World of Warcraft ราชันต่างภพ 586

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 586 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

เมื่อบรรลุขั้นที่หกได้ พลังของคนผู้นั้นก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือสามัญสำนึก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนกลุ่มนี้ แทบทั้งหมดต่างก็มีพลังอยู่ในขั้นที่หกระดับสุดยอด ดังเช่นกรอม ขณะที่โถวปากุ้ยพยายามตีฝ่าไปทิศทางหนึ่ง กรอมก็จะใช้พยุหะดาบออกมา ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของเขาต่างก็ถูกตัดเฉือนไม่เว้นแม้กระทั่งอากาศ แม้โถวปากุ้ยจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่กล้ากระทบถูกพยุหะดาบของกรอม เพราะหากไปโดนเข้าล่ะก็ ต่อให้เขาจะเป็นอมตะ เขาก็คงถูกตัดเฉือนผิวหนังออกไป เมื่อเขาจะหนีไปอีกทาง พยุหะดาบก็ปรากฏขึ้นขัดขวางเขาไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นฝีมือของเซียวอวี๋ แน่นอนว่าเซียวอวี๋ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เรียนรู้ทักษะพยุหะดาบเอาไว้ นี่เป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก นอกจากนั้น หลังๆมานี้เซียวอวี่ยังหันมายึดเส้นทางสายพละกำลัง ดังนั้นพยุหะที่เขาใช้ออกจึงทรงพลังยิ่งกว่าต้นฉบับเสียอีก พลังของมันถึงกับทำให้อ้าวปาปากอ้าตาค้าง เวลานี้โถวปากุ้ยกลายเป็นสุนัขจนตรอก เขาพยายามจะตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายหน หากแต่ก็ไม่มีครั้งใดที่สำเร็จ ดังนั้นยิ่งมาจึงยิ่งอับอาย จากอับอายค่อยๆกลายเป็นโทสะ ฟุ่บ….. อ้าวปาพลันคว้าโอกาสไว้ได้ครั้งหนึ่ง ดาบของเขากรีดผ่านบริเวณใต้ท้องน้อยของโถวปากุ้ยจนเลือดฉีดพุ่งออกมา อย่างไรก็ตาม หลังจากเลือดพุ่งออกมาแล้ว มันก็ถูกเปลวเพลิงเผาจนระเหยไป หลังได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วความสามารถในการต่อสู้ของคนผู้นั้นย่อมลดน้อยถอยลง ทว่าโถวปากุ้ยกลับดูยิ่งคลุ้มคลั่งกว่าเก่า ในแววตาของเขาตอนนี้สะท้อนเพียงความบ้าคลั่งอันไร้สิ้นสุด เห็นฉากนี้ เซียวอวี๋ก็ฉุกคิด เขาพลันนึกถึงรูปปั้นที่พบเจอภายในรังของกลุ่มเคราแดงขึ้นมา ใช่แล้ว รูปลักษณ์ของโถวปากุ้ยในตอนนี้เหมือนรูปปั้นนั้นไม่มีผิด โถวปากุ้ยเวลานี้ถูกเทพปีศาจเข้าครอบงำแล้ว แม้จะไม่ใช่การยึดร่างโดยสมบูรณ์ พลังแค่เพียงส่วนหนึ่งที่ไหลเวียนในร่างของโถวปากุ้ยก็เพียงพอให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นอีกระดับ ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของโถวปากุ้ยจึงพุ่งไปถึงระดับที่น่าพรั่นพรึง พลังขุมนี้ช่วยทำลายพันธนาการของขั้นที่หกและก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ด เมื่อมาถึงขั้นที่เจ็ดได้ พลังที่ครอบครองก็เหนือล้ำผู้คนส่วนใหญ่ สถานการณ์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เวลานี้การจะจัดการโถวปากุ้ยลงก็ไม่ง่ายแล้ว หากแต่ในตอนนั้นเอง ร่างหมาป่าสีทองยักษ์ตัวหนึ่งก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเงยหน้าส่งเสียงหอนครั้งหนึ่งก่อนจะพุ่งตรงมาหาโถวปากุ้ย ภายในร่างหมาป่าสีทองมีเงาของคนผู้หนึ่งอยู่ คนผู้นั้นก็คือ โถวปาหง “องค์จักรพรรดิ!” อ้าวปาโพล่งออกมา หน้าที่ของเขาคือปกป้องคุ้มครองโถวปาหง การออกมาต่อสู้ที่แนวหน้าโดยไม่ได้อยู่ข้างกายโถวปาหงก็นับว่าสุ่มเสี่ยงมากแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นโถวปาหงกำลังพุ่งมายังสนามรบ อ้าวปาก็ร้อนใจขึ้นมา ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ฉุกใจคิด ในใจพลันสัมผัสได้ว่าการปรากฏตัวของโถวปาหงครั้งนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของเจ้าตัว หากแต่เป็นการชักนำของวิญญาณบรรพกาล “บุตรแห่งซีเลียสได้จุติลงมาเพื่อกำจัดมารร้ายแล้ว” เสียงกล่าวอันชืดชาของวิญญาณบรรพกาลดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังออกมาจากปากของโถวปาหง พริบตาต่อมา เงาหมาป่าสีทองและโถวปาหงก็หลอมรวมกันก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายแข็งแกร่งไปทั่วสนามรบ ทั้งหมดต่างได้เห็นฉากที่โถวปาหงและเงาหมาป่าทองผสานรวมกัน กลายเป็นนักรบเทพหมาป่าทอง เฮ เฮ…… ชาวเมฆาทั้งหมดพลันระเบิดเสียงโห่ร้อง การผสานพลังครั้งนี้มีความหมายมาก เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าโถวปาหงคู่ควรตำแหน่งจักรพรรดิ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมฆา ครั้งนี้ จักรพรรดิของพวกเขา ผู้กอบกู้ของพวกเขา กำลังจะลงมือกำจัดฆ่าโถวปากุ้ยที่ชั่วร้ายด้วยตนเอง! อวู้ว…….. เสียงหอนอันทรงพลังดังออกจากปากของโถวปาหง จากนั้นเขาจึงพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยปีกสีทองคู่หนึ่งบนแผ่นหลัง ฟุ่บ……. โถวปาหงตวัดสนับกรงเล็บอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน เกิดเป็นแผลขึ้นเกลื่อนกล่นร่างของโถวปากุ้ย หลังจากเทพปีศาจเข้ายึดร่าง พลังของโถวปากุ้ยก็บรรลุถึงขั้นที่น่าพรั่นพรึง หากแต่พลังที่โถวปาหงแสดงออกมาเวลานี้ยังแข็งกร้าวยิ่งกว่า โถวปาหงจู่โจมต่อเนื่อง ขณะที่โถวปากุ้ยรับมือไม่ทัน อ๊าก……. โถวปากุ้ยกรีดร้องและเริ่มสวนกลับ กระนั้นกลับเปล่าประโยชน์ การโจมตีของเขาไม่อาจสัมผัสถูกร่างของโถวปาหงได้เลย นี่เป็นลงมือการโจมตีอยู่เพียงฝ่ายเดียว เซียวอวี๋และคนอื่นๆต่างตกตะลึง เวลานี้พวกเขาได้แต่มองฉากที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ได้เข้าไปช่วยโถวปาหงแต่อย่างใด โถวปาหงลงมือรวดเร็วเกินไป ร่างกายของเขาคล้ายเปลี่ยนเป็นพายุหอบหนึ่งที่โหมกระหน่ำตีโถวปากุ้ยจากรอบทิศทาง โถวปากุ้ยเวลานี้ เนื้อตัวปริแตกรอยเลือดเกลื่อนกล่นเต็มร่างแล้ว โถวปากุ้ยกรีดร้องสุดเสียงก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบ สรรพเสียงหายไปราวกับกาลเวลาถูกหยุดลง ทั่วทั้งสนามรบปกคลุมด้วยความเงียบ สายตาของทุกฝ่ายจับจ้องมาที่การต่อสู้ตัดสินของสงครามครั้งนี้ หลังจากหมอกจากการปะทะจางลง ร่างของโถวปาหงที่สวมใส่เกราะทองเต็มตัวก็ยืนตระหง่านอย่างสง่างาม ขณะที่โถวปากุ้ยถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระทั่งวิญญาณของเขาก็ยังถูกทำลายไม่มีเหลือ มีเพียงชุดเกราะและหอกประจำกายของโถวปากุ้ยเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพครบส่วน ขณะที่ร่างกายของโถวปากุ้ยนั้นกระจายเกลื่อนอยู่โดยรอบ…. เฮ……………. ชาวเมฆาทั้งหมดส่งเสียงโห่ร้องดังกระหึ่ม จบแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาโถวปาหงได้ปกป้องพวกเขาและจบสงครามด้วยตนเอง ทหารทมิฬและพวกปีสาจกรีดร้องอย่างหวาดผวา พวกมันเริ่มหันหลังวิ่งหนีทันที ไม่มีทีท่าจะสู้ต่อแล้ว ทัพพยัคฆ์ที่นำโดยอ๋องหู่จึงเปิดฉากไล่ตามตี พวกเขาต้องกำขุดรากถอนโคนเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้ายนี้ให้สิ้นซาก เซียวอวี๋กวาดมองทั่วสนามรบก่อนจะระบายลมหายใจยาว สงครามครั้งนี้จบลงแล้ว ปัญหาทางด้านจักรวรรดิเมฆาสิ้นสุดลงแล้ว…..

เมื่อบรรลุขั้นที่หกได้ พลังของคนผู้นั้นก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือสามัญสำนึก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนกลุ่มนี้ แทบทั้งหมดต่างก็มีพลังอยู่ในขั้นที่หกระดับสุดยอด

ดังเช่นกรอม ขณะที่โถวปากุ้ยพยายามตีฝ่าไปทิศทางหนึ่ง กรอมก็จะใช้พยุหะดาบออกมา ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของเขาต่างก็ถูกตัดเฉือนไม่เว้นแม้กระทั่งอากาศ

แม้โถวปากุ้ยจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่กล้ากระทบถูกพยุหะดาบของกรอม เพราะหากไปโดนเข้าล่ะก็ ต่อให้เขาจะเป็นอมตะ เขาก็คงถูกตัดเฉือนผิวหนังออกไป เมื่อเขาจะหนีไปอีกทาง พยุหะดาบก็ปรากฏขึ้นขัดขวางเขาไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นฝีมือของเซียวอวี๋

แน่นอนว่าเซียวอวี๋ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เรียนรู้ทักษะพยุหะดาบเอาไว้ นี่เป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก นอกจากนั้น หลังๆมานี้เซียวอวี่ยังหันมายึดเส้นทางสายพละกำลัง ดังนั้นพยุหะที่เขาใช้ออกจึงทรงพลังยิ่งกว่าต้นฉบับเสียอีก พลังของมันถึงกับทำให้อ้าวปาปากอ้าตาค้าง

เวลานี้โถวปากุ้ยกลายเป็นสุนัขจนตรอก เขาพยายามจะตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายหน หากแต่ก็ไม่มีครั้งใดที่สำเร็จ ดังนั้นยิ่งมาจึงยิ่งอับอาย จากอับอายค่อยๆกลายเป็นโทสะ

ฟุ่บ…..

อ้าวปาพลันคว้าโอกาสไว้ได้ครั้งหนึ่ง ดาบของเขากรีดผ่านบริเวณใต้ท้องน้อยของโถวปากุ้ยจนเลือดฉีดพุ่งออกมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากเลือดพุ่งออกมาแล้ว มันก็ถูกเปลวเพลิงเผาจนระเหยไป

หลังได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วความสามารถในการต่อสู้ของคนผู้นั้นย่อมลดน้อยถอยลง ทว่าโถวปากุ้ยกลับดูยิ่งคลุ้มคลั่งกว่าเก่า ในแววตาของเขาตอนนี้สะท้อนเพียงความบ้าคลั่งอันไร้สิ้นสุด

เห็นฉากนี้ เซียวอวี๋ก็ฉุกคิด เขาพลันนึกถึงรูปปั้นที่พบเจอภายในรังของกลุ่มเคราแดงขึ้นมา ใช่แล้ว รูปลักษณ์ของโถวปากุ้ยในตอนนี้เหมือนรูปปั้นนั้นไม่มีผิด

โถวปากุ้ยเวลานี้ถูกเทพปีศาจเข้าครอบงำแล้ว

แม้จะไม่ใช่การยึดร่างโดยสมบูรณ์ พลังแค่เพียงส่วนหนึ่งที่ไหลเวียนในร่างของโถวปากุ้ยก็เพียงพอให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นอีกระดับ

ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของโถวปากุ้ยจึงพุ่งไปถึงระดับที่น่าพรั่นพรึง พลังขุมนี้ช่วยทำลายพันธนาการของขั้นที่หกและก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ด

เมื่อมาถึงขั้นที่เจ็ดได้ พลังที่ครอบครองก็เหนือล้ำผู้คนส่วนใหญ่ สถานการณ์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เวลานี้การจะจัดการโถวปากุ้ยลงก็ไม่ง่ายแล้ว

หากแต่ในตอนนั้นเอง ร่างหมาป่าสีทองยักษ์ตัวหนึ่งก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเงยหน้าส่งเสียงหอนครั้งหนึ่งก่อนจะพุ่งตรงมาหาโถวปากุ้ย

ภายในร่างหมาป่าสีทองมีเงาของคนผู้หนึ่งอยู่ คนผู้นั้นก็คือ โถวปาหง

“องค์จักรพรรดิ!” อ้าวปาโพล่งออกมา หน้าที่ของเขาคือปกป้องคุ้มครองโถวปาหง การออกมาต่อสู้ที่แนวหน้าโดยไม่ได้อยู่ข้างกายโถวปาหงก็นับว่าสุ่มเสี่ยงมากแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นโถวปาหงกำลังพุ่งมายังสนามรบ อ้าวปาก็ร้อนใจขึ้นมา

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ฉุกใจคิด ในใจพลันสัมผัสได้ว่าการปรากฏตัวของโถวปาหงครั้งนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของเจ้าตัว หากแต่เป็นการชักนำของวิญญาณบรรพกาล

“บุตรแห่งซีเลียสได้จุติลงมาเพื่อกำจัดมารร้ายแล้ว” เสียงกล่าวอันชืดชาของวิญญาณบรรพกาลดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังออกมาจากปากของโถวปาหง

พริบตาต่อมา เงาหมาป่าสีทองและโถวปาหงก็หลอมรวมกันก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายแข็งแกร่งไปทั่วสนามรบ

ทั้งหมดต่างได้เห็นฉากที่โถวปาหงและเงาหมาป่าทองผสานรวมกัน กลายเป็นนักรบเทพหมาป่าทอง

เฮ เฮ……

ชาวเมฆาทั้งหมดพลันระเบิดเสียงโห่ร้อง การผสานพลังครั้งนี้มีความหมายมาก เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าโถวปาหงคู่ควรตำแหน่งจักรพรรดิ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมฆา

ครั้งนี้ จักรพรรดิของพวกเขา ผู้กอบกู้ของพวกเขา กำลังจะลงมือกำจัดฆ่าโถวปากุ้ยที่ชั่วร้ายด้วยตนเอง!

อวู้ว……..

เสียงหอนอันทรงพลังดังออกจากปากของโถวปาหง จากนั้นเขาจึงพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยปีกสีทองคู่หนึ่งบนแผ่นหลัง

ฟุ่บ…….

โถวปาหงตวัดสนับกรงเล็บอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน เกิดเป็นแผลขึ้นเกลื่อนกล่นร่างของโถวปากุ้ย หลังจากเทพปีศาจเข้ายึดร่าง พลังของโถวปากุ้ยก็บรรลุถึงขั้นที่น่าพรั่นพรึง หากแต่พลังที่โถวปาหงแสดงออกมาเวลานี้ยังแข็งกร้าวยิ่งกว่า โถวปาหงจู่โจมต่อเนื่อง ขณะที่โถวปากุ้ยรับมือไม่ทัน

อ๊าก…….

โถวปากุ้ยกรีดร้องและเริ่มสวนกลับ กระนั้นกลับเปล่าประโยชน์ การโจมตีของเขาไม่อาจสัมผัสถูกร่างของโถวปาหงได้เลย นี่เป็นลงมือการโจมตีอยู่เพียงฝ่ายเดียว

เซียวอวี๋และคนอื่นๆต่างตกตะลึง เวลานี้พวกเขาได้แต่มองฉากที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ได้เข้าไปช่วยโถวปาหงแต่อย่างใด โถวปาหงลงมือรวดเร็วเกินไป ร่างกายของเขาคล้ายเปลี่ยนเป็นพายุหอบหนึ่งที่โหมกระหน่ำตีโถวปากุ้ยจากรอบทิศทาง โถวปากุ้ยเวลานี้ เนื้อตัวปริแตกรอยเลือดเกลื่อนกล่นเต็มร่างแล้ว

โถวปากุ้ยกรีดร้องสุดเสียงก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบ สรรพเสียงหายไปราวกับกาลเวลาถูกหยุดลง

ทั่วทั้งสนามรบปกคลุมด้วยความเงียบ สายตาของทุกฝ่ายจับจ้องมาที่การต่อสู้ตัดสินของสงครามครั้งนี้

หลังจากหมอกจากการปะทะจางลง ร่างของโถวปาหงที่สวมใส่เกราะทองเต็มตัวก็ยืนตระหง่านอย่างสง่างาม ขณะที่โถวปากุ้ยถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระทั่งวิญญาณของเขาก็ยังถูกทำลายไม่มีเหลือ

มีเพียงชุดเกราะและหอกประจำกายของโถวปากุ้ยเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพครบส่วน ขณะที่ร่างกายของโถวปากุ้ยนั้นกระจายเกลื่อนอยู่โดยรอบ….

เฮ…………….

ชาวเมฆาทั้งหมดส่งเสียงโห่ร้องดังกระหึ่ม จบแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาโถวปาหงได้ปกป้องพวกเขาและจบสงครามด้วยตนเอง

ทหารทมิฬและพวกปีสาจกรีดร้องอย่างหวาดผวา พวกมันเริ่มหันหลังวิ่งหนีทันที ไม่มีทีท่าจะสู้ต่อแล้ว ทัพพยัคฆ์ที่นำโดยอ๋องหู่จึงเปิดฉากไล่ตามตี พวกเขาต้องกำขุดรากถอนโคนเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้ายนี้ให้สิ้นซาก

เซียวอวี๋กวาดมองทั่วสนามรบก่อนจะระบายลมหายใจยาว สงครามครั้งนี้จบลงแล้ว ปัญหาทางด้านจักรวรรดิเมฆาสิ้นสุดลงแล้ว…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด