Scholar’s Advanced Technological System 1258 หนังสติ๊กแม่เหล็ก

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1258 หนังสติ๊กแม่เหล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จุดประสงค์ในการมาเยือนประเทศจีนครั้งนี้ของผู้อำนวยการคาร์สันเห็นได้ชัดมาก

เป้าหมายแรกของเขาคือการกระชับความสัมพันธ์ด้านการบินและอวกาศกับประเทศจีน อย่างการขอเช่ารางขนส่งบนดวงจันทร์เป็นต้น เป้าหมายที่สองของเขาคือการซื้อเวลาให้อุตสาหกรรมการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา

แต่ทางฝั่งประเทศจีนเหมือนจะไม่ให้โอกาสเขาเจรจามากนัก แม้ทำเนียบขาวจะคาดหวังกับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนคาร์สันมากนัก

ทำเนียบขาวยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวกับเรื่องเมืองก่วงฮั่น

ถึงพวกเขาจะไม่เต็มใจเท่าไร แต่ก็ต้องยอมประนีประนอมในหลายๆ เรื่องกับจีนอยู่ดี

สถานีพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ในแคลิฟอร์เนียทำให้ทั้งแดนตะวันตกต้องยอมโค้งคำนับให้กับจีน ต่อให้คนแคลิฟอร์เนียไม่ชอบวัฒนธรรมหรือผลิตภัณฑ์ของจีน พวกเขาก็ยังหวังว่าหน่วยงานของอเมริกาจะไม่ไปทำให้จีนไม่พอใจ

เพราะคนลอสแอนเจลิสก็พอใจกับพลังงานฟิวชั่นที่สะอาดและมีราคาถูก การพัฒนาสังคมของทั้งประเทศตะวันตกได้กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง

คนส่วนใหญ่ไม่อยากกลับไปใช้พลังงานเคมีและพลังงานความร้อนที่ทั้งราคาแพงและคุณภาพไม่ดีแล้ว

สังคมก็เป็นอย่างนี้นี่แหละ

ทุกคนก็อยากได้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องกันทั้งนั้น

ถ้าพวกเขาต้องเจอกับขาลงแล้วล่ะก็…แม้แต่การพัฒนาถอยหลังในเรื่องเล็กๆ ก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ได้

ถ้าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเริ่มเสื่อมถอยลงและจีนสั่งให้นำผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ต่างๆ จากจีนกลับประเทศแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาจะทำให้คนแคลิฟอร์เนียและคนทั้งชายฝั่งเวสต์โคสต์ของสหรัฐอเมริการับไม่ได้ นักการเมืองจะต้องโดนประท้วงจนออกจากตำแหน่งแน่ๆ …

หากพูดตรงๆ แล้ว การประชุมในปักกิ่งเป็นไปได้อย่างราบรื่นมาก

ไม่ว่าในใจของผู้อำนวยการคาร์สันจะฉุนเฉียวมากเพียงใด แต่ภายนอกเขาก็ทำเพียงยืนสงบนิ่งเหมือนกระต่ายตัวหนึ่ง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมและสุภาพ เขาทำตัวเหมือนพวกนักการเมืองจากประเทศที่พัฒนาแล้ว

สถานการณ์แบบนี้หาได้ยากมาก

ผู้คนจะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนออกมาก็ต่อเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับคนที่อ่อนแอ ถึงแม้พวกเขาจะยึดหลักการว่าต้องสุภาพเข้าไว้ แต่ความยิ่งผยองก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในแววตาของพวกเขา

หลังจบการประชุม ผู้อำนวยการหลี่ก็นำบันทึกการประชุมไปให้กับคนเบื้องบนและรายงานผลลัพธ์การประชุมให้กับท่านประธานาธิบดีฟัง

หลังจากที่ท่านประธานาธิบดีได้ยินรายงานเรื่องดังกล่าว เขาก็เคาะโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ผมจะขอแนะแนวทางสักหน่อยแล้วกันนะ”

ผู้อำนวยการหลี่กล่าวรับ “ได้ครับท่าน บอกมาเลยครับ”

“การร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกานั้นทำได้ไม่มีปัญหา แต่จะไม่มีการประนีประนอมทางการเมืองเป็นอันขาด”

ผู้อำนวยการหลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง “เข้าใจแล้วครับท่าน”

ถึงแม้ประโยคจะดูสั้นๆ แต่ข้อมูลที่ได้มาก็นับว่าใหญ่มาก

การร่วมมือทางเศรษฐกิจหมายถึงการอนุญาตให้อเมริกาสามารถเจรจาเรื่องขอเช่ารางขนส่งบนดวงจันทร์ได้ ตราบใดที่พวกเขาทำตามแผนการคมนาคมของตัวเองได้เสร็จเรียบร้อย ส่วนที่เหลือนอกเหนือจากแผนก็สามารถนำไปขายให้ลูกค้าต่างชาติได้

พวกเขายังต้องสร้างสิ่งก่อสร้างสาธารณะในเมืองก่วงฮั่นและจัดหาสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันกับสินค้าสำหรับผู้บริโภคให้กับชาวเมืองก่วงฮั่นอีกด้วย ประเทศจีนไม่มีแผนจะปิดตลาดพวกนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาสามารถให้การบริการที่ดีกว่าและมีราคาถูกลงกว่าเดิมได้ พวกเขาก็จะได้กำไรมหาศาล

ส่วนเรื่องการประนีประนอมทางการเมือง…

ง่ายๆ เลยก็คือท่านประธานาธิบดีไม่อยากตัดสินใจเรื่องเขตก่วงฮั่นอย่างไร้ความรับผิดชอบ

ท่านประธานาธิบดีถาม “ยังมีอะไรอีกไหม? ”

ผู้อำนวยการหลี่ตอบ “มีอีกเรื่องครับ”

“ว่ามาเลย”

“คาร์สันอยากได้ดินดวงจันทร์นิดหน่อยจากพวกเรา…หรือไม่ก็หินอุกกาบาตดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพของพวกเราสองประเทศครับ”

ท่านประธานาธิบดียิ้ม หลังจากนั้นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า

“พวกเราควรจะให้ความเคารพกับเพื่อนต่างชาติของเรานะ”

“ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยให้ตัวอย่างดินดวงจันทร์ 1 กรัมกับพวกเรามาก่อน พวกเราจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธคำขอนี้ ไปคุยกับคณะกรรมการวงโคจรของดวงจันทร์แล้วบอกให้พวกเขาเอาดินดวงจันทร์ 1 กิโลกรัมส่งไปให้คาร์สัน”

“แล้วก็บอกให้คาร์สันถ่ายทอดคำพูดนี้กลับไปด้วย”

“ทรัพยากรบนดวงจันทร์เป็นของมวลมนุษยชาติไม่ใช่แค่ของประเทศจีนเพียงอย่างเดียว ไม่มีประเทศไหนที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอยู่ประเทศเดียว ทุกประเทศต่างมีสิทธิ์ในการเข้าไปพัฒนาและหยิบมาใช้กันทั้งนั้น พวกเราต้อนรับทุกประเทศและทุกองค์กรที่พร้อมจะมาเข้าทีมสำรวจอนาคตของมวลมนุษยชาติ”

“ตราบใดที่ทุกอย่างยังอยู่ในขอบเขตของสันติ… ”

“จากนั้น พวกเราก็จะตามหาจุดกึ่งกลางระหว่างพวกเราในขณะที่ก็ยังคงความแตกต่างในตัวไว้”

ณ จินหลิง

ด้านในแมนชั่นที่จงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล

ลู่โจวยังอยู่ในห้องอ่านหนังสือ เขากำลังเล่นอยู่กับของเล่นใหม่ที่มาจากภารกิจระบบครั้งก่อน

มันเป็นกำไลข้อมือสีดำ รูปทรงมันคล้ายกับนาฬิกาข้อมือเพื่อสุขภาพส่วนใหญ่ แม้กระทั่งดีไซน์ยังเป็นหน้าจอ LED ที่เหมือนกับนาฬิกาข้อมือเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไปเลย

แต่ลางสังหรณ์ของลู่โจวบอกเขาว่าวัสดุที่ใช้ทำกำไลนี้และเทคโนโลยีที่ใช้ทำหน้าจออาจจะไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่บนดาวโลก และบริเวณข้างกำไลนี้ยังมีร่องอยู่ 5 ร่องอีกด้วย

เมื่อเขาใช้นิ้วแตะหน้าจอเบาๆ ลูกบอลเหล็กสีดำ 5 ลูกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า 10 มิลลิเมตรก็โผล่ออกมาจากร่องนั้น ภายใต้แรงดึงดูดของสนามแม่เหล็ก ทำให้ลูกบอลเล็กๆ พวกนี้ขยับช้าๆ ไปมารอบกำไล มันดูค่อนข้างจะน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว

ลู่โจวลองขยับมือมาใกล้ๆ แล้วโบกมือ ลูกบอลโลหะสีดำทั้งห้าลูกเหมือนจะถูกล็อกติดอยู่กับกำไล

“น่าสนใจ…”

ลู่โจวใช้มือซ้ายจับลูกบอลเล็กลูกหนึ่งแล้วดึงมันออกจากสนามแม่เหล็กที่อยู่เหนือกำไล เมื่อเขาปล่อยลูกบอลที่ดึงไว้ ลูกบอลเหมือนจะถูกเส้นด้ายที่มองไม่เห็นตรึงไว้ มันเด้งกลับเข้ากำไลในทันที

“นี่มันของเล่นของเอเลี่ยนงั้นเหรอ? ”

ลู่โจวมองลูกบอลเหล็กสีดำที่ลอยอยู่เหนือข้อมือของเขา เขาเริ่มสนใจเจ้านี่มากขึ้นทุกทีๆ

คำอธิบายไอเทมนี้ของระบบเป็นคำอธิบายที่คลุมเครือมาก มันไม่ได้ระบุชื่อเฉพาะของสิ่งนี้ให้ด้วยซ้ำ เขาเป็นฝ่ายค้นพบฟังก์ชันบางอย่างของกำไลนี้ด้วยตัวเอง

อย่างฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานที่สุดของมัน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไปก็คือ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจและการจับเวลา

ส่วนฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของมันคือการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ในบริเวณรอบๆ กำไล ซึ่งสามารถควบคุมการขยับของลูกบอลโลหะได้

และดูเหมือนจะมีอุปกรณ์จดจำคลื่นสมองติดตั้งไว้ในกำไลนี้ด้วย มันสามารถรับสัญญาณประสาทได้ จากนั้นก็เปลี่ยนมันให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และประมวลผลโดยใช้ชิปข้างในกำไล จากนั้นมันก็มอบข้อมูลนี้ให้กับหน่วยควบคุมสนามแม่เหล็กในกำไลแล้วใช้ข้อมูลนี้ควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกบอลโลหะสีดำทั้งห้าลูก

สิ่งที่กำไลนี้ทำได้นับว่าแปลกมาก ราวกับเป็นเวทมนตร์ ลู่โจวไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร

ถ้าเอเลี่ยนไม่มีขา มันก็ไม่ต้องใช้รองเท้าสิ

สิ่งเดียวที่ลู่โจวสามารถสรุปได้ตอนนี้คือวัสดุแก่น ดีไซน์แม่เหล็กไฟฟ้า และเทคโนโลยีควบคุมสนามแม่เหล็กที่กำไลนี้มีนั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเทคโนโลยีบนโลกมนุษย์มาก

ลู่โจวที่กำลังขยับกำไลไปมาทางนู้นทีทางนี้ทีอยู่นั้น จู่ๆ ก็สังเกตเห็นโลโก้ที่เขาคุ้นเคยข้างใน

เขาจำโลโก้นี้ได้รางๆ จากความฝันครั้งนั้น

“เสี่ยวไอ”

โดรนที่ลอยอยู่ข้างๆ ปรากฏข้อความบนหน้าจอโดรน

[มีอะไรหรือเปล่า? เจ้านาย (✿゚▽゚)]

ลู่โจวจ้องไปที่ลูกบอลโลหะห้าลูกที่ลอยอยู่ในมือของเขา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถามว่า “มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับเจ้านี่ในฐานข้อมูลของเสี่ยวไอไหม?”

ในใจของลู่โจวก็ไม่ได้หวังอะไรหรอก

เพราะเขาก็ถามคำถามแนวนี้ไปนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบที่เป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเสียที

สิ่งเดียวที่เขาสรุปได้ในตอนนี้คือเสี่ยวไออาจจะเป็นโปรแกรมนำทางบนยานอวกาศที่ฉลาดที่สุดที่ส่งมาจากอารยธรรมคาลานจากใจกลางกาแล็กซี

น่าเสียดายที่ความทรงจำของจักรวาลก่อนหน้าเหมือนจะถูกลบออกไปจากฐานข้อมูลจนหมด ไม่เหลือเบาะแสที่มีค่าเลยสักนิด

[เสี่ยวไอเจอข้อมูลบางอย่างในฐานข้อมูลด้วยล่ะ]

ลู่โจว “…?! ”

ลู่โจวคิดว่าเขาเผลออ่านข้อความของเสี่ยวไอผิดไป

หลังจากอ่านข้อความซ้ำอีกรอบ สมองเขาก็กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เขาพูดขึ้นทันทีว่า “เอาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมันมา ทุกอย่างเลยนะ!”

[ขอเสี่ยวไอดูก่อนนะ…(๑•̀ᄇ•́)و✧]

เสี่ยวไอหายไปนานมาก

ลู่โจวเริ่มจะสงสัยว่าโปรแกรมของเสี่ยวไอแครชหรือเปล่า แต่สุดท้าย ข้อความสีน้ำเงินอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเล็ก

[แปลกจัง…ก็ยังมีร่องรอยที่เห็นได้ชัดหลงเหลืออยู่ในแคชนี่นา แต่เหมือนข้อมูลจะโดนลบไปหมดแล้วอะ …Σ(°△°|||)]

[สรุปแล้วนี่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธนะ มันเคยเป็นของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีพลังมากเลย (@[อีเมลมีการป้องกัน];)]

ลู่โจว “…? ”

นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?!

ลู่โจวตกใจ

ดูเหมือนเสี่ยวไอจะค้นพบว่า ใน ‘ความทรงจำ’ ของมัน ได้มีร่องรอยของบางสิ่งบางอย่างถูกลบออกไป

แต่ก็นั่นแหละ ปัญญาประดิษฐ์แบบเสี่ยวไอนับว่ามี ‘ความทรงจำ’ ด้วยเหรอ? ความทรงจำที่ว่านี่มีตัวตนอยู่ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีฮาร์ดแวร์?

ลู่โจวกำลังคิดเรื่องปริศนานี้อยู่ ในขณะที่ข้อความอีกประโยคก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ

[เจ้านาย ลองดูสักหน่อยไหม ใช้จินตนาการของเจ้านายหรืออะไรก็ได้…แล้วปล่อยมันออกไปตามแบบที่ควรจะเป็น (°ー°〃)]

จินตนาการ?

อาวุธ?

ปล่อย?

ลู่โจวมองลูกบอลโลหะ 5 ลูกที่ลอยอยู่บนฝ่ามือ เขาเริ่มครุ่นคิด

ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขามองตรงไปที่แจกันบนกำแพง

“ถ้านี่เป็นอาวุธแล้วล่ะก็…”

เขาเริ่มโฟกัสสมาธิไปที่กระถางดอกไม้ ถึงแม้มันจะทำให้เขาดูตลกๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ ตราบใดที่ไม่มีใครคนอื่นอยู่ในห้องอ่านหนังสือนี้กับเขาด้วยน่ะนะ

หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น ลู่โจวรู้สึกว่าลูกบอลโลหะ 5 ลูกที่ลอยอยู่เหนือมือของเขาเริ่มจะสั่น

เหมือนกับไกปืนกำลังถูกเหนี่ยว

ลู่โจวรู้สึกถึงแรงมหาศาลบริเวณข้อมือและปลายแขนของเขา ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แจกันที่เขากำลังจ้องอยู่ก็แตกละเอียดไปเป็นที่เรียบร้อย

เหมือนกับว่า…

มันถูกกระสุนปืนยิงเข้าให้

เหนือฝ่ามือของเขา ลูกบอลเหล็กที่ลอยอยู่ได้หายไปหนึ่งลูก

ลู่โจวมองรูกระสุนลึกที่ฝังอยู่บนกำแพง ใบหน้าของเขามีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“หนังสติ๊กแม่เหล็กเหรอ? ”

หรืออะไรสักอย่างทำนองนั้นนั่นแหละ

เขาไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้านี่ว่าอะไรดี สิ่งเดียวที่เขาบอกได้ก็คือ มันอาจจะเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ควบคุมแบบพิเศษฟังติดอยู่ในลูกบอลโลหะ เมื่อเขา ‘ออกคำสั่งโจมตี’ พลังงานไฟฟ้าในลูกบอลก็ถูกปล่อยออกมาทันที มันเปลี่ยนตัวเองเป็นสนามแม่เหล็กแล้วพุ่งออกมาจากกำไล

บอลเป็นเหมือนกับอาวุธโปรเจกไทล์ที่มากับหนังสติ๊ก มันดีดตัวออกมาในทันที

ถึงแม้หลักการจะฟังดูง่าย แต่เอาจริงๆ มันค่อนข้างบ้าเลยทีเดียว

สนามแม่เหล็กประเภทไหนกันที่สามารถทำให้ลูกบอลโลหะขนาด 10 มิลลิเมตร เปลี่ยนสภาพไปเป็นเหมือนลูกกระสุนได้? ยังไม่นับว่าการสามารถแทรกสนามแม่เหล็กและชิปควบคุมลงในลูกบอลเหล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 10 มิลลิเมตรก็เป็นงานที่ยากมหันต์อยู่แล้ว

ลู่โจวรู้จากแรงดีดที่ส่งกลับมาได้เลยว่า สนามแม่เหล็กนี้แข็งแกร่งจริง

เขามองเศษแก้วที่อยู่ตรงมุมห้องแล้วเริ่มคิด จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ทำความสะอาดตรงนี้ที…”

เสี่ยวไอ [ได้เลยเจ้านาย!]

เดี๋ยวมีเวลาค่อยศึกษาโครงสร้างภายในกำไลก็แล้วกัน

เจ้า [ตัวอย่าง] ประเภทนี้มีระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกินที่มีอยู่ของดาวโลกไปมากโขแล้ว ลู่โจวไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถทำวิศวกรรมย้อนรอยเทคโนโลยีแล้วได้อะไรกลับมานัก เขาไม่สามารถทำตัวเลียนแบบเครื่องนี้ขึ้นมาได้

แต่เขาอาจจะใช้ดีไซน์ของมันเป็นตัวอ้างอิงและจุดประกายนวัตกรรมวิทยาศาสตร์บนดาวโลกได้

อย่างเทคโนโลยีควบคุมสนามแม่เหล็กที่ก้าวหน้ามากกว่าเดิม

หรือเทคโนโลยีแม่เหล็กลอย แล้วก็อะไรทำนองนั้น

โดรนลอยลงมาช้าๆ มันเก็บกวาดเศษแก้วที่อยู่บนพื้น เสี่ยวไอช่วยลู่โจวเอาลูกบอลโลหะที่ฝังอยู่ในกำแพงออกมา และยังใช้โฟมซ่อมแซมในการซ่อมรอยกระสุนบนกำแพงอีกด้วย

ลู่โจวมองเสี่ยวไอควบคุมโดรนหลายตัวและหุ่นยนต์ทำความสะอาดเพื่อเก็บกวาดเศษแก้ว เขาถอดกำไลออกจากมือขวาและเอาลูกบอลโลหะทั้งห้าลูกกลับไปใส่ในที่ที่มันโผล่ออกมา

เขากำลังจะเลิกคิดเรื่องนี้แล้วหันไปอ่านงานวิจัยสักหน่อย แต่ก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี

ลู่โจวปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองแล้วเดินลงบันไดไป

ตอนแรกเขาคิดว่าหวังเผิงอาจจะได้ยินเสียงในห้องอ่านหนังสือก็เลยมาเคาะประตูเช็กว่าเขาโอเคไหม แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอหลัวเหวินเซวียนยืนอยู่ตรงนั้น

ลู่โจวมองหลัวเหวินเซวียนแล้วถามว่า “นายออกจากเซี่ยงไฮ้มาที่นี่ทำไม?”

“พูดอะไรของนายน่ะ ฉันเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจินหลิงนะ ฉันมาอยู่ตรงนี้ก็ปกติดีไม่ใช่เหรอ?”

ลู่โจวพยายามฝืนตัวเองไม่ให้กลอกตาใส่อีกฝ่าย เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “ว่ามาเลย นายต้องการอะไร?”

“เหมือนนายจะยังไม่รู้นะเนี่ย” หลัวเหวินเซวียนยิ้มมุมปากแล้วบอกว่า “มีคนโทรไปที่ออฟฟิศของนายน่ะสิ”

“โทรมาออฟฟิศฉันเหรอ?”

“อ่าฮะ ทายสิว่าใคร?”

“ใครล่ะ…”

“ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน! ”

ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่

ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร

“เดี๋ยวนะ…”

“ฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว!”

หลัวเหวินเซวียนหัวเราะออกมาดังลั่น เขาตื่นเต้นกว่าตัวเองได้รับรางวัลเสียอีก เขายืดแขนออกมาแตะไหล่ของลู่โจว จากนั้นเขาก็ตบบ่าลู่โจวแล้วบอกว่า

“น่าประทับใจมาก!

ขอแสดงความยินดีด้วย!

นายได้รางวัลอีกแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 1258 หนังสติ๊กแม่เหล็ก

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1258 หนังสติ๊กแม่เหล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จุดประสงค์ในการมาเยือนประเทศจีนครั้งนี้ของผู้อำนวยการคาร์สันเห็นได้ชัดมาก

เป้าหมายแรกของเขาคือการกระชับความสัมพันธ์ด้านการบินและอวกาศกับประเทศจีน อย่างการขอเช่ารางขนส่งบนดวงจันทร์เป็นต้น เป้าหมายที่สองของเขาคือการซื้อเวลาให้อุตสาหกรรมการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา

แต่ทางฝั่งประเทศจีนเหมือนจะไม่ให้โอกาสเขาเจรจามากนัก แม้ทำเนียบขาวจะคาดหวังกับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนคาร์สันมากนัก

ทำเนียบขาวยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวกับเรื่องเมืองก่วงฮั่น

ถึงพวกเขาจะไม่เต็มใจเท่าไร แต่ก็ต้องยอมประนีประนอมในหลายๆ เรื่องกับจีนอยู่ดี

สถานีพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ในแคลิฟอร์เนียทำให้ทั้งแดนตะวันตกต้องยอมโค้งคำนับให้กับจีน ต่อให้คนแคลิฟอร์เนียไม่ชอบวัฒนธรรมหรือผลิตภัณฑ์ของจีน พวกเขาก็ยังหวังว่าหน่วยงานของอเมริกาจะไม่ไปทำให้จีนไม่พอใจ

เพราะคนลอสแอนเจลิสก็พอใจกับพลังงานฟิวชั่นที่สะอาดและมีราคาถูก การพัฒนาสังคมของทั้งประเทศตะวันตกได้กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง

คนส่วนใหญ่ไม่อยากกลับไปใช้พลังงานเคมีและพลังงานความร้อนที่ทั้งราคาแพงและคุณภาพไม่ดีแล้ว

สังคมก็เป็นอย่างนี้นี่แหละ

ทุกคนก็อยากได้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องกันทั้งนั้น

ถ้าพวกเขาต้องเจอกับขาลงแล้วล่ะก็…แม้แต่การพัฒนาถอยหลังในเรื่องเล็กๆ ก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ได้

ถ้าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเริ่มเสื่อมถอยลงและจีนสั่งให้นำผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ต่างๆ จากจีนกลับประเทศแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาจะทำให้คนแคลิฟอร์เนียและคนทั้งชายฝั่งเวสต์โคสต์ของสหรัฐอเมริการับไม่ได้ นักการเมืองจะต้องโดนประท้วงจนออกจากตำแหน่งแน่ๆ …

หากพูดตรงๆ แล้ว การประชุมในปักกิ่งเป็นไปได้อย่างราบรื่นมาก

ไม่ว่าในใจของผู้อำนวยการคาร์สันจะฉุนเฉียวมากเพียงใด แต่ภายนอกเขาก็ทำเพียงยืนสงบนิ่งเหมือนกระต่ายตัวหนึ่ง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมและสุภาพ เขาทำตัวเหมือนพวกนักการเมืองจากประเทศที่พัฒนาแล้ว

สถานการณ์แบบนี้หาได้ยากมาก

ผู้คนจะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนออกมาก็ต่อเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับคนที่อ่อนแอ ถึงแม้พวกเขาจะยึดหลักการว่าต้องสุภาพเข้าไว้ แต่ความยิ่งผยองก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในแววตาของพวกเขา

หลังจบการประชุม ผู้อำนวยการหลี่ก็นำบันทึกการประชุมไปให้กับคนเบื้องบนและรายงานผลลัพธ์การประชุมให้กับท่านประธานาธิบดีฟัง

หลังจากที่ท่านประธานาธิบดีได้ยินรายงานเรื่องดังกล่าว เขาก็เคาะโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ผมจะขอแนะแนวทางสักหน่อยแล้วกันนะ”

ผู้อำนวยการหลี่กล่าวรับ “ได้ครับท่าน บอกมาเลยครับ”

“การร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกานั้นทำได้ไม่มีปัญหา แต่จะไม่มีการประนีประนอมทางการเมืองเป็นอันขาด”

ผู้อำนวยการหลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง “เข้าใจแล้วครับท่าน”

ถึงแม้ประโยคจะดูสั้นๆ แต่ข้อมูลที่ได้มาก็นับว่าใหญ่มาก

การร่วมมือทางเศรษฐกิจหมายถึงการอนุญาตให้อเมริกาสามารถเจรจาเรื่องขอเช่ารางขนส่งบนดวงจันทร์ได้ ตราบใดที่พวกเขาทำตามแผนการคมนาคมของตัวเองได้เสร็จเรียบร้อย ส่วนที่เหลือนอกเหนือจากแผนก็สามารถนำไปขายให้ลูกค้าต่างชาติได้

พวกเขายังต้องสร้างสิ่งก่อสร้างสาธารณะในเมืองก่วงฮั่นและจัดหาสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันกับสินค้าสำหรับผู้บริโภคให้กับชาวเมืองก่วงฮั่นอีกด้วย ประเทศจีนไม่มีแผนจะปิดตลาดพวกนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาสามารถให้การบริการที่ดีกว่าและมีราคาถูกลงกว่าเดิมได้ พวกเขาก็จะได้กำไรมหาศาล

ส่วนเรื่องการประนีประนอมทางการเมือง…

ง่ายๆ เลยก็คือท่านประธานาธิบดีไม่อยากตัดสินใจเรื่องเขตก่วงฮั่นอย่างไร้ความรับผิดชอบ

ท่านประธานาธิบดีถาม “ยังมีอะไรอีกไหม? ”

ผู้อำนวยการหลี่ตอบ “มีอีกเรื่องครับ”

“ว่ามาเลย”

“คาร์สันอยากได้ดินดวงจันทร์นิดหน่อยจากพวกเรา…หรือไม่ก็หินอุกกาบาตดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพของพวกเราสองประเทศครับ”

ท่านประธานาธิบดียิ้ม หลังจากนั้นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า

“พวกเราควรจะให้ความเคารพกับเพื่อนต่างชาติของเรานะ”

“ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยให้ตัวอย่างดินดวงจันทร์ 1 กรัมกับพวกเรามาก่อน พวกเราจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธคำขอนี้ ไปคุยกับคณะกรรมการวงโคจรของดวงจันทร์แล้วบอกให้พวกเขาเอาดินดวงจันทร์ 1 กิโลกรัมส่งไปให้คาร์สัน”

“แล้วก็บอกให้คาร์สันถ่ายทอดคำพูดนี้กลับไปด้วย”

“ทรัพยากรบนดวงจันทร์เป็นของมวลมนุษยชาติไม่ใช่แค่ของประเทศจีนเพียงอย่างเดียว ไม่มีประเทศไหนที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอยู่ประเทศเดียว ทุกประเทศต่างมีสิทธิ์ในการเข้าไปพัฒนาและหยิบมาใช้กันทั้งนั้น พวกเราต้อนรับทุกประเทศและทุกองค์กรที่พร้อมจะมาเข้าทีมสำรวจอนาคตของมวลมนุษยชาติ”

“ตราบใดที่ทุกอย่างยังอยู่ในขอบเขตของสันติ… ”

“จากนั้น พวกเราก็จะตามหาจุดกึ่งกลางระหว่างพวกเราในขณะที่ก็ยังคงความแตกต่างในตัวไว้”

ณ จินหลิง

ด้านในแมนชั่นที่จงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล

ลู่โจวยังอยู่ในห้องอ่านหนังสือ เขากำลังเล่นอยู่กับของเล่นใหม่ที่มาจากภารกิจระบบครั้งก่อน

มันเป็นกำไลข้อมือสีดำ รูปทรงมันคล้ายกับนาฬิกาข้อมือเพื่อสุขภาพส่วนใหญ่ แม้กระทั่งดีไซน์ยังเป็นหน้าจอ LED ที่เหมือนกับนาฬิกาข้อมือเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไปเลย

แต่ลางสังหรณ์ของลู่โจวบอกเขาว่าวัสดุที่ใช้ทำกำไลนี้และเทคโนโลยีที่ใช้ทำหน้าจออาจจะไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่บนดาวโลก และบริเวณข้างกำไลนี้ยังมีร่องอยู่ 5 ร่องอีกด้วย

เมื่อเขาใช้นิ้วแตะหน้าจอเบาๆ ลูกบอลเหล็กสีดำ 5 ลูกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า 10 มิลลิเมตรก็โผล่ออกมาจากร่องนั้น ภายใต้แรงดึงดูดของสนามแม่เหล็ก ทำให้ลูกบอลเล็กๆ พวกนี้ขยับช้าๆ ไปมารอบกำไล มันดูค่อนข้างจะน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว

ลู่โจวลองขยับมือมาใกล้ๆ แล้วโบกมือ ลูกบอลโลหะสีดำทั้งห้าลูกเหมือนจะถูกล็อกติดอยู่กับกำไล

“น่าสนใจ…”

ลู่โจวใช้มือซ้ายจับลูกบอลเล็กลูกหนึ่งแล้วดึงมันออกจากสนามแม่เหล็กที่อยู่เหนือกำไล เมื่อเขาปล่อยลูกบอลที่ดึงไว้ ลูกบอลเหมือนจะถูกเส้นด้ายที่มองไม่เห็นตรึงไว้ มันเด้งกลับเข้ากำไลในทันที

“นี่มันของเล่นของเอเลี่ยนงั้นเหรอ? ”

ลู่โจวมองลูกบอลเหล็กสีดำที่ลอยอยู่เหนือข้อมือของเขา เขาเริ่มสนใจเจ้านี่มากขึ้นทุกทีๆ

คำอธิบายไอเทมนี้ของระบบเป็นคำอธิบายที่คลุมเครือมาก มันไม่ได้ระบุชื่อเฉพาะของสิ่งนี้ให้ด้วยซ้ำ เขาเป็นฝ่ายค้นพบฟังก์ชันบางอย่างของกำไลนี้ด้วยตัวเอง

อย่างฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานที่สุดของมัน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไปก็คือ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจและการจับเวลา

ส่วนฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของมันคือการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ในบริเวณรอบๆ กำไล ซึ่งสามารถควบคุมการขยับของลูกบอลโลหะได้

และดูเหมือนจะมีอุปกรณ์จดจำคลื่นสมองติดตั้งไว้ในกำไลนี้ด้วย มันสามารถรับสัญญาณประสาทได้ จากนั้นก็เปลี่ยนมันให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และประมวลผลโดยใช้ชิปข้างในกำไล จากนั้นมันก็มอบข้อมูลนี้ให้กับหน่วยควบคุมสนามแม่เหล็กในกำไลแล้วใช้ข้อมูลนี้ควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกบอลโลหะสีดำทั้งห้าลูก

สิ่งที่กำไลนี้ทำได้นับว่าแปลกมาก ราวกับเป็นเวทมนตร์ ลู่โจวไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร

ถ้าเอเลี่ยนไม่มีขา มันก็ไม่ต้องใช้รองเท้าสิ

สิ่งเดียวที่ลู่โจวสามารถสรุปได้ตอนนี้คือวัสดุแก่น ดีไซน์แม่เหล็กไฟฟ้า และเทคโนโลยีควบคุมสนามแม่เหล็กที่กำไลนี้มีนั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเทคโนโลยีบนโลกมนุษย์มาก

ลู่โจวที่กำลังขยับกำไลไปมาทางนู้นทีทางนี้ทีอยู่นั้น จู่ๆ ก็สังเกตเห็นโลโก้ที่เขาคุ้นเคยข้างใน

เขาจำโลโก้นี้ได้รางๆ จากความฝันครั้งนั้น

“เสี่ยวไอ”

โดรนที่ลอยอยู่ข้างๆ ปรากฏข้อความบนหน้าจอโดรน

[มีอะไรหรือเปล่า? เจ้านาย (✿゚▽゚)]

ลู่โจวจ้องไปที่ลูกบอลโลหะห้าลูกที่ลอยอยู่ในมือของเขา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถามว่า “มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับเจ้านี่ในฐานข้อมูลของเสี่ยวไอไหม?”

ในใจของลู่โจวก็ไม่ได้หวังอะไรหรอก

เพราะเขาก็ถามคำถามแนวนี้ไปนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบที่เป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเสียที

สิ่งเดียวที่เขาสรุปได้ในตอนนี้คือเสี่ยวไออาจจะเป็นโปรแกรมนำทางบนยานอวกาศที่ฉลาดที่สุดที่ส่งมาจากอารยธรรมคาลานจากใจกลางกาแล็กซี

น่าเสียดายที่ความทรงจำของจักรวาลก่อนหน้าเหมือนจะถูกลบออกไปจากฐานข้อมูลจนหมด ไม่เหลือเบาะแสที่มีค่าเลยสักนิด

[เสี่ยวไอเจอข้อมูลบางอย่างในฐานข้อมูลด้วยล่ะ]

ลู่โจว “…?! ”

ลู่โจวคิดว่าเขาเผลออ่านข้อความของเสี่ยวไอผิดไป

หลังจากอ่านข้อความซ้ำอีกรอบ สมองเขาก็กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เขาพูดขึ้นทันทีว่า “เอาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมันมา ทุกอย่างเลยนะ!”

[ขอเสี่ยวไอดูก่อนนะ…(๑•̀ᄇ•́)و✧]

เสี่ยวไอหายไปนานมาก

ลู่โจวเริ่มจะสงสัยว่าโปรแกรมของเสี่ยวไอแครชหรือเปล่า แต่สุดท้าย ข้อความสีน้ำเงินอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเล็ก

[แปลกจัง…ก็ยังมีร่องรอยที่เห็นได้ชัดหลงเหลืออยู่ในแคชนี่นา แต่เหมือนข้อมูลจะโดนลบไปหมดแล้วอะ …Σ(°△°|||)]

[สรุปแล้วนี่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธนะ มันเคยเป็นของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีพลังมากเลย (@[อีเมลมีการป้องกัน];)]

ลู่โจว “…? ”

นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?!

ลู่โจวตกใจ

ดูเหมือนเสี่ยวไอจะค้นพบว่า ใน ‘ความทรงจำ’ ของมัน ได้มีร่องรอยของบางสิ่งบางอย่างถูกลบออกไป

แต่ก็นั่นแหละ ปัญญาประดิษฐ์แบบเสี่ยวไอนับว่ามี ‘ความทรงจำ’ ด้วยเหรอ? ความทรงจำที่ว่านี่มีตัวตนอยู่ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีฮาร์ดแวร์?

ลู่โจวกำลังคิดเรื่องปริศนานี้อยู่ ในขณะที่ข้อความอีกประโยคก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ

[เจ้านาย ลองดูสักหน่อยไหม ใช้จินตนาการของเจ้านายหรืออะไรก็ได้…แล้วปล่อยมันออกไปตามแบบที่ควรจะเป็น (°ー°〃)]

จินตนาการ?

อาวุธ?

ปล่อย?

ลู่โจวมองลูกบอลโลหะ 5 ลูกที่ลอยอยู่บนฝ่ามือ เขาเริ่มครุ่นคิด

ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขามองตรงไปที่แจกันบนกำแพง

“ถ้านี่เป็นอาวุธแล้วล่ะก็…”

เขาเริ่มโฟกัสสมาธิไปที่กระถางดอกไม้ ถึงแม้มันจะทำให้เขาดูตลกๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ ตราบใดที่ไม่มีใครคนอื่นอยู่ในห้องอ่านหนังสือนี้กับเขาด้วยน่ะนะ

หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น ลู่โจวรู้สึกว่าลูกบอลโลหะ 5 ลูกที่ลอยอยู่เหนือมือของเขาเริ่มจะสั่น

เหมือนกับไกปืนกำลังถูกเหนี่ยว

ลู่โจวรู้สึกถึงแรงมหาศาลบริเวณข้อมือและปลายแขนของเขา ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แจกันที่เขากำลังจ้องอยู่ก็แตกละเอียดไปเป็นที่เรียบร้อย

เหมือนกับว่า…

มันถูกกระสุนปืนยิงเข้าให้

เหนือฝ่ามือของเขา ลูกบอลเหล็กที่ลอยอยู่ได้หายไปหนึ่งลูก

ลู่โจวมองรูกระสุนลึกที่ฝังอยู่บนกำแพง ใบหน้าของเขามีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“หนังสติ๊กแม่เหล็กเหรอ? ”

หรืออะไรสักอย่างทำนองนั้นนั่นแหละ

เขาไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้านี่ว่าอะไรดี สิ่งเดียวที่เขาบอกได้ก็คือ มันอาจจะเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ควบคุมแบบพิเศษฟังติดอยู่ในลูกบอลโลหะ เมื่อเขา ‘ออกคำสั่งโจมตี’ พลังงานไฟฟ้าในลูกบอลก็ถูกปล่อยออกมาทันที มันเปลี่ยนตัวเองเป็นสนามแม่เหล็กแล้วพุ่งออกมาจากกำไล

บอลเป็นเหมือนกับอาวุธโปรเจกไทล์ที่มากับหนังสติ๊ก มันดีดตัวออกมาในทันที

ถึงแม้หลักการจะฟังดูง่าย แต่เอาจริงๆ มันค่อนข้างบ้าเลยทีเดียว

สนามแม่เหล็กประเภทไหนกันที่สามารถทำให้ลูกบอลโลหะขนาด 10 มิลลิเมตร เปลี่ยนสภาพไปเป็นเหมือนลูกกระสุนได้? ยังไม่นับว่าการสามารถแทรกสนามแม่เหล็กและชิปควบคุมลงในลูกบอลเหล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 10 มิลลิเมตรก็เป็นงานที่ยากมหันต์อยู่แล้ว

ลู่โจวรู้จากแรงดีดที่ส่งกลับมาได้เลยว่า สนามแม่เหล็กนี้แข็งแกร่งจริง

เขามองเศษแก้วที่อยู่ตรงมุมห้องแล้วเริ่มคิด จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ทำความสะอาดตรงนี้ที…”

เสี่ยวไอ [ได้เลยเจ้านาย!]

เดี๋ยวมีเวลาค่อยศึกษาโครงสร้างภายในกำไลก็แล้วกัน

เจ้า [ตัวอย่าง] ประเภทนี้มีระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกินที่มีอยู่ของดาวโลกไปมากโขแล้ว ลู่โจวไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถทำวิศวกรรมย้อนรอยเทคโนโลยีแล้วได้อะไรกลับมานัก เขาไม่สามารถทำตัวเลียนแบบเครื่องนี้ขึ้นมาได้

แต่เขาอาจจะใช้ดีไซน์ของมันเป็นตัวอ้างอิงและจุดประกายนวัตกรรมวิทยาศาสตร์บนดาวโลกได้

อย่างเทคโนโลยีควบคุมสนามแม่เหล็กที่ก้าวหน้ามากกว่าเดิม

หรือเทคโนโลยีแม่เหล็กลอย แล้วก็อะไรทำนองนั้น

โดรนลอยลงมาช้าๆ มันเก็บกวาดเศษแก้วที่อยู่บนพื้น เสี่ยวไอช่วยลู่โจวเอาลูกบอลโลหะที่ฝังอยู่ในกำแพงออกมา และยังใช้โฟมซ่อมแซมในการซ่อมรอยกระสุนบนกำแพงอีกด้วย

ลู่โจวมองเสี่ยวไอควบคุมโดรนหลายตัวและหุ่นยนต์ทำความสะอาดเพื่อเก็บกวาดเศษแก้ว เขาถอดกำไลออกจากมือขวาและเอาลูกบอลโลหะทั้งห้าลูกกลับไปใส่ในที่ที่มันโผล่ออกมา

เขากำลังจะเลิกคิดเรื่องนี้แล้วหันไปอ่านงานวิจัยสักหน่อย แต่ก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี

ลู่โจวปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองแล้วเดินลงบันไดไป

ตอนแรกเขาคิดว่าหวังเผิงอาจจะได้ยินเสียงในห้องอ่านหนังสือก็เลยมาเคาะประตูเช็กว่าเขาโอเคไหม แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอหลัวเหวินเซวียนยืนอยู่ตรงนั้น

ลู่โจวมองหลัวเหวินเซวียนแล้วถามว่า “นายออกจากเซี่ยงไฮ้มาที่นี่ทำไม?”

“พูดอะไรของนายน่ะ ฉันเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจินหลิงนะ ฉันมาอยู่ตรงนี้ก็ปกติดีไม่ใช่เหรอ?”

ลู่โจวพยายามฝืนตัวเองไม่ให้กลอกตาใส่อีกฝ่าย เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “ว่ามาเลย นายต้องการอะไร?”

“เหมือนนายจะยังไม่รู้นะเนี่ย” หลัวเหวินเซวียนยิ้มมุมปากแล้วบอกว่า “มีคนโทรไปที่ออฟฟิศของนายน่ะสิ”

“โทรมาออฟฟิศฉันเหรอ?”

“อ่าฮะ ทายสิว่าใคร?”

“ใครล่ะ…”

“ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน! ”

ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่

ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร

“เดี๋ยวนะ…”

“ฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว!”

หลัวเหวินเซวียนหัวเราะออกมาดังลั่น เขาตื่นเต้นกว่าตัวเองได้รับรางวัลเสียอีก เขายืดแขนออกมาแตะไหล่ของลู่โจว จากนั้นเขาก็ตบบ่าลู่โจวแล้วบอกว่า

“น่าประทับใจมาก!

ขอแสดงความยินดีด้วย!

นายได้รางวัลอีกแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+