นมา ไม่มีผู้ใดรู้ชัดเจนว่าพลังพิศวงนั้นคือสิ่งใด แต่กระทั่งเซียนก็ไม่อาจต้านทานได้ เมื่อได้รับพลังพิศวงนี้เข้าไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ร่างกายคนจะมีหลากหลายสีปรากฏออกมา กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจบรรยายได้

มันเป็นหายนะครั้งใหญ่ กวาดล้างไปทั่วทั้งอาณาจักร สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนติดเชื้อ ถูกพลังพิศวงเข้ารุกล้ำ ความมืดและความสิ้นหวังเกิดขึ้นกับทุกชีวิต

ส่วนเซียน…กลับหนีไป!

ผู้นำในหมู่พวกเขาได้ใช้พลังอันยิ่งใหญ่รวบรวมสสารนิรันดร์ทั้งหมดหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งนี้ไปด้วย

หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้สร้างอาณาจักรขึ้นมาแห่งหนึ่ง นั่นก็คือภพเซียนในปัจจุบัน

ทว่าไม่ใช่เซียนทั้งหมดที่สามารถหนีไปด้วยได้ มีเซียนส่วนหนึ่งถูกทอดทิ้งเอาไว้ พวกเขาก็คือแดนมรณาในปัจจุบัน!

“นี่หรือภพเซียน!”

จักรพรรดินียิ้มเย้ยหยัน นางอยู่ภพเซียนมาเป็นระยะเวลานาน รู้ชัดแจ้งดีว่าด้านในภพเซียนนั้นคือโลกที่เลวร้ายเพียงใด ไม่ได้สวยงามดั่งที่คนภายนอกมองมา คนส่วนใหญ่ในภพเซียนล้วนเห็นแก่ตัว ทำทุกสิ่งก็เพื่อตนเองเท่านั้น

เกิดปัญหาขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้ สสารนิรันดร์ไม่สามารถเกิดขึ้นมาใหม่ได้ ภพเซียนได้นำสสารนิรันดร์ทั้งหมดไปสร้างเป็นแดนของตนเองและไม่ยอมให้สสารนิรันดร์รั่วไหลออกไป

อย่างไรเสียสสารนิรันดร์ก็ไม่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้ จำเป็นต้องใช้ให้น้อยที่สุด

การทอดทิ้งเซียนเหล่านี้ เกรงว่าเป็นเพราะไม่ต้องการให้ภพเซียนมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากจนเกินไป ทำให้เกิดสถานการณ์ขาดแคลนสสารนิรันดร์

“เลวทรามเป็นอย่างยิ่ง!”

สีหน้าของจักรพรรดินีเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม เมื่อได้รู้ความจริงแล้ว นางก็เกลียดชังภพเซียนมากยิ่งขึ้น

ยามที่อาณาจักรแห่งนี้ประสบกับหายนะ แทนที่เซียนเหล่านั้นจะร่วมมือกันต่อสู้ กลับดึงฟืนออกจากก้นหม้อ*[1] นำสสารนิรันดร์และสสารบ่มเพาะระดับสูงไปด้วยจนสิ้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช้คำว่าเลวทรามมาอธิบายแล้วจะใช้คำใดได้อีก?

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเรื่องโหดร้ายนองเลือด…

[1] ดึงฟืนออกจากก้นหม้อ (釜底抽薪) หมายถึง ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หรือ ทำลายที่ตั้งรากฐาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด