Scholar’s Advanced Technological System 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

48 ชั่วโมงผ่านไปหลังจากเกิดเหตุการณ์พังทลายของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ พายุทรายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวยังคงรุนแรงต่อเนื่องด้านนอกฐาน

ท้องฟ้าที่มืดสนิทไม่เพียงส่งผลต่อแสงในพื้นที่เพาะปลูกแต่ยังส่งผลกับขวัญกำลังใจของนักบินอวกาศในฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้บรรยากาศที่สถานีฐานค่อนข้างหดหู่ ไม่มีใครมีรอยยิ้มบนใบหน้า แม้แต่รอยยิ้มอย่างสุภาพก็ตาม

ดูเหมือนว่าโลโมนอฟจะยังไม่ฟื้นตัวจากภัยพิบัติที่น่ากลัว เขาเก็บตัวเองในห้องอยู่หลายวัน ศาสตราจารย์ออเบรย์สนิทกับชูลทซ์มากขึ้นในขณะที่ทั้งคู่ถกกันเรื่องทอพอโลยี การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันและทฤษฎีซูเปอร์สตริง

ส่วนศาสตราจารย์เวอร์นัล…

เขาอาจจะเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ที่สุดจากคนทั้งหมดที่กลับมาจากเดอะเกตส์ออฟเฮลล์

ตัวอย่างที่เก็บได้จากซากปรักหักพังมีค่าเป็นล้านล้านดอลลาร์ในสายตาของเขา ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในนั้นสามารถเปิดเผยความลับจากเมื่อหลายพันล้านปีก่อน

จากคำพูดของเขา เขาได้เขียนบทความวิเคราะห์อารยธรรมที่ปกป้องดาวเคราะห์เมื่อประมาณ 3 ถึง 3.5 พันล้านปีก่อนจากมุมมองทางชีววิทยา รวมไปถึงปัญหาร้ายแรงที่พวกเขาเผชิญในตอนนั้น

แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ยกเว้นตัวเขาเอง

ไม่ว่าพวกเขาจะเจออะไรก็ตามในซากปรักหักพังนั้น แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่พวกเขาเสียไปได้…

“สถานการณ์ในพื้นที่เพาะปลูกเป็นอย่างไรบ้าง”

ภายในออฟฟิศ เหลียงโย่วเฉิงเห็นหมิงเหวินเจ๋อเดินเข้ามาในห้อง

“ก็แค่ปัญหาเล็กๆ ชิปจากระบบควบคุมสำหรับหลอดรังสียูวีซีในส่วน A1 ไหม้ ผมเปลี่ยนอันใหม่ไปแล้ว” หมิงเหวินเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเหลือบไปมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะและพูด “รายงานสภาพจิตใจของเหรอ”

“อ่า” เหลียงโย่วเฉิงพยักหน้า “โปรเจกต์ 128 ทำลายสภาพจิตใจของ ดร.ฟานเป็นอย่างมากและไม่มีจิตแพทย์คนไหนช่วยเขา เขาไม่เหมาะสมที่จะทำงานบนดาวอังคารได้ต่อไปแล้ว ผมตั้งใจว่าจะขอศูนย์บัญชาการพาตัวเขากลับไปยังโลกพร้อมเที่ยวบินถัดไปเพื่อพักฟื้น”

“โปรเจกต์ 128…”

เหตุการณ์นี้นับเป็นการสูญเสียที่หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมการบินและอวกาศจีน

ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของสมาชิกอีกสองคนในทีมได้ หนึ่งในนั้นคือนักวิชาการลู่ หัวหน้านักออกแบบแผนการเดินทางบนดาวอังคารและคณะกรรมการวงโคจรรอบดวงจันทร์ จริงๆ แล้วหมิงเหวินเจ๋อไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายและนักวิชาการลู่กำลังล้อเล่นกับพวกเขา

เสียงเคาะประตูดังขึ้น รองหัวหน้าสถานีหานคังยู่เดินมาจากด้านนอก

เหลียงโย่วเฉิงเห็นสายตาเป็นกังวลบนหน้าเขา เขาถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“เราเห็นใครบางคนอยู่ด้านนอกสถานีฐาน”

เหลียงโย่วเฉิงผลักเก้าอี้ออกและยืนขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“เร็ว ขอผมดูด้วยหน่อย!”

เมื่อเผชิญหน้าต่อธรรมชาติ พลังของมนุษย์กลับเล็กนิดเดียว

แม้ว่าหวังเผิงจะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือบนชุดอวกาศในการขุดดินลึกหลายกิโลเมตรและหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางเขาได้

หวังเผิงกำลังคิดจะใช้พลั่วอเนกประสงค์ในมือขุด เขาจะพยายามหาลู่โจวให้ถึงที่สุด แต่เขาก็ต้องยอมรับกับความจริงหลังจากที่มีการแจ้งเตือนว่าออกซิเจนกำลังจะหมด

นี่ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยความมุ่งมั่น

แม้ว่าเขาจะขุดโดยที่ไม่กินไม่นอน แต่ออกซิเจนที่ลู่โจวมีอยู่คงอยู่ได้ไม่นาน

หลังจากที่ล้มเลิกขุดแล้ว เขาพยายามค้นหารอบๆ เขาเจอกระบอกออกซิเจนและเครื่องใช้ที่ฟานถงทำหล่นไว้ โชคยังดีที่เขาพบคอมพิวเตอร์ข้อมือที่พิกัดตำแหน่งเปิดอยู่อยู่ใต้กองทราย…

แม้ว่าหน้าจอจะแตกไปแล้ว แต่ชิปก็ยังอยู่ด้านใน

ตรงด้านข้างคอมพิวเตอร์ข้อมือ มีข้อความเล็กๆ แต่ชัดเจนถูกเขียนขึ้น

[ถ้ามีใครพบคอมพิวเตอร์นี้ คุณไม่จำเป็นต้องตามหาผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยนำมันกลับไปโลกให้ผมด้วย ได้โปรด]

หลังจากที่อ่านแล้ว หวังเผิงเปลี่ยนใจ

เหลียงโย่วเฉิงมองหน้าจอ เขาเห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าพายุทรายตรงมายังสถานีฐาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

“ชายคนนี้…เดินกลับมาที่นี่เหรอ”

เขาไม่มีสัญญาณ

ไม่มีเครื่องนำทาง

ไม่มีพาหนะอะไรเลย

เขาแค่พึ่งพาขาทั้งสองข้างและสัญชาตญาณของตัวเอง…

เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

หานคังยู่เองก็ตกใจ เขาพยักหน้าและพูด

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…”

“เปิดประตู”

“ครับ!”

ประตูโลหะผสมเปิดอย่างช้าๆ

หวังเผิงมองประตูที่เปิดอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกล้องวงจรปิด

น้ำยาทำความสะอาดถูกฉีดพ่นมาจากทุกทิศทาง ชำระล้างทรายและเชื้อโรคทั้งหมดออกจากชุดอวกาศ

หลังจากถอดชุดอวกาศออก หวังเผิงมองนายสถานีเหลียงและรองหัวหน้าสถานีหานที่เดินออกมาจากประตูที่เปิดอยู่ เขาพยักหน้า

“ผมกลับมาแล้ว”

เหลียงโย่วเฉิงถอนหายใจเบาๆ และพูด

“ผมได้ยินแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นใต้ซากปรักหักพัง เราเสียใจด้วยจริงๆ เรื่องนักวิชาการลู่…เราดีใจนะที่คุณกลับมา”

หวังเผิงเหลือบไปมองเขาและไม่ตอบอะไร เขายื่นคอมพิวเตอร์ข้อมูลหน้าจอแตกๆ ให้เหลียงโย่วเฉิง

“ส่งมันกลับไปยังโลก”

ใจของเหลียงโย่วเฉิงหล่นฮวบตอนที่ได้รับคอมพิวเตอร์ข้อมือ

ไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำว่ามันเป็นของใคร

หานคังยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา กลืนน้ำลายและพูด

“ลู่โจว…”

หวังเผิงไม่ได้พูดอะไร เขาเดินผ่านทั้งคู่ไป…

บนโลก

ณ ถนนฉางอาน

มีการประชุมคณะรัฐมนตรี

ชายสูงวัยผมเทาที่มีสีหน้าเศร้าโศกและขุ่นเคืองกำลังตำหนิคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุม

“การส่งเขาไปเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก! ภารกิจล้มเหลวและเขาก็ตายไปแล้ว เราจะอธิบายกับคนในประเทศว่าอย่างไร?! เราจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่เขาฟังว่าอย่างไร?!”

ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมกระแอมและพูด “เอิ่ม รัฐมนตรีหวัง เราไม่ได้ส่งเขาไปนะ เขายืนกรานที่จะไปเอง! เราพยายามโน้มน้าวญาติและเพื่อนๆ ให้ห้ามเขาแล้ว แต่เขาก็ยืนยันว่าจะไป ใครจะไปหยุดเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง”

ลู่โจวคือผู้บังคับบัญชาสูงสุดของออฟฟิศการเดินทางบนดาวอังคาร

เว้นเสียแต่ว่าจะมีคำสั่งโดยตรงจากผู้มีอำนาจสูงสุดของถนนฉางอาน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครหยุดเขาได้ และคำสั่งจากผู้บริหารประเภทนี้ก็ไม่สามารถเขียนขึ้นมาตามอำเภอใจได้ มันคงเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคนนอกที่จะออกคำสั่งหัวหน้านักออกแบบ

รัฐมนตรีหวังถอนหายใจและกลับมานั่งที่ของเขา เขารู้ดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องระเบิดอารมณ์ออกไป

บรรยากาศที่โต๊ะประชุมช่างหนักหน่วง

ทุกคนดูแย่ไปกันหมด

ประธานาธิบดีเหลือบมองไปที่คนรอบๆ โต๊ะประชุม เขาเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ

“นี่คือจุดที่เราอยู่ตอนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาเถียงกัน”

“จากข่าวล่าสุดจากฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร บุคลากรทางการวิจัยวิทยาศาสตร์ที่นั่นพบคอมพิวเตอร์ข้อมือของนักวิชาการลู่ที่เขาทำหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่…นอกจากการไว้ทุกข์ให้กับหายนะที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือดำเนินการเดินทางของเขาต่อไป”

ประธานาธิบดีถอนหายใจเบาๆ และทำสีหน้าจริงจัง

“อีกอย่าง ยังมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่านั้นที่เราจะต้องอภิปรายกันอยู่”

“นั่นก็คือสิ่งที่นักวิชาการลู่เห็นในซากปรักหักพังก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ”

เสียงกระซิบดังขึ้นในห้องประชุม คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุมต่างพากันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจพร้อมสายตาที่สับสน

จริงๆ แล้วข้อมูลของพวกเขามีจำกัด แม้ว่าพวกเขาอยากจะอภิปรายเรื่องนี้กันขนาดไหน พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้อภิปรายกันอยู่ดี

ส่วนสิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญในซากปรักหักพัง แม้แต่คนที่รอดชีวิตออกมาได้ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน

ประธานาธิบดีมองห้องประชุมที่เงียบสนิทและพูดต่อ “ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังลังเลอยู่ ดังนั้นผมจะขอพูดเลยก็แล้วกัน

“จากการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์ของเรา แกนของดาวอังคารที่เย็นตัวแล้วเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ แผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของโครงสร้างผิวโลกธรรมดาแน่นอน สิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจ”

“ถ้าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ มันก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ซึ่งเป็นปรปักษ์ ผมคิดว่าพวกคุณทั้งหมดน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”

ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ

ประธานาธิบดีหยุดพูด เขาให้เวลาคนในห้องประชุมได้คิด

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ในที่สุดชายวัยกลางคนสวมเครื่องแบบทหารยืนขึ้นและทำลายความเงียบในห้องประชุม เขาพูดด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง

“ถ้าการเสียชีวิตของนักวิชาการลู่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ การฆ่าคนของเราอย่างโหดเหี้ยมก็คือการก่อสงคราม! เราควรจะสู้กลับ”

จู่ๆ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

สู้กลับ…

กับอารยธรรมนอกโลก…

มันฟังดูน่าหัวเราะจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไร

ประธานาธิบดีพยักหน้าช้าๆ

“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะพูด”

สายตาของเขาแสดงความจริงจัง ประธานาธิบดีมองไปรอบๆ และพูด

“ผมรู้ว่ามันฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่เราไม่สามารถหาคำอธิบายไหนที่เหมาะสมมากไปกว่านี้แล้วกับความบังเอิญที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของอารยธรรมเราต้องเผชิญกับภัยพิบัติทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในเดอะเกตส์ออฟเฮลล์”

“สันติภาพขึ้นอยู่กับมิตรภาพและการพึ่งพาอาศัยกัน”

“ในเมื่ออุบัติเหตุที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น เราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

48 ชั่วโมงผ่านไปหลังจากเกิดเหตุการณ์พังทลายของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ พายุทรายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวยังคงรุนแรงต่อเนื่องด้านนอกฐาน

ท้องฟ้าที่มืดสนิทไม่เพียงส่งผลต่อแสงในพื้นที่เพาะปลูกแต่ยังส่งผลกับขวัญกำลังใจของนักบินอวกาศในฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้บรรยากาศที่สถานีฐานค่อนข้างหดหู่ ไม่มีใครมีรอยยิ้มบนใบหน้า แม้แต่รอยยิ้มอย่างสุภาพก็ตาม

ดูเหมือนว่าโลโมนอฟจะยังไม่ฟื้นตัวจากภัยพิบัติที่น่ากลัว เขาเก็บตัวเองในห้องอยู่หลายวัน ศาสตราจารย์ออเบรย์สนิทกับชูลทซ์มากขึ้นในขณะที่ทั้งคู่ถกกันเรื่องทอพอโลยี การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันและทฤษฎีซูเปอร์สตริง

ส่วนศาสตราจารย์เวอร์นัล…

เขาอาจจะเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ที่สุดจากคนทั้งหมดที่กลับมาจากเดอะเกตส์ออฟเฮลล์

ตัวอย่างที่เก็บได้จากซากปรักหักพังมีค่าเป็นล้านล้านดอลลาร์ในสายตาของเขา ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในนั้นสามารถเปิดเผยความลับจากเมื่อหลายพันล้านปีก่อน

จากคำพูดของเขา เขาได้เขียนบทความวิเคราะห์อารยธรรมที่ปกป้องดาวเคราะห์เมื่อประมาณ 3 ถึง 3.5 พันล้านปีก่อนจากมุมมองทางชีววิทยา รวมไปถึงปัญหาร้ายแรงที่พวกเขาเผชิญในตอนนั้น

แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ยกเว้นตัวเขาเอง

ไม่ว่าพวกเขาจะเจออะไรก็ตามในซากปรักหักพังนั้น แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่พวกเขาเสียไปได้…

“สถานการณ์ในพื้นที่เพาะปลูกเป็นอย่างไรบ้าง”

ภายในออฟฟิศ เหลียงโย่วเฉิงเห็นหมิงเหวินเจ๋อเดินเข้ามาในห้อง

“ก็แค่ปัญหาเล็กๆ ชิปจากระบบควบคุมสำหรับหลอดรังสียูวีซีในส่วน A1 ไหม้ ผมเปลี่ยนอันใหม่ไปแล้ว” หมิงเหวินเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเหลือบไปมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะและพูด “รายงานสภาพจิตใจของเหรอ”

“อ่า” เหลียงโย่วเฉิงพยักหน้า “โปรเจกต์ 128 ทำลายสภาพจิตใจของ ดร.ฟานเป็นอย่างมากและไม่มีจิตแพทย์คนไหนช่วยเขา เขาไม่เหมาะสมที่จะทำงานบนดาวอังคารได้ต่อไปแล้ว ผมตั้งใจว่าจะขอศูนย์บัญชาการพาตัวเขากลับไปยังโลกพร้อมเที่ยวบินถัดไปเพื่อพักฟื้น”

“โปรเจกต์ 128…”

เหตุการณ์นี้นับเป็นการสูญเสียที่หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมการบินและอวกาศจีน

ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของสมาชิกอีกสองคนในทีมได้ หนึ่งในนั้นคือนักวิชาการลู่ หัวหน้านักออกแบบแผนการเดินทางบนดาวอังคารและคณะกรรมการวงโคจรรอบดวงจันทร์ จริงๆ แล้วหมิงเหวินเจ๋อไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายและนักวิชาการลู่กำลังล้อเล่นกับพวกเขา

เสียงเคาะประตูดังขึ้น รองหัวหน้าสถานีหานคังยู่เดินมาจากด้านนอก

เหลียงโย่วเฉิงเห็นสายตาเป็นกังวลบนหน้าเขา เขาถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“เราเห็นใครบางคนอยู่ด้านนอกสถานีฐาน”

เหลียงโย่วเฉิงผลักเก้าอี้ออกและยืนขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“เร็ว ขอผมดูด้วยหน่อย!”

เมื่อเผชิญหน้าต่อธรรมชาติ พลังของมนุษย์กลับเล็กนิดเดียว

แม้ว่าหวังเผิงจะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือบนชุดอวกาศในการขุดดินลึกหลายกิโลเมตรและหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางเขาได้

หวังเผิงกำลังคิดจะใช้พลั่วอเนกประสงค์ในมือขุด เขาจะพยายามหาลู่โจวให้ถึงที่สุด แต่เขาก็ต้องยอมรับกับความจริงหลังจากที่มีการแจ้งเตือนว่าออกซิเจนกำลังจะหมด

นี่ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยความมุ่งมั่น

แม้ว่าเขาจะขุดโดยที่ไม่กินไม่นอน แต่ออกซิเจนที่ลู่โจวมีอยู่คงอยู่ได้ไม่นาน

หลังจากที่ล้มเลิกขุดแล้ว เขาพยายามค้นหารอบๆ เขาเจอกระบอกออกซิเจนและเครื่องใช้ที่ฟานถงทำหล่นไว้ โชคยังดีที่เขาพบคอมพิวเตอร์ข้อมือที่พิกัดตำแหน่งเปิดอยู่อยู่ใต้กองทราย…

แม้ว่าหน้าจอจะแตกไปแล้ว แต่ชิปก็ยังอยู่ด้านใน

ตรงด้านข้างคอมพิวเตอร์ข้อมือ มีข้อความเล็กๆ แต่ชัดเจนถูกเขียนขึ้น

[ถ้ามีใครพบคอมพิวเตอร์นี้ คุณไม่จำเป็นต้องตามหาผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยนำมันกลับไปโลกให้ผมด้วย ได้โปรด]

หลังจากที่อ่านแล้ว หวังเผิงเปลี่ยนใจ

เหลียงโย่วเฉิงมองหน้าจอ เขาเห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าพายุทรายตรงมายังสถานีฐาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

“ชายคนนี้…เดินกลับมาที่นี่เหรอ”

เขาไม่มีสัญญาณ

ไม่มีเครื่องนำทาง

ไม่มีพาหนะอะไรเลย

เขาแค่พึ่งพาขาทั้งสองข้างและสัญชาตญาณของตัวเอง…

เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

หานคังยู่เองก็ตกใจ เขาพยักหน้าและพูด

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…”

“เปิดประตู”

“ครับ!”

ประตูโลหะผสมเปิดอย่างช้าๆ

หวังเผิงมองประตูที่เปิดอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกล้องวงจรปิด

น้ำยาทำความสะอาดถูกฉีดพ่นมาจากทุกทิศทาง ชำระล้างทรายและเชื้อโรคทั้งหมดออกจากชุดอวกาศ

หลังจากถอดชุดอวกาศออก หวังเผิงมองนายสถานีเหลียงและรองหัวหน้าสถานีหานที่เดินออกมาจากประตูที่เปิดอยู่ เขาพยักหน้า

“ผมกลับมาแล้ว”

เหลียงโย่วเฉิงถอนหายใจเบาๆ และพูด

“ผมได้ยินแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นใต้ซากปรักหักพัง เราเสียใจด้วยจริงๆ เรื่องนักวิชาการลู่…เราดีใจนะที่คุณกลับมา”

หวังเผิงเหลือบไปมองเขาและไม่ตอบอะไร เขายื่นคอมพิวเตอร์ข้อมูลหน้าจอแตกๆ ให้เหลียงโย่วเฉิง

“ส่งมันกลับไปยังโลก”

ใจของเหลียงโย่วเฉิงหล่นฮวบตอนที่ได้รับคอมพิวเตอร์ข้อมือ

ไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำว่ามันเป็นของใคร

หานคังยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา กลืนน้ำลายและพูด

“ลู่โจว…”

หวังเผิงไม่ได้พูดอะไร เขาเดินผ่านทั้งคู่ไป…

บนโลก

ณ ถนนฉางอาน

มีการประชุมคณะรัฐมนตรี

ชายสูงวัยผมเทาที่มีสีหน้าเศร้าโศกและขุ่นเคืองกำลังตำหนิคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุม

“การส่งเขาไปเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก! ภารกิจล้มเหลวและเขาก็ตายไปแล้ว เราจะอธิบายกับคนในประเทศว่าอย่างไร?! เราจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่เขาฟังว่าอย่างไร?!”

ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมกระแอมและพูด “เอิ่ม รัฐมนตรีหวัง เราไม่ได้ส่งเขาไปนะ เขายืนกรานที่จะไปเอง! เราพยายามโน้มน้าวญาติและเพื่อนๆ ให้ห้ามเขาแล้ว แต่เขาก็ยืนยันว่าจะไป ใครจะไปหยุดเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง”

ลู่โจวคือผู้บังคับบัญชาสูงสุดของออฟฟิศการเดินทางบนดาวอังคาร

เว้นเสียแต่ว่าจะมีคำสั่งโดยตรงจากผู้มีอำนาจสูงสุดของถนนฉางอาน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครหยุดเขาได้ และคำสั่งจากผู้บริหารประเภทนี้ก็ไม่สามารถเขียนขึ้นมาตามอำเภอใจได้ มันคงเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคนนอกที่จะออกคำสั่งหัวหน้านักออกแบบ

รัฐมนตรีหวังถอนหายใจและกลับมานั่งที่ของเขา เขารู้ดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องระเบิดอารมณ์ออกไป

บรรยากาศที่โต๊ะประชุมช่างหนักหน่วง

ทุกคนดูแย่ไปกันหมด

ประธานาธิบดีเหลือบมองไปที่คนรอบๆ โต๊ะประชุม เขาเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ

“นี่คือจุดที่เราอยู่ตอนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาเถียงกัน”

“จากข่าวล่าสุดจากฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร บุคลากรทางการวิจัยวิทยาศาสตร์ที่นั่นพบคอมพิวเตอร์ข้อมือของนักวิชาการลู่ที่เขาทำหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่…นอกจากการไว้ทุกข์ให้กับหายนะที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือดำเนินการเดินทางของเขาต่อไป”

ประธานาธิบดีถอนหายใจเบาๆ และทำสีหน้าจริงจัง

“อีกอย่าง ยังมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่านั้นที่เราจะต้องอภิปรายกันอยู่”

“นั่นก็คือสิ่งที่นักวิชาการลู่เห็นในซากปรักหักพังก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ”

เสียงกระซิบดังขึ้นในห้องประชุม คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุมต่างพากันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจพร้อมสายตาที่สับสน

จริงๆ แล้วข้อมูลของพวกเขามีจำกัด แม้ว่าพวกเขาอยากจะอภิปรายเรื่องนี้กันขนาดไหน พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้อภิปรายกันอยู่ดี

ส่วนสิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญในซากปรักหักพัง แม้แต่คนที่รอดชีวิตออกมาได้ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน

ประธานาธิบดีมองห้องประชุมที่เงียบสนิทและพูดต่อ “ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังลังเลอยู่ ดังนั้นผมจะขอพูดเลยก็แล้วกัน

“จากการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์ของเรา แกนของดาวอังคารที่เย็นตัวแล้วเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ แผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของโครงสร้างผิวโลกธรรมดาแน่นอน สิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจ”

“ถ้าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ มันก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ซึ่งเป็นปรปักษ์ ผมคิดว่าพวกคุณทั้งหมดน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”

ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ

ประธานาธิบดีหยุดพูด เขาให้เวลาคนในห้องประชุมได้คิด

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ในที่สุดชายวัยกลางคนสวมเครื่องแบบทหารยืนขึ้นและทำลายความเงียบในห้องประชุม เขาพูดด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง

“ถ้าการเสียชีวิตของนักวิชาการลู่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ การฆ่าคนของเราอย่างโหดเหี้ยมก็คือการก่อสงคราม! เราควรจะสู้กลับ”

จู่ๆ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

สู้กลับ…

กับอารยธรรมนอกโลก…

มันฟังดูน่าหัวเราะจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไร

ประธานาธิบดีพยักหน้าช้าๆ

“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะพูด”

สายตาของเขาแสดงความจริงจัง ประธานาธิบดีมองไปรอบๆ และพูด

“ผมรู้ว่ามันฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่เราไม่สามารถหาคำอธิบายไหนที่เหมาะสมมากไปกว่านี้แล้วกับความบังเอิญที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของอารยธรรมเราต้องเผชิญกับภัยพิบัติทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในเดอะเกตส์ออฟเฮลล์”

“สันติภาพขึ้นอยู่กับมิตรภาพและการพึ่งพาอาศัยกัน”

“ในเมื่ออุบัติเหตุที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น เราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+