World of Warcraft ราชันต่างภพ 548

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 548 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ภายใต้การชี้แนะของเซียวอวี๋ ในที่สุดโถวปาหงก็มีลักษณะท่าทางของจักรพรรดิ กระทั่งอ้าวปายังลอบผงกศีรษะอยู่ด้านข้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการจับมือเป็นพันธมิตรกับเซียวอวี๋เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุด เซียวอวี๋ได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่จักรวรรดิและโถวปาหง
“ในตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าได้ยินเรื่องเล่ามากมายของกองทัพพยัคฆ์ เรื่องเล่านั้นทำให้ข้าฝันว่าสักวันหนึ่ง ข้าจะเข้าร่วมกับทัพพยัคฆ์และต่อสู้เพื่อจักรวรรดิเหมือนพวกเจ้า” มองดูทหารหาญทั้งหนึ่งหมื่นนายที่เบื้องหน้า โถวปาหงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง เขาไม่ได้กล่าวเสียงดังนัก หากแต่ทุกคนต่างได้ยินอย่างชัดเจน อย่างไรเสีย โถวปาหงก็อยู่ในระดับสุดยอดของขั้นที่ห้า ดังนั้นจึงไม่ได้ตะเบ็งเสียงก็สามารถได้ยิน
“ทัพพยัคฆ์เป็นความภาคภูมิใจของชาวเมฆา พวกเจ้าคือสัญลักษณ์ที่นำพาความรุ่งโรจน์มาสู่จักรวรรดิ ครั้งนี้ ได้มาเห็นพวกเจ้าที่นี่ ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก เดิมที ข้าต้องการจะได้พบกับพวกเจ้าในวาระอื่นเพื่อที่จะสร้างความประทับใจที่ดีต่อกัน เพื่อให้ฝันของข้าเป็นจริง ทว่าในเวลานี้ ทั่วทั้งจักรวรรดิกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นจุดเปลี่ยนที่จะตัดสินว่าจักรวรรดิจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ บางทีในวันพรุ่งอาจเป็นวันสุดท้ายของจักรวรรดิ ชาวเมฆาทุกคนล้วนต่อสู้เพื่อฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ ข้าต้องขอโทษที่ไม่อาจทำได้ทุกสิ่งอย่าง
แต่ข้ามาที่นี่เพื่อให้เกียรติต่อพวกเจ้า ให้เกียรติที่หลายปีมานี้พวกเจ้าต่อสู้รักษาแนวชายแดนของจักรวรรดิ ในฐานะจักรพรรดิแล้ว ข้าไม่อาจนิ่งดูดายไม่เข้าสู่สนามรบ แม้ว่าอาจจะต้องทอดร่างในสมรภูมิ แต่ข้าก็จะไม่ถอย การได้เสียสละเพื่อปวงประชาแห่งเมฆาถือเป็นเกียรติสูงสุดของข้า แต่พวกเจ้า….ในฐานะกองทัพอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ พวกเจ้ากลับไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ พวกเจ้าเพียงต้องการกลับไปเสวยสุขที่ดินแดนของพวกเจ้า เมื่อวันหนึ่งที่ข้าจากไป ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมฆา ทว่าไม่ใช่จักรพรรดิของพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่มีสิทธิ์สั่งการพวกเจ้า ทว่าพวกเราล้วนแต่มีสายโลหิตของชาวเมฆา ข้ามาที่นี่พวกขอให้พวกเจ้าไปเสีย ไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อจักรวรรดิ ข้าในฐานะชาวเมฆาจะสู้เพื่อชาวเมฆาเอง!”
หลังจากกล่าวจบ โถวปาหงก็โบกมือส่งไพร่พลทัพพยัคฆ์ จากนั้นจึงหันกลับมาก้มศีรษะให้อ๋องหู่เล็กน้อย “ท่านลุง โปรดถนอมตัว สงครามที่แนวหน้าตึงเครียดยิ่ง ข้าต้องขอตัวก่อน ข้าหวังว่าในอนาคตพวกเราจะได้พบกันอีก”
จากนั้นจึงโบกมือเรียกเซียวอวี๋และอ้าวปาลงจากเวทีไม้โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้านหลังอีก
เซียวอวี๋คาดไม่ถึงว่าโถวปาหงจะใจเด็ดเช่นนี้ เดิมทีโถวปาหงมาที่นี่เพื่อหวังหยิบยืมกำลังจากโถวปาหู่ ทว่าตอนนี้ แม้แต่ทหารสักคนก็ไม่เอาแล้ว ทั้งยังเอ่ยปากไล่กลับไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้โถวปาหงกระทำได้ดียิ่ง
แทนที่จะกล่าวร้องขอ มิสู้ละทิ้งทุกสิ่งและดูว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร หากว่าในหัวใจของพวกเขาไม่มีจักรวรรดิเมฆาอยู่เลย เช่นนั้นก็ไม่พูดกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องยึดถือคนเหล่านี้เป็นชาวเมฆาอีก
หากในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ คนเหล่านี้กระทั่งละทิ้งไม่ใยดีจักรวรรดิ โถวปาหงก็จะสามารถใช้เรื่องนี้ขับไล่พวกโถวปาหู่ออกไปจากจักรวรรดิได้เมื่อเรื่องราวจบลง
กองทัพที่ไม่รับบัญชาจากจักรพรรดิ จะปล่อยให้มีกองทัพเช่นนั้นอยู่ในจักรวรรดิได้อย่างไร?
มองดูโถวปาหงที่เดินจากไป โถวปาหู่ก็อ้าปากจะกล่าวแต่ไม่มีเสียง แววตาของเขามองตามแผ่นหลังของโถวปาหงอย่างโง่งม เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ เดิมทีเขาคิดว่าโถวปาหงจะเรียกใช้กำลังทหารเหล่านี้ในการต่อต้านพวกเซิก
ทว่าสุดท้ายโถวปาหงกลับหันหลังใส่ เช่นนั้นแล้วพวกเขามาทำไมที่นี่? ครั้งนี้พวกเขามาเดินเล่นกันหรือ?
นอกจากนั้น โถวปาหงยังกล่าวอย่างชัดเจน ขณะนี้เป็นช่วงเวลาครั้งสำคัญของจักรวรรดิ เขากำลังต่อสู้เพื่อชาวเมฆาและสามารถพลีชีพเพื่อชาวเมฆา แล้วกองทัพพยัคฆท์ของโถวปาหู่ล่ะ?
ชาวเมฆาจะกล่าวถึงทัพพยัคฆ์ในภายหน้าอย่างไร?
ทุกคนจะกล่าวกันว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์จากนั้นจึงกลับไป ทิ้งชาวเมฆาที่กำลังถูกเข่นฆ่าไว้ด้านหลัง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขายังจะเหลือหน้าตาใดอีก?
กองทัพอันดับหนึ่งของจักรวรรดิเลือกที่จะทอดทิ้งประชาชนยามที่ประชาชนต้องการพวกเขามากที่สุด
ไพร่พลทัพพยัคฆ์ทั้งหนึ่งหมื่นนายต่างถูกทิ้งให้ยืนโง่งมอยู่เช่นนั้น พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้ หากแต่โถวปาหงกับบอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้และกลับไปเสีย
ในเวลานี้ในใจพวกเขาต่างรู้สึกแย่ พวกเขาคับแค้นใจ พวกเขาคับแค้นใจกับคำกล่าวของโถวปาหง เห็นได้ชัดว่าถ้อยคำของโถวปาหงนั้นกำลังเยาะเย้ยพวกเขา
พวกเขาคือทัพพยัคฆ์ กระทั่งจักรพรรดิพระองค์ก่อนอย่างโถวปาเย่ก็ยังให้เกียรติพวกเขา แต่โถวปาหงผู้นี้กลับไม่ใยดีพวกเขา นี่มันช่างเป็นเรื่องอัปยศเสียจริง!
มองอย่างผิวเผิน โถวปาหงกล่าวยกย่องชมเชยพวกเขา หากแต่ในความเป็นจริงกลับเป็นการถากถุาง
โถวปาหงกล่าวว่า เขาเป็นจักรพรรดิของชาวเมฆา แต่ไม่ใช่จักรพรรดิของทัพพยัคฆ์ ด้วยถ้อยคำนี้ เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถือว่าพวกเขาเป็นชาวเมฆาแล้ว
โถวปาหงกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้มีข้อผูกมัดที่จะต้องต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ เช่นนั้น หากวันหนึ่งโถวปาหงสามารถรวบรวมจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งและขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะไม่ถูกนับเป็นชาวเมฆา เป็นเพียงพวกเร่ร่อนไร้ชาติ
โถวปาหงจากไปพักหนึ่งแล้ว ทิ้งให้พวกทหารยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น และพวกเขาไม่ทราบว่าควรทำเช่นไรต่อ
กระทั่งเหล่าผู้บังคับการสั่งให้พวกเขาแยกย้าย พวกเขาก็ยังยืนโง่งมอยู่เช่นนั้น
หลายวันต่อมา การต่อสู้ที่แนวหน้าทวีความรุนแรงขึ้น นักสู้ชาวเมฆาจากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลกันมาต่อสู้ที่แนวหน้า
พวกทัพพยัคฆ์มองดูชาวเมฆาที่ต่างคนต่างถืออาวุธเท่าที่หาได้เดินทางไปยังแนวหน้า
ชาวเมฆษทุกคนที่เดินผ่านค่ายของทัพพยัคฆ์ต่างมีสายตาเป็นประกาย พวกเขาโห่ร้องด้วยความยินดี ทั้งยังเริ่มร้องเพลงสรรเสริญ
เมื่อได้ยินบทเพลงสรรเสริญ ทหารทัพพยัคฆ์ต่างก้มหน้าลงต่ำ พวกเขาต่างรู้สึกละอายใจ แม้แต่เด็กเล็กที่อายุไม่ถึงสิบปียังหยิบอาวุธไปต่อสู้ ทว่าพวกเขากลับไม่
โถวปาเฟิงได้นำคนเดินทางไปยังแนวหน้า หวังจะเฝ้าดูสถานการณ์ แต่ก็พบว่าที่ด้านหลังของแนวป้องกันมีสิ่งกีดขวางต่างๆอยู่ ทั้งยังมีทหารบางส่วนคอยเฝ้าระวัง และเมื่อพวกทหารที่เฝ้าอยู่นั้นมองเห็นเครื่องแบบทัพพยัคฆ์ พวกเขาก็ตะโกนขึ้นทันที “ไพร่พลทัพพยัคฆ์โปรดกลับไป ที่แห่งนี้ไม่ใช่สนามรบที่พวกเจ้าต้องต่อสู้ หากว่าพวกเจ้าฝืนบุกรุกเข้ามา พวกเราย่อมไม่ปราณี!”
ได้ยินดังนั้น โถวปาเฟิงก็โมโห เขาตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “โถวปาหง เจ้าจะมากไปแล้ว!”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าบุกต่อไป เพราะทราบดีว่าหากทำเช่นนั้นจริง พวกเขาจะกลายเป็นคนบาปแห่งจักรวรรดิเมฆาทันที
พวกเขาไม่เหมือนกับพวกโถวปากุ้ย กระทั่งในเวลาเช่นนี้ยังกล้าโจมตีพวกโถวปาหงและก่อความแค้นต่อมวลชน นั่นเป็นเพราะโถวปากุ้ยไม่สนใจอีกต่อไป เขาไม่สนหน้าตาหรือศักดิ์ศรีใดอีก
ทว่าพวกเขาทัพพยัคฆ์นั้นไม่ใช่
เพราะพวกเขาคือทัพพยัคฆ์ และศักดิ์ศรีก็คือชีวิตของพวกเขา……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด