Scholar’s Advanced Technological System 876 ทำเสร็จในหนึ่งชั่วโมง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 876 ทำเสร็จในหนึ่งชั่วโมง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ชินกับเศรษฐศาสตร์ แต่ในสถานที่อย่างพรินซ์ตัน สาขาศาสตร์ไหนที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ ก็ต้องมีนักคณิตศาสตร์ศึกษาบ้างไม่มากก็น้อย

โดยเฉพาะกับสาขาเศรษฐศาสตร์

การใช้วิธีวิจัยแบบดั้งเดิมมาสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ทางเศรษฐศาสตร์เป็นสิ่งที่ยากมาก

ดังนั้นถ้าหากใครต้องการจะทำวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่คุณภาพดีเป็นพิเศษล่ะก็ มีเพียงการใช้คณิตศาสตร์เท่านั้นที่จะช่วยให้เป็นจริงได้ ถึงแม้นักเศรษฐศาสตร์สายวิธีดั้งเดิมจะวิจารณ์การกระทำที่เอาคณิตศาสตร์มาช่วย แต่วิธีก็ได้ช่วยนักศึกษาจำนวนไม่ถ้วนให้เรียนจบได้จริงๆ

อันที่จริงแล้วคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วยชีวิตสาขาใดก็แล้วแต่ที่มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มันสามารถดึงเอาประโยชน์จากข้อมูลที่ดูไร้ค่าออกมาได้ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้จะประยุกต์เครื่องมือคณิตศาสตร์ในงานของตัวเองมาปรับใช้ได้ดีแค่ไหน

ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจในเศรษฐศาสตร์ แต่ในสมัยที่เขาอยู่ที่ร้านกาแฟในสถาบันพรินซ์ตันเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาจะถกประเด็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ บางข้อกับศาสตราจารย์จากสายเศรษฐศาสตร์

หลังจากที่ได้ทำงานอยู่พรินซ์ตันมาหลายปี ลู่โจวก็ได้พูดคุยกับคนเก่งในสายเศรษฐศาสตร์มาหลายคนจนนับไม่ถ้วนแล้ว

เขาไม่เพียงแต่จะได้คุยกับคนที่ได้รับรางวัลโนเบลเท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนกับบรรณาธิการของเนเจอร์และไซเอินซ์ด้วย

คนที่มีสติปัญญาปกติดีๆ คนไหนก็ไม่อยากจะทำให้ลู่โจวโมโหด้วยการหาเรื่องไม่ให้นักศึกษาปริญญาโทเรียนไม่จบหรอก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลู่โจวอยากเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจก็เป็นเพราะว่า…

จริงๆ เขาไม่ได้สนว่าเขาจะมีชื่อปรากฏอยู่บนธีสิสหรือเปล่า เขาแค่ไม่อยากให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวถงใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเสี่ยวถงจะยังกังวลอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอมีท่าทางมั่นใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ หลังจากลู่โจวได้คุยกับพ่อแม่อยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกหิว จึงกดวางสายไป

ลู่โจวพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งอาหาร จากนั้นเขาจึงเปิดไฟล์ธีสิสของเสี่ยวถงที่ยังไม่เสร็จขึ้นมาเพื่ออ่าน

“ไหนดูหน่อยสิ…”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชินกับแบบจำลองบิวลีย์เท่าไรนัก แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขาทั้งนั้น

ไม่ว่าแบบจำลองจะซับซ้อนแค่ไหน มันก็ไม่มีทางซับซ้อนและสร้างปัญหาไปมากกว่าระบบการไหลของพลาสมาได้แล้ว หากนำไปเปรียบเทียบกับสมการนาเวียร์-สโตกส์และระบบการไหลของพลาสมาแล้ว แบบจำลองบิวลีย์นั้นง่ายกว่ามาก

ลู่โจวกล้าพูดได้เต็มที่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน

การแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าปกติบ้างนานๆ ครั้งก็ดีกับการวิจัยของเขาเหมือนกัน

อาหารที่เขาสั่งยังมาไม่ถึง เขาจึงตัดสินใจว่าจะฆ่าเวลาด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ เสียหน่อย

ลู่โจวถือปากกาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งถือเมาส์ เขารีบอ่านธีสิสด้วยความรวดเร็วแล้วเขียนการคำนวณออกมา

“ก็ปัญหาง่ายๆ นี่นา แต่น่าสนใจดี…ฉันเคยคุยกับใครเรื่องปัญหานี้นะ? จำไม่ได้แล้วแฮะ”

“ทำไมเธอถึงใช้วิธีตัวคูณลากรองจ์มาคิดค่ากระบวนการแต่ละขั้นล่ะเนี่ย?” ลู่โจวบ่นขณะที่อ่านงานธีสิสที่เป็นส่วนคำนวณของน้องสาว

ผ่านไปไม่กี่วินาที

“แค่ใช้วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็พอแล้ว…” ลู่โจวพึมพำกับตัวเองขณะเขียนสูตรคำนวณแถวหนึ่ง

“วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็ยากนิดหน่อย การปรับเปลี่ยนแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จากรูปแบบจะช่วยประหยัดการคำนวณได้อย่างน้อย 20% … หรืออาจจะ 25% เลยด้วยซ้ำ”

ปัญหาที่ว่านี้ยังไม่นับว่าเป็นปัญหาจริงๆ สักนิด

ลู่โจวได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมาจากบรรทัดสุดท้าย

เขาเขียนสมการบรรทัดสุดท้ายขึ้นมาแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง เขาเอาบันทึกที่เขาเขียนไปจ่อตรงหน้ากล้องโน้ตบุ๊ก

“เสี่ยวไอ จัดระเบียบให้หน่อยสิ

แล้วก็ใช้แบบจำลองบิวลีย์ประมวลอัลกอริทึมใหม่ให้โมเดลฉันด้วย”

เสี่ยวไอ [รับทราบ~! (✿゚▽゚)]

เสี่ยวไอก็เร็วพอๆ กับลู่โจวเลย มันสแกนโน้ตและจัดระเบียบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ได้ในไม่ช้า มันยังช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดที่ลู่โจวอาจจะเผลอทำขึ้นมาด้วย

ลู่โจวมอง LaTex และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แล้ว เขาก็พยักหน้ากับคอมพิวเตอร์

จากนั้นแบบจำลองก็ถูกอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ไม่กี่วินาทีต่อมาคอมพิวเตอร์ควอนตัมก็คำนวณเสร็จ

เสี่ยวไอ [ประมวลอัลกอริทึมเสร็จแล้ว! (๑•̀ᄇ•́) و✧]

เสี่ยวไอ [ใช้พารามิเตอร์รูปแบบสุ่มไป 12,777 เซ็ต ผลการคำนวณตัวเลขของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ปรับปรุงแล้วเข้ากันได้กับแบบจำลองรูปแบบเดิม การกระจายตัวลดลง 13% ประสิทธิภาพของการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% ♪ (^ ∇ ^ *)]

เขาไม่รู้ว่าการกระจายตัวที่ว่าหมายถึงอะไร แต่ประสิทธิภาพการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% คือสิ่งที่เขาคาดหวังให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว

การเอาคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาช่วยทำธีสิสของเด็กปริญญาโทนี่นับว่าโกงหรือเปล่านะ?

ช่างปะไร แล้วไงล่ะ

เขาทำเพื่อน้องสาวตัวเองนะ

อีกอย่างไฟฟ้าก็ราคาถูกอยู่แล้วนี่นา…

ลู่โจวมองไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ส่งอีเมลที่แนบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมนี้ไปด้วย”

เสี่ยวไอ [ได้เลย เจ้านาย! (๑•̀ᄇ•́)و✧]

ลู่โจวมองข้อความอีโมติคอนยาวเหยียดแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อใช่ จำไว้ว่าไม่ต้องส่งอีโมติคอนไปในอีเมลนะ ส่งไปแบบปกติก็พอ”

เสี่ยวไอ [Σ (っ°Д°;) っ]

ลู่โจว “…?”

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่รู้ว่าอีโมติคอนนี้มีความหมายว่าอะไร แต่เขาก็ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์พี่ชายสุดหล่อและพึ่งพาได้ด้วยการส่งอีโมติคอนไปให้น้องสาวของเขาเป็นอันขาด

ห้านาทีผ่านไป

เขาได้รับข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวถง

อีเมลสั้นมาก มีสัญลักษณ์อยู่แค่สามอันเท่านั้น…

[? ? ?]

ลู่โจวมองสัญลักษณ์ทั้งสามแล้วยิ้มเยาะ

เสี่ยวถงคงไม่ได้คิดว่าฉันจะช่วยแก้ปัญหาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงล่ะสิ

“อ้อใช่ นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ อาหารที่สั่งอยู่ไหนหว่า?”

ลู่โจวลูบท้องตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เขากำลังจะโทรหาคนส่งอาหารอยู่แล้ว แต่ก็เห็นว่าอาหารที่สั่งของเขาได้รับการส่งสำเร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

อะไรวะเนี่ย?

ใครมันเอาอาหารฉันไปเนี่ย?

เขามัวแต่ตั้งสมาธิสนใจกับการแก้ปัญหาจนไม่ได้มองโทรศัพท์ตัวเองเลย

ลู่โจวรู้สึกสับสน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หวังเผิงถือถุงพลาสติกเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าวไก่ส้มได้แล้วครับ” หวังเผิงบอกขณะที่วางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เรามาคุยกันหน่อยได้ไหมครับ? ถ้าคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ เลิกสั่งอาหารมากินเองเถอะครับ คุณกำลังทำให้ผมเจอปัญหาเยอะขึ้นนะ”

“แต่ผมกดสั่งจากมือถือแล้วมันง่ายกว่านะ” ลู่โจวหยิบกล่องโฟมออกมาจากถุงพลาสติกแล้วเอ่ยถามว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณไปรับอาหารให้ผมล่ะ?”

หวังเผิง “แบบนี้ปลอดภัยกว่าครับ”

ลู่โจวถาม “แปลว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของผมเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?”

หวังเผิงพยักหน้า

“ใช่ครับ”

หวังเผิงไม่มีเหตุผลอะไรให้โกหกเรื่องนี้

ตอนที่การวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อยู่ในระยะสำคัญ กองทหารของประเทศก็เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยที่บ้านของลู่โจว แล้วมันก็ยังอยู่จนกระทั่งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผานกู่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าสำเร็จ

ถึงแม้สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่ได้สำคัญมากขนาดเมื่อตอนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่ชิปคาร์บอนก็ช่วยชี้ชะตาอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ของชาวจีนเช่นกัน พวกเขาจึงขยันป้องกันลู่โจวเป็นพิเศษ

ในขณะที่กำลังแกะซองตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ลู่โจวก็หันไปมองหวังเผิง

หวังเผิงมีท่าทางงงๆ นิดหน่อยกับที่เขามองไป ลู่โจวจึงกระแอมแล้วถามว่า “คุณไม่ได้…ทดสอบด้วย…การกินเข้าไปใช่ไหม?”

ลู่โจวเป็นคนกลัวเชื้อโรคในระดับอ่อนๆ

ถ้าได้แชร์อาหารแนวชาบูร่วมหม้อกันก็โอเค แต่นอกจากนั้นแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องแตะอาหารของคนอื่น

“ไม่อยู่แล้วครับ!” หวังเผิงประหลาดใจกับคำถาม เขาพูดต่อว่า “นี่ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ ยังมีคนทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แต่ก็ไม่ต้องห่วงไปนะครับ หมอเหยียนได้ตรวจผลสั้นๆ แล้ว มันปลอดภัยดีครับ”

ลู่โจว “…”

เวรเอ๊ย!

นี่ตรวจสอบเชื้อโรคในอาหารฉันกันเหรอ?! ไม่แปลกใจเลยทำไมมันน้านนานกว่าจะได้กิน!

ฉันเกือบจะเขียนรีวิวแย่ๆ ให้คนส่งอาหารแล้วนะ!

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหวังเผิงแล้ว ลู่โจวก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

หมอเหยียนได้ตรวจผลแล้ว

แต่เธอก็เคยทำอะไรไม่น่าไว้ใจมาก่อน…

ลู่โจวยังจำตอนที่เธอชิมโค้กของเขาเมื่อปีก่อนได้

อันที่จริงเธอไม่ได้ขอเขาด้วยซ้ำ เธอตรงเข้ามาฉกมันไปเลย

ลู่โจวมองกล่องโฟมแล้วเริ่มคิดว่า

ควรจะกินหรือไม่กินดีนะ?

เอาไงดีวะเรา…

…………………………

ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ชินกับเศรษฐศาสตร์ แต่ในสถานที่อย่างพรินซ์ตัน สาขาศาสตร์ไหนที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ ก็ต้องมีนักคณิตศาสตร์ศึกษาบ้างไม่มากก็น้อย

โดยเฉพาะกับสาขาเศรษฐศาสตร์

การใช้วิธีวิจัยแบบดั้งเดิมมาสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ทางเศรษฐศาสตร์เป็นสิ่งที่ยากมาก

ดังนั้นถ้าหากใครต้องการจะทำวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่คุณภาพดีเป็นพิเศษล่ะก็ มีเพียงการใช้คณิตศาสตร์เท่านั้นที่จะช่วยให้เป็นจริงได้ ถึงแม้นักเศรษฐศาสตร์สายวิธีดั้งเดิมจะวิจารณ์การกระทำที่เอาคณิตศาสตร์มาช่วย แต่วิธีก็ได้ช่วยนักศึกษาจำนวนไม่ถ้วนให้เรียนจบได้จริงๆ

อันที่จริงแล้วคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วยชีวิตสาขาใดก็แล้วแต่ที่มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มันสามารถดึงเอาประโยชน์จากข้อมูลที่ดูไร้ค่าออกมาได้ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้จะประยุกต์เครื่องมือคณิตศาสตร์ในงานของตัวเองมาปรับใช้ได้ดีแค่ไหน

ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจในเศรษฐศาสตร์ แต่ในสมัยที่เขาอยู่ที่ร้านกาแฟในสถาบันพรินซ์ตันเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาจะถกประเด็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ บางข้อกับศาสตราจารย์จากสายเศรษฐศาสตร์

หลังจากที่ได้ทำงานอยู่พรินซ์ตันมาหลายปี ลู่โจวก็ได้พูดคุยกับคนเก่งในสายเศรษฐศาสตร์มาหลายคนจนนับไม่ถ้วนแล้ว

เขาไม่เพียงแต่จะได้คุยกับคนที่ได้รับรางวัลโนเบลเท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนกับบรรณาธิการของเนเจอร์และไซเอินซ์ด้วย

คนที่มีสติปัญญาปกติดีๆ คนไหนก็ไม่อยากจะทำให้ลู่โจวโมโหด้วยการหาเรื่องไม่ให้นักศึกษาปริญญาโทเรียนไม่จบหรอก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลู่โจวอยากเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจก็เป็นเพราะว่า…

จริงๆ เขาไม่ได้สนว่าเขาจะมีชื่อปรากฏอยู่บนธีสิสหรือเปล่า เขาแค่ไม่อยากให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวถงใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเสี่ยวถงจะยังกังวลอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอมีท่าทางมั่นใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ หลังจากลู่โจวได้คุยกับพ่อแม่อยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกหิว จึงกดวางสายไป

ลู่โจวพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งอาหาร จากนั้นเขาจึงเปิดไฟล์ธีสิสของเสี่ยวถงที่ยังไม่เสร็จขึ้นมาเพื่ออ่าน

“ไหนดูหน่อยสิ…”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชินกับแบบจำลองบิวลีย์เท่าไรนัก แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขาทั้งนั้น

ไม่ว่าแบบจำลองจะซับซ้อนแค่ไหน มันก็ไม่มีทางซับซ้อนและสร้างปัญหาไปมากกว่าระบบการไหลของพลาสมาได้แล้ว หากนำไปเปรียบเทียบกับสมการนาเวียร์-สโตกส์และระบบการไหลของพลาสมาแล้ว แบบจำลองบิวลีย์นั้นง่ายกว่ามาก

ลู่โจวกล้าพูดได้เต็มที่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน

การแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าปกติบ้างนานๆ ครั้งก็ดีกับการวิจัยของเขาเหมือนกัน

อาหารที่เขาสั่งยังมาไม่ถึง เขาจึงตัดสินใจว่าจะฆ่าเวลาด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ เสียหน่อย

ลู่โจวถือปากกาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งถือเมาส์ เขารีบอ่านธีสิสด้วยความรวดเร็วแล้วเขียนการคำนวณออกมา

“ก็ปัญหาง่ายๆ นี่นา แต่น่าสนใจดี…ฉันเคยคุยกับใครเรื่องปัญหานี้นะ? จำไม่ได้แล้วแฮะ”

“ทำไมเธอถึงใช้วิธีตัวคูณลากรองจ์มาคิดค่ากระบวนการแต่ละขั้นล่ะเนี่ย?” ลู่โจวบ่นขณะที่อ่านงานธีสิสที่เป็นส่วนคำนวณของน้องสาว

ผ่านไปไม่กี่วินาที

“แค่ใช้วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็พอแล้ว…” ลู่โจวพึมพำกับตัวเองขณะเขียนสูตรคำนวณแถวหนึ่ง

“วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็ยากนิดหน่อย การปรับเปลี่ยนแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จากรูปแบบจะช่วยประหยัดการคำนวณได้อย่างน้อย 20% … หรืออาจจะ 25% เลยด้วยซ้ำ”

ปัญหาที่ว่านี้ยังไม่นับว่าเป็นปัญหาจริงๆ สักนิด

ลู่โจวได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมาจากบรรทัดสุดท้าย

เขาเขียนสมการบรรทัดสุดท้ายขึ้นมาแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง เขาเอาบันทึกที่เขาเขียนไปจ่อตรงหน้ากล้องโน้ตบุ๊ก

“เสี่ยวไอ จัดระเบียบให้หน่อยสิ

แล้วก็ใช้แบบจำลองบิวลีย์ประมวลอัลกอริทึมใหม่ให้โมเดลฉันด้วย”

เสี่ยวไอ [รับทราบ~! (✿゚▽゚)]

เสี่ยวไอก็เร็วพอๆ กับลู่โจวเลย มันสแกนโน้ตและจัดระเบียบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ได้ในไม่ช้า มันยังช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดที่ลู่โจวอาจจะเผลอทำขึ้นมาด้วย

ลู่โจวมอง LaTex และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แล้ว เขาก็พยักหน้ากับคอมพิวเตอร์

จากนั้นแบบจำลองก็ถูกอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ไม่กี่วินาทีต่อมาคอมพิวเตอร์ควอนตัมก็คำนวณเสร็จ

เสี่ยวไอ [ประมวลอัลกอริทึมเสร็จแล้ว! (๑•̀ᄇ•́) و✧]

เสี่ยวไอ [ใช้พารามิเตอร์รูปแบบสุ่มไป 12,777 เซ็ต ผลการคำนวณตัวเลขของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ปรับปรุงแล้วเข้ากันได้กับแบบจำลองรูปแบบเดิม การกระจายตัวลดลง 13% ประสิทธิภาพของการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% ♪ (^ ∇ ^ *)]

เขาไม่รู้ว่าการกระจายตัวที่ว่าหมายถึงอะไร แต่ประสิทธิภาพการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% คือสิ่งที่เขาคาดหวังให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว

การเอาคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาช่วยทำธีสิสของเด็กปริญญาโทนี่นับว่าโกงหรือเปล่านะ?

ช่างปะไร แล้วไงล่ะ

เขาทำเพื่อน้องสาวตัวเองนะ

อีกอย่างไฟฟ้าก็ราคาถูกอยู่แล้วนี่นา…

ลู่โจวมองไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ส่งอีเมลที่แนบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมนี้ไปด้วย”

เสี่ยวไอ [ได้เลย เจ้านาย! (๑•̀ᄇ•́)و✧]

ลู่โจวมองข้อความอีโมติคอนยาวเหยียดแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อใช่ จำไว้ว่าไม่ต้องส่งอีโมติคอนไปในอีเมลนะ ส่งไปแบบปกติก็พอ”

เสี่ยวไอ [Σ (っ°Д°;) っ]

ลู่โจว “…?”

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่รู้ว่าอีโมติคอนนี้มีความหมายว่าอะไร แต่เขาก็ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์พี่ชายสุดหล่อและพึ่งพาได้ด้วยการส่งอีโมติคอนไปให้น้องสาวของเขาเป็นอันขาด

ห้านาทีผ่านไป

เขาได้รับข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวถง

อีเมลสั้นมาก มีสัญลักษณ์อยู่แค่สามอันเท่านั้น…

[? ? ?]

ลู่โจวมองสัญลักษณ์ทั้งสามแล้วยิ้มเยาะ

เสี่ยวถงคงไม่ได้คิดว่าฉันจะช่วยแก้ปัญหาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงล่ะสิ

“อ้อใช่ นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ อาหารที่สั่งอยู่ไหนหว่า?”

ลู่โจวลูบท้องตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เขากำลังจะโทรหาคนส่งอาหารอยู่แล้ว แต่ก็เห็นว่าอาหารที่สั่งของเขาได้รับการส่งสำเร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

อะไรวะเนี่ย?

ใครมันเอาอาหารฉันไปเนี่ย?

เขามัวแต่ตั้งสมาธิสนใจกับการแก้ปัญหาจนไม่ได้มองโทรศัพท์ตัวเองเลย

ลู่โจวรู้สึกสับสน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หวังเผิงถือถุงพลาสติกเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าวไก่ส้มได้แล้วครับ” หวังเผิงบอกขณะที่วางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เรามาคุยกันหน่อยได้ไหมครับ? ถ้าคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ เลิกสั่งอาหารมากินเองเถอะครับ คุณกำลังทำให้ผมเจอปัญหาเยอะขึ้นนะ”

“แต่ผมกดสั่งจากมือถือแล้วมันง่ายกว่านะ” ลู่โจวหยิบกล่องโฟมออกมาจากถุงพลาสติกแล้วเอ่ยถามว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณไปรับอาหารให้ผมล่ะ?”

หวังเผิง “แบบนี้ปลอดภัยกว่าครับ”

ลู่โจวถาม “แปลว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของผมเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?”

หวังเผิงพยักหน้า

“ใช่ครับ”

หวังเผิงไม่มีเหตุผลอะไรให้โกหกเรื่องนี้

ตอนที่การวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อยู่ในระยะสำคัญ กองทหารของประเทศก็เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยที่บ้านของลู่โจว แล้วมันก็ยังอยู่จนกระทั่งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผานกู่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าสำเร็จ

ถึงแม้สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่ได้สำคัญมากขนาดเมื่อตอนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่ชิปคาร์บอนก็ช่วยชี้ชะตาอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ของชาวจีนเช่นกัน พวกเขาจึงขยันป้องกันลู่โจวเป็นพิเศษ

ในขณะที่กำลังแกะซองตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ลู่โจวก็หันไปมองหวังเผิง

หวังเผิงมีท่าทางงงๆ นิดหน่อยกับที่เขามองไป ลู่โจวจึงกระแอมแล้วถามว่า “คุณไม่ได้…ทดสอบด้วย…การกินเข้าไปใช่ไหม?”

ลู่โจวเป็นคนกลัวเชื้อโรคในระดับอ่อนๆ

ถ้าได้แชร์อาหารแนวชาบูร่วมหม้อกันก็โอเค แต่นอกจากนั้นแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องแตะอาหารของคนอื่น

“ไม่อยู่แล้วครับ!” หวังเผิงประหลาดใจกับคำถาม เขาพูดต่อว่า “นี่ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ ยังมีคนทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แต่ก็ไม่ต้องห่วงไปนะครับ หมอเหยียนได้ตรวจผลสั้นๆ แล้ว มันปลอดภัยดีครับ”

ลู่โจว “…”

เวรเอ๊ย!

นี่ตรวจสอบเชื้อโรคในอาหารฉันกันเหรอ?! ไม่แปลกใจเลยทำไมมันน้านนานกว่าจะได้กิน!

ฉันเกือบจะเขียนรีวิวแย่ๆ ให้คนส่งอาหารแล้วนะ!

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหวังเผิงแล้ว ลู่โจวก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

หมอเหยียนได้ตรวจผลแล้ว

แต่เธอก็เคยทำอะไรไม่น่าไว้ใจมาก่อน…

ลู่โจวยังจำตอนที่เธอชิมโค้กของเขาเมื่อปีก่อนได้

อันที่จริงเธอไม่ได้ขอเขาด้วยซ้ำ เธอตรงเข้ามาฉกมันไปเลย

ลู่โจวมองกล่องโฟมแล้วเริ่มคิดว่า

ควรจะกินหรือไม่กินดีนะ?

เอาไงดีวะเรา…

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 876 ทำเสร็จในหนึ่งชั่วโมง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 876 ทำเสร็จในหนึ่งชั่วโมง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ชินกับเศรษฐศาสตร์ แต่ในสถานที่อย่างพรินซ์ตัน สาขาศาสตร์ไหนที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ ก็ต้องมีนักคณิตศาสตร์ศึกษาบ้างไม่มากก็น้อย

โดยเฉพาะกับสาขาเศรษฐศาสตร์

การใช้วิธีวิจัยแบบดั้งเดิมมาสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ทางเศรษฐศาสตร์เป็นสิ่งที่ยากมาก

ดังนั้นถ้าหากใครต้องการจะทำวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่คุณภาพดีเป็นพิเศษล่ะก็ มีเพียงการใช้คณิตศาสตร์เท่านั้นที่จะช่วยให้เป็นจริงได้ ถึงแม้นักเศรษฐศาสตร์สายวิธีดั้งเดิมจะวิจารณ์การกระทำที่เอาคณิตศาสตร์มาช่วย แต่วิธีก็ได้ช่วยนักศึกษาจำนวนไม่ถ้วนให้เรียนจบได้จริงๆ

อันที่จริงแล้วคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วยชีวิตสาขาใดก็แล้วแต่ที่มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มันสามารถดึงเอาประโยชน์จากข้อมูลที่ดูไร้ค่าออกมาได้ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้จะประยุกต์เครื่องมือคณิตศาสตร์ในงานของตัวเองมาปรับใช้ได้ดีแค่ไหน

ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจในเศรษฐศาสตร์ แต่ในสมัยที่เขาอยู่ที่ร้านกาแฟในสถาบันพรินซ์ตันเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาจะถกประเด็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ บางข้อกับศาสตราจารย์จากสายเศรษฐศาสตร์

หลังจากที่ได้ทำงานอยู่พรินซ์ตันมาหลายปี ลู่โจวก็ได้พูดคุยกับคนเก่งในสายเศรษฐศาสตร์มาหลายคนจนนับไม่ถ้วนแล้ว

เขาไม่เพียงแต่จะได้คุยกับคนที่ได้รับรางวัลโนเบลเท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนกับบรรณาธิการของเนเจอร์และไซเอินซ์ด้วย

คนที่มีสติปัญญาปกติดีๆ คนไหนก็ไม่อยากจะทำให้ลู่โจวโมโหด้วยการหาเรื่องไม่ให้นักศึกษาปริญญาโทเรียนไม่จบหรอก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลู่โจวอยากเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจก็เป็นเพราะว่า…

จริงๆ เขาไม่ได้สนว่าเขาจะมีชื่อปรากฏอยู่บนธีสิสหรือเปล่า เขาแค่ไม่อยากให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวถงใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเสี่ยวถงจะยังกังวลอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอมีท่าทางมั่นใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ หลังจากลู่โจวได้คุยกับพ่อแม่อยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกหิว จึงกดวางสายไป

ลู่โจวพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งอาหาร จากนั้นเขาจึงเปิดไฟล์ธีสิสของเสี่ยวถงที่ยังไม่เสร็จขึ้นมาเพื่ออ่าน

“ไหนดูหน่อยสิ…”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชินกับแบบจำลองบิวลีย์เท่าไรนัก แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขาทั้งนั้น

ไม่ว่าแบบจำลองจะซับซ้อนแค่ไหน มันก็ไม่มีทางซับซ้อนและสร้างปัญหาไปมากกว่าระบบการไหลของพลาสมาได้แล้ว หากนำไปเปรียบเทียบกับสมการนาเวียร์-สโตกส์และระบบการไหลของพลาสมาแล้ว แบบจำลองบิวลีย์นั้นง่ายกว่ามาก

ลู่โจวกล้าพูดได้เต็มที่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน

การแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าปกติบ้างนานๆ ครั้งก็ดีกับการวิจัยของเขาเหมือนกัน

อาหารที่เขาสั่งยังมาไม่ถึง เขาจึงตัดสินใจว่าจะฆ่าเวลาด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ เสียหน่อย

ลู่โจวถือปากกาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งถือเมาส์ เขารีบอ่านธีสิสด้วยความรวดเร็วแล้วเขียนการคำนวณออกมา

“ก็ปัญหาง่ายๆ นี่นา แต่น่าสนใจดี…ฉันเคยคุยกับใครเรื่องปัญหานี้นะ? จำไม่ได้แล้วแฮะ”

“ทำไมเธอถึงใช้วิธีตัวคูณลากรองจ์มาคิดค่ากระบวนการแต่ละขั้นล่ะเนี่ย?” ลู่โจวบ่นขณะที่อ่านงานธีสิสที่เป็นส่วนคำนวณของน้องสาว

ผ่านไปไม่กี่วินาที

“แค่ใช้วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็พอแล้ว…” ลู่โจวพึมพำกับตัวเองขณะเขียนสูตรคำนวณแถวหนึ่ง

“วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็ยากนิดหน่อย การปรับเปลี่ยนแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จากรูปแบบจะช่วยประหยัดการคำนวณได้อย่างน้อย 20% … หรืออาจจะ 25% เลยด้วยซ้ำ”

ปัญหาที่ว่านี้ยังไม่นับว่าเป็นปัญหาจริงๆ สักนิด

ลู่โจวได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมาจากบรรทัดสุดท้าย

เขาเขียนสมการบรรทัดสุดท้ายขึ้นมาแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง เขาเอาบันทึกที่เขาเขียนไปจ่อตรงหน้ากล้องโน้ตบุ๊ก

“เสี่ยวไอ จัดระเบียบให้หน่อยสิ

แล้วก็ใช้แบบจำลองบิวลีย์ประมวลอัลกอริทึมใหม่ให้โมเดลฉันด้วย”

เสี่ยวไอ [รับทราบ~! (✿゚▽゚)]

เสี่ยวไอก็เร็วพอๆ กับลู่โจวเลย มันสแกนโน้ตและจัดระเบียบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ได้ในไม่ช้า มันยังช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดที่ลู่โจวอาจจะเผลอทำขึ้นมาด้วย

ลู่โจวมอง LaTex และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แล้ว เขาก็พยักหน้ากับคอมพิวเตอร์

จากนั้นแบบจำลองก็ถูกอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ไม่กี่วินาทีต่อมาคอมพิวเตอร์ควอนตัมก็คำนวณเสร็จ

เสี่ยวไอ [ประมวลอัลกอริทึมเสร็จแล้ว! (๑•̀ᄇ•́) و✧]

เสี่ยวไอ [ใช้พารามิเตอร์รูปแบบสุ่มไป 12,777 เซ็ต ผลการคำนวณตัวเลขของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ปรับปรุงแล้วเข้ากันได้กับแบบจำลองรูปแบบเดิม การกระจายตัวลดลง 13% ประสิทธิภาพของการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% ♪ (^ ∇ ^ *)]

เขาไม่รู้ว่าการกระจายตัวที่ว่าหมายถึงอะไร แต่ประสิทธิภาพการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% คือสิ่งที่เขาคาดหวังให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว

การเอาคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาช่วยทำธีสิสของเด็กปริญญาโทนี่นับว่าโกงหรือเปล่านะ?

ช่างปะไร แล้วไงล่ะ

เขาทำเพื่อน้องสาวตัวเองนะ

อีกอย่างไฟฟ้าก็ราคาถูกอยู่แล้วนี่นา…

ลู่โจวมองไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ส่งอีเมลที่แนบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมนี้ไปด้วย”

เสี่ยวไอ [ได้เลย เจ้านาย! (๑•̀ᄇ•́)و✧]

ลู่โจวมองข้อความอีโมติคอนยาวเหยียดแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อใช่ จำไว้ว่าไม่ต้องส่งอีโมติคอนไปในอีเมลนะ ส่งไปแบบปกติก็พอ”

เสี่ยวไอ [Σ (っ°Д°;) っ]

ลู่โจว “…?”

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่รู้ว่าอีโมติคอนนี้มีความหมายว่าอะไร แต่เขาก็ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์พี่ชายสุดหล่อและพึ่งพาได้ด้วยการส่งอีโมติคอนไปให้น้องสาวของเขาเป็นอันขาด

ห้านาทีผ่านไป

เขาได้รับข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวถง

อีเมลสั้นมาก มีสัญลักษณ์อยู่แค่สามอันเท่านั้น…

[? ? ?]

ลู่โจวมองสัญลักษณ์ทั้งสามแล้วยิ้มเยาะ

เสี่ยวถงคงไม่ได้คิดว่าฉันจะช่วยแก้ปัญหาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงล่ะสิ

“อ้อใช่ นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ อาหารที่สั่งอยู่ไหนหว่า?”

ลู่โจวลูบท้องตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เขากำลังจะโทรหาคนส่งอาหารอยู่แล้ว แต่ก็เห็นว่าอาหารที่สั่งของเขาได้รับการส่งสำเร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

อะไรวะเนี่ย?

ใครมันเอาอาหารฉันไปเนี่ย?

เขามัวแต่ตั้งสมาธิสนใจกับการแก้ปัญหาจนไม่ได้มองโทรศัพท์ตัวเองเลย

ลู่โจวรู้สึกสับสน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หวังเผิงถือถุงพลาสติกเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าวไก่ส้มได้แล้วครับ” หวังเผิงบอกขณะที่วางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เรามาคุยกันหน่อยได้ไหมครับ? ถ้าคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ เลิกสั่งอาหารมากินเองเถอะครับ คุณกำลังทำให้ผมเจอปัญหาเยอะขึ้นนะ”

“แต่ผมกดสั่งจากมือถือแล้วมันง่ายกว่านะ” ลู่โจวหยิบกล่องโฟมออกมาจากถุงพลาสติกแล้วเอ่ยถามว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณไปรับอาหารให้ผมล่ะ?”

หวังเผิง “แบบนี้ปลอดภัยกว่าครับ”

ลู่โจวถาม “แปลว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของผมเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?”

หวังเผิงพยักหน้า

“ใช่ครับ”

หวังเผิงไม่มีเหตุผลอะไรให้โกหกเรื่องนี้

ตอนที่การวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อยู่ในระยะสำคัญ กองทหารของประเทศก็เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยที่บ้านของลู่โจว แล้วมันก็ยังอยู่จนกระทั่งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผานกู่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าสำเร็จ

ถึงแม้สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่ได้สำคัญมากขนาดเมื่อตอนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่ชิปคาร์บอนก็ช่วยชี้ชะตาอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ของชาวจีนเช่นกัน พวกเขาจึงขยันป้องกันลู่โจวเป็นพิเศษ

ในขณะที่กำลังแกะซองตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ลู่โจวก็หันไปมองหวังเผิง

หวังเผิงมีท่าทางงงๆ นิดหน่อยกับที่เขามองไป ลู่โจวจึงกระแอมแล้วถามว่า “คุณไม่ได้…ทดสอบด้วย…การกินเข้าไปใช่ไหม?”

ลู่โจวเป็นคนกลัวเชื้อโรคในระดับอ่อนๆ

ถ้าได้แชร์อาหารแนวชาบูร่วมหม้อกันก็โอเค แต่นอกจากนั้นแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องแตะอาหารของคนอื่น

“ไม่อยู่แล้วครับ!” หวังเผิงประหลาดใจกับคำถาม เขาพูดต่อว่า “นี่ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ ยังมีคนทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แต่ก็ไม่ต้องห่วงไปนะครับ หมอเหยียนได้ตรวจผลสั้นๆ แล้ว มันปลอดภัยดีครับ”

ลู่โจว “…”

เวรเอ๊ย!

นี่ตรวจสอบเชื้อโรคในอาหารฉันกันเหรอ?! ไม่แปลกใจเลยทำไมมันน้านนานกว่าจะได้กิน!

ฉันเกือบจะเขียนรีวิวแย่ๆ ให้คนส่งอาหารแล้วนะ!

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหวังเผิงแล้ว ลู่โจวก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

หมอเหยียนได้ตรวจผลแล้ว

แต่เธอก็เคยทำอะไรไม่น่าไว้ใจมาก่อน…

ลู่โจวยังจำตอนที่เธอชิมโค้กของเขาเมื่อปีก่อนได้

อันที่จริงเธอไม่ได้ขอเขาด้วยซ้ำ เธอตรงเข้ามาฉกมันไปเลย

ลู่โจวมองกล่องโฟมแล้วเริ่มคิดว่า

ควรจะกินหรือไม่กินดีนะ?

เอาไงดีวะเรา…

…………………………

ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ชินกับเศรษฐศาสตร์ แต่ในสถานที่อย่างพรินซ์ตัน สาขาศาสตร์ไหนที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ ก็ต้องมีนักคณิตศาสตร์ศึกษาบ้างไม่มากก็น้อย

โดยเฉพาะกับสาขาเศรษฐศาสตร์

การใช้วิธีวิจัยแบบดั้งเดิมมาสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ทางเศรษฐศาสตร์เป็นสิ่งที่ยากมาก

ดังนั้นถ้าหากใครต้องการจะทำวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่คุณภาพดีเป็นพิเศษล่ะก็ มีเพียงการใช้คณิตศาสตร์เท่านั้นที่จะช่วยให้เป็นจริงได้ ถึงแม้นักเศรษฐศาสตร์สายวิธีดั้งเดิมจะวิจารณ์การกระทำที่เอาคณิตศาสตร์มาช่วย แต่วิธีก็ได้ช่วยนักศึกษาจำนวนไม่ถ้วนให้เรียนจบได้จริงๆ

อันที่จริงแล้วคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วยชีวิตสาขาใดก็แล้วแต่ที่มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มันสามารถดึงเอาประโยชน์จากข้อมูลที่ดูไร้ค่าออกมาได้ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้จะประยุกต์เครื่องมือคณิตศาสตร์ในงานของตัวเองมาปรับใช้ได้ดีแค่ไหน

ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจในเศรษฐศาสตร์ แต่ในสมัยที่เขาอยู่ที่ร้านกาแฟในสถาบันพรินซ์ตันเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาจะถกประเด็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ บางข้อกับศาสตราจารย์จากสายเศรษฐศาสตร์

หลังจากที่ได้ทำงานอยู่พรินซ์ตันมาหลายปี ลู่โจวก็ได้พูดคุยกับคนเก่งในสายเศรษฐศาสตร์มาหลายคนจนนับไม่ถ้วนแล้ว

เขาไม่เพียงแต่จะได้คุยกับคนที่ได้รับรางวัลโนเบลเท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนกับบรรณาธิการของเนเจอร์และไซเอินซ์ด้วย

คนที่มีสติปัญญาปกติดีๆ คนไหนก็ไม่อยากจะทำให้ลู่โจวโมโหด้วยการหาเรื่องไม่ให้นักศึกษาปริญญาโทเรียนไม่จบหรอก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลู่โจวอยากเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจก็เป็นเพราะว่า…

จริงๆ เขาไม่ได้สนว่าเขาจะมีชื่อปรากฏอยู่บนธีสิสหรือเปล่า เขาแค่ไม่อยากให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวถงใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเสี่ยวถงจะยังกังวลอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอมีท่าทางมั่นใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ หลังจากลู่โจวได้คุยกับพ่อแม่อยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกหิว จึงกดวางสายไป

ลู่โจวพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งอาหาร จากนั้นเขาจึงเปิดไฟล์ธีสิสของเสี่ยวถงที่ยังไม่เสร็จขึ้นมาเพื่ออ่าน

“ไหนดูหน่อยสิ…”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชินกับแบบจำลองบิวลีย์เท่าไรนัก แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขาทั้งนั้น

ไม่ว่าแบบจำลองจะซับซ้อนแค่ไหน มันก็ไม่มีทางซับซ้อนและสร้างปัญหาไปมากกว่าระบบการไหลของพลาสมาได้แล้ว หากนำไปเปรียบเทียบกับสมการนาเวียร์-สโตกส์และระบบการไหลของพลาสมาแล้ว แบบจำลองบิวลีย์นั้นง่ายกว่ามาก

ลู่โจวกล้าพูดได้เต็มที่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน

การแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าปกติบ้างนานๆ ครั้งก็ดีกับการวิจัยของเขาเหมือนกัน

อาหารที่เขาสั่งยังมาไม่ถึง เขาจึงตัดสินใจว่าจะฆ่าเวลาด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ เสียหน่อย

ลู่โจวถือปากกาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งถือเมาส์ เขารีบอ่านธีสิสด้วยความรวดเร็วแล้วเขียนการคำนวณออกมา

“ก็ปัญหาง่ายๆ นี่นา แต่น่าสนใจดี…ฉันเคยคุยกับใครเรื่องปัญหานี้นะ? จำไม่ได้แล้วแฮะ”

“ทำไมเธอถึงใช้วิธีตัวคูณลากรองจ์มาคิดค่ากระบวนการแต่ละขั้นล่ะเนี่ย?” ลู่โจวบ่นขณะที่อ่านงานธีสิสที่เป็นส่วนคำนวณของน้องสาว

ผ่านไปไม่กี่วินาที

“แค่ใช้วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็พอแล้ว…” ลู่โจวพึมพำกับตัวเองขณะเขียนสูตรคำนวณแถวหนึ่ง

“วิธีกริดเอ็นโดจีนัสก็ยากนิดหน่อย การปรับเปลี่ยนแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จากรูปแบบจะช่วยประหยัดการคำนวณได้อย่างน้อย 20% … หรืออาจจะ 25% เลยด้วยซ้ำ”

ปัญหาที่ว่านี้ยังไม่นับว่าเป็นปัญหาจริงๆ สักนิด

ลู่โจวได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมาจากบรรทัดสุดท้าย

เขาเขียนสมการบรรทัดสุดท้ายขึ้นมาแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง เขาเอาบันทึกที่เขาเขียนไปจ่อตรงหน้ากล้องโน้ตบุ๊ก

“เสี่ยวไอ จัดระเบียบให้หน่อยสิ

แล้วก็ใช้แบบจำลองบิวลีย์ประมวลอัลกอริทึมใหม่ให้โมเดลฉันด้วย”

เสี่ยวไอ [รับทราบ~! (✿゚▽゚)]

เสี่ยวไอก็เร็วพอๆ กับลู่โจวเลย มันสแกนโน้ตและจัดระเบียบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ได้ในไม่ช้า มันยังช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดที่ลู่โจวอาจจะเผลอทำขึ้นมาด้วย

ลู่โจวมอง LaTex และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แล้ว เขาก็พยักหน้ากับคอมพิวเตอร์

จากนั้นแบบจำลองก็ถูกอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ไม่กี่วินาทีต่อมาคอมพิวเตอร์ควอนตัมก็คำนวณเสร็จ

เสี่ยวไอ [ประมวลอัลกอริทึมเสร็จแล้ว! (๑•̀ᄇ•́) و✧]

เสี่ยวไอ [ใช้พารามิเตอร์รูปแบบสุ่มไป 12,777 เซ็ต ผลการคำนวณตัวเลขของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ปรับปรุงแล้วเข้ากันได้กับแบบจำลองรูปแบบเดิม การกระจายตัวลดลง 13% ประสิทธิภาพของการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% ♪ (^ ∇ ^ *)]

เขาไม่รู้ว่าการกระจายตัวที่ว่าหมายถึงอะไร แต่ประสิทธิภาพการคำนวณเพิ่มขึ้น 21% คือสิ่งที่เขาคาดหวังให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว

การเอาคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาช่วยทำธีสิสของเด็กปริญญาโทนี่นับว่าโกงหรือเปล่านะ?

ช่างปะไร แล้วไงล่ะ

เขาทำเพื่อน้องสาวตัวเองนะ

อีกอย่างไฟฟ้าก็ราคาถูกอยู่แล้วนี่นา…

ลู่โจวมองไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ส่งอีเมลที่แนบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมนี้ไปด้วย”

เสี่ยวไอ [ได้เลย เจ้านาย! (๑•̀ᄇ•́)و✧]

ลู่โจวมองข้อความอีโมติคอนยาวเหยียดแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อใช่ จำไว้ว่าไม่ต้องส่งอีโมติคอนไปในอีเมลนะ ส่งไปแบบปกติก็พอ”

เสี่ยวไอ [Σ (っ°Д°;) っ]

ลู่โจว “…?”

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่รู้ว่าอีโมติคอนนี้มีความหมายว่าอะไร แต่เขาก็ไม่อยากจะทำลายภาพลักษณ์พี่ชายสุดหล่อและพึ่งพาได้ด้วยการส่งอีโมติคอนไปให้น้องสาวของเขาเป็นอันขาด

ห้านาทีผ่านไป

เขาได้รับข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวถง

อีเมลสั้นมาก มีสัญลักษณ์อยู่แค่สามอันเท่านั้น…

[? ? ?]

ลู่โจวมองสัญลักษณ์ทั้งสามแล้วยิ้มเยาะ

เสี่ยวถงคงไม่ได้คิดว่าฉันจะช่วยแก้ปัญหาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงล่ะสิ

“อ้อใช่ นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ อาหารที่สั่งอยู่ไหนหว่า?”

ลู่โจวลูบท้องตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เขากำลังจะโทรหาคนส่งอาหารอยู่แล้ว แต่ก็เห็นว่าอาหารที่สั่งของเขาได้รับการส่งสำเร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

อะไรวะเนี่ย?

ใครมันเอาอาหารฉันไปเนี่ย?

เขามัวแต่ตั้งสมาธิสนใจกับการแก้ปัญหาจนไม่ได้มองโทรศัพท์ตัวเองเลย

ลู่โจวรู้สึกสับสน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หวังเผิงถือถุงพลาสติกเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าวไก่ส้มได้แล้วครับ” หวังเผิงบอกขณะที่วางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เรามาคุยกันหน่อยได้ไหมครับ? ถ้าคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ เลิกสั่งอาหารมากินเองเถอะครับ คุณกำลังทำให้ผมเจอปัญหาเยอะขึ้นนะ”

“แต่ผมกดสั่งจากมือถือแล้วมันง่ายกว่านะ” ลู่โจวหยิบกล่องโฟมออกมาจากถุงพลาสติกแล้วเอ่ยถามว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณไปรับอาหารให้ผมล่ะ?”

หวังเผิง “แบบนี้ปลอดภัยกว่าครับ”

ลู่โจวถาม “แปลว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของผมเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?”

หวังเผิงพยักหน้า

“ใช่ครับ”

หวังเผิงไม่มีเหตุผลอะไรให้โกหกเรื่องนี้

ตอนที่การวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อยู่ในระยะสำคัญ กองทหารของประเทศก็เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยที่บ้านของลู่โจว แล้วมันก็ยังอยู่จนกระทั่งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผานกู่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าสำเร็จ

ถึงแม้สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่ได้สำคัญมากขนาดเมื่อตอนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่ชิปคาร์บอนก็ช่วยชี้ชะตาอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ของชาวจีนเช่นกัน พวกเขาจึงขยันป้องกันลู่โจวเป็นพิเศษ

ในขณะที่กำลังแกะซองตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ลู่โจวก็หันไปมองหวังเผิง

หวังเผิงมีท่าทางงงๆ นิดหน่อยกับที่เขามองไป ลู่โจวจึงกระแอมแล้วถามว่า “คุณไม่ได้…ทดสอบด้วย…การกินเข้าไปใช่ไหม?”

ลู่โจวเป็นคนกลัวเชื้อโรคในระดับอ่อนๆ

ถ้าได้แชร์อาหารแนวชาบูร่วมหม้อกันก็โอเค แต่นอกจากนั้นแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องแตะอาหารของคนอื่น

“ไม่อยู่แล้วครับ!” หวังเผิงประหลาดใจกับคำถาม เขาพูดต่อว่า “นี่ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ ยังมีคนทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แต่ก็ไม่ต้องห่วงไปนะครับ หมอเหยียนได้ตรวจผลสั้นๆ แล้ว มันปลอดภัยดีครับ”

ลู่โจว “…”

เวรเอ๊ย!

นี่ตรวจสอบเชื้อโรคในอาหารฉันกันเหรอ?! ไม่แปลกใจเลยทำไมมันน้านนานกว่าจะได้กิน!

ฉันเกือบจะเขียนรีวิวแย่ๆ ให้คนส่งอาหารแล้วนะ!

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหวังเผิงแล้ว ลู่โจวก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

หมอเหยียนได้ตรวจผลแล้ว

แต่เธอก็เคยทำอะไรไม่น่าไว้ใจมาก่อน…

ลู่โจวยังจำตอนที่เธอชิมโค้กของเขาเมื่อปีก่อนได้

อันที่จริงเธอไม่ได้ขอเขาด้วยซ้ำ เธอตรงเข้ามาฉกมันไปเลย

ลู่โจวมองกล่องโฟมแล้วเริ่มคิดว่า

ควรจะกินหรือไม่กินดีนะ?

เอาไงดีวะเรา…

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+