รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]บทที่ 75 ก่อนหน้าข้ามิได้ตาถั่ว เป็นกู่ฉินธรรมดาจริงหรือนี่?

Now you are reading รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] Chapter บทที่ 75 ก่อนหน้าข้ามิได้ตาถั่ว เป็นกู่ฉินธรรมดาจริงหรือนี่? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 ก่อนหน้าข้ามิได้ตาถั่ว เป็นกู่ฉินธรรมดาจริงหรือนี่?

“อะไรนะ! แดนบูรพาทิศมีท่านเซียนปรากฏตัวอย่างนั้นหรือ!?”

ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ตำหนักเหิงเทียน ประมุขแดนเหิงเทียนได้ยินข่าวที่หูช่วงนำกลับมาแล้ว สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความตะลึงไม่อยากเชื่อ

ท่านเซียนผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ!

จะเป็นไปได้อย่างไร!

นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ไม่เคยมีเทพเซียนปรากฏ แม้กระทั่งจักรพรรดิผู้เลื่องชื่อสมัยโบราณกาล มากด้วยความปรีชาสามารถ ลงท้ายก็ไม่อาจเป็นเซียน ตายตกลงระหว่างทางบรรลุเซียนกันทั้งนั้น…

หูช่วงกลับอ้างว่าแดนบูรพาทิศมีเทพเซียนอย่างนั้นหรือ…จะให้เขาเชื่อได้อย่างไร

“มือถือขวานเบิกสวรรค์ซึ่งมีจังหวะแห่งเซียนอมตะ…ทั้งยังมีพลังบางอย่างคอยปกป้องจากที่ที่มองไม่เห็น คนผู้นั้นมิใช่เทพเซียนแล้วจะเป็นอะไรได้อีก…”

หูช่วงสาธยายสิ่งที่เขาได้เห็นแก่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกครั้ง

เมื่อเขากลับจากแดนบูรพาทิศมาถึงภาคกลาง ก็มาหาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที บอกกล่าวเรื่องราวที่เขาได้พบท่านเซียนแก่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

ส่วนสถานการณ์ที่ซากโบราณนั้น เขาไม่เอ่ยถึงสักนิด เพราะท่านเซียนสำคัญกว่าซากโบราณนั้นมาก…

“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ดูผิดไป”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างอดไม่ได้

ต่อให้เขาฟังหูช่วงเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง ก็ยังยากจะทำใจเชื่อ

ถึงอย่างไรเทพเซียนก็เป็นสิ่งที่ล่องลอยเกินไป จนดูไม่มีทางค้นพบ!

“ข้าไม่มีทางจับสัมผัสจังหวะแห่งเซียนอมตะผิด ขวานหลังนั้นต้องเป็นขวานเบิกสวรรค์ไม่ผิดแน่!”

หูช่วงเอ่ยด้วยท่าทางแน่วแน่

เขารู้ว่าสิ่งที่เขาเล่านั้นเหลือเชื่อเกินไป ยากจะให้ใครเชื่อได้ลง

แต่เขามิได้โกหก ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ คนผู้นั้นเหนือเกินการหยั่งจริง ๆ อย่างต่ำที่สุดก็ต้องเป็นเทพเซียน!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่พูดจา ทว่ามีสีหน้าเคร่งขรึมราวกับกำลังใคร่ครวญบางอย่างอยู่

ระดับพลังของหูช่วงมิต่ำต้อย ในเมื่อหูช่วงยืนกรานเช่นนี้ บ่งบอกว่าต่อให้คนผู้นั้นมิใช่เทพเซียน ก็ต้องเป็นผู้อาวุโสทรงพลังน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน!

“ข้าจะเดินทางไปยังแดนบูรพาทิศกับเจ้า!”

เขาตัดสินใจทันที และอยากไปพบผู้ที่หูช่วงกล่าวถึงที่แดนบูรพาทิศ

“ได้!”

หูช่วงพยักหน้า ทว่านึกถึงซากโบราณที่แดนบูรพาทิศขึ้นมา จึงบอกกล่าวถึงสถานการณ์ที่ซากโบราณให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทราบ

“ซากโบราณแห่งนั้นไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่เราคิดไว้ สมบัติล้ำค่าภายในนั้นน่าทึ่งเหลือแสน ยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นและจากเผ่าอื่นบุกอยู่หลายวันก็ยังไม่ได้ผล ซ้ำไม่อาจแผ้วพานพลังที่คอยปกป้องซากโบราณนั้นได้…”

เขาอธิบายโดยละเอียด รวมถึงตอนที่ยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญค่ายกลกางค่ายกลกำลังมหาศาล ผนึกกำลังของยอดฝีมือทั้งหมดไว้ด้วยกันก็ยังไม่ไหว ความห่างชั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลย

หลังจากฟังคำบอกเล่าของหูช่วงจบ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้ข้าจะนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย!”

เขาเรียกผู้เฒ่าท่านอื่นแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้ามา กำชับอยู่ยกใหญ่ แล้วจึงสั่งให้ผู้เฒ่าจำนวนหนึ่งไปเสริมกำลังที่ซากโบราณ ณ แดนบูรพาทิศ และให้ผู้เฒ่าคนอื่น ๆ อยู่เฝ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นเขาและหูช่วง รวมถึงผู้เฒ่าจำนวนหนึ่งก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าไปยังแดนบูรพาทิศ

ภายในลานบ้านหลังเล็กของหลี่จิ่วเต้า หลิงอินเฝ้ามองเครื่องกู่ฉินและสายพิณตาละห้อยทุกวี่วัน ไถ่ถามหลี่จิ่วเต้าอยู่ตลอด “ผู้อาวุโสยังไม่ได้ที่อีกหรือ ข้าดูแล้วก็ตากมานานพอแล้วนะเจ้าคะ!”

ถ้าผู้ที่ล่วงรู้ตัวตนจริง ๆ ของหลิงอินเห็นเข้า คงหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง…

บุคคลระดับขั้นสูงสุดแห่งโบราณกาลเชียวนะ แต่ละวันต้องทนร้อนใจกับการรอคอยอย่างนี้อีกหรือ

“ใกล้เสร็จแล้ว รออีกสักสองวันคงได้ที่”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “เจ้าไม่ต้องร้อนรนเช่นนี้อยู่ตลอดก็ได้ ฉวยโอกาสช่วงนี้คิดชื่อดี ๆ ให้กู่ฉินหลังนี้สิ”

“จริงสิ ข้ายังไม่ได้คิดชื่อเลย!”

หลิงอินเอียงหัวคิดชื่อ

ชื่อกู่ฉินเทียนอิน (เสียงสวรรค์) เหมือนเดิมดีไหมนะ

กู่ฉินเทียนอินเป็นชื่อศาสตราเวทประจำกายของนางในอดีต

ไม่ดีกระมัง!

นี่คือกู่ฉินที่ผู้อาวุโสสร้างให้กับมือ กู่ฉินของนางในอดีตไฉนเลยจะมาเทียบเทียมกับกู่ฉินที่ผู้อาวุโสสร้างขึ้นได้

ซ้ำยังใช้ชื่อกู่ฉินเทียนอินอีก เหมือนเป็นการล่วงเกินกู่ฉินของผู้อาวุโสเลย…

คิดอีกสิ!

เรียกว่ากู่ฉินเฉิงเซียนดีหรือไม่

มีความหมายว่าบรรลุเซียน!

ไม่ดีกระมัง…

ชื่อโจ่งแจ้งปานนี้ มิเป็นการทำให้ผู้อาวุโสระคายใจหรอกหรือ

ผู้อาวุโสเรียกตนว่ามนุษย์นะ!

ไสวดั่งจิงหง อ่อนช้อยดั่งมังกร เรียกว่ากู่ฉินจิงหงดีหรือไม่

ดูดัดจริตต่ำต้อยเกินไปหรือเปล่า

หลิงอินสับสนวุ่นวาย คิดชื่อได้มากมาย แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ดีพอสักชื่อ…

‘เด็กสาวเป็นแบบนี้กันหมดหรือเปล่า!’

หลี่จิ่วเต้าเห็นสีหน้าสับสนของหลิงอินแล้วลอบกระตุกมุมปาก คิดอยู่ในใจ

ชายหนุ่มนึกถึงเมื่อครั้งเขามอบคันศรที่เขาทำเองให้เซี่ยเหยียน เซี่ยเหยียนก็มีท่าทีเช่นนี้แหละ แค่คิดชื่อก็คิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ตกลงกับตัวเองไม่ได้เสียที

หลิงอินในตอนนี้ก็เป็นเช่นกัน!

ดูท่าไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือปุถุชน ตราบใดที่เป็นเด็กสาว ก็มีความลำบากในการตั้งชื่อทั้งสิ้น

หากเป็นผู้ชาย ไฉนเลยจะสับสนวุ่นวายถึงเพียงนี้ คิดอะไรได้ก็ตั้งเป็นชื่อเลย

“ไม่ต้องรีบก็ได้ ค่อย ๆ คิดเถอะ ยังมีเวลาอีกเยอะเลย”

หลี่จิ่วเต้าบอกหลิงอินด้วยรอยยิ้ม

แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็เบี่ยงเบนความสนใจของหลิงอินออกไป หลิงอินจะได้ไม่ต้องเฝ้ารอตาละห้อยอยู่เช่นนี้ทุกวัน

เวลาล่วงเลยไปทีละนิด จนผ่านไปอีกสองวัน

หลิงอินมาแต่เช้า

ผู้เฒ่าเมิ่งจีและลั่วสุ่ยก็ตื่นเช้ามากเช่นกัน พวกเขาตื่นมารอหลี่จิ่วเต้าและรอชมกู่ฉิน

ผู้อาวุโสจะสร้างกู่ฉินแบบไหนออกมานะ?

พวกเขาใคร่รู้และคาดหวังเป็นอย่างมาก!

หลี่จิ่วเต้ามองกู่ฉินและสายพิณ หลังจากตากแดดมาหลายวัน ทั้งตัวกู่ฉินและสายพิณต่างก็ได้ที่แล้ว

เขาเริ่มประกอบกู่ฉินจริงจัง ฝังสายพิณกับกู่ฉินทีละเส้น

ขั้นตอนนี้สำคัญมากเช่นกัน หากสายพิณไม่ตรง ตำแหน่งคลาดเคลื่อน จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของกู่ฉินอย่างร้ายแรง จนเสียงของกู่ฉินนั้นด่างพร้อย

หลี่จิ่วเต้าจริงจังขึงขังและเข้มงวดอย่างที่สุด เขาฝังสายพิณเข้าไปทีละเส้น แล้วจึงตรวจทานอีกครั้งอย่างละเอียด

เสียงกู่ฉินใสกังวานดังขึ้น หลี่จิ่วเต้าตั้งใจฟัง เสียงกู่ฉินไม่มีปัญหา ไม่ด่างพร้อยแต่อย่างใด

“เสร็จแล้ว เจ้าลองมาเล่นดู”

หลี่จิ่วเต้าให้หลิงอินลองเล่นกู่ฉิน

เสร็จแล้ว?

หลิงอินเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง ต่างจากที่นางจินตนาการไว้โดยสิ้น…

ผู้อาวุโสออกโรงทั้งที ย่อมเป็นของชั้นเลิศ โดยเฉพาะเมื่อผู้อาวุโสใส่ใจถึงเพียงนี้

ทว่านางดูไม่ออกเลยว่ากู่ฉินหลังนี้ไม่ธรรมดาตรงไหน!

ประสาทสัมผัสญาณขั้นสูงสุดของนางก็ไม่รู้สึกถึงจังหวะแห่งเต๋าพิเศษใด ๆ จากกู่ฉินหลังนี้ นี่คือกู่ฉินแสนธรรมดายิ่ง…

หรือว่าก่อนหน้านี้นางมิได้ตาถั่ว ต้นหนานมู่เก่าแก่ต้นนั้นคือต้นธรรมดา ใยไหมสวรรค์ก็เป็นใยธรรมดา?

‘ไม่หรอกกระมัง!’

ผู้เฒ่าเมิ่งจีประหลาดใจสุดซึ้ง

กู่ฉินสร้างเสร็จแล้ว ตัวเขาเองก็สัมผัสถึงความวิเศษไม่ได้เช่นกัน นี่เป็นกู่ฉินธรรมดาอย่างสิ้นเชิง!

‘เบาปัญญานัก!’

หลิงอินเห็นสีหน้าของลั่วสุ่ยและผู้เฒ่าเมิ่งจีจึงเอ่ยในใจอย่างดูแคลน

ต่อให้ผู้อาวุโสเขียนคำว่าไร้ประโยชน์ ตัวอักษรไร้ประโยชน์นั้นยังแฝงไว้ซึ่งจังหวะแห่งเต๋ามหาศาล วัสดุเหลือทิ้งจากการสลักยังแฝงไว้ด้วยพลังสยดสยองท่วมฟ้า กู่ฉินที่พิถีพิถันสร้างขึ้นเช่นนี้ มีหรือจะเป็นเพียงกู่ฉินธรรมดา

‘ก่อนนี้มีเซี่ยเหยียน บัดนี้มีหลิงอิน เฮ้อ…ข้านี่โชคร้ายเสียจริง!’

ลั่วสุ่ยไม่ชอบใจนัก

ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเหยียนหรือหลิงอินต่างได้รับความโปรดปรานจากผู้อาวุโส นางหึงนิดหน่อย คิดในใจไปว่าเมื่อใดพวกเจ้าจะเลิกมาหาผู้อาวุโสเสียที ให้ข้าได้อยู่ตามลำพังกับผู้อาวุโสบ้างไม่ได้หรือ!

ทว่านางกล้าแค่พูดในใจเท่านั้น…

นางหรือจะหาญกล้าบงการการกระทำของผู้อาวุโส!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด