World of Warcraft ราชันต่างภพ 603

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 603 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

หลังจากนั้นไม่นาน เออซ่า เซียวอวี๋ และคนอื่นๆก็เข้ามาในกระโจม และเริ่มการประชุม “เจ้าเป็นคนรู้สถานการณ์” เซียวอวี๋ตบบ่าเออซ่าพลางยิ้มออกมา ท่าทางที่ปลอดโปร่งของเขาอาจทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นสหายกัน เออซ่ายิ้มอย่างขมขื่น หากแต่ไม่กล่าวสิ่งใด “เออซ่า ไฉนเจ้าจู่ๆจึงยอมแพ้เล่า? แม้จะมีหลายคนจดจำอูเธอร์ได้ในตอนนั้น แต่การจะพลิกสถานการณ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เซียวอวี๋ถามสิ่งที่ค้างคาใจออกมา เออซ่ายกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะกล่าวว่า “ข้าพลิกสถานการณ์ได้ชั่วคราว แล้วอย่างไรต่อ? ใจคนเปลี่ยนไปแล้ว ข้ายังจะทำอย่างไรได้? อีกอย่าง ไม่ว่าติดตามเจ้าหรือติดตามพระสันตะปาปา สำหรับข้าแล้วมันก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แม้จะสักกัดศาสนจักร หากแต่ข้าก็ไม่มีความทะยานอยากใดๆ ข้าไม่ชอบแข่งขันกับผู้ใด ที่ข้าได้รับหน้าที่สำคัญในครั้งนี้ก็เป็นเพราะพระสันตะปาปาให้ความสำคัญกับความสามารถของข้า ท่านเองก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ก่อนที่ข้าจะมา ข้าได้ศึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับท่าน และข้าชื่นชมท่าน เข้าร่วมกับท่านก็คงไม่แย่นัก ดังนั้นข้าจึงยอมแพ้” เออซ่ากล่าวด้วยอย่างสุขุมและเป็นธรรมชาติ แสดงให้เห็นว่าเขาคิดเช่นนี้จริงๆ “ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นอูเธอร์หรือพระสันตะปาปา เจ้าล้วนไม่มีความศรัทธา?” ได้ฟังน้ำเสียงของเออซ่า เซียวอวี๋ก็ทราบว่าเออซ่าไม่มีความรู้สึกผูกพันต่อพระสันตะปาปาแต่อย่างใด “ใช่ เมื่อมาถึงตำแหน่งระดับข้า มันคงน่าหัวเราะหากยึดถือตามสิ่งที่ศาสนจักรยัดใส่หัวพวกเราจริงๆอย่างเช่น ดัม” เออซ่าส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “เจ้าเป็นคนฉลาด และยังเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ เจ้าสุขุมจึงมองสิ่งต่างๆได้กระจ่างชัด อืม ในอนาคต กองทัพนี้จะยังคงให้เจ้าเป็นผู้นำต่อไป และเจ้าจะเป็นแม่ทัพในสังกัดของอูเธอร์” เซียวอวี๋ประกาศต่อเออซ่าอย่างเป็นทางการ “นี่มัน….เจ้าไม่กังวลเกี่ยวกับข้าหรือ?” แม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงของเซียวอวี๋ในด้านนี้มาบ้าง กระนั้นเออซ่าก็คิดไม่ถึงว่าเซียวอวี๋จะกล้าหาญถึงขั้นที่ให้เขาเป็นผู้นำทัพต่อไปเพียงแต่เปลี่ยนสังกัดไปอยู่ใต้อูเธอร์เท่านั้น “อย่างที่เจ้าเพิ่งกล่าวมา เจ้าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ควบคุมกองกำลังนี้ นับแต่นี้ไป อัศวินสีชาดจะถูกควบรวมเข้ากับภาคีหัตถ์เงิน และเจ้าจะเป็นผู้นำแห่งภาคีหัตถ์เงิน อลอนโซ่จะเป็นผู้ช่วยของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะศรัทธาในอูเธอร์หรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เซียอวี๋กล่าวอย่างยินดี เออซ่ายิ้มอย่างหมดหนทาง เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับการจัดการทุกเรื่องราวของเซียวอวี๋ การยอมแพ้ของเออซ่าและชัยชนะในสงครามได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ดินแดนไลอ้อนอย่างใหญ่หลวง เซียวอวี๋ใช้โอกาสนี้กรีธาทัพบุกชิงพื้นที่ที่ศาสนจักรควบคุมอยู่ในละแวกใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ส่วนพื้นที่ที่อยู่ไกลออกไปเขาก็ไม่แตะต้อง เพราะทราบดีว่ามันยากจะควบคุม สงครามย่อมเกิดขึ้นตามมา เหล่าดินแดนที่ถูกบุกโจมตีย่อมต้องตอบโต้ ส่วนดินแดนที่เซียวอวี๋เอื้อมมือไปไม่ถึงนั้น เขาก็ปล่อยให้ขุมกำลังอื่นๆจัดการไป ตั้งแต่แรกเริ่ม สายตาทุกคู่ล้วนเฝ้ามองมายังศึกใหญ่ครั้งนี้ ทว่าเหตุพลิกผันที่จู่ๆก็เกิดขึ้นทำให้ทุกฝ่ายต่างก็ตั้งตัวกันไม่ทัน แต่เมื่อได้เห็นผู้แพ้ผู้ชนะ พวกเขาก็ย่อมไม่ลีรอที่จะไล่ตีสุนัขตกน้ำ ด้วยเหตุนี้ อาณาเขตอันใหญ่โตของศาสนจักรจึงถูกรุมทึ้งและแตกย่อยเป็นดินแดนต่างๆมากมาย เดิมทีประชาชนในดินแดนเหล่านั้นมีความเกลียดชังการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์และบังคับผู้คนให้เป็นสาวกของศาสจักรอยู่ก่อนแล้ว ครั้งนี้พวกเขาจึงลุกฮือล้างแค้น ขอเพียงพบเห็นสัญลักษณ์ของสาสนจักรบนตัวผู้ใด คนผู้นั้นจะถูกสังหารทันที เหล่าทหารของศาสนจักรจึงมีสภาพราวกับหนูในท่อระบายน้ำที่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ศาสนจักรแห่งแสงที่ครั้งหนึ่งเคยควบคุมโลก เวลานี้ได้พังครืนลงจนตกอยู่ในสถานการณ์อันล่อแหลม เซียวอวี๋ยังใช้ความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงเหล่าอัศวินของศาสนจักร ทุกวันเขาจะให้อูเธอร์ไปเผยแพร่คำสอนใหม่ๆ อย่างเช่น การละเว้นการฆ่า อยู่ในศีลธรรม และให้อดทนอดกลั้นต่อผู้ไม่ศรัทธา ไม่บีบบังคับ…. อัศวินสีชาดถูกยุบโดยสมบูรณ์ และผู้คนเหล่านี้ในอนาคตจะถูกเปลี่ยนเป็นสมาชิกแห่งถาคีหัตถ์เงิน เครื่องแบบของพวกเขาเองก็ถูกเปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีขาวสะอาดตา สิ่งนี้จะเป็นข้อได้เปรียบในการแย่งชิงอำนาจของเซียวอวี๋ในอนาคต มิเช่นนั้นคงยากจะเอาชนะใจมวลชนที่เกลียดชังศาสนจักรอย่างลึกล้ำ เมื่อเซียวอวี๋ใช้งานกองกำลังขุมนี้ ผู้คนจะได้ลดความอคติลง เซียวอวี๋ได้กลืนกินกองกำลังขุมนี้เข้าไปในคราวเดียว นั่นเป็นจำนวนผู้คนกว่าสิบล้านคน และหากจะนำมาใช้งาน เขาก็จำต้องย่อยกองกำลังขุมนี้เสียก่อน ยามเมื่อย่อยกองกำลังนี้ได้โดยสมบูรณ์ พวกเขาย่อมต้องกลายเป็นกองกำลังที่มีพลังต่อสู้สูงล้ำ ในขณะที่เซียวอวี๋ประสบโชคดีติดต่อกัน ทางฝั่งระดับสูงของศาสนจักรกลับเงียบเชียบ พระสันตะปาปาที่เป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักรยังเงียบยิ่งกว่า นี่เรียกได้ว่าเสียทั้งเบี้ยเสียทั้งขุน เดิมทีเขาหยิบยกชื่ออูเธอรืขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการล้างสมองผู้คน อย่างไรก้ตาม การล้างสมองที่ฝังลึกเกินไปกลับกลายเป็นผลเสีย สาวกเหล่านั้นล้วนคลั่งไคล้ในตัวอูเธอร์ ดังนั้นเมื่อได้พบเจอกับอูเธอร์เข้าจริงๆ ความรู้สึกที่ฝังแน่นอยู่แล้วจึงปะทุออกมาเป็นพลังศรัทธา เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งตัวพระสันตะปาปาและอูเธอร์หุ่นเชิดถูกผู้คนมองข้ามไป นี่ไม่ต่างอะไรกับการทุ่มหินใส่เท้าตัวเอง แม้ว่าศาสนจักรจะยังมีขุมกำลังหลงเหลืออยู่ แต่การแปรพักต์ของเออซ่าก็ทำให้ผู้คนรู้สึกท้อแท้ใจ เวลานี้ขุมกำลังฝ่ายต่างๆทั่วทั้งทวีปกำลังเข้าฉีกทึ้งพื้นที่ในครอบครองของศาสนจักร และไม่นานคงถึงคราวศูนย์กลางการปกครองของพวกเขา พระสันตะปาปากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก “จังหวะเวลาเองก็เป็นโชคชะตา” พระสันตะปาปานั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ริ้วรอยบนใบหน้าดูจะกดลึกขึ้นกว่าปกติ “เพียงปล่อยไปไม่ได้หรือ?” มีเสียงหนึ่งดังสะท้อนไปมาในห้องโถง “หึ คนไร้ยางอายเยี่ยงนั้นน่ะรึ?” “ถึงที่สุดแล้ว เขาก็จะเป็นผู้ที่ก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลก คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากจะฆ่าเขาเช่นนี้” “อืม การเก็บเขาเอาไว้ก่อนอาจยังมีประโยชน์ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ช่วงเวลาเป็นตายของทวีป หากเจ้าเลือกที่จะยืนหยัดปกป้องทวีปอย่างเต็มกำลังความสามารถ เจ้าก็คงจะสามารถชดเชยให้กับเหล่าผู้ที่เจ้าสังหารอย่างไร้ปราณีเหล่านั้น” มีเงาร่างสามร่างค่อยๆปรากฏขึ้นภายในห้องโถง ผู้ที่เพิ่งปรากฏกายก็คือ จ้าวมนตราทั้งสามเอง “เฮ้อ…..” หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน พระสันตะปาปาก็ถอนหายใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด