Scholar’s Advanced Technological System 884 อยากได้ทุกตำแหน่ง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 884 อยากได้ทุกตำแหน่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมอยากได้ทุกตำแหน่งนั่นแหละ!

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์อยากพูดคำนี้ออกไปดังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตามกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรของวงการวิชาการ ตำแหน่งผู้ประพันธ์บรรณกิจและผู้ประพันธ์อันดับแรกจะต้องเป็นของเขาทั้งหมด จะไม่มีการต่อรองอะไรในข้อนี้เป็นอันขาด

เขาจะมอบตำแหน่งผู้ประพันธ์อันดับแรกให้กับนักศึกษาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจริงๆ

เขาไม่ต้องการจะปล่อยผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ดีเยี่ยมไป ยังไม่นับว่างานนี้ยังมีลู่โจวเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

แต่…

“…เอาตามใจเธอก็แล้วกัน”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็หยิบปากกาของเขาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปบนใบขอจบการศึกษาของเสี่ยวถง

เขามองเด็กสาวแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นมาขณะพูดว่า “คุณอยากได้จดหมายแนะนำไหม?”

“ถ้าคุณจะช่วยเขียนให้ก็ขอบคุณมากค่ะ”

ไม่มีใครอยากปฏิเสธจดหมายแนะนำอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะมีจดหมายแนะนำจากพี่ชายของเธออยู่แล้ว จดหมายแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาโทจะช่วยการศึกษาระดับปริญญาเอกของเธอแน่นอน

ถึงแม้ว่าเธอจะยังกังวลในตัวของฟอร์สเตอร์เล็กๆ

เสี่ยวถงโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพแล้วรับใบขอจบการศึกษามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

จะอย่างไรก็แล้วแต่ เธอก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาจากศาสตราจารย์คนนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมามาได้ค่อนข้างมาก

แน่นอนว่าในทางกลับกัน เธอก็ช่วยศาสตราจารย์เป็นการตอบแทนด้วย

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่ได้มอบหมายโปรเจกต์ให้เธอเพราะเหตุผลที่สูงส่งอะไรหรอก แค่จะให้เธอช่วยฟอร์สเตอร์ ‘ทำ’ ธีสิสได้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

พอเขาได้มีชื่อปรากฏอยู่ในธีสิสของวารสารเศรษฐศาสตร์มิติแล้ว เขาจึงมีความสุขดี

เพราะถ้าเป็นตัวฟอร์สเตอร์เองก็คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีในการเขียนธีสิสแบบนั้น…

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ และเอนหลังไปพิงเก้าอี้ เขาพูดอย่างเรื่อยๆ ว่า “ด้วยความยินดี ผมขอให้คุณโชคดีในเส้นทางข้างหน้า

ถ้าคุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากไปมหาวิทยาลัยไหนและคุณอยากไปเป็นลูกศิษย์ปริญญาเอกของศาสตราจารย์คนไหนแล้วล่ะก็ บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมจะส่งจดหมายรับรองของคุณไปให้”

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ถึงแม้ฟอร์สเตอร์จะไม่สามารถยื้อเสี่ยวถงไว้ให้อยู่กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอไม่พอใจ จะดีกว่าถ้าเขาจะปล่อยเธอไป และยังคงความสัมพันธ์อันดีนี้ไว้

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการวิชาการมาหลายปี เขาก็รู้ดีว่าใครบ้างที่เขาไม่ควรทำให้ไม่พอใจ

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น

เขารู้สึกว่าเขาจะได้เจอกับเสี่ยวถงอีกครั้งในอนาคต

พวกเขาอาจจะได้ทำงานร่วมกันก็ได้

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์มองที่ประตูแล้วถอนหายใจ

“บ้าเอ๊ย ลู่โจว…ทำไมฉันไม่มีพี่ชายเป็นคนได้รางวัลโนเบลบ้างวะ?

ถ้ามีนี่…ป่านนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะได้รางวัลราชบัณฑิตสภาทางวิทยาส่งวิทยาศาสตร์อะไรนั่นแล้ว”

เขาส่ายหัวแล้ววางปากกาลง

สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว

นี่ฉันอิจฉานักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งจริงๆ ด้วย…

ฉันกำลังจะเรียนจบแล้ว!

ในที่สุด!

ฉันดีใจจัง!

หลังจากที่เดินกลับมาที่หอ เสี่ยวถงก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอกระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเธอก็โทรหาลู่โจวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของซีกโลก

สายติดแล้ว เธอพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทันที

“พี่คะ! หนูเรียนจบแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า จุ๊บ หนูรักพี่จัง!”

ลู่โจวได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเธอก็ยิ้มออกมา

“เธอได้ใบจบมาแล้วเหรอ?

“ใช่!” เสี่ยวถงนั่งบนเตียงแล้วกอดหมอน เธอเริ่มเล่าให้ลู่โจวฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของเสี่ยวถง ลู่โจวก็พยักหน้า

“รับมือได้ดีนี่

พี่หวังว่าเธอจะยังจำอย่างหนึ่งได้นะ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน จะเป็นสาขาประยุกต์หรือเชิงทฤษฎี ก็มีลำดับขั้นตอนของมันอยู่ แต่จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือคนที่สามารถทำงานวิจัยดีๆ ขึ้นมาจะไม่มีวันถูกละเลยเป็นอันขาด”

เสี่ยวถงพยักหน้า

“หนูเข้าใจค่ะ”

“ดีแล้ว พอเธอเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อีกในอนาคต พี่จะช่วยเธอเอง” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “อ้อใช่ มีอีกเรื่อง ถ้าเธอวางแผนจะกลับบ้านช่วงวันตรุษจีนแล้วล่ะก็ กลับไปเจียงหลิงเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับบ้านแล้ว เพราะอย่างนั้น พี่จะไม่อยู่ที่จินหลิง”

เสี่ยวถงตอบอย่างมีความสุขว่า “ได้ค่ะ หนูไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันนะ”

ลู่โจวกำลังจะกดวางสายตอนที่เสี่ยวถงพูดขึ้นมาพอดีว่า

“เดี๋ยวก่อนพี่”

“มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าพี่เป็นหนู พี่จะทำอย่างไรอะ?”

“ถ้าพี่ถูกกั๊กไว้ไม่ให้เรียนจบน่ะเหรอ?” ลู่โจวลูบคางแล้วพูดออกมาว่า “คำถามยากแฮะ…พี่ไม่เคยกังวลเรื่องเรียนจบมาก่อนเลย”

ตอนที่เขากำลังเรียนปริญญาโท นักวิชาการลู่ก็แสดงออกว่าชอบความสามารถของเขาอย่างชัดเจนและต้องการให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาก็ยังยอมให้ลู่โจวเรียนจบ ในทางกลับกันศาสตราจารย์เดอลีงย์ได้ให้อิสระกับเขามาก แม้กระทั่งอนุญาตให้เขาเลือกโปรเจกต์ธีสิสของตัวเองด้วยซ้ำ

อาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากปล่อยนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ไปกันทั้งนั้น

แต่ถ้าคนคนนั้นมีพรสวรรค์จริงๆ แล้วล่ะก็ อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวไม่สามารถเก็บคนคนนั้นไว้ได้นานหรอก

เสี่ยวถง “…”

เธอรู้ว่าเธอไม่ควรจะให้ลู่โจวได้มีโอกาสอวดตัวเองด้วยความถ่อมตนเลย

หลังจากที่ลู่โจววางสายไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาใส่กระเป๋า

หลัวเหวินเซวียนที่นั่งอยู่ข้างเขาถามขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “น้องสาวเหรอ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ่าฮะ เรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ออกซฟอร์ด”

หลัวเหวินเซวียนมีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

“ไว้สักวันแนะนำฉันให้เธอรู้จักบ้างสิ”

“ไปไกลๆ เลยโว้ย”

หลัวเหวินเซวียนสั่น เขารีบพยายามอธิบายทันควัน

“เดี๋ยวๆ คิดอะไรอยู่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วไง แค่อยากจะรู้จักเธอเฉยๆ … เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ไอเดียที่ฉันคุยกับนายก่อนหน้านี้น่ะ อยากดูไหมล่ะ?”

เขารีบยื่นกระดาษธีสิสปึกหนาให้ลู่โจว

“ลองอ่านดู ฉันไม่เขียนชื่อนายลงไปหรอก!”

พอลู่โจวเห็นชื่อธีสิส เขาแทบจะหัวเราะออกมาดังลั่น

[เดินทางข้ามเวลาในมิติของมิงคอฟสกี้…]

“ถ้านายเอาเจ้านี่ไปตีพิมพ์ใน PRL ได้นะ ฉันยอมกินโต๊ะเลย”

หลัวเหวินเซวียนกระแอมแล้วเกาหัวตัวเอง

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ! ถ้าเกิดเขายอมให้ตีพิมพ์ขึ้นมา นายจะทำอย่างไรล่ะ?”

ลู่โจวส่ายหัวแล้วเมินหลัวเหวินเซวียน เขาเริ่มเดินกลับไปที่ออฟฟิศตัวเอง แล้วหลัวเหวินเซวียนก็ตามมา

แต่ในขณะที่ลู่โจวกำลังเดินผ่านระเบียงทางเดินนั้น เขาก็เห็นเด็กสาวแต่งตัวดีไว้ผมหน้าม้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศของเขา เธอมองเข้าไปทางกระจกออฟฟิศด้วยท่าทางเป็นกังวล

หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ออกมา

“มองหาศาสตราจารย์ลู่อยู่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ…” เด็กสาวมองหน้าหลัวเหวินเซวียน จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าลู่โจวยืนอยู่ข้างหลังหลัวเหวินเซวียน ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะที่เอ่ยถามว่า “คุณคือศาสตราจารย์ลู่เหรอคะ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบคำถาม “ใช่แล้วล่ะ เธอมีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ…พวกเราไปคุยกันสองคนได้ไหมคะ?” เด็กสาวพูดอย่างลังเลขณะมองไปทางหลัวเหวินเซวียน

“เอางั้นก็ได้” หลัวเหวินเซวียนยื่นธีสิสให้ลู่โจวแล้วโบกมือลา

ลู่โจวมองเด็กสาวที่ดูตื่นกลัวคนนั้น

“เข้าไปคุยกันข้างในก็แล้วกัน”

เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุด จึงไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศเลย

ลู่โจวเปิดประตูออฟฟิศ แล้ววางธีสิสลงบนโต๊ะกาแฟในห้อง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโต๊ะ

ลู่โจวมองเด็กสาวที่เดินตามเขาเข้ามาในออฟฟิศแล้วบอกว่า

“เชิญนั่งเลย เธอต้องการอะไรเหรอ?”

เด็กสาวดูลังเลอยู่นิดหน่อยและตัดสินใจไม่นั่งลงบนโซฟา เธอกัดริมฝีปากแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะข้างหน้า

“เอ่อ…ศาสตราจารย์คะ มีเรื่องที่หนูอยากจะถามคุณหน่อยน่ะค่ะ”

ลู่โจว “ไม่มีปัญหา ผมเต็มใจจะช่วยคุณเรื่องปัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับข้อสอบนะ”

“เอ่อ…มันเกี่ยวกับข้อสอบน่ะค่ะ เทอมนี้หนูยุ่งมาก เพราะหนูต้องสอบภาษาอังกฤษระดับหกแล้วก็มีภาระจากสภานักศึกษาด้วย…หนูเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนเท่าไหร่” เด็กสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดว่า “ได้โปรดนะคะศาสตราจารย์ลู่ อย่าให้หนูติดเอฟเลยนะคะ หนูยอมทำทุกอย่างเลย”

การติดเอฟหมายถึงจะไม่มีทุน

และยังอาจจะหมายถึงการไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอีกด้วย

ดังนั้นแล้วเด็กสาวคนนี้จึงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเสียบางอย่างมาเรียบร้อยแล้ว…

ตอนที่ลู่โจวลุกขึ้นยืน เด็กสาวก็กำมือแน่นด้วยความกระวนกระวาย

เธอพยายามเตรียมใจอยู่

เขาจะไม่พาฉันไปเลี้ยงข้าวก่อนเหรอ?

ลู่โจวเดินไปยืนอยู่ข้างเธอแล้วมองเธออยู่แป๊บหนึ่ง

“ทำทุกอย่างเลยเหรอ?” เขาถาม

เด็กสาวหน้าแดง เธอพยักหน้าอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ศาสตราจารย์ลู่เดินมาหาเธอ หัวใจของเธอแทบจะเต้นแรงออกมาจากอก จากนั้นศาสตราจารย์ลู่ก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตั้งใจเรียนแล้วเตรียมตัวสอบเสริมได้แล้ว”

เด็กสาว “???”

ลู่โจวมองดูเด็กสาวที่ทำหน้างงๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

เขาทำงานให้ระบบการศึกษาชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยจินหลิงมามากแล้ว ต่อให้คณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่ได้ดีระดับโลก แต่ก็มีนักเรียนจำนวนมากอยู่ดี

ทำไมเขาต้องได้นักเรียนหัวทึบตลอดเลยนะ?

สงสัยจะต้องทำงานพัฒนาระบบการศึกษาให้หนักเสียแล้ว…

………………………….

ผมอยากได้ทุกตำแหน่งนั่นแหละ!

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์อยากพูดคำนี้ออกไปดังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตามกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรของวงการวิชาการ ตำแหน่งผู้ประพันธ์บรรณกิจและผู้ประพันธ์อันดับแรกจะต้องเป็นของเขาทั้งหมด จะไม่มีการต่อรองอะไรในข้อนี้เป็นอันขาด

เขาจะมอบตำแหน่งผู้ประพันธ์อันดับแรกให้กับนักศึกษาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจริงๆ

เขาไม่ต้องการจะปล่อยผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ดีเยี่ยมไป ยังไม่นับว่างานนี้ยังมีลู่โจวเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

แต่…

“…เอาตามใจเธอก็แล้วกัน”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็หยิบปากกาของเขาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปบนใบขอจบการศึกษาของเสี่ยวถง

เขามองเด็กสาวแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นมาขณะพูดว่า “คุณอยากได้จดหมายแนะนำไหม?”

“ถ้าคุณจะช่วยเขียนให้ก็ขอบคุณมากค่ะ”

ไม่มีใครอยากปฏิเสธจดหมายแนะนำอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะมีจดหมายแนะนำจากพี่ชายของเธออยู่แล้ว จดหมายแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาโทจะช่วยการศึกษาระดับปริญญาเอกของเธอแน่นอน

ถึงแม้ว่าเธอจะยังกังวลในตัวของฟอร์สเตอร์เล็กๆ

เสี่ยวถงโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพแล้วรับใบขอจบการศึกษามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

จะอย่างไรก็แล้วแต่ เธอก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาจากศาสตราจารย์คนนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมามาได้ค่อนข้างมาก

แน่นอนว่าในทางกลับกัน เธอก็ช่วยศาสตราจารย์เป็นการตอบแทนด้วย

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่ได้มอบหมายโปรเจกต์ให้เธอเพราะเหตุผลที่สูงส่งอะไรหรอก แค่จะให้เธอช่วยฟอร์สเตอร์ ‘ทำ’ ธีสิสได้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

พอเขาได้มีชื่อปรากฏอยู่ในธีสิสของวารสารเศรษฐศาสตร์มิติแล้ว เขาจึงมีความสุขดี

เพราะถ้าเป็นตัวฟอร์สเตอร์เองก็คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีในการเขียนธีสิสแบบนั้น…

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ และเอนหลังไปพิงเก้าอี้ เขาพูดอย่างเรื่อยๆ ว่า “ด้วยความยินดี ผมขอให้คุณโชคดีในเส้นทางข้างหน้า

ถ้าคุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากไปมหาวิทยาลัยไหนและคุณอยากไปเป็นลูกศิษย์ปริญญาเอกของศาสตราจารย์คนไหนแล้วล่ะก็ บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมจะส่งจดหมายรับรองของคุณไปให้”

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ถึงแม้ฟอร์สเตอร์จะไม่สามารถยื้อเสี่ยวถงไว้ให้อยู่กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอไม่พอใจ จะดีกว่าถ้าเขาจะปล่อยเธอไป และยังคงความสัมพันธ์อันดีนี้ไว้

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการวิชาการมาหลายปี เขาก็รู้ดีว่าใครบ้างที่เขาไม่ควรทำให้ไม่พอใจ

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น

เขารู้สึกว่าเขาจะได้เจอกับเสี่ยวถงอีกครั้งในอนาคต

พวกเขาอาจจะได้ทำงานร่วมกันก็ได้

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์มองที่ประตูแล้วถอนหายใจ

“บ้าเอ๊ย ลู่โจว…ทำไมฉันไม่มีพี่ชายเป็นคนได้รางวัลโนเบลบ้างวะ?

ถ้ามีนี่…ป่านนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะได้รางวัลราชบัณฑิตสภาทางวิทยาส่งวิทยาศาสตร์อะไรนั่นแล้ว”

เขาส่ายหัวแล้ววางปากกาลง

สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว

นี่ฉันอิจฉานักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งจริงๆ ด้วย…

ฉันกำลังจะเรียนจบแล้ว!

ในที่สุด!

ฉันดีใจจัง!

หลังจากที่เดินกลับมาที่หอ เสี่ยวถงก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอกระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเธอก็โทรหาลู่โจวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของซีกโลก

สายติดแล้ว เธอพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทันที

“พี่คะ! หนูเรียนจบแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า จุ๊บ หนูรักพี่จัง!”

ลู่โจวได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเธอก็ยิ้มออกมา

“เธอได้ใบจบมาแล้วเหรอ?

“ใช่!” เสี่ยวถงนั่งบนเตียงแล้วกอดหมอน เธอเริ่มเล่าให้ลู่โจวฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของเสี่ยวถง ลู่โจวก็พยักหน้า

“รับมือได้ดีนี่

พี่หวังว่าเธอจะยังจำอย่างหนึ่งได้นะ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน จะเป็นสาขาประยุกต์หรือเชิงทฤษฎี ก็มีลำดับขั้นตอนของมันอยู่ แต่จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือคนที่สามารถทำงานวิจัยดีๆ ขึ้นมาจะไม่มีวันถูกละเลยเป็นอันขาด”

เสี่ยวถงพยักหน้า

“หนูเข้าใจค่ะ”

“ดีแล้ว พอเธอเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อีกในอนาคต พี่จะช่วยเธอเอง” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “อ้อใช่ มีอีกเรื่อง ถ้าเธอวางแผนจะกลับบ้านช่วงวันตรุษจีนแล้วล่ะก็ กลับไปเจียงหลิงเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับบ้านแล้ว เพราะอย่างนั้น พี่จะไม่อยู่ที่จินหลิง”

เสี่ยวถงตอบอย่างมีความสุขว่า “ได้ค่ะ หนูไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันนะ”

ลู่โจวกำลังจะกดวางสายตอนที่เสี่ยวถงพูดขึ้นมาพอดีว่า

“เดี๋ยวก่อนพี่”

“มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าพี่เป็นหนู พี่จะทำอย่างไรอะ?”

“ถ้าพี่ถูกกั๊กไว้ไม่ให้เรียนจบน่ะเหรอ?” ลู่โจวลูบคางแล้วพูดออกมาว่า “คำถามยากแฮะ…พี่ไม่เคยกังวลเรื่องเรียนจบมาก่อนเลย”

ตอนที่เขากำลังเรียนปริญญาโท นักวิชาการลู่ก็แสดงออกว่าชอบความสามารถของเขาอย่างชัดเจนและต้องการให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาก็ยังยอมให้ลู่โจวเรียนจบ ในทางกลับกันศาสตราจารย์เดอลีงย์ได้ให้อิสระกับเขามาก แม้กระทั่งอนุญาตให้เขาเลือกโปรเจกต์ธีสิสของตัวเองด้วยซ้ำ

อาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากปล่อยนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ไปกันทั้งนั้น

แต่ถ้าคนคนนั้นมีพรสวรรค์จริงๆ แล้วล่ะก็ อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวไม่สามารถเก็บคนคนนั้นไว้ได้นานหรอก

เสี่ยวถง “…”

เธอรู้ว่าเธอไม่ควรจะให้ลู่โจวได้มีโอกาสอวดตัวเองด้วยความถ่อมตนเลย

หลังจากที่ลู่โจววางสายไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาใส่กระเป๋า

หลัวเหวินเซวียนที่นั่งอยู่ข้างเขาถามขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “น้องสาวเหรอ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ่าฮะ เรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ออกซฟอร์ด”

หลัวเหวินเซวียนมีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

“ไว้สักวันแนะนำฉันให้เธอรู้จักบ้างสิ”

“ไปไกลๆ เลยโว้ย”

หลัวเหวินเซวียนสั่น เขารีบพยายามอธิบายทันควัน

“เดี๋ยวๆ คิดอะไรอยู่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วไง แค่อยากจะรู้จักเธอเฉยๆ … เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ไอเดียที่ฉันคุยกับนายก่อนหน้านี้น่ะ อยากดูไหมล่ะ?”

เขารีบยื่นกระดาษธีสิสปึกหนาให้ลู่โจว

“ลองอ่านดู ฉันไม่เขียนชื่อนายลงไปหรอก!”

พอลู่โจวเห็นชื่อธีสิส เขาแทบจะหัวเราะออกมาดังลั่น

[เดินทางข้ามเวลาในมิติของมิงคอฟสกี้…]

“ถ้านายเอาเจ้านี่ไปตีพิมพ์ใน PRL ได้นะ ฉันยอมกินโต๊ะเลย”

หลัวเหวินเซวียนกระแอมแล้วเกาหัวตัวเอง

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ! ถ้าเกิดเขายอมให้ตีพิมพ์ขึ้นมา นายจะทำอย่างไรล่ะ?”

ลู่โจวส่ายหัวแล้วเมินหลัวเหวินเซวียน เขาเริ่มเดินกลับไปที่ออฟฟิศตัวเอง แล้วหลัวเหวินเซวียนก็ตามมา

แต่ในขณะที่ลู่โจวกำลังเดินผ่านระเบียงทางเดินนั้น เขาก็เห็นเด็กสาวแต่งตัวดีไว้ผมหน้าม้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศของเขา เธอมองเข้าไปทางกระจกออฟฟิศด้วยท่าทางเป็นกังวล

หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ออกมา

“มองหาศาสตราจารย์ลู่อยู่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ…” เด็กสาวมองหน้าหลัวเหวินเซวียน จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าลู่โจวยืนอยู่ข้างหลังหลัวเหวินเซวียน ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะที่เอ่ยถามว่า “คุณคือศาสตราจารย์ลู่เหรอคะ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบคำถาม “ใช่แล้วล่ะ เธอมีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ…พวกเราไปคุยกันสองคนได้ไหมคะ?” เด็กสาวพูดอย่างลังเลขณะมองไปทางหลัวเหวินเซวียน

“เอางั้นก็ได้” หลัวเหวินเซวียนยื่นธีสิสให้ลู่โจวแล้วโบกมือลา

ลู่โจวมองเด็กสาวที่ดูตื่นกลัวคนนั้น

“เข้าไปคุยกันข้างในก็แล้วกัน”

เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุด จึงไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศเลย

ลู่โจวเปิดประตูออฟฟิศ แล้ววางธีสิสลงบนโต๊ะกาแฟในห้อง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโต๊ะ

ลู่โจวมองเด็กสาวที่เดินตามเขาเข้ามาในออฟฟิศแล้วบอกว่า

“เชิญนั่งเลย เธอต้องการอะไรเหรอ?”

เด็กสาวดูลังเลอยู่นิดหน่อยและตัดสินใจไม่นั่งลงบนโซฟา เธอกัดริมฝีปากแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะข้างหน้า

“เอ่อ…ศาสตราจารย์คะ มีเรื่องที่หนูอยากจะถามคุณหน่อยน่ะค่ะ”

ลู่โจว “ไม่มีปัญหา ผมเต็มใจจะช่วยคุณเรื่องปัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับข้อสอบนะ”

“เอ่อ…มันเกี่ยวกับข้อสอบน่ะค่ะ เทอมนี้หนูยุ่งมาก เพราะหนูต้องสอบภาษาอังกฤษระดับหกแล้วก็มีภาระจากสภานักศึกษาด้วย…หนูเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนเท่าไหร่” เด็กสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดว่า “ได้โปรดนะคะศาสตราจารย์ลู่ อย่าให้หนูติดเอฟเลยนะคะ หนูยอมทำทุกอย่างเลย”

การติดเอฟหมายถึงจะไม่มีทุน

และยังอาจจะหมายถึงการไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอีกด้วย

ดังนั้นแล้วเด็กสาวคนนี้จึงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเสียบางอย่างมาเรียบร้อยแล้ว…

ตอนที่ลู่โจวลุกขึ้นยืน เด็กสาวก็กำมือแน่นด้วยความกระวนกระวาย

เธอพยายามเตรียมใจอยู่

เขาจะไม่พาฉันไปเลี้ยงข้าวก่อนเหรอ?

ลู่โจวเดินไปยืนอยู่ข้างเธอแล้วมองเธออยู่แป๊บหนึ่ง

“ทำทุกอย่างเลยเหรอ?” เขาถาม

เด็กสาวหน้าแดง เธอพยักหน้าอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ศาสตราจารย์ลู่เดินมาหาเธอ หัวใจของเธอแทบจะเต้นแรงออกมาจากอก จากนั้นศาสตราจารย์ลู่ก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตั้งใจเรียนแล้วเตรียมตัวสอบเสริมได้แล้ว”

เด็กสาว “???”

ลู่โจวมองดูเด็กสาวที่ทำหน้างงๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

เขาทำงานให้ระบบการศึกษาชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยจินหลิงมามากแล้ว ต่อให้คณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่ได้ดีระดับโลก แต่ก็มีนักเรียนจำนวนมากอยู่ดี

ทำไมเขาต้องได้นักเรียนหัวทึบตลอดเลยนะ?

สงสัยจะต้องทำงานพัฒนาระบบการศึกษาให้หนักเสียแล้ว…

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 884 อยากได้ทุกตำแหน่ง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 884 อยากได้ทุกตำแหน่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมอยากได้ทุกตำแหน่งนั่นแหละ!

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์อยากพูดคำนี้ออกไปดังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตามกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรของวงการวิชาการ ตำแหน่งผู้ประพันธ์บรรณกิจและผู้ประพันธ์อันดับแรกจะต้องเป็นของเขาทั้งหมด จะไม่มีการต่อรองอะไรในข้อนี้เป็นอันขาด

เขาจะมอบตำแหน่งผู้ประพันธ์อันดับแรกให้กับนักศึกษาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจริงๆ

เขาไม่ต้องการจะปล่อยผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ดีเยี่ยมไป ยังไม่นับว่างานนี้ยังมีลู่โจวเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

แต่…

“…เอาตามใจเธอก็แล้วกัน”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็หยิบปากกาของเขาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปบนใบขอจบการศึกษาของเสี่ยวถง

เขามองเด็กสาวแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นมาขณะพูดว่า “คุณอยากได้จดหมายแนะนำไหม?”

“ถ้าคุณจะช่วยเขียนให้ก็ขอบคุณมากค่ะ”

ไม่มีใครอยากปฏิเสธจดหมายแนะนำอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะมีจดหมายแนะนำจากพี่ชายของเธออยู่แล้ว จดหมายแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาโทจะช่วยการศึกษาระดับปริญญาเอกของเธอแน่นอน

ถึงแม้ว่าเธอจะยังกังวลในตัวของฟอร์สเตอร์เล็กๆ

เสี่ยวถงโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพแล้วรับใบขอจบการศึกษามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

จะอย่างไรก็แล้วแต่ เธอก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาจากศาสตราจารย์คนนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมามาได้ค่อนข้างมาก

แน่นอนว่าในทางกลับกัน เธอก็ช่วยศาสตราจารย์เป็นการตอบแทนด้วย

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่ได้มอบหมายโปรเจกต์ให้เธอเพราะเหตุผลที่สูงส่งอะไรหรอก แค่จะให้เธอช่วยฟอร์สเตอร์ ‘ทำ’ ธีสิสได้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

พอเขาได้มีชื่อปรากฏอยู่ในธีสิสของวารสารเศรษฐศาสตร์มิติแล้ว เขาจึงมีความสุขดี

เพราะถ้าเป็นตัวฟอร์สเตอร์เองก็คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีในการเขียนธีสิสแบบนั้น…

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ และเอนหลังไปพิงเก้าอี้ เขาพูดอย่างเรื่อยๆ ว่า “ด้วยความยินดี ผมขอให้คุณโชคดีในเส้นทางข้างหน้า

ถ้าคุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากไปมหาวิทยาลัยไหนและคุณอยากไปเป็นลูกศิษย์ปริญญาเอกของศาสตราจารย์คนไหนแล้วล่ะก็ บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมจะส่งจดหมายรับรองของคุณไปให้”

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ถึงแม้ฟอร์สเตอร์จะไม่สามารถยื้อเสี่ยวถงไว้ให้อยู่กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอไม่พอใจ จะดีกว่าถ้าเขาจะปล่อยเธอไป และยังคงความสัมพันธ์อันดีนี้ไว้

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการวิชาการมาหลายปี เขาก็รู้ดีว่าใครบ้างที่เขาไม่ควรทำให้ไม่พอใจ

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น

เขารู้สึกว่าเขาจะได้เจอกับเสี่ยวถงอีกครั้งในอนาคต

พวกเขาอาจจะได้ทำงานร่วมกันก็ได้

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์มองที่ประตูแล้วถอนหายใจ

“บ้าเอ๊ย ลู่โจว…ทำไมฉันไม่มีพี่ชายเป็นคนได้รางวัลโนเบลบ้างวะ?

ถ้ามีนี่…ป่านนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะได้รางวัลราชบัณฑิตสภาทางวิทยาส่งวิทยาศาสตร์อะไรนั่นแล้ว”

เขาส่ายหัวแล้ววางปากกาลง

สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว

นี่ฉันอิจฉานักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งจริงๆ ด้วย…

ฉันกำลังจะเรียนจบแล้ว!

ในที่สุด!

ฉันดีใจจัง!

หลังจากที่เดินกลับมาที่หอ เสี่ยวถงก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอกระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเธอก็โทรหาลู่โจวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของซีกโลก

สายติดแล้ว เธอพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทันที

“พี่คะ! หนูเรียนจบแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า จุ๊บ หนูรักพี่จัง!”

ลู่โจวได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเธอก็ยิ้มออกมา

“เธอได้ใบจบมาแล้วเหรอ?

“ใช่!” เสี่ยวถงนั่งบนเตียงแล้วกอดหมอน เธอเริ่มเล่าให้ลู่โจวฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของเสี่ยวถง ลู่โจวก็พยักหน้า

“รับมือได้ดีนี่

พี่หวังว่าเธอจะยังจำอย่างหนึ่งได้นะ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน จะเป็นสาขาประยุกต์หรือเชิงทฤษฎี ก็มีลำดับขั้นตอนของมันอยู่ แต่จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือคนที่สามารถทำงานวิจัยดีๆ ขึ้นมาจะไม่มีวันถูกละเลยเป็นอันขาด”

เสี่ยวถงพยักหน้า

“หนูเข้าใจค่ะ”

“ดีแล้ว พอเธอเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อีกในอนาคต พี่จะช่วยเธอเอง” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “อ้อใช่ มีอีกเรื่อง ถ้าเธอวางแผนจะกลับบ้านช่วงวันตรุษจีนแล้วล่ะก็ กลับไปเจียงหลิงเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับบ้านแล้ว เพราะอย่างนั้น พี่จะไม่อยู่ที่จินหลิง”

เสี่ยวถงตอบอย่างมีความสุขว่า “ได้ค่ะ หนูไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันนะ”

ลู่โจวกำลังจะกดวางสายตอนที่เสี่ยวถงพูดขึ้นมาพอดีว่า

“เดี๋ยวก่อนพี่”

“มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าพี่เป็นหนู พี่จะทำอย่างไรอะ?”

“ถ้าพี่ถูกกั๊กไว้ไม่ให้เรียนจบน่ะเหรอ?” ลู่โจวลูบคางแล้วพูดออกมาว่า “คำถามยากแฮะ…พี่ไม่เคยกังวลเรื่องเรียนจบมาก่อนเลย”

ตอนที่เขากำลังเรียนปริญญาโท นักวิชาการลู่ก็แสดงออกว่าชอบความสามารถของเขาอย่างชัดเจนและต้องการให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาก็ยังยอมให้ลู่โจวเรียนจบ ในทางกลับกันศาสตราจารย์เดอลีงย์ได้ให้อิสระกับเขามาก แม้กระทั่งอนุญาตให้เขาเลือกโปรเจกต์ธีสิสของตัวเองด้วยซ้ำ

อาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากปล่อยนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ไปกันทั้งนั้น

แต่ถ้าคนคนนั้นมีพรสวรรค์จริงๆ แล้วล่ะก็ อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวไม่สามารถเก็บคนคนนั้นไว้ได้นานหรอก

เสี่ยวถง “…”

เธอรู้ว่าเธอไม่ควรจะให้ลู่โจวได้มีโอกาสอวดตัวเองด้วยความถ่อมตนเลย

หลังจากที่ลู่โจววางสายไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาใส่กระเป๋า

หลัวเหวินเซวียนที่นั่งอยู่ข้างเขาถามขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “น้องสาวเหรอ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ่าฮะ เรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ออกซฟอร์ด”

หลัวเหวินเซวียนมีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

“ไว้สักวันแนะนำฉันให้เธอรู้จักบ้างสิ”

“ไปไกลๆ เลยโว้ย”

หลัวเหวินเซวียนสั่น เขารีบพยายามอธิบายทันควัน

“เดี๋ยวๆ คิดอะไรอยู่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วไง แค่อยากจะรู้จักเธอเฉยๆ … เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ไอเดียที่ฉันคุยกับนายก่อนหน้านี้น่ะ อยากดูไหมล่ะ?”

เขารีบยื่นกระดาษธีสิสปึกหนาให้ลู่โจว

“ลองอ่านดู ฉันไม่เขียนชื่อนายลงไปหรอก!”

พอลู่โจวเห็นชื่อธีสิส เขาแทบจะหัวเราะออกมาดังลั่น

[เดินทางข้ามเวลาในมิติของมิงคอฟสกี้…]

“ถ้านายเอาเจ้านี่ไปตีพิมพ์ใน PRL ได้นะ ฉันยอมกินโต๊ะเลย”

หลัวเหวินเซวียนกระแอมแล้วเกาหัวตัวเอง

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ! ถ้าเกิดเขายอมให้ตีพิมพ์ขึ้นมา นายจะทำอย่างไรล่ะ?”

ลู่โจวส่ายหัวแล้วเมินหลัวเหวินเซวียน เขาเริ่มเดินกลับไปที่ออฟฟิศตัวเอง แล้วหลัวเหวินเซวียนก็ตามมา

แต่ในขณะที่ลู่โจวกำลังเดินผ่านระเบียงทางเดินนั้น เขาก็เห็นเด็กสาวแต่งตัวดีไว้ผมหน้าม้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศของเขา เธอมองเข้าไปทางกระจกออฟฟิศด้วยท่าทางเป็นกังวล

หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ออกมา

“มองหาศาสตราจารย์ลู่อยู่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ…” เด็กสาวมองหน้าหลัวเหวินเซวียน จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าลู่โจวยืนอยู่ข้างหลังหลัวเหวินเซวียน ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะที่เอ่ยถามว่า “คุณคือศาสตราจารย์ลู่เหรอคะ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบคำถาม “ใช่แล้วล่ะ เธอมีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ…พวกเราไปคุยกันสองคนได้ไหมคะ?” เด็กสาวพูดอย่างลังเลขณะมองไปทางหลัวเหวินเซวียน

“เอางั้นก็ได้” หลัวเหวินเซวียนยื่นธีสิสให้ลู่โจวแล้วโบกมือลา

ลู่โจวมองเด็กสาวที่ดูตื่นกลัวคนนั้น

“เข้าไปคุยกันข้างในก็แล้วกัน”

เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุด จึงไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศเลย

ลู่โจวเปิดประตูออฟฟิศ แล้ววางธีสิสลงบนโต๊ะกาแฟในห้อง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโต๊ะ

ลู่โจวมองเด็กสาวที่เดินตามเขาเข้ามาในออฟฟิศแล้วบอกว่า

“เชิญนั่งเลย เธอต้องการอะไรเหรอ?”

เด็กสาวดูลังเลอยู่นิดหน่อยและตัดสินใจไม่นั่งลงบนโซฟา เธอกัดริมฝีปากแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะข้างหน้า

“เอ่อ…ศาสตราจารย์คะ มีเรื่องที่หนูอยากจะถามคุณหน่อยน่ะค่ะ”

ลู่โจว “ไม่มีปัญหา ผมเต็มใจจะช่วยคุณเรื่องปัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับข้อสอบนะ”

“เอ่อ…มันเกี่ยวกับข้อสอบน่ะค่ะ เทอมนี้หนูยุ่งมาก เพราะหนูต้องสอบภาษาอังกฤษระดับหกแล้วก็มีภาระจากสภานักศึกษาด้วย…หนูเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนเท่าไหร่” เด็กสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดว่า “ได้โปรดนะคะศาสตราจารย์ลู่ อย่าให้หนูติดเอฟเลยนะคะ หนูยอมทำทุกอย่างเลย”

การติดเอฟหมายถึงจะไม่มีทุน

และยังอาจจะหมายถึงการไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอีกด้วย

ดังนั้นแล้วเด็กสาวคนนี้จึงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเสียบางอย่างมาเรียบร้อยแล้ว…

ตอนที่ลู่โจวลุกขึ้นยืน เด็กสาวก็กำมือแน่นด้วยความกระวนกระวาย

เธอพยายามเตรียมใจอยู่

เขาจะไม่พาฉันไปเลี้ยงข้าวก่อนเหรอ?

ลู่โจวเดินไปยืนอยู่ข้างเธอแล้วมองเธออยู่แป๊บหนึ่ง

“ทำทุกอย่างเลยเหรอ?” เขาถาม

เด็กสาวหน้าแดง เธอพยักหน้าอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ศาสตราจารย์ลู่เดินมาหาเธอ หัวใจของเธอแทบจะเต้นแรงออกมาจากอก จากนั้นศาสตราจารย์ลู่ก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตั้งใจเรียนแล้วเตรียมตัวสอบเสริมได้แล้ว”

เด็กสาว “???”

ลู่โจวมองดูเด็กสาวที่ทำหน้างงๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

เขาทำงานให้ระบบการศึกษาชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยจินหลิงมามากแล้ว ต่อให้คณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่ได้ดีระดับโลก แต่ก็มีนักเรียนจำนวนมากอยู่ดี

ทำไมเขาต้องได้นักเรียนหัวทึบตลอดเลยนะ?

สงสัยจะต้องทำงานพัฒนาระบบการศึกษาให้หนักเสียแล้ว…

………………………….

ผมอยากได้ทุกตำแหน่งนั่นแหละ!

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์อยากพูดคำนี้ออกไปดังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตามกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรของวงการวิชาการ ตำแหน่งผู้ประพันธ์บรรณกิจและผู้ประพันธ์อันดับแรกจะต้องเป็นของเขาทั้งหมด จะไม่มีการต่อรองอะไรในข้อนี้เป็นอันขาด

เขาจะมอบตำแหน่งผู้ประพันธ์อันดับแรกให้กับนักศึกษาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจริงๆ

เขาไม่ต้องการจะปล่อยผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ดีเยี่ยมไป ยังไม่นับว่างานนี้ยังมีลู่โจวเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

แต่…

“…เอาตามใจเธอก็แล้วกัน”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็หยิบปากกาของเขาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปบนใบขอจบการศึกษาของเสี่ยวถง

เขามองเด็กสาวแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นมาขณะพูดว่า “คุณอยากได้จดหมายแนะนำไหม?”

“ถ้าคุณจะช่วยเขียนให้ก็ขอบคุณมากค่ะ”

ไม่มีใครอยากปฏิเสธจดหมายแนะนำอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะมีจดหมายแนะนำจากพี่ชายของเธออยู่แล้ว จดหมายแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาโทจะช่วยการศึกษาระดับปริญญาเอกของเธอแน่นอน

ถึงแม้ว่าเธอจะยังกังวลในตัวของฟอร์สเตอร์เล็กๆ

เสี่ยวถงโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพแล้วรับใบขอจบการศึกษามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

จะอย่างไรก็แล้วแต่ เธอก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาจากศาสตราจารย์คนนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมามาได้ค่อนข้างมาก

แน่นอนว่าในทางกลับกัน เธอก็ช่วยศาสตราจารย์เป็นการตอบแทนด้วย

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่ได้มอบหมายโปรเจกต์ให้เธอเพราะเหตุผลที่สูงส่งอะไรหรอก แค่จะให้เธอช่วยฟอร์สเตอร์ ‘ทำ’ ธีสิสได้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

พอเขาได้มีชื่อปรากฏอยู่ในธีสิสของวารสารเศรษฐศาสตร์มิติแล้ว เขาจึงมีความสุขดี

เพราะถ้าเป็นตัวฟอร์สเตอร์เองก็คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีในการเขียนธีสิสแบบนั้น…

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ และเอนหลังไปพิงเก้าอี้ เขาพูดอย่างเรื่อยๆ ว่า “ด้วยความยินดี ผมขอให้คุณโชคดีในเส้นทางข้างหน้า

ถ้าคุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากไปมหาวิทยาลัยไหนและคุณอยากไปเป็นลูกศิษย์ปริญญาเอกของศาสตราจารย์คนไหนแล้วล่ะก็ บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมจะส่งจดหมายรับรองของคุณไปให้”

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ถึงแม้ฟอร์สเตอร์จะไม่สามารถยื้อเสี่ยวถงไว้ให้อยู่กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอไม่พอใจ จะดีกว่าถ้าเขาจะปล่อยเธอไป และยังคงความสัมพันธ์อันดีนี้ไว้

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการวิชาการมาหลายปี เขาก็รู้ดีว่าใครบ้างที่เขาไม่ควรทำให้ไม่พอใจ

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น

เขารู้สึกว่าเขาจะได้เจอกับเสี่ยวถงอีกครั้งในอนาคต

พวกเขาอาจจะได้ทำงานร่วมกันก็ได้

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์มองที่ประตูแล้วถอนหายใจ

“บ้าเอ๊ย ลู่โจว…ทำไมฉันไม่มีพี่ชายเป็นคนได้รางวัลโนเบลบ้างวะ?

ถ้ามีนี่…ป่านนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะได้รางวัลราชบัณฑิตสภาทางวิทยาส่งวิทยาศาสตร์อะไรนั่นแล้ว”

เขาส่ายหัวแล้ววางปากกาลง

สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว

นี่ฉันอิจฉานักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งจริงๆ ด้วย…

ฉันกำลังจะเรียนจบแล้ว!

ในที่สุด!

ฉันดีใจจัง!

หลังจากที่เดินกลับมาที่หอ เสี่ยวถงก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอกระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเธอก็โทรหาลู่โจวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของซีกโลก

สายติดแล้ว เธอพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทันที

“พี่คะ! หนูเรียนจบแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า จุ๊บ หนูรักพี่จัง!”

ลู่โจวได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเธอก็ยิ้มออกมา

“เธอได้ใบจบมาแล้วเหรอ?

“ใช่!” เสี่ยวถงนั่งบนเตียงแล้วกอดหมอน เธอเริ่มเล่าให้ลู่โจวฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของเสี่ยวถง ลู่โจวก็พยักหน้า

“รับมือได้ดีนี่

พี่หวังว่าเธอจะยังจำอย่างหนึ่งได้นะ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน จะเป็นสาขาประยุกต์หรือเชิงทฤษฎี ก็มีลำดับขั้นตอนของมันอยู่ แต่จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือคนที่สามารถทำงานวิจัยดีๆ ขึ้นมาจะไม่มีวันถูกละเลยเป็นอันขาด”

เสี่ยวถงพยักหน้า

“หนูเข้าใจค่ะ”

“ดีแล้ว พอเธอเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อีกในอนาคต พี่จะช่วยเธอเอง” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “อ้อใช่ มีอีกเรื่อง ถ้าเธอวางแผนจะกลับบ้านช่วงวันตรุษจีนแล้วล่ะก็ กลับไปเจียงหลิงเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับบ้านแล้ว เพราะอย่างนั้น พี่จะไม่อยู่ที่จินหลิง”

เสี่ยวถงตอบอย่างมีความสุขว่า “ได้ค่ะ หนูไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันนะ”

ลู่โจวกำลังจะกดวางสายตอนที่เสี่ยวถงพูดขึ้นมาพอดีว่า

“เดี๋ยวก่อนพี่”

“มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าพี่เป็นหนู พี่จะทำอย่างไรอะ?”

“ถ้าพี่ถูกกั๊กไว้ไม่ให้เรียนจบน่ะเหรอ?” ลู่โจวลูบคางแล้วพูดออกมาว่า “คำถามยากแฮะ…พี่ไม่เคยกังวลเรื่องเรียนจบมาก่อนเลย”

ตอนที่เขากำลังเรียนปริญญาโท นักวิชาการลู่ก็แสดงออกว่าชอบความสามารถของเขาอย่างชัดเจนและต้องการให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาก็ยังยอมให้ลู่โจวเรียนจบ ในทางกลับกันศาสตราจารย์เดอลีงย์ได้ให้อิสระกับเขามาก แม้กระทั่งอนุญาตให้เขาเลือกโปรเจกต์ธีสิสของตัวเองด้วยซ้ำ

อาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากปล่อยนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ไปกันทั้งนั้น

แต่ถ้าคนคนนั้นมีพรสวรรค์จริงๆ แล้วล่ะก็ อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวไม่สามารถเก็บคนคนนั้นไว้ได้นานหรอก

เสี่ยวถง “…”

เธอรู้ว่าเธอไม่ควรจะให้ลู่โจวได้มีโอกาสอวดตัวเองด้วยความถ่อมตนเลย

หลังจากที่ลู่โจววางสายไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาใส่กระเป๋า

หลัวเหวินเซวียนที่นั่งอยู่ข้างเขาถามขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “น้องสาวเหรอ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ่าฮะ เรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ออกซฟอร์ด”

หลัวเหวินเซวียนมีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

“ไว้สักวันแนะนำฉันให้เธอรู้จักบ้างสิ”

“ไปไกลๆ เลยโว้ย”

หลัวเหวินเซวียนสั่น เขารีบพยายามอธิบายทันควัน

“เดี๋ยวๆ คิดอะไรอยู่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วไง แค่อยากจะรู้จักเธอเฉยๆ … เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ไอเดียที่ฉันคุยกับนายก่อนหน้านี้น่ะ อยากดูไหมล่ะ?”

เขารีบยื่นกระดาษธีสิสปึกหนาให้ลู่โจว

“ลองอ่านดู ฉันไม่เขียนชื่อนายลงไปหรอก!”

พอลู่โจวเห็นชื่อธีสิส เขาแทบจะหัวเราะออกมาดังลั่น

[เดินทางข้ามเวลาในมิติของมิงคอฟสกี้…]

“ถ้านายเอาเจ้านี่ไปตีพิมพ์ใน PRL ได้นะ ฉันยอมกินโต๊ะเลย”

หลัวเหวินเซวียนกระแอมแล้วเกาหัวตัวเอง

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ! ถ้าเกิดเขายอมให้ตีพิมพ์ขึ้นมา นายจะทำอย่างไรล่ะ?”

ลู่โจวส่ายหัวแล้วเมินหลัวเหวินเซวียน เขาเริ่มเดินกลับไปที่ออฟฟิศตัวเอง แล้วหลัวเหวินเซวียนก็ตามมา

แต่ในขณะที่ลู่โจวกำลังเดินผ่านระเบียงทางเดินนั้น เขาก็เห็นเด็กสาวแต่งตัวดีไว้ผมหน้าม้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศของเขา เธอมองเข้าไปทางกระจกออฟฟิศด้วยท่าทางเป็นกังวล

หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ออกมา

“มองหาศาสตราจารย์ลู่อยู่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ…” เด็กสาวมองหน้าหลัวเหวินเซวียน จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าลู่โจวยืนอยู่ข้างหลังหลัวเหวินเซวียน ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะที่เอ่ยถามว่า “คุณคือศาสตราจารย์ลู่เหรอคะ?”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบคำถาม “ใช่แล้วล่ะ เธอมีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ…พวกเราไปคุยกันสองคนได้ไหมคะ?” เด็กสาวพูดอย่างลังเลขณะมองไปทางหลัวเหวินเซวียน

“เอางั้นก็ได้” หลัวเหวินเซวียนยื่นธีสิสให้ลู่โจวแล้วโบกมือลา

ลู่โจวมองเด็กสาวที่ดูตื่นกลัวคนนั้น

“เข้าไปคุยกันข้างในก็แล้วกัน”

เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุด จึงไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศเลย

ลู่โจวเปิดประตูออฟฟิศ แล้ววางธีสิสลงบนโต๊ะกาแฟในห้อง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโต๊ะ

ลู่โจวมองเด็กสาวที่เดินตามเขาเข้ามาในออฟฟิศแล้วบอกว่า

“เชิญนั่งเลย เธอต้องการอะไรเหรอ?”

เด็กสาวดูลังเลอยู่นิดหน่อยและตัดสินใจไม่นั่งลงบนโซฟา เธอกัดริมฝีปากแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะข้างหน้า

“เอ่อ…ศาสตราจารย์คะ มีเรื่องที่หนูอยากจะถามคุณหน่อยน่ะค่ะ”

ลู่โจว “ไม่มีปัญหา ผมเต็มใจจะช่วยคุณเรื่องปัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับข้อสอบนะ”

“เอ่อ…มันเกี่ยวกับข้อสอบน่ะค่ะ เทอมนี้หนูยุ่งมาก เพราะหนูต้องสอบภาษาอังกฤษระดับหกแล้วก็มีภาระจากสภานักศึกษาด้วย…หนูเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนเท่าไหร่” เด็กสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดว่า “ได้โปรดนะคะศาสตราจารย์ลู่ อย่าให้หนูติดเอฟเลยนะคะ หนูยอมทำทุกอย่างเลย”

การติดเอฟหมายถึงจะไม่มีทุน

และยังอาจจะหมายถึงการไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอีกด้วย

ดังนั้นแล้วเด็กสาวคนนี้จึงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเสียบางอย่างมาเรียบร้อยแล้ว…

ตอนที่ลู่โจวลุกขึ้นยืน เด็กสาวก็กำมือแน่นด้วยความกระวนกระวาย

เธอพยายามเตรียมใจอยู่

เขาจะไม่พาฉันไปเลี้ยงข้าวก่อนเหรอ?

ลู่โจวเดินไปยืนอยู่ข้างเธอแล้วมองเธออยู่แป๊บหนึ่ง

“ทำทุกอย่างเลยเหรอ?” เขาถาม

เด็กสาวหน้าแดง เธอพยักหน้าอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ศาสตราจารย์ลู่เดินมาหาเธอ หัวใจของเธอแทบจะเต้นแรงออกมาจากอก จากนั้นศาสตราจารย์ลู่ก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตั้งใจเรียนแล้วเตรียมตัวสอบเสริมได้แล้ว”

เด็กสาว “???”

ลู่โจวมองดูเด็กสาวที่ทำหน้างงๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

เขาทำงานให้ระบบการศึกษาชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยจินหลิงมามากแล้ว ต่อให้คณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่ได้ดีระดับโลก แต่ก็มีนักเรียนจำนวนมากอยู่ดี

ทำไมเขาต้องได้นักเรียนหัวทึบตลอดเลยนะ?

สงสัยจะต้องทำงานพัฒนาระบบการศึกษาให้หนักเสียแล้ว…

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+