Scholar’s Advanced Technological System 1267 เยือนโคเปนเฮเกน

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1267 เยือนโคเปนเฮเกน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในร้านอาหารมีการตกแต่งให้มีกลิ่นอายของยุคกลาง

ข่าวช่อง BBC กำลังออกอากาศในทีวี

ในรายการข่าว นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหัวรุนแรงเดินประท้วงพร้อมแผ่นป้ายที่ท้องถนน แล้วก็ปีนอนุสรณ์เชอร์ชิลล์ ขวางการจราจร และโห่ร้องสโลแกน ‘เราใส่ใจเกี่ยวกับโลก’ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ท้องถนนสวยงามในลอนดอน

ชายผิวขาวในเสื้อสูทนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาถอนหายใจและพูดว่า “ผมกินมากเกินไป”

“ว่าแต่รางวัลสันติภาพปีนี้ถูกมอบให้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใช่ไหม?”

“ใช่ แต่รางวัลสันติภาพไม่น่าจะทำให้คนพวกนี้พอใจ เรายังต้องหาวิธีแก้ปัญหานี้ในระดับรากฐาน” ชายคนนี้พูดอีกว่า “ถ้ามีสถานีไฟฟ้าฟิวชั่นที่ควบคุมได้ในลอนดอนก็คงจะดี”

“ผมคิดว่าพวกผีบ้าเสียสติเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์อันตรายกว่าเดิม”

“…คุณพูดถูก”

ลู่โจวได้ยินบทสนทนานี้จากระยะประมาณหนึ่ง เขามองไปทางทีวี แต่ช่องทีวีถูกกดเปลี่ยน ซึ่งกลายเป็นการรายงานวิกฤตขาดแคลนอาหารในแอฟริกากลาง

เมื่อลู่โจวไม่ได้ให้ความสนใจ เฉินยู่ซานแอบส่งแซนด์วิชในจานเธอไปที่จานของลู่โจว แต่ถึงเธอย้ายแซนด์วิชอย่างระมัดระวัง แต่ลู่โจวยังจับเธอได้อยู่ดี

เฉินยู่ซานหน้าแดงในระหว่างที่พูดว่า “นายควรกินให้มากกว่านี้”

“โอ้…เธอไม่หิวเหรอ?”

“ฉันไดเอทอยู่”

“ทำไมล่ะ เธอผอมมากพอแล้ว…ฉันว่าเธอดูดีออก”

เฉินยู่ซานกำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่แถวนี้มีคนเยอะมากเกินไป สุดท้ายแล้วเธอก็กลอกตาใส่ลู่โจวแล้วก้มหน้าลงกินสลัดบนจาน

เสี่ยวถงที่นั่งอยู่ข้างสองคนนี้ เหลือบมองด้วยความสงสัย จากนั้นเธอก็เอานิ้วชี้จิ้มแขนลู่โจว

“พี่”

“อะไรเหรอ?”

“พี่ได้…”

เสี่ยวถงวาดนิ้วเป็นตัวโอ แล้วมืออีกข้างชี้นิ้วเป็นเลขหนึ่ง แต่ก่อนที่เธอจะเอามือมาประกบกัน ลู่โจวเอานิ้วดีดหัวเธอ

“โอ๊ย!” เสี่ยวถงมองดูลู่โจวอย่างไม่พอใจและถามว่า “พี่มาตีน้องทำไม?”

“หยุดคิดอะไรเลอะเทอะได้แล้ว เด็กน้อย!”

“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”

“พอได้แล้ว” ลู่โจวหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก เขาเปลี่ยนเรื่องแบบไม่สนอะไร แล้วพูดว่า “เรียนที่พรินซ์ตันเป็นไงบ้างล่ะ? ถูกใครรังแกไหม?”

เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาและพูดว่า “พี่อำนาจเยอะขนาดนี้ ไม่มีใครกล้ามารังแกหรอก มีแต่คนไม่กล้าเข้ามาแหยม”

เฉินยู่ซานมองดูพี่น้องคู่นี้แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จู่ๆ เธอนึกขึ้นได้ถึงงานของพรุ่งนี้ เธอจึงพูดเสียงเบา

“ฉันยังมีงานที่ต้องทำที่ออฟฟิศ ฉันจะบินกลับบ่ายนี้ นายมีแผนจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ?”

ลู่โจวคิดไปคิดมาแล้วตอบว่า

“อาจจะพรุ่งนี้”

“งั้นฉันจะรอคุณ”

หลังจากมื้อเช้าเฉินยู่ซานไม่ได้อยู่ต่อนาน เธอออกจากร้านอาหารทันที เสี่ยวถงมองดูเธอเดินออกไปในขณะที่พูดเสียงเบาออกมา

“พี่ พี่สองคน…”

ลู่โจวไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอเก็บข้อมูล

“เงียบปากแล้วกินข้าว”

“โอ้…”

หลังจากมื้อเช้าลู่โจวก็กลับไปที่ห้อง

เฉินยู่ซานกลับห้องของตัวเองไปแล้ว ลู่โจวโทรหาโรงแรมแล้วเอาชุดเครื่องนอนเข้ามาในห้อง จากนั้นเขาเปิดคอมพิวเตอร์และเช็กอีเมล

ศาสตราจารย์ รูดี้ ด็อบริก ตอบอีเมลเขามาตามที่ได้คาดไว้

นักวิชาการชาวเบลเยียมจากมหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ได้ใช้กระดาษหนึ่งหน้าในการชื่นชมสติปัญญาและสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลู่โจวผิดหวัง

เอาตามตรง ลู่โจวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยตอนอ่านคำเขียนอวยของรูดี้

เนื่องจากคนในสายวิชาการที่ประจบเก่งมักจะไม่มีความสามารถด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

แต่เมื่อเขานึกถึงศาสตราจารย์ซารอทและจำได้ว่านักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์หลายคนให้ผู้ช่วยรับมือกับอีเมล ลู่โจวใจเย็นลงเล็กน้อยและตัดสินใจให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง

มันดีที่สุดที่จะรอให้เขากลับไปแล้วทำข้อสรุปหลังจากได้อ่านรายงานของเขา

อยู่ดีๆ โทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียงเริ่มดังขึ้น

ลู่โจวเดินไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ?”

เสียงสุภาพดังมาจากปลายสาย “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์ลู่ที่เคารพ ผมเป็นเลขาธิการที่สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศจีน คุณเรียกผมว่าซุนเสวี่นเหวินหรือเลขาซุน”

ลู่โจวถามว่า “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”

เลขาซุนตอบว่า “ท่านทูตจางเหวินปินอยากพบกับคุณ คุณมีเวลาว่างช่วงไหนครับ?”

ลู่โจวคิดอยู่ชั่วครู่และตอบไปว่า “ผมจะไปที่นั่นบ่ายนี้”

“ไม่ๆๆ คุณไม่ต้องมาที่นี่หรอก พวกเราจะเดินทางไปเยี่ยมคุณ” เลขาซุนรีบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณมีเวลาว่างช่วงบ่าย ช่วงบ่ายสามดีไหมครับ? มันจะใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณหนึ่งชั่วโมง”

“ได้ครับ แต่มันจะลำบากพวกคุณไหม?”

ชายคนนี้ยิ้มให้

“โอ้ ไม่เลยครับ”

มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกครั้งที่ลู่โจวออกไปข้างนอก รถและท้องถนนจะต้องถูกตรวจสอบโดยทีมรักษาความปลอดภัย มันจึงดีกว่าที่พวกเขามาที่นี่เอง

ลู่โจวจึงไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ

หลังจากวางสายไปเขานึกขึ้นได้กะทันหันว่าเฉินยู่ซานจะกลับจีนบ่ายนี้ ถ้าเขาต้องไปพบท่านทูตจาง เขาก็จะไปส่งเธอที่สนามบินไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยไปหาเธอที่ห้อง

เนื่องจากเขามีการ์ดห้องของเธอ เขาจึงแค่เคาะประตูแล้วแปะการ์ดก่อนที่จะเข้าไป

เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง เฉินยู่ซานกำลังเก็บกระเป๋า

เฉินยู่ซานเอาเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋า เธอลุกขึ้นยืน ผมยาวของเธอปรกอยู่ที่ไหล่ เธอหันมายิ้มให้กับลู่โจว

“นายคิดถึงฉันแล้วเหรอ? ฉันบอกว่าจะไปหานายที่ห้องหลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ”ไง

ลู่โจวลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะพูดตอบ

“ฉันอาจจะไปส่งเธอที่สนามบินไม่ได้ คือสถานทูต—”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้” เฉินยู่ซานจุมพิตลู่โจวอย่างแผ่วเบา เธอก้าวถอยออกไปแล้วยิ้มอ่อนให้กับเขา เธอบอกเขาว่า “ไม่ต้องรู้สึกแย่นะ ฉันไม่อยากรบกวนเวลาของนายมากเกินไป ไม่อยากทำให้นายกดดัน”

“แต่…”

“นายมีงานของนาย ฉันก็เหมือนกัน เราทำงานหนักด้วยกันได้ ฉันก็อยากเป็นตัวเองที่ดีขึ้น ฉันจะได้รู้สึกสบายใจมากขึ้น แล้วก็…”

เฉินยู่ซานเอานิ้วม้วนผมตัวเองเล่นสองสามครั้ง เธอเบือนหน้าหนีด้วยความประหม่า ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ชินที่จะพูดคำสวยหวานออกไป เธอลังเลก่อนที่จะพูดเสียงเบา

“ก็นักวิชาการลู่เป็นของทุกคน แต่ลู่โจวเป็นของฉัน…ตราบใดที่หัวใจนายยังอยู่กับฉันนะ”

“ภรรยา…”

“อย่าเรียกฉันว่าภรรยา มันเร็วเกินไป! เราเป็นแค่แฟนกัน แล้วฉันยังไม่ได้รับปากจะแต่งงานกับนายเลย” เฉินยู่ซานดูมีความสุขและเขินอายในเวลาเดียวกัน เธอย้ำว่า “เรียกฉันว่าเฉินยู่ซาน!”

“เฉินยู่ซาน!”

“โอ้…”

มันตรงจุดมาก

ไม่ได้จริงๆ !

ทำไมแฟนฉันน่ารักจัง!

ทั้งหล่อทั้งฉลาด!

ว้าว…

จู่ๆ ลู่โจวสวมกอดเฉินยู่ซาน เธอรู้สึกว่าสมองเธอถูกยัดเข้าตู้อบ และเธอคิดแบบมีสติไม่ได้แล้ว

ฮันนีมูนมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?

ฉันอยากอยู่กับเขาทั้งวันทั้งคืนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

“อืม…”

“มีอะไรเหรอ?”

“ก่อนเธอจะไป…ฉันอยากเล่นเกมกับเธอ”

“เกมอะไร?”

ลู่โจวตอบว่า “ซ่อนแอบ”

เฉินยู่ซานที่พิงหัวกับไหล่ลู่โจวกระซิบตอบเขาที่ข้างหู “โอ้ นี่นายเป็นเด็กซนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ถ้าไม่อยากเล่นก็ช่างมันเถอะ”

เฉินยู่ซานที่หน้าแดงเป็นแอปเปิลหลุบตาหลบเบาๆ เธอซุกหน้าเข้าที่ไหล่ของเขา

เธอพึมพำเสียงเบา “อืม…

ฉันเป็นฝ่ายซ่อนก่อนนะ?”

ช่วงบ่าย

ลู่โจวส่งเฉินยู่ซานขึ้นรถไปสนามบิน

หลังจากโบกมือลา รถวอลโวขับหายลับไปตามถนน เขาลังเลที่จะหันหลังแล้วกลับไปโรงแรม

ถึงแม้ว่าสองคนนี้อยากตัวติดกันทั้งวัน เขารู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์เป็นแต่ส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งสองมีงานต้องทำจำนวนมาก ไม่ว่าเขาจะชอบเธอมากแค่ไหน เขาคงไม่ปล่อยให้มันมากลืนกินส่วนอื่นของชีวิต

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันมีสีน้ำเงินที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนในโลกสีขาวดำของเขา

มันเป็นสีของความรับผิดชอบ

“คุณสนใจไปร่วมงานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกโคเปนเฮเกนไหม?” ท่านทูตจางเหวินปินที่ใส่ชุดทางการพูดกับลู่โจวพร้อมรอยยิ้ม พวกเขานั่งอยู่ในห้องรับรองของโรงแรม

“งานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกเหรอครับ?”

ลู่โจวไม่คาดคิดว่าท่านทูตจางจะเสนอเรื่องแบบนี้มากะทันหัน

“ครับ” ท่านทูตจางพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม “ช่วงห้าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนได้เติบโตขึ้น อัตราการเติบโตของ GDP มากกว่า 10% ไม่เพียงแต่ว่าเราไม่ได้สละทะเลสาบและภูเขาไปแม้แต่นิ้วเดียว แต่ลดได้ลดการปล่อยคาร์บอนต่อคนไป 50%! ”

“เราได้สร้างปาฏิหาริย์ในหน้าประวัติศาสตร์ของการพัฒนาเศรษฐกิจ พวกเขาได้สร้างอาหารให้ประชากรโลกกว่า 20% ในขณะที่มลภาวะน้อยที่สุด! ”

“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ที่คุณสร้างขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ดังนั้นแผนกระหว่างประเทศกำลังพูดคุยว่าคุณควรไปงานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกเพื่อรายงานให้กับประเทศอื่นได้ประจักษ์ แสดงให้ประเทศอื่นเห็นว่าเราทำอะไรมาแล้วบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

ลู่โจวพยักหน้า

พวกเขาอยากให้ฉันพูดโอ้อวดประเทศตัวเอง

เขามีความสนใจปรากฏขึ้นในแววตา

“ฟังดูน่าสนใจนะครับ”

ท่านทูตจางยิ้มให้และพูดว่า “อย่างมากก็ใช้เวลาสามสี่วัน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการเดินทาง”

“โดยเฉพาะ?”

“ราชวงศ์สวีเดนจะไปเยี่ยมเดนมาร์กและนั่งเรือออโรร่าโบเรลิสไปโคเปนเฮเกนเพื่อเข้าร่วมงานซัมมิท มันจะมีแขกผู้มีเกียรติและผู้ประกอบการจากประเทศแถบนอร์ดิกบนเรือลำนี้ เราอยากเสริมความสัมพันธ์กับประเทศนอร์ดิกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเนื่องจากพวกเขาเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ แผนของเราคือเนื่องจากคุณอยู่ที่สตอกโฮล์มแล้ว คุณก็ขึ้นเรือเที่ยวเดียวกับคนพวกนั้นไปเลย”

“ถ้าเกิดคุณไม่สันทัดกับการนั่งเรือ เราสามารถจัดเครื่องบินพิเศษให้คุณได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหน”

การล่องเรือค่อนข้างน่าสนใจ ช่วงกลางคืนฤดูหนาว ออโรร่าที่สวยงามสามารถเห็นได้จากทะเลบาลติก

ลู่โจวนึกถึงบรรยากาศสวยงามที่เขาเห็นที่ริมทะเลสาบมาเลเรน เขายิ้มให้และพยักหน้า

“มันเป็นความรับผิดชอบของมนุษยชาติที่จะรักษาสภาพภูมิอากาศโลกไว้ มันเป็นความรับผิดชอบของผมในฐานะประชากรชาวจีนที่จะแสดงให้โลกเห็นถึงการลงแรงของจีนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของมนุษยชาติ”

“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ผมจะร่วมงานครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 1267 เยือนโคเปนเฮเกน

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1267 เยือนโคเปนเฮเกน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในร้านอาหารมีการตกแต่งให้มีกลิ่นอายของยุคกลาง

ข่าวช่อง BBC กำลังออกอากาศในทีวี

ในรายการข่าว นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหัวรุนแรงเดินประท้วงพร้อมแผ่นป้ายที่ท้องถนน แล้วก็ปีนอนุสรณ์เชอร์ชิลล์ ขวางการจราจร และโห่ร้องสโลแกน ‘เราใส่ใจเกี่ยวกับโลก’ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ท้องถนนสวยงามในลอนดอน

ชายผิวขาวในเสื้อสูทนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาถอนหายใจและพูดว่า “ผมกินมากเกินไป”

“ว่าแต่รางวัลสันติภาพปีนี้ถูกมอบให้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใช่ไหม?”

“ใช่ แต่รางวัลสันติภาพไม่น่าจะทำให้คนพวกนี้พอใจ เรายังต้องหาวิธีแก้ปัญหานี้ในระดับรากฐาน” ชายคนนี้พูดอีกว่า “ถ้ามีสถานีไฟฟ้าฟิวชั่นที่ควบคุมได้ในลอนดอนก็คงจะดี”

“ผมคิดว่าพวกผีบ้าเสียสติเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์อันตรายกว่าเดิม”

“…คุณพูดถูก”

ลู่โจวได้ยินบทสนทนานี้จากระยะประมาณหนึ่ง เขามองไปทางทีวี แต่ช่องทีวีถูกกดเปลี่ยน ซึ่งกลายเป็นการรายงานวิกฤตขาดแคลนอาหารในแอฟริกากลาง

เมื่อลู่โจวไม่ได้ให้ความสนใจ เฉินยู่ซานแอบส่งแซนด์วิชในจานเธอไปที่จานของลู่โจว แต่ถึงเธอย้ายแซนด์วิชอย่างระมัดระวัง แต่ลู่โจวยังจับเธอได้อยู่ดี

เฉินยู่ซานหน้าแดงในระหว่างที่พูดว่า “นายควรกินให้มากกว่านี้”

“โอ้…เธอไม่หิวเหรอ?”

“ฉันไดเอทอยู่”

“ทำไมล่ะ เธอผอมมากพอแล้ว…ฉันว่าเธอดูดีออก”

เฉินยู่ซานกำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่แถวนี้มีคนเยอะมากเกินไป สุดท้ายแล้วเธอก็กลอกตาใส่ลู่โจวแล้วก้มหน้าลงกินสลัดบนจาน

เสี่ยวถงที่นั่งอยู่ข้างสองคนนี้ เหลือบมองด้วยความสงสัย จากนั้นเธอก็เอานิ้วชี้จิ้มแขนลู่โจว

“พี่”

“อะไรเหรอ?”

“พี่ได้…”

เสี่ยวถงวาดนิ้วเป็นตัวโอ แล้วมืออีกข้างชี้นิ้วเป็นเลขหนึ่ง แต่ก่อนที่เธอจะเอามือมาประกบกัน ลู่โจวเอานิ้วดีดหัวเธอ

“โอ๊ย!” เสี่ยวถงมองดูลู่โจวอย่างไม่พอใจและถามว่า “พี่มาตีน้องทำไม?”

“หยุดคิดอะไรเลอะเทอะได้แล้ว เด็กน้อย!”

“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”

“พอได้แล้ว” ลู่โจวหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก เขาเปลี่ยนเรื่องแบบไม่สนอะไร แล้วพูดว่า “เรียนที่พรินซ์ตันเป็นไงบ้างล่ะ? ถูกใครรังแกไหม?”

เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาและพูดว่า “พี่อำนาจเยอะขนาดนี้ ไม่มีใครกล้ามารังแกหรอก มีแต่คนไม่กล้าเข้ามาแหยม”

เฉินยู่ซานมองดูพี่น้องคู่นี้แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จู่ๆ เธอนึกขึ้นได้ถึงงานของพรุ่งนี้ เธอจึงพูดเสียงเบา

“ฉันยังมีงานที่ต้องทำที่ออฟฟิศ ฉันจะบินกลับบ่ายนี้ นายมีแผนจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ?”

ลู่โจวคิดไปคิดมาแล้วตอบว่า

“อาจจะพรุ่งนี้”

“งั้นฉันจะรอคุณ”

หลังจากมื้อเช้าเฉินยู่ซานไม่ได้อยู่ต่อนาน เธอออกจากร้านอาหารทันที เสี่ยวถงมองดูเธอเดินออกไปในขณะที่พูดเสียงเบาออกมา

“พี่ พี่สองคน…”

ลู่โจวไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอเก็บข้อมูล

“เงียบปากแล้วกินข้าว”

“โอ้…”

หลังจากมื้อเช้าลู่โจวก็กลับไปที่ห้อง

เฉินยู่ซานกลับห้องของตัวเองไปแล้ว ลู่โจวโทรหาโรงแรมแล้วเอาชุดเครื่องนอนเข้ามาในห้อง จากนั้นเขาเปิดคอมพิวเตอร์และเช็กอีเมล

ศาสตราจารย์ รูดี้ ด็อบริก ตอบอีเมลเขามาตามที่ได้คาดไว้

นักวิชาการชาวเบลเยียมจากมหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ได้ใช้กระดาษหนึ่งหน้าในการชื่นชมสติปัญญาและสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลู่โจวผิดหวัง

เอาตามตรง ลู่โจวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยตอนอ่านคำเขียนอวยของรูดี้

เนื่องจากคนในสายวิชาการที่ประจบเก่งมักจะไม่มีความสามารถด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

แต่เมื่อเขานึกถึงศาสตราจารย์ซารอทและจำได้ว่านักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์หลายคนให้ผู้ช่วยรับมือกับอีเมล ลู่โจวใจเย็นลงเล็กน้อยและตัดสินใจให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง

มันดีที่สุดที่จะรอให้เขากลับไปแล้วทำข้อสรุปหลังจากได้อ่านรายงานของเขา

อยู่ดีๆ โทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียงเริ่มดังขึ้น

ลู่โจวเดินไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ?”

เสียงสุภาพดังมาจากปลายสาย “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์ลู่ที่เคารพ ผมเป็นเลขาธิการที่สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศจีน คุณเรียกผมว่าซุนเสวี่นเหวินหรือเลขาซุน”

ลู่โจวถามว่า “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”

เลขาซุนตอบว่า “ท่านทูตจางเหวินปินอยากพบกับคุณ คุณมีเวลาว่างช่วงไหนครับ?”

ลู่โจวคิดอยู่ชั่วครู่และตอบไปว่า “ผมจะไปที่นั่นบ่ายนี้”

“ไม่ๆๆ คุณไม่ต้องมาที่นี่หรอก พวกเราจะเดินทางไปเยี่ยมคุณ” เลขาซุนรีบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณมีเวลาว่างช่วงบ่าย ช่วงบ่ายสามดีไหมครับ? มันจะใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณหนึ่งชั่วโมง”

“ได้ครับ แต่มันจะลำบากพวกคุณไหม?”

ชายคนนี้ยิ้มให้

“โอ้ ไม่เลยครับ”

มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกครั้งที่ลู่โจวออกไปข้างนอก รถและท้องถนนจะต้องถูกตรวจสอบโดยทีมรักษาความปลอดภัย มันจึงดีกว่าที่พวกเขามาที่นี่เอง

ลู่โจวจึงไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ

หลังจากวางสายไปเขานึกขึ้นได้กะทันหันว่าเฉินยู่ซานจะกลับจีนบ่ายนี้ ถ้าเขาต้องไปพบท่านทูตจาง เขาก็จะไปส่งเธอที่สนามบินไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยไปหาเธอที่ห้อง

เนื่องจากเขามีการ์ดห้องของเธอ เขาจึงแค่เคาะประตูแล้วแปะการ์ดก่อนที่จะเข้าไป

เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง เฉินยู่ซานกำลังเก็บกระเป๋า

เฉินยู่ซานเอาเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋า เธอลุกขึ้นยืน ผมยาวของเธอปรกอยู่ที่ไหล่ เธอหันมายิ้มให้กับลู่โจว

“นายคิดถึงฉันแล้วเหรอ? ฉันบอกว่าจะไปหานายที่ห้องหลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ”ไง

ลู่โจวลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะพูดตอบ

“ฉันอาจจะไปส่งเธอที่สนามบินไม่ได้ คือสถานทูต—”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้” เฉินยู่ซานจุมพิตลู่โจวอย่างแผ่วเบา เธอก้าวถอยออกไปแล้วยิ้มอ่อนให้กับเขา เธอบอกเขาว่า “ไม่ต้องรู้สึกแย่นะ ฉันไม่อยากรบกวนเวลาของนายมากเกินไป ไม่อยากทำให้นายกดดัน”

“แต่…”

“นายมีงานของนาย ฉันก็เหมือนกัน เราทำงานหนักด้วยกันได้ ฉันก็อยากเป็นตัวเองที่ดีขึ้น ฉันจะได้รู้สึกสบายใจมากขึ้น แล้วก็…”

เฉินยู่ซานเอานิ้วม้วนผมตัวเองเล่นสองสามครั้ง เธอเบือนหน้าหนีด้วยความประหม่า ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ชินที่จะพูดคำสวยหวานออกไป เธอลังเลก่อนที่จะพูดเสียงเบา

“ก็นักวิชาการลู่เป็นของทุกคน แต่ลู่โจวเป็นของฉัน…ตราบใดที่หัวใจนายยังอยู่กับฉันนะ”

“ภรรยา…”

“อย่าเรียกฉันว่าภรรยา มันเร็วเกินไป! เราเป็นแค่แฟนกัน แล้วฉันยังไม่ได้รับปากจะแต่งงานกับนายเลย” เฉินยู่ซานดูมีความสุขและเขินอายในเวลาเดียวกัน เธอย้ำว่า “เรียกฉันว่าเฉินยู่ซาน!”

“เฉินยู่ซาน!”

“โอ้…”

มันตรงจุดมาก

ไม่ได้จริงๆ !

ทำไมแฟนฉันน่ารักจัง!

ทั้งหล่อทั้งฉลาด!

ว้าว…

จู่ๆ ลู่โจวสวมกอดเฉินยู่ซาน เธอรู้สึกว่าสมองเธอถูกยัดเข้าตู้อบ และเธอคิดแบบมีสติไม่ได้แล้ว

ฮันนีมูนมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?

ฉันอยากอยู่กับเขาทั้งวันทั้งคืนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

“อืม…”

“มีอะไรเหรอ?”

“ก่อนเธอจะไป…ฉันอยากเล่นเกมกับเธอ”

“เกมอะไร?”

ลู่โจวตอบว่า “ซ่อนแอบ”

เฉินยู่ซานที่พิงหัวกับไหล่ลู่โจวกระซิบตอบเขาที่ข้างหู “โอ้ นี่นายเป็นเด็กซนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ถ้าไม่อยากเล่นก็ช่างมันเถอะ”

เฉินยู่ซานที่หน้าแดงเป็นแอปเปิลหลุบตาหลบเบาๆ เธอซุกหน้าเข้าที่ไหล่ของเขา

เธอพึมพำเสียงเบา “อืม…

ฉันเป็นฝ่ายซ่อนก่อนนะ?”

ช่วงบ่าย

ลู่โจวส่งเฉินยู่ซานขึ้นรถไปสนามบิน

หลังจากโบกมือลา รถวอลโวขับหายลับไปตามถนน เขาลังเลที่จะหันหลังแล้วกลับไปโรงแรม

ถึงแม้ว่าสองคนนี้อยากตัวติดกันทั้งวัน เขารู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์เป็นแต่ส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งสองมีงานต้องทำจำนวนมาก ไม่ว่าเขาจะชอบเธอมากแค่ไหน เขาคงไม่ปล่อยให้มันมากลืนกินส่วนอื่นของชีวิต

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันมีสีน้ำเงินที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนในโลกสีขาวดำของเขา

มันเป็นสีของความรับผิดชอบ

“คุณสนใจไปร่วมงานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกโคเปนเฮเกนไหม?” ท่านทูตจางเหวินปินที่ใส่ชุดทางการพูดกับลู่โจวพร้อมรอยยิ้ม พวกเขานั่งอยู่ในห้องรับรองของโรงแรม

“งานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกเหรอครับ?”

ลู่โจวไม่คาดคิดว่าท่านทูตจางจะเสนอเรื่องแบบนี้มากะทันหัน

“ครับ” ท่านทูตจางพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม “ช่วงห้าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนได้เติบโตขึ้น อัตราการเติบโตของ GDP มากกว่า 10% ไม่เพียงแต่ว่าเราไม่ได้สละทะเลสาบและภูเขาไปแม้แต่นิ้วเดียว แต่ลดได้ลดการปล่อยคาร์บอนต่อคนไป 50%! ”

“เราได้สร้างปาฏิหาริย์ในหน้าประวัติศาสตร์ของการพัฒนาเศรษฐกิจ พวกเขาได้สร้างอาหารให้ประชากรโลกกว่า 20% ในขณะที่มลภาวะน้อยที่สุด! ”

“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ที่คุณสร้างขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ดังนั้นแผนกระหว่างประเทศกำลังพูดคุยว่าคุณควรไปงานซัมมิทสภาพภูมิอากาศโลกเพื่อรายงานให้กับประเทศอื่นได้ประจักษ์ แสดงให้ประเทศอื่นเห็นว่าเราทำอะไรมาแล้วบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

ลู่โจวพยักหน้า

พวกเขาอยากให้ฉันพูดโอ้อวดประเทศตัวเอง

เขามีความสนใจปรากฏขึ้นในแววตา

“ฟังดูน่าสนใจนะครับ”

ท่านทูตจางยิ้มให้และพูดว่า “อย่างมากก็ใช้เวลาสามสี่วัน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการเดินทาง”

“โดยเฉพาะ?”

“ราชวงศ์สวีเดนจะไปเยี่ยมเดนมาร์กและนั่งเรือออโรร่าโบเรลิสไปโคเปนเฮเกนเพื่อเข้าร่วมงานซัมมิท มันจะมีแขกผู้มีเกียรติและผู้ประกอบการจากประเทศแถบนอร์ดิกบนเรือลำนี้ เราอยากเสริมความสัมพันธ์กับประเทศนอร์ดิกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเนื่องจากพวกเขาเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ แผนของเราคือเนื่องจากคุณอยู่ที่สตอกโฮล์มแล้ว คุณก็ขึ้นเรือเที่ยวเดียวกับคนพวกนั้นไปเลย”

“ถ้าเกิดคุณไม่สันทัดกับการนั่งเรือ เราสามารถจัดเครื่องบินพิเศษให้คุณได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหน”

การล่องเรือค่อนข้างน่าสนใจ ช่วงกลางคืนฤดูหนาว ออโรร่าที่สวยงามสามารถเห็นได้จากทะเลบาลติก

ลู่โจวนึกถึงบรรยากาศสวยงามที่เขาเห็นที่ริมทะเลสาบมาเลเรน เขายิ้มให้และพยักหน้า

“มันเป็นความรับผิดชอบของมนุษยชาติที่จะรักษาสภาพภูมิอากาศโลกไว้ มันเป็นความรับผิดชอบของผมในฐานะประชากรชาวจีนที่จะแสดงให้โลกเห็นถึงการลงแรงของจีนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของมนุษยชาติ”

“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ผมจะร่วมงานครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+