Scholar’s Advanced Technological System 744 คู่แข่งที่จองหอง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 744 คู่แข่งที่จองหอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิวยอร์ก

ตึกนิวยอร์กไทมส์

ประตูออฟฟิศบรรณาธิการเปิดอยู่ ชายใส่สูทดำเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เขาวางกองเอกสารบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

“แอนเดอร์ นี่คือแบบสำรวจโปรแกรมแอรีส หวังว่าคุณจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งต่อไป แล้วส่งกลับมาให้ผมภายในวันนี้”

“โอเคครับหัวหน้า”

ชายชื่อแอนเดอร์หยิบเอกสารขึ้นมา เขาเลียนิ้วชี้และเริ่มเปิดเอกสารทีละแผ่น

แม้ว่าการกระทำนี้จะไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับข่าวที่น่าตื่นเต้น เขาจะเลียนิ้วตัวเองแม้ว่าเอกสารนั้นจะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม

แอนเดอร์อ่านแบบสำรวจข้อมูลจนเสร็จ เขานั่งตัวตรงและพูดด้วยความตื่นเต้น

“….ไม่อยากจะเชื่อเลย อัตราการอนุมัติการบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.3%”

บรรณาธิการดุ๊คหยิบเอกสารในลิ้นชักออกมา เขายิ้มยิงฟันขณะกำลังเขียนอะไรบางอย่าง

“ใช่แล้ว ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจโปรแกรมแอรีสและการคัดเลือกอาสาสมัครกันอย่างมาก โคลัมเบียทีวีได้ติดต่อพวกเขาและอยากจะทำทอล์คโชว์”

แอนเดอร์เงยหน้ามองและพูด “ทอล์คโชว์เหรอ กับใคร? “

ดุ๊ค “ก็กับผู้โชคดีที่ได้รับเลือกสำหรับโปรแกรมแอรีสนั่นไงล่ะ”

ดวงตาของแอนเดอร์เบิกกว้าง เขายืนขึ้นและพูด “บ้าเอ๊ย แล้วมีการคัดเลือกคนทั้งสามคนแล้วหรือยัง”

ดุ๊ค “พวกเขาคัดเลือกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศ เพื่อนของผมที่นาซาบอกว่านักบินอวกาศทั้งสามคนที่ได้รับการอบรมที่ทะเลทรายแอริโซนา และกำลังเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอวกาศอยู่”

แอนเดอร์พูด “พวกเขาเป็นคนธรรมดาหรือเปล่า”

ดุ๊ค “สองคนเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นศาสตราจารย์”

แอนเดอร์ส่ายหัวและถอนหายใจขณะที่พูด “…เอาล่ะ ผมคงไม่ได้ถูกเลือก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้เป็นอาสาสมัครในโปรเจกต์แบบนี้ ดูเหมือนว่าเงินร้อยเหรียญของผมช่างสูญเปล่า ผมตั้งความหวังว่าจะได้เป็นนักข่าวคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ไปดาวอังคาร แต่ความหวังนี้คงไม่เหลือแล้ว”

ดุ๊คที่กำลังอารมณ์ดีพูดให้กำลังใจเขา “ไม่ขนาดนั้นหรอก แม้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไป แต่ในอนาคตก็มีโอกาสอีกตั้งหลายโอกาส”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก

ดุ๊คมองหญิงสาวที่เดินเข้ามา คิ้วของเขาขมวด

“คามิล คุณลืมเคาะประตู”

“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่มีเวลาแล้ว” คามิลพูดขณะที่เดินเข้ามาที่โต๊ะของดุ๊ค เธอสะบัดผมสีบลอนด์และวางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะ เธอพูด “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่เอเชีย! เชื่อฉันนะ เรื่องนี้จะต้องเป็นข่าวดังแน่พรุ่งนี้”

หลังจากที่ดุ๊คเห็นว่าคามิลตื่นเต้นมากๆ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมาสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น

คามิลไม่ใช่เด็กใหม่

ดุ๊ครู้ว่าคามิลเป็นคนที่ใจเย็น จะต้องมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ที่ทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้

ดุ๊คมองไปที่โน้ตบุ๊ก ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที เขาอึ้งไป

เขาถามทันที “เชื่อได้จริงไหม”

“ฉันมั่นใจค่ะ” คามิลพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันติดต่อเพื่อนเก่าที่อยู่ปักกิ่ง และได้รับการยืนยันกับพวกเขาแล้ว เมื่อวาน ประเทศจีนมีการประชุม สภาบริหารแห่งรัฐกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรและองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเนื้อหาการประชุมในเว็บไซต์หลักของพวกเขา”

แอนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาถาม “นี่มันอะไร”

คามิล “ประเทศจีนโต้ตอบแผนการแอรีสของเรา ด้วยการประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศที่วงโคจรดวงจันทร์ และชื่อของแผนการนี้ก็คือปราสาทจันทรา”

ปราสาทจันทราเหรอ?

ชื่อประหลาด

ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้นที่ทำให้แอนเดอร์ประหลาดใจ…

“พวกเขาบ้าไปแล้วเหรอ พวกเขารู้หรือเปล่าว่าสถานีอวกาศคืออะไร”

“ฉันก็ไม่รู้” คามิลสูดลมหายใจและพยายามตั้งสติ เธอมองไปที่ดุ๊คและพูด “ไม่ต้องสงสัยเลยข่าวนี้ต้องดังระเบิดแน่พรุ่งนี้”

ดุ๊คจ้องมองไปที่โน้ตบุ๊กเป็นเวลานาน เขาสูดลมหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ดีมาก เยี่ยมมาก! “

ดุ๊คตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มคิดว่าพาดหัวข่าวพรุ่งนี้จะเขียนว่าอะไรดี

จีนต้องการสร้างสถานีอวกาศ? พวกเขาทำได้จริงหรือ?

คำคำเดียวที่คิดออกที่สามารถบรรยายสถานการณ์ตอนนี้ได้ก็คือจองหอง พวกจีนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

การประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ของประเทศจีนสร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งโลก

นิวยอร์กไทมส์ วอชิงตันไทม์ และสื่ออเมริกาต่างๆ รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเทียบกับการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์แล้วข่าวนี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากกว่า เพราะการสร้างสถานีอวกาศในวงโคจรดวงจันทร์ยากกว่าการส่งยานลงดวงจันทร์หลายเท่า

แม้ว่าอเมริกาจะกำลังทำการวิจัยเรื่องนี้ แต่โปรเจกต์ดวงจันทร์ของพวกเขาก็น่าจะสำเร็จปี 2022

สำหรับคนอเมริกาส่วนใหญ่ พวกเขาคิดว่าแผนการของจีนเป็นไปไม่ได้

พวกเขาคิดว่าประเทศจีนเพิ่งจะส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์หมาดๆ ตอนนี้กลับทำสิ่งที่ดูจะเกินตัวไปหน่อย

สื่อและสำนักพิมพ์ค่อนข้างมีอคติในการทำข่าวนี้ ทำให้บรรดารายการทอล์คโชว์ทั้งกลางวันกลางคืนต่างพากันล้อเลียนประเทศจีน

แม้ว่าคนอเมริกาจะบอกว่าจีนมั่นใจเกินไป แต่ลึกๆ แล้วพอจะมีเหตุผลที่เชื่อว่าจีนอาจทำได้

เพราะสายการบินสกายโกลว์ก็ประสบผลสำเร็จมาแล้ว ขนาดสื่อหัวรุนแรงยังไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญนาซาออกมาพูด พวกนั้นเชื่อว่าโปรแกรมดวงจันทร์ที่จีนวางแผนจะต้องล้มเหลว

แม้ว่าโอกาสที่ประเทศจีนจะทำพลาดมีมากถึง 80%

แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือคำวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนเอง

ลู่โจวไม่รู้ว่าเขาทำให้ใครเคืองหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

แล้วถ้าเกิดเขาทำจริงๆ แล้วจะทำไม

เพราะคนที่ฉลาดส่วนใหญ่ย่อมไม่โกรธอยู่แล้ว

ส่วนพวกที่ไม่ฉลาด…

ลู่โจวไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกเขา

หลังจากที่ลู่โจวกกลับมาถึงจินหลิง เขาก็ยุ่งขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีเวลาจะสนใจกับเรื่องพวกนี้ในอินเทอร์เน็ต

เขานั่งอยู่ในออฟฟิศ ขณะกำลังอ่านเอกสารอยู่ อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เขาเงยหน้าขึ้นมองและถาม “ใครครับ”

“ผมชื่อสวี่เหวินห่าว มาจากสถาบันการทดลองชีวเคมี ผมมาพร้อมกับรายงานครับ”

หลัวเหวินเซวียนแทบจะหัวเราะออกมา

อะไรกัน อยู่ในกองทหารหรือไง

ลู่โจวจำได้ว่าเขาเคยขอความช่วยเหลือจากห้องทดลองชีวเคมี เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดขึ้น

“เข้ามา”

ประตูออฟฟิศถูกผลักเปิดออก สวี่เหวินห่าวเดินเข้าไปพร้อมกองเอกสารในมือ

“ศาสตราจารย์ครับ ผลทดสอบที่คุณต้องการอยู่นี่แล้วครับ ส่วนตัวอย่างที่เหลือก็อยู่นี่เหมือนกัน”

ชายหนุ่มวางผลการทดสอบและตัวอย่างที่เหลือบนโต๊ะของลู่โจวด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจัง ลู่โจวรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“…ขอบคุณ”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ” สวี่เหวินห่าวยิ้มและเกาหัวตัวเองขณะที่พูด “เอ่อ คุณช่วยเซ็นอะไรให้ผมหน่อยได้ไหม ช่วยเซ็นหนังสือเคมีไฟฟ้าให้ผมที”

อยู่ดีๆ หนังสือเคมีไฟฟ้าก็โผล่มาเหมือนกับเวทมนตร์

ลู่โจวพูด “โอเค…เอามาเลย”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “นี่ครับ”

การเซ็นหนังสือเรียนไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับลู่โจว เพราะเขาต้องเซ็นเอกสารจำนวนมากต่อวันอยู่แล้ว

ลู่โจวเปิดหนังสือเรียนผ่านๆ และเห็นโน้ตที่เขียนด้านใน เขาจึงถามขึ้น “คุณศึกษาเคมีไฟฟ้าด้วยตัวเองเหรอ”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “ครับ ผมกำลังพยายามอย่างมาก! ผมอยากทำงานที่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ”

สถาบันชีวเคมีเคยเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ แม้ว่าที่สถาบันชีวเคมีจะได้รับทุนสำหรับการวิจัยค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ

แต่ก็อย่างว่าสถาบันชีวเคมีเป็นหน่วยงานวิจัยที่เพิ่งเปิดใหม่ ส่วนอีกที่ก็เป็นถึงสถาบันวัสดุเชิงคำนวณชั้นนำของโลก ไม่ต้องพูดถึงนักวิชาการบ้านๆ เพราะขนาดดอกเตอร์ชาวต่างชาติยังเข้าสถาบันนี้ยากเลย

คนส่วนใหญ่ที่สถาบันชีวเคมีจะจบปริญญาโทหรือไม่ก็ปริญญาเอก  พวกเขาต่างตั้งเป้าหมายที่จะเข้าสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ

เพราะวัสดุศาสตร์คล้ายคลึงกับชีวเคมี พวกเขาอยากจะทำงานในสถาบันที่มีกองทุนงานวิจัย

ลู่โจวรู้ว่าสวี่เหวินห่าวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายหัวและยิ้ม แล้วก็เซ็นชื่อของตัวเองลงในหนังสือเรียน

อยู่ดีๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงพูดขึ้น “ผมจำได้ว่าคุณเรียนชีวเคมีใช่ไหม”

สวี่เหวินห่าวไม่คิดว่าลู่โจวจะจำคนธรรมดาๆ แบบเขาได้

เขารู้สึกปลื้มใจ

“ใช่ครับ”

ลู่โจววางปากกาลง เขาคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด

“จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเข้าสถาบันวัสดุเชิงคำนวณหรอกนะ สถาบันชีวเคมีเป็นกุญแจสำคัญของสถาบันพัฒนาในอนาคต

ดวงตาของสวี่เหวินห่าวเบิกกว้างขณะที่พูด “จริงเหรอครับ”

“ผมจะโกหกทำไมล่ะ” ลู่โจวยิ้มและคืนหนังสือเรียนให้กับสวี่เหวินห่าว ลู่โจวตบไหล่เขาและพูด “ตั้งใจทำให้เต็มที่นะ ผมรอดูความสำเร็จของคุณอยู่”

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 744 คู่แข่งที่จองหอง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 744 คู่แข่งที่จองหอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิวยอร์ก

ตึกนิวยอร์กไทมส์

ประตูออฟฟิศบรรณาธิการเปิดอยู่ ชายใส่สูทดำเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เขาวางกองเอกสารบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

“แอนเดอร์ นี่คือแบบสำรวจโปรแกรมแอรีส หวังว่าคุณจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งต่อไป แล้วส่งกลับมาให้ผมภายในวันนี้”

“โอเคครับหัวหน้า”

ชายชื่อแอนเดอร์หยิบเอกสารขึ้นมา เขาเลียนิ้วชี้และเริ่มเปิดเอกสารทีละแผ่น

แม้ว่าการกระทำนี้จะไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับข่าวที่น่าตื่นเต้น เขาจะเลียนิ้วตัวเองแม้ว่าเอกสารนั้นจะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม

แอนเดอร์อ่านแบบสำรวจข้อมูลจนเสร็จ เขานั่งตัวตรงและพูดด้วยความตื่นเต้น

“….ไม่อยากจะเชื่อเลย อัตราการอนุมัติการบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.3%”

บรรณาธิการดุ๊คหยิบเอกสารในลิ้นชักออกมา เขายิ้มยิงฟันขณะกำลังเขียนอะไรบางอย่าง

“ใช่แล้ว ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจโปรแกรมแอรีสและการคัดเลือกอาสาสมัครกันอย่างมาก โคลัมเบียทีวีได้ติดต่อพวกเขาและอยากจะทำทอล์คโชว์”

แอนเดอร์เงยหน้ามองและพูด “ทอล์คโชว์เหรอ กับใคร? “

ดุ๊ค “ก็กับผู้โชคดีที่ได้รับเลือกสำหรับโปรแกรมแอรีสนั่นไงล่ะ”

ดวงตาของแอนเดอร์เบิกกว้าง เขายืนขึ้นและพูด “บ้าเอ๊ย แล้วมีการคัดเลือกคนทั้งสามคนแล้วหรือยัง”

ดุ๊ค “พวกเขาคัดเลือกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศ เพื่อนของผมที่นาซาบอกว่านักบินอวกาศทั้งสามคนที่ได้รับการอบรมที่ทะเลทรายแอริโซนา และกำลังเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอวกาศอยู่”

แอนเดอร์พูด “พวกเขาเป็นคนธรรมดาหรือเปล่า”

ดุ๊ค “สองคนเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นศาสตราจารย์”

แอนเดอร์ส่ายหัวและถอนหายใจขณะที่พูด “…เอาล่ะ ผมคงไม่ได้ถูกเลือก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้เป็นอาสาสมัครในโปรเจกต์แบบนี้ ดูเหมือนว่าเงินร้อยเหรียญของผมช่างสูญเปล่า ผมตั้งความหวังว่าจะได้เป็นนักข่าวคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ไปดาวอังคาร แต่ความหวังนี้คงไม่เหลือแล้ว”

ดุ๊คที่กำลังอารมณ์ดีพูดให้กำลังใจเขา “ไม่ขนาดนั้นหรอก แม้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไป แต่ในอนาคตก็มีโอกาสอีกตั้งหลายโอกาส”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก

ดุ๊คมองหญิงสาวที่เดินเข้ามา คิ้วของเขาขมวด

“คามิล คุณลืมเคาะประตู”

“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่มีเวลาแล้ว” คามิลพูดขณะที่เดินเข้ามาที่โต๊ะของดุ๊ค เธอสะบัดผมสีบลอนด์และวางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะ เธอพูด “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่เอเชีย! เชื่อฉันนะ เรื่องนี้จะต้องเป็นข่าวดังแน่พรุ่งนี้”

หลังจากที่ดุ๊คเห็นว่าคามิลตื่นเต้นมากๆ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมาสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น

คามิลไม่ใช่เด็กใหม่

ดุ๊ครู้ว่าคามิลเป็นคนที่ใจเย็น จะต้องมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ที่ทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้

ดุ๊คมองไปที่โน้ตบุ๊ก ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที เขาอึ้งไป

เขาถามทันที “เชื่อได้จริงไหม”

“ฉันมั่นใจค่ะ” คามิลพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันติดต่อเพื่อนเก่าที่อยู่ปักกิ่ง และได้รับการยืนยันกับพวกเขาแล้ว เมื่อวาน ประเทศจีนมีการประชุม สภาบริหารแห่งรัฐกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรและองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเนื้อหาการประชุมในเว็บไซต์หลักของพวกเขา”

แอนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาถาม “นี่มันอะไร”

คามิล “ประเทศจีนโต้ตอบแผนการแอรีสของเรา ด้วยการประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศที่วงโคจรดวงจันทร์ และชื่อของแผนการนี้ก็คือปราสาทจันทรา”

ปราสาทจันทราเหรอ?

ชื่อประหลาด

ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้นที่ทำให้แอนเดอร์ประหลาดใจ…

“พวกเขาบ้าไปแล้วเหรอ พวกเขารู้หรือเปล่าว่าสถานีอวกาศคืออะไร”

“ฉันก็ไม่รู้” คามิลสูดลมหายใจและพยายามตั้งสติ เธอมองไปที่ดุ๊คและพูด “ไม่ต้องสงสัยเลยข่าวนี้ต้องดังระเบิดแน่พรุ่งนี้”

ดุ๊คจ้องมองไปที่โน้ตบุ๊กเป็นเวลานาน เขาสูดลมหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ดีมาก เยี่ยมมาก! “

ดุ๊คตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มคิดว่าพาดหัวข่าวพรุ่งนี้จะเขียนว่าอะไรดี

จีนต้องการสร้างสถานีอวกาศ? พวกเขาทำได้จริงหรือ?

คำคำเดียวที่คิดออกที่สามารถบรรยายสถานการณ์ตอนนี้ได้ก็คือจองหอง พวกจีนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

การประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ของประเทศจีนสร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งโลก

นิวยอร์กไทมส์ วอชิงตันไทม์ และสื่ออเมริกาต่างๆ รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเทียบกับการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์แล้วข่าวนี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากกว่า เพราะการสร้างสถานีอวกาศในวงโคจรดวงจันทร์ยากกว่าการส่งยานลงดวงจันทร์หลายเท่า

แม้ว่าอเมริกาจะกำลังทำการวิจัยเรื่องนี้ แต่โปรเจกต์ดวงจันทร์ของพวกเขาก็น่าจะสำเร็จปี 2022

สำหรับคนอเมริกาส่วนใหญ่ พวกเขาคิดว่าแผนการของจีนเป็นไปไม่ได้

พวกเขาคิดว่าประเทศจีนเพิ่งจะส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์หมาดๆ ตอนนี้กลับทำสิ่งที่ดูจะเกินตัวไปหน่อย

สื่อและสำนักพิมพ์ค่อนข้างมีอคติในการทำข่าวนี้ ทำให้บรรดารายการทอล์คโชว์ทั้งกลางวันกลางคืนต่างพากันล้อเลียนประเทศจีน

แม้ว่าคนอเมริกาจะบอกว่าจีนมั่นใจเกินไป แต่ลึกๆ แล้วพอจะมีเหตุผลที่เชื่อว่าจีนอาจทำได้

เพราะสายการบินสกายโกลว์ก็ประสบผลสำเร็จมาแล้ว ขนาดสื่อหัวรุนแรงยังไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญนาซาออกมาพูด พวกนั้นเชื่อว่าโปรแกรมดวงจันทร์ที่จีนวางแผนจะต้องล้มเหลว

แม้ว่าโอกาสที่ประเทศจีนจะทำพลาดมีมากถึง 80%

แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือคำวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนเอง

ลู่โจวไม่รู้ว่าเขาทำให้ใครเคืองหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

แล้วถ้าเกิดเขาทำจริงๆ แล้วจะทำไม

เพราะคนที่ฉลาดส่วนใหญ่ย่อมไม่โกรธอยู่แล้ว

ส่วนพวกที่ไม่ฉลาด…

ลู่โจวไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกเขา

หลังจากที่ลู่โจวกกลับมาถึงจินหลิง เขาก็ยุ่งขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีเวลาจะสนใจกับเรื่องพวกนี้ในอินเทอร์เน็ต

เขานั่งอยู่ในออฟฟิศ ขณะกำลังอ่านเอกสารอยู่ อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เขาเงยหน้าขึ้นมองและถาม “ใครครับ”

“ผมชื่อสวี่เหวินห่าว มาจากสถาบันการทดลองชีวเคมี ผมมาพร้อมกับรายงานครับ”

หลัวเหวินเซวียนแทบจะหัวเราะออกมา

อะไรกัน อยู่ในกองทหารหรือไง

ลู่โจวจำได้ว่าเขาเคยขอความช่วยเหลือจากห้องทดลองชีวเคมี เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดขึ้น

“เข้ามา”

ประตูออฟฟิศถูกผลักเปิดออก สวี่เหวินห่าวเดินเข้าไปพร้อมกองเอกสารในมือ

“ศาสตราจารย์ครับ ผลทดสอบที่คุณต้องการอยู่นี่แล้วครับ ส่วนตัวอย่างที่เหลือก็อยู่นี่เหมือนกัน”

ชายหนุ่มวางผลการทดสอบและตัวอย่างที่เหลือบนโต๊ะของลู่โจวด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจัง ลู่โจวรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“…ขอบคุณ”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ” สวี่เหวินห่าวยิ้มและเกาหัวตัวเองขณะที่พูด “เอ่อ คุณช่วยเซ็นอะไรให้ผมหน่อยได้ไหม ช่วยเซ็นหนังสือเคมีไฟฟ้าให้ผมที”

อยู่ดีๆ หนังสือเคมีไฟฟ้าก็โผล่มาเหมือนกับเวทมนตร์

ลู่โจวพูด “โอเค…เอามาเลย”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “นี่ครับ”

การเซ็นหนังสือเรียนไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับลู่โจว เพราะเขาต้องเซ็นเอกสารจำนวนมากต่อวันอยู่แล้ว

ลู่โจวเปิดหนังสือเรียนผ่านๆ และเห็นโน้ตที่เขียนด้านใน เขาจึงถามขึ้น “คุณศึกษาเคมีไฟฟ้าด้วยตัวเองเหรอ”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “ครับ ผมกำลังพยายามอย่างมาก! ผมอยากทำงานที่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ”

สถาบันชีวเคมีเคยเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ แม้ว่าที่สถาบันชีวเคมีจะได้รับทุนสำหรับการวิจัยค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ

แต่ก็อย่างว่าสถาบันชีวเคมีเป็นหน่วยงานวิจัยที่เพิ่งเปิดใหม่ ส่วนอีกที่ก็เป็นถึงสถาบันวัสดุเชิงคำนวณชั้นนำของโลก ไม่ต้องพูดถึงนักวิชาการบ้านๆ เพราะขนาดดอกเตอร์ชาวต่างชาติยังเข้าสถาบันนี้ยากเลย

คนส่วนใหญ่ที่สถาบันชีวเคมีจะจบปริญญาโทหรือไม่ก็ปริญญาเอก  พวกเขาต่างตั้งเป้าหมายที่จะเข้าสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ

เพราะวัสดุศาสตร์คล้ายคลึงกับชีวเคมี พวกเขาอยากจะทำงานในสถาบันที่มีกองทุนงานวิจัย

ลู่โจวรู้ว่าสวี่เหวินห่าวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายหัวและยิ้ม แล้วก็เซ็นชื่อของตัวเองลงในหนังสือเรียน

อยู่ดีๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงพูดขึ้น “ผมจำได้ว่าคุณเรียนชีวเคมีใช่ไหม”

สวี่เหวินห่าวไม่คิดว่าลู่โจวจะจำคนธรรมดาๆ แบบเขาได้

เขารู้สึกปลื้มใจ

“ใช่ครับ”

ลู่โจววางปากกาลง เขาคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด

“จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเข้าสถาบันวัสดุเชิงคำนวณหรอกนะ สถาบันชีวเคมีเป็นกุญแจสำคัญของสถาบันพัฒนาในอนาคต

ดวงตาของสวี่เหวินห่าวเบิกกว้างขณะที่พูด “จริงเหรอครับ”

“ผมจะโกหกทำไมล่ะ” ลู่โจวยิ้มและคืนหนังสือเรียนให้กับสวี่เหวินห่าว ลู่โจวตบไหล่เขาและพูด “ตั้งใจทำให้เต็มที่นะ ผมรอดูความสำเร็จของคุณอยู่”

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+