Scholar’s Advanced Technological System 146 พูดบนเวที

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 146 พูดบนเวที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากจบคลาสทฤษฎีจำนวน ลู่โจวก็ไปคลาสฟังก์ชันเชิงซ้อน เพราะยังไงเสียเขาก็ยังลงเรียนคลาสนี้ แถมรูมเมทเขาก็อยู่คลาสนี้ด้วย

ระหว่างคาบเรียน เมื่ออาจารย์เห็นเขาอยู่ในห้อง อาจารย์ได้บอกให้เขามาสอนแทน

ลู่โจวเริ่มพูดเรื่องระนาบเชิงซ้อนและทรงกลมรีมันน์ แม้ว่าเขาจะพูดในที่สาธารณะไม่เก่งนัก แต่มันก็ค่อยๆ ลื่นไหล

อย่างไรก็ตามเขามองข้ามความสามารถของผู้ฟังอย่างชัดเจน

ขณะที่เขาบรรยายบนเวที นักศึกษาที่กำลังฟังอยู่ต่างก็มึนงงไม่เข้าใจ

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังตามการบรรยายเขาทัน ยกตัวอย่างหลัวรุ่นตง คนอื่นๆ อย่างหลิวรุ่ยแทบจะตามไม่ทันเลย

“…ฟังก์ชันการแปลงระหว่างพิกัดζและพิกัดξ…”

ลู่โจวเขียนบนกระดานดำอย่างต่อเนื่อง

คราวนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ตามเขาทัน

คนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกจนแต้ม

ยกตัวอย่างแม้แต่หลัวรุ่นตงก็จ้องมองกระดานดำด้วยสีหน้าสับสน

หลิวรุ่ยหยุดเขียนแล้วกระซิบกระซาบแทน

“เชี่ย มันคืออะไรเนี่ย?”

หวงกวงหมิงก็มองบนกระดานเช่นกัน

เขาไม่งง เพราะเขาไม่ได้ฟังเลย

“กวงหมิง นายเข้าใจไหม?”

หวงกวงหมิงส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ ลู่โจวไม่เข้าใจว่าเราโง่แค่ไหน”

หลิวรุ่ยชะงักไปชั่วครู่

เขาไม่รู้จะพูดอะไร

เมื่อลู่โจวเขียนบนกระดานดำเสร็จ เขาก็ยืนข้างๆ เพื่อปล่อยให้เพื่อนๆ นักศึกษาจดลงสมุด

นักศึกษาที่นั่งอยู่แถวหน้าต่างก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แต่นักศึกษาคนอื่นไม่ทำอะไรทั้งนั้น

ศาสตราจารย์เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มแล้ววางขวดสุญญากาศลง เขาเดินไปข้างลู่โจวแล้วกล่าว

“จำไว้ เรื่องนี้ออกสอบ”

นักศึกษาโอดโอย

เมื่อมองไปที่กระดานดำ นักศึกษาหลายคนก็ถือโทรศัพท์มาถ่ายรูปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ในใจพวกเขาต่างก็สิ้นหวัง

พวกเขาไม่อยากพูดอะไรนอกจากอุทานว่า’เชี่ย’

หลิวรุ่ยแทบเสียสติ หวงกวงหมิงจึงพูดกับเขา “เอาน่า ยังไงลู่โจวก็กลับมาหอ เดี๋ยวให้เขาสอนเราก็ได้”

หลิวรุ่ยไม่สนใจเขา

เขาไม่ได้เสียสติเพราะเนื้อหามันยาก

แต่มันเป็นเพราะ…

เขาพบแล้วว่าช่องว่างระหว่างเขากับลู่โจวมันกว้างแค่ไหน

ลู่โจวเข้าไปฟังคลาสเรียนไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์

หลังจากคลาสฟังก์ชันเชิงซ้อน ลู่โจวก็ไม่ได้ไปคลาสเรียนอีกเลย

ไม่มีคลาสปริญญาตรีไหนที่สอนเขาได้ เขาจึงไปห้องสมุดแทน

ประสบการณ์ในห้องสมุดของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น

หลังปฏิเสธคำเชิญทำวิทยานิพนธ์ไปหลายคน ก็มีคนมากวนเขาน้อยลง

ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มีเรื่องของตัวเองให้ทำ

พวกเขาไม่อาจตามติดลู่โจวได้ทั้งวัน

นี่อาจเป็นเพราะลู่โจวเลือกนั่งที่เงียบๆ ด้วยเช่นกัน

เขาทุ่มเททุกอย่างกับวิทยานิพนธ์

อันที่จริงการเขียนวิทยานิพนธ์เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริงสำหรับลู่โจว

เพื่อนำปริภูมิฮิลเบิร์ทเข้าสู่กลศาสตร์ควอนตัมและใช้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อศึกษากฎการเคลื่อนที่ของอนุภาคขนาดเล็ก นอกจากนี้เขายังศึกษาวิทยานิพนธ์จำนวนมากและยังเข้าร่วมคลาสกลศาสตร์ควอนตัมขั้นสูงระดับบัณฑิตศึกษาหลายคลาสเช่นกัน

สาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของมหาลัยจินหลิงอยู่ในระดับสูง และคลาสเหล่านี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ลู่โจวอย่างมาก

แน่นอนแม้ว่ากลศาสตร์ควอนตัมจะสุดยอด แต่คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นวิชาหลักของเขา

ดังนั้นวิทยานิพนธ์ของเขาจึงใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์มากกว่า

เขาแค่พูดถึงหัวข้อกลศาสตร์ควอนตัมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

[วิธีการประมาณค่าแบบหนืดสำหรับปัญหาดุลยภาพและการส่งแบบไม่ขยายในปริภูมิฮิลเบิร์ท]

[บทคัดย่อ…]

บทคัดย่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิทยานิพนธ์

“ในที่สุดก็เสร็จ!”

ลู่โจวมองดูวิทยานิพนธ์แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เข้ามิติของระบบเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของภารกิจ

ภารกิจรางวัล : อ่านหนังสือ (13/50)

จากรายละเอียดภารกิจ เห็นได้ชัดว่าเขาทุ่มเทความพยายามไปมากแค่ไหน

โชคดีที่วิทยานิพนธ์เขาเสร็จแล้ว

ที่เหลือก็แค่ต้องส่งวิทยานิพนธ์ให้ศาสตราจารย์ถัง

จากนั้นเขาก็ไปพรีเซนต์พาวเวอร์พอยนต์

ส่วนการส่งวิทยานิพนธ์ เขาวางแผนจะส่งวิทยานิพนธ์ไปวารสาร[ฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์และทฤษฎีขั้นสูง]

วารสารนี้มุ่งเน้นที่ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก มันมีปัจจัยกระทบสองจุดสามซึ่งไม่สูงนัก อย่างไรก็ตามเขาเลือกวารสารนี้เพราะมันเป็นวารสารหลักและค่อนข้างมีชื่อเสียง

หลังจากทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษาเสร็จ ลู่โจวก็ไปออฟฟิศศาสตราจารย์ถัง เขาส่งงานปริญญาตรีชิ้นสุดท้ายในฐานะนักศึกษาปีสอง

ในออฟฟิศ…

ศาสตราจารย์ถังดูวิทยานิพนธ์ของลู่โจวผ่านๆ แล้วกล่าว “แนวคิดในวิทยานิพนธ์ของเธอค่อนข้างแปลกใหม่ มีการทับซ้อนกันมากมายระหว่างงานวิจัยปริภูมิฮิลเบิร์ทที่แท้จริงกับสาขาวิจัยของอาจารย์ แต่อาจารย์จะไม่ถามคำถามทางเทคนิคกับเธอที่นี่ พรีเซนต์ให้ดีล่ะ”

ลู่โจวพยักหน้าอย่างสุภาพ “สนับสนุนผมด้วยครับศาสตราจารย์”

ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วกล่าว “โอ้ เธอกลัวคำถามของอาจารย์ด้วยเหรอ? จำไว้ว่าให้พยายามพรีเซนต์พาวเวอร์พอยนต์ให้ดี มีผู้ตัดสินค่อนข้างมากที่อยากมาถามคำถามเธอ”

ลู่โจวกระแอม “ศาสตราจารย์ โปรดเมตตาผมด้วย”

“อาจารย์แค่ถามสองสามข้อเท่านั้น” ศาสตราจารย์ถังกล่าวพร้อมกับโบกมือด้วยรอยยิ้ม “คณบดีฉินกับอาจารย์เมตตาเธอแน่นอน แต่ศาสตราจารย์อีกสองท่านไม่แน่”

ลู่โจวถามอย่างระมัดระวัง “ผมถามได้ไหมครับว่าอีกสองท่านเป็นใคร?”

ศาสตราจารย์ถังกล่าว “ได้สิ คนหนึ่งเป็นนักวิชาการหรูเสินเจียนจากมหาวิทยาลัยของเรา อีกคนคือเซี่ยงหัวหนานจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน”

เชี่ย!

แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้ยินเรื่องเซี่ยงหัวหนานมามากนัก แต่เขาก็รู้ว่าคนๆ นี้คือรองผู้อำนวยการของสมาคมคณิตศาสตร์ พูดง่ายๆ เขาคือคนที่มีชื่อเสียงในกลุ่มพีชคณิตและการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน

ส่วนนักวิชาการหรูเสินเจียน

เขาเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศอย่าง BESIII[1] และ LHCb[2] ในปี สองศูนย์หนึ่งสาม เขาค้นพบสถานะ Zc(3900)[3]สี่ควาร์กในการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคเซี่ยงไฮ้ การค้นพบครั้งนี้ได้รับขนานนามว่าเป็นการค้นพบทางฟิสิกส์สิบอันดับแรกของโลกแห่งปี

แม้ว่ามันจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คนดังสองคนสละเวลามาโต้แย้งวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาตรี แต่ลู่โจวรู้สึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ฉันแค่อยากได้ใบประกาศนียบัตรปริญญาตรี แต่ฉันไม่อยากได้แบบนี้…

ลู่โจวรู้สึกกระวนกระวาย

………………………………….

[1] BESIII เป็นการทดลองทางฟิสิกส์ของอนุภาคที่ Beijing Electron – Positron Collider II ที่สถาบันฟิสิกส์พลังงานสูง มันถูกออกแบบมาเพื่อศึกษาฟิสิกส์ของเสน่ห์

[2] การทดลอง LHCb เป็นหนึ่งในแปดการทดลองของเครื่องตรวจจับฟิสิกส์อนุภาคที่รวบรวมข้อมูลที่ Large Hadron Collider

[3] เป็นฮาดรอนซึ่งเป็นอนุภาคของอะตอมที่ทำจากควาร์กซึ่งเชื่อกันว่าเป็น tetraquark แรกที่ได้รับการทดลอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด