Scholar’s Advanced Technological System 861 เผชิญหน้า

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 861 เผชิญหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 เหรอ

เถาเจ๋อเซวียนนิ่งไปสักพัก

ไม่เพียงแค่เถาเจ๋อเซวียน แต่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ โมลิน่า และแม้แต่ชูลทซ์ที่หลบอยู่ตรงมุมและกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ

“ฉันคิดว่าปัญหาอยู่ที่บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เสียอีก…”

ชูลทซ์พึมพำกับตัวเองขณะหยิบกระดาษออกมา เขาวาดสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเริ่มคำนวณในหัว

“บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เหรอ” อัคเชย์ เวนคาเทชที่นั่งติดกับชูลทซ์พูดขึ้น หลังจากที่คิดทบทวนครู่หนึ่ง เขาพูด “ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่หน้า 31 บรรทัดที่ 11 เสียอีก”

อัคเชย์นับว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับโลกเหมือนกับชูลทซ์

นอกเหนือจากผลงานด้านทฤษฎีภาพแทนและทฤษฎีตัวเลขแล้ว เขายังเป็นชาวออสเตรเลียคนเดียวที่ได้เหรียญจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกและการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ…

ยิ่งไปกว่านั้นเขาชนะทั้งสองรางวัลตอนที่อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

ชูลทซ์หยิบวิทยานิพนธ์ยับๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาเหลือไปมองหน้าที่ 31 และดูจะสนใจกับมัน

“ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ลู่จะเจอปัญหามากกว่าที่ผมคิดเสียอีก”

อัคเชย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหลับตาช้าๆ

นักวิชาการสามคนเจอปัญหาสามจุดในข้อพิสูจน์นี้

มันแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแค่แก่นของข้อพิสูจน์จะมีปัญหา แต่ข้อพิสูจน์ทั้งหมดมีปัญหา

แม้ว่าชูลทซ์จะรู้สึกเห็นใจผู้ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ที่อยู่บนเวที แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

ทุกคนต่างก็ทำพลาดเพราะขาดประสบการณ์และความเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เขาหวังว่าลู่โจวจะเข้มแข็งขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้

ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการคณิตศาสตร์

ชูลทซ์ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ส่วนอัคเชย์ก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าการรายงานนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สวี่เฉิงยางที่นั่งข้างๆ แสดงสีหน้าตึงเครียด

จางโช่วอู๋ที่นั่งติดกับศาสตราจารย์สวี่สังเกตเห็นว่าลู่โจวหยุดพูด จางโช่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม

“ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย…”

แม้ว่าฟาลติ้งส์จะเคยเป็นที่ปรึกษาของเขา แต่เขาก็เป็นคนจีนเพราะฉะนั้นเขาต้องเข้าข้างคนจีนด้วยกัน

ลู่โจวเป็นหน้าตาของสมาคมนักวิชาการจีน

นี่คือเหตุผลที่จางโช่วอู๋สนับสนุนลู่โจว แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าลู่โจวจะเอาชนะฟาลติ้งส์ได้ก็ตาม…

สุดท้ายแล้วการหาข้อผิดพลาดย่อมง่ายกว่าการสร้างข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือ และการโต้แย้งสดๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก…

ตอนที่ไวล์สพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เขาใช้เวลาทั้งปีในการหาช่องโหว่และคำตอบสำหรับคำถามจากผู้วิจารณ์

แต่ตอนนี้นักคณิตศาสตร์กว่าครึ่งโลกกำลังให้ความสนใจไปที่ลู่โจว คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดอะไรออกด้วยซ้ำในสถานการณ์แบบนี้…

“บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 ใช่ไหมครับ” ลู่โจวเปิดหน้าเอกสารและเจอกับบรรทัดที่ว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ผมใช้ตารางสเตอร์ลิงสำหรับฟังก์ชัน Γ(s) สมการ (2) ถูกย่อให้เป็น J (δ) = Σd (k + 1) (n) I (n) + Δ (δ)…”

“ผมรู้อยู่แล้ว” ฟาลติ้งส์ขัดลู่โจว เขาพูดต่อ “ตารางสเตอร์ลิงที่ใช้กับฟังก์ชัน Γ (s) เป็นวิธีการที่ฉลาด มันช่วยคุณหลบเลี่ยงปัญหาหลายอย่าง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยน  Re (s) = 1-c / ln [| Im (s) | +2] คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไม่มีจุด Non-Trivial Zeros บนลิมิตข้างขวา”

จางโช่วอู๋กลั้นหายใจ ศาสตราจารย์เดอลีงย์กำหมัดแน่น ชูลทซ์หยุดเขียน เถาเจ๋อเซวียนดูตื่นเต้น โมลิน่ากัดริมฝีปากตัวเอง…

“เอาแล้วไง…” สวี่เฉิงยางพูด

สวี่เฉิงยางที่นั่งใกล้ๆ ศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ถอนหายใจ

คนที่นี่ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าฟาลติ้งส์พูดถึงอะไร

ชายสูงวัยสวมโค้ตยาวสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกไหน คุณก็ปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้

“นี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในวิทยานิพนธ์ของคุณ และขอบด้านขวาจาก Re (s) = 1 ยืดออกไปด้านซ้ายด้วย Re (s) = 1-ε (ε > 0) ก็ไม่สมเหตุสมผล ผมพูดเรื่องนี้ในอีเมลฉบับแรกที่ส่งให้คุณแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ฟังคำแนะนำของผมเลย”

หอประชุมเงียบสนิท

เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น

คำถามนี้เป็นเหมือนมีดคมๆ ที่เจาะทะลุลึกเข้าไปในวิทยานิพนธ์

ศาสตราจารย์เดอลีงย์คลายหมัดที่กำอยู่ และถอนหายใจเบาๆ

เดาว่าฟาลติ้งส์ยังคงเป็นที่สุด

เดอลีงย์ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ตั้งแต่ที่ก็อตเท็นดิ๊กตายไป ฟาลติ้งส์ก็เป็นคนที่สามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ใกล้เคียงที่สุด

โมลิน่าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เธอโล่งใจที่เห็นว่าลู่โจวทำพลาดเพราะนั่นหมายความว่าคู่แข่งสมมติฐานของรีมันน์จะน้อยลง แต่น่าเสียดาย…

เพราะความพ่ายแพ้นี้หมายถึงสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ยังไม่ถูกแก้และบทพิสูจน์ขอบเขตจุดวิกฤติก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้…

คนแรกก็ก็อตเท็นดิ๊ก

ตอนนี้ก็ศาสตราจารย์ลู่

อัจฉริยะมากมายพ่ายแพ้ให้กับเจ้ามังกรสมมติฐานของรีมันน์

มีข่าวลือว่าสมมติฐานของรีมันน์ก็เหมือนทฤษฎีบทความไม่บริบูรณ์ของเกอเดลที่ไม่มีวันแก้หรือพิสูจน์ได้…

โมลิน่าอดที่จะกลัวไม่ได้

แล้วถ้าเกิดว่าคำตอบที่เธอตามหามันไม่มีอยู่จริงล่ะ…

งานทั้งหมดนี่จะมีไปเพื่ออะไร

อีกฟากหนึ่งของหอประชุม

ชูลทซ์มองไปที่ลู่โจวและยิ้ม เขาพูดคุยกับอัคเชย์

“อัคเชย์เพื่อนยาก รู้ไหมว่าบางครั้งผมก็สงสัยว่าสมมติฐานของรีมันน์อาจจะเป็นคำสาป ลองคิดดูสิว่ามีอัจฉริยะมากมายที่พ่ายแพ้ให้กับสมมติฐานของรีมันน์ อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้นกับเซอร์อติยาห์”

อัคเชย์กอดอกและส่ายหัว

“ผมไม่เชื่อเรื่องคำสาป”

“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจต่างหาก” ชูลทซ์ยักไหล่และโชว์ยิ้มที่มีเสน่ห์ขณะที่พูด “รู้ไหมว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะออกจากบ้านแล้วมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ก็อตเท็นดิ๊กหมกมุ่นกับความคิดเรื่องซาตาน เขาเชื่อว่าปีศาจเปลี่ยนตัวเลขความเร็วของแสงจาก 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีเป็นตัวเลขที่ไร้เหตุผลอย่าง 299,792.458 กิโลเมตรต่อวินาที เขาเชื่อว่าซาตานทำให้สมมติฐานของรีมันน์ที่ดูง่ายๆ กลายเป็นสิ่งที่คนไม่สามารถแก้ได้…”

อัคเชย์รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาพยายามจบบทสนทนานี้

“โอเค พอแล้ว”

ชูลทซ์ยิ้มและเพิกเฉยกับคำพูดของอัคเชย์

“อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะหายไป และก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ ก็อตเท็นดิ๊กพยายามแก้สมมติฐานของรีมันน์ ในปี 2010 ก็อตเท็นดิ๊กที่ห่างหายไปเป็น 10 ปีอยู่ดีๆ ก็เขียนจดหมายถึงนักศึกษาของเขา เดาสิว่าเขาเขียนว่าอะไร”

อัคเชย์ไม่อยากฟังตำนานพวกนี้ แต่เขาก็ยังถามเพราะความสงสัย “อะไร…”

ชูลทซ์คายหมากฝรั่งใส่กระดาษห่อและพูด

“เขาเขียนว่าใครก็ตามที่สามารถชิงมงกุฎสมมติฐานของรีมันน์จากซาตานได้ จะได้ในสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้ามาเป็นพันพันปี…”

เขานิ่งไปสักครู่และพูดต่อ “นั่นก็คือการรวมตัวกันของพีชคณิตและเรขาคณิต! “

ลู่โจวยืนเงียบๆ บนเวที

เป็นเวลานาน

ขณะที่ฟาลติ้งส์เริ่มสงสัยว่าเขาโหดร้ายกับนักวิชาการหนุ่มคนนี้ไปไหม อยู่ดีๆ ลู่โจวก็พูดขึ้น “เหตุผลที่คุณถามคำถามนี้ก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจข้อพิสูจน์ผมเลยแม้แต่น้อย”

ทันทีที่เขาพูดจบ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหอประชุม

ทุกคนต่างประหลาดใจ ตกใจและโมโห!

ลู่โจวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาสูดลมหายใจเข้าและจ้องไปที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ที่ยืนอยู่ไกลๆ

เขาเหลือบมองไปที่ชายสูงวัยที่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อและพูดต่อ “ผมต้องขอโทษที่ผมพูดตรงไป”

“แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามของคุณแล้ว ผมก็รู้ว่าความแตกต่างของพวกเราคืออะไร”

เดิมทีเขาคิดว่าเขาอธิบายข้อพิสูจน์ของตัวเองไม่ชัดเจนพอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น…

ความขัดแย้งของทั้งคู่ไม่ใช่ปมเชือกที่พันกันแน่นแต่พวกเขาเป็นเหมือนเส้นคู่ขนานมากกว่า

ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ

มันเป็นความรู้สึกดีจนน่าประหลาดใจ

ความคลางแคลงใจที่มีหายไปหมด

ลู่โจวถอนหายใจอยู่ในใจ

เขารู้สึกว่ามีแค่คนคนเดียวบนโลกที่เข้าใจวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างแท้จริง

และคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่หอประชุมในวันนี้

“ผมจะแสดงข้อพิสูจน์ให้คุณดู”

ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากับไวท์บอร์ด

“คุณคงจะจำสมการที่อยู่บนไวท์บอร์ดได้แล้ว ดังนั้นผมจะลบก่อน…”

หลังจากที่ลบไวท์บอร์ด ลู่โจวหยิบปากกาขึ้นมา

“ก่อนอื่นเลย ผมอยากขอบคุณนักศึกษาของผม ถ้าไม่มีเธอเรื่องทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้”

ลู่โจวหันกลับมาและมองหน้าฟาลติ้งส์อย่างจริงจัง

หลังจากนั้นเขาเหลือบไปมองและจ้องไปด้านหลังห้องประชุม

“มาเริ่มกันที่ส่วนพื้นฐานกันก่อน…สิ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์นี้เป็นไปได้”

เขาหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนบางอย่างบนไวท์บอร์ด

‘การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก’

ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ

บรรยากาศในหอประชุมก็ลุกเป็นไฟ!

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 861 เผชิญหน้า

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 861 เผชิญหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 เหรอ

เถาเจ๋อเซวียนนิ่งไปสักพัก

ไม่เพียงแค่เถาเจ๋อเซวียน แต่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ โมลิน่า และแม้แต่ชูลทซ์ที่หลบอยู่ตรงมุมและกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ

“ฉันคิดว่าปัญหาอยู่ที่บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เสียอีก…”

ชูลทซ์พึมพำกับตัวเองขณะหยิบกระดาษออกมา เขาวาดสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเริ่มคำนวณในหัว

“บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เหรอ” อัคเชย์ เวนคาเทชที่นั่งติดกับชูลทซ์พูดขึ้น หลังจากที่คิดทบทวนครู่หนึ่ง เขาพูด “ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่หน้า 31 บรรทัดที่ 11 เสียอีก”

อัคเชย์นับว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับโลกเหมือนกับชูลทซ์

นอกเหนือจากผลงานด้านทฤษฎีภาพแทนและทฤษฎีตัวเลขแล้ว เขายังเป็นชาวออสเตรเลียคนเดียวที่ได้เหรียญจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกและการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ…

ยิ่งไปกว่านั้นเขาชนะทั้งสองรางวัลตอนที่อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

ชูลทซ์หยิบวิทยานิพนธ์ยับๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาเหลือไปมองหน้าที่ 31 และดูจะสนใจกับมัน

“ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ลู่จะเจอปัญหามากกว่าที่ผมคิดเสียอีก”

อัคเชย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหลับตาช้าๆ

นักวิชาการสามคนเจอปัญหาสามจุดในข้อพิสูจน์นี้

มันแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแค่แก่นของข้อพิสูจน์จะมีปัญหา แต่ข้อพิสูจน์ทั้งหมดมีปัญหา

แม้ว่าชูลทซ์จะรู้สึกเห็นใจผู้ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ที่อยู่บนเวที แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

ทุกคนต่างก็ทำพลาดเพราะขาดประสบการณ์และความเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เขาหวังว่าลู่โจวจะเข้มแข็งขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้

ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการคณิตศาสตร์

ชูลทซ์ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ส่วนอัคเชย์ก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าการรายงานนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สวี่เฉิงยางที่นั่งข้างๆ แสดงสีหน้าตึงเครียด

จางโช่วอู๋ที่นั่งติดกับศาสตราจารย์สวี่สังเกตเห็นว่าลู่โจวหยุดพูด จางโช่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม

“ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย…”

แม้ว่าฟาลติ้งส์จะเคยเป็นที่ปรึกษาของเขา แต่เขาก็เป็นคนจีนเพราะฉะนั้นเขาต้องเข้าข้างคนจีนด้วยกัน

ลู่โจวเป็นหน้าตาของสมาคมนักวิชาการจีน

นี่คือเหตุผลที่จางโช่วอู๋สนับสนุนลู่โจว แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าลู่โจวจะเอาชนะฟาลติ้งส์ได้ก็ตาม…

สุดท้ายแล้วการหาข้อผิดพลาดย่อมง่ายกว่าการสร้างข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือ และการโต้แย้งสดๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก…

ตอนที่ไวล์สพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เขาใช้เวลาทั้งปีในการหาช่องโหว่และคำตอบสำหรับคำถามจากผู้วิจารณ์

แต่ตอนนี้นักคณิตศาสตร์กว่าครึ่งโลกกำลังให้ความสนใจไปที่ลู่โจว คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดอะไรออกด้วยซ้ำในสถานการณ์แบบนี้…

“บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 ใช่ไหมครับ” ลู่โจวเปิดหน้าเอกสารและเจอกับบรรทัดที่ว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ผมใช้ตารางสเตอร์ลิงสำหรับฟังก์ชัน Γ(s) สมการ (2) ถูกย่อให้เป็น J (δ) = Σd (k + 1) (n) I (n) + Δ (δ)…”

“ผมรู้อยู่แล้ว” ฟาลติ้งส์ขัดลู่โจว เขาพูดต่อ “ตารางสเตอร์ลิงที่ใช้กับฟังก์ชัน Γ (s) เป็นวิธีการที่ฉลาด มันช่วยคุณหลบเลี่ยงปัญหาหลายอย่าง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยน  Re (s) = 1-c / ln [| Im (s) | +2] คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไม่มีจุด Non-Trivial Zeros บนลิมิตข้างขวา”

จางโช่วอู๋กลั้นหายใจ ศาสตราจารย์เดอลีงย์กำหมัดแน่น ชูลทซ์หยุดเขียน เถาเจ๋อเซวียนดูตื่นเต้น โมลิน่ากัดริมฝีปากตัวเอง…

“เอาแล้วไง…” สวี่เฉิงยางพูด

สวี่เฉิงยางที่นั่งใกล้ๆ ศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ถอนหายใจ

คนที่นี่ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าฟาลติ้งส์พูดถึงอะไร

ชายสูงวัยสวมโค้ตยาวสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกไหน คุณก็ปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้

“นี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในวิทยานิพนธ์ของคุณ และขอบด้านขวาจาก Re (s) = 1 ยืดออกไปด้านซ้ายด้วย Re (s) = 1-ε (ε > 0) ก็ไม่สมเหตุสมผล ผมพูดเรื่องนี้ในอีเมลฉบับแรกที่ส่งให้คุณแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ฟังคำแนะนำของผมเลย”

หอประชุมเงียบสนิท

เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น

คำถามนี้เป็นเหมือนมีดคมๆ ที่เจาะทะลุลึกเข้าไปในวิทยานิพนธ์

ศาสตราจารย์เดอลีงย์คลายหมัดที่กำอยู่ และถอนหายใจเบาๆ

เดาว่าฟาลติ้งส์ยังคงเป็นที่สุด

เดอลีงย์ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ตั้งแต่ที่ก็อตเท็นดิ๊กตายไป ฟาลติ้งส์ก็เป็นคนที่สามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ใกล้เคียงที่สุด

โมลิน่าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เธอโล่งใจที่เห็นว่าลู่โจวทำพลาดเพราะนั่นหมายความว่าคู่แข่งสมมติฐานของรีมันน์จะน้อยลง แต่น่าเสียดาย…

เพราะความพ่ายแพ้นี้หมายถึงสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ยังไม่ถูกแก้และบทพิสูจน์ขอบเขตจุดวิกฤติก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้…

คนแรกก็ก็อตเท็นดิ๊ก

ตอนนี้ก็ศาสตราจารย์ลู่

อัจฉริยะมากมายพ่ายแพ้ให้กับเจ้ามังกรสมมติฐานของรีมันน์

มีข่าวลือว่าสมมติฐานของรีมันน์ก็เหมือนทฤษฎีบทความไม่บริบูรณ์ของเกอเดลที่ไม่มีวันแก้หรือพิสูจน์ได้…

โมลิน่าอดที่จะกลัวไม่ได้

แล้วถ้าเกิดว่าคำตอบที่เธอตามหามันไม่มีอยู่จริงล่ะ…

งานทั้งหมดนี่จะมีไปเพื่ออะไร

อีกฟากหนึ่งของหอประชุม

ชูลทซ์มองไปที่ลู่โจวและยิ้ม เขาพูดคุยกับอัคเชย์

“อัคเชย์เพื่อนยาก รู้ไหมว่าบางครั้งผมก็สงสัยว่าสมมติฐานของรีมันน์อาจจะเป็นคำสาป ลองคิดดูสิว่ามีอัจฉริยะมากมายที่พ่ายแพ้ให้กับสมมติฐานของรีมันน์ อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้นกับเซอร์อติยาห์”

อัคเชย์กอดอกและส่ายหัว

“ผมไม่เชื่อเรื่องคำสาป”

“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจต่างหาก” ชูลทซ์ยักไหล่และโชว์ยิ้มที่มีเสน่ห์ขณะที่พูด “รู้ไหมว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะออกจากบ้านแล้วมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ก็อตเท็นดิ๊กหมกมุ่นกับความคิดเรื่องซาตาน เขาเชื่อว่าปีศาจเปลี่ยนตัวเลขความเร็วของแสงจาก 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีเป็นตัวเลขที่ไร้เหตุผลอย่าง 299,792.458 กิโลเมตรต่อวินาที เขาเชื่อว่าซาตานทำให้สมมติฐานของรีมันน์ที่ดูง่ายๆ กลายเป็นสิ่งที่คนไม่สามารถแก้ได้…”

อัคเชย์รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาพยายามจบบทสนทนานี้

“โอเค พอแล้ว”

ชูลทซ์ยิ้มและเพิกเฉยกับคำพูดของอัคเชย์

“อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะหายไป และก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ ก็อตเท็นดิ๊กพยายามแก้สมมติฐานของรีมันน์ ในปี 2010 ก็อตเท็นดิ๊กที่ห่างหายไปเป็น 10 ปีอยู่ดีๆ ก็เขียนจดหมายถึงนักศึกษาของเขา เดาสิว่าเขาเขียนว่าอะไร”

อัคเชย์ไม่อยากฟังตำนานพวกนี้ แต่เขาก็ยังถามเพราะความสงสัย “อะไร…”

ชูลทซ์คายหมากฝรั่งใส่กระดาษห่อและพูด

“เขาเขียนว่าใครก็ตามที่สามารถชิงมงกุฎสมมติฐานของรีมันน์จากซาตานได้ จะได้ในสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้ามาเป็นพันพันปี…”

เขานิ่งไปสักครู่และพูดต่อ “นั่นก็คือการรวมตัวกันของพีชคณิตและเรขาคณิต! “

ลู่โจวยืนเงียบๆ บนเวที

เป็นเวลานาน

ขณะที่ฟาลติ้งส์เริ่มสงสัยว่าเขาโหดร้ายกับนักวิชาการหนุ่มคนนี้ไปไหม อยู่ดีๆ ลู่โจวก็พูดขึ้น “เหตุผลที่คุณถามคำถามนี้ก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจข้อพิสูจน์ผมเลยแม้แต่น้อย”

ทันทีที่เขาพูดจบ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหอประชุม

ทุกคนต่างประหลาดใจ ตกใจและโมโห!

ลู่โจวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาสูดลมหายใจเข้าและจ้องไปที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ที่ยืนอยู่ไกลๆ

เขาเหลือบมองไปที่ชายสูงวัยที่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อและพูดต่อ “ผมต้องขอโทษที่ผมพูดตรงไป”

“แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามของคุณแล้ว ผมก็รู้ว่าความแตกต่างของพวกเราคืออะไร”

เดิมทีเขาคิดว่าเขาอธิบายข้อพิสูจน์ของตัวเองไม่ชัดเจนพอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น…

ความขัดแย้งของทั้งคู่ไม่ใช่ปมเชือกที่พันกันแน่นแต่พวกเขาเป็นเหมือนเส้นคู่ขนานมากกว่า

ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ

มันเป็นความรู้สึกดีจนน่าประหลาดใจ

ความคลางแคลงใจที่มีหายไปหมด

ลู่โจวถอนหายใจอยู่ในใจ

เขารู้สึกว่ามีแค่คนคนเดียวบนโลกที่เข้าใจวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างแท้จริง

และคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่หอประชุมในวันนี้

“ผมจะแสดงข้อพิสูจน์ให้คุณดู”

ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากับไวท์บอร์ด

“คุณคงจะจำสมการที่อยู่บนไวท์บอร์ดได้แล้ว ดังนั้นผมจะลบก่อน…”

หลังจากที่ลบไวท์บอร์ด ลู่โจวหยิบปากกาขึ้นมา

“ก่อนอื่นเลย ผมอยากขอบคุณนักศึกษาของผม ถ้าไม่มีเธอเรื่องทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้”

ลู่โจวหันกลับมาและมองหน้าฟาลติ้งส์อย่างจริงจัง

หลังจากนั้นเขาเหลือบไปมองและจ้องไปด้านหลังห้องประชุม

“มาเริ่มกันที่ส่วนพื้นฐานกันก่อน…สิ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์นี้เป็นไปได้”

เขาหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนบางอย่างบนไวท์บอร์ด

‘การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก’

ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ

บรรยากาศในหอประชุมก็ลุกเป็นไฟ!

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+