World of Warcraft ราชันต่างภพ 598

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 598 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ตูม ตูม ตูม….. อาวุธเวทที่ศาสนจักรขนมาได้เปิดฉากยิงใส่กำแพง พื้นผิวของกำแพงเริ่มปรากฏรอยแตกขึ้นตามกระสุนที่ตกกระทบ แม้ว่ากำแพงที่สร้างขึ้นจากอิฐนี้จะถูกเสริมเแกร่งไว้หลายชั้น กระนั้นมันก็ยังไม่คงทนเท่ากำแพงที่สร้างขึ้นจากศิลา หากยังถูกกระหน่ำโจมตีเช่นนี้ต่อไป กำแพงส่วนคงนี้ยากจะต้านลงพังทลายลง “มารดามัน ปืนใหญ่พวกนั้นอันตรายจริงๆ ยังรุนแรงกว่าปืนใหญ่หลักของรถถังอีก” เห็นอาวุธเวทหลากชนิดยิงถล่มใส่กำแพง เซียวอวี๋อดสบถออกมาไม่ได้ “เอาเถอะ หลังจัดการคนควบคุมได้ อาวุธเวทเหล่านั้นก็จะอยู่ในมือเรา” เซียวอวี๋แสยะยิ้มชั่วร้าย เมื่อตอนศึกที่เมืองเม็ก เขายึดปืนใหญ่เวทมนตร์มาได้มากมาย อย่างไรก็ตาม อานุภาพของปืนใหญ่เหล่านั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก เทียบปืนใหญ่เวทที่ศาสนจักรขนมาคราวนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย ครั้งนี้ศาสนจักรเอาจริงแล้ว “หน่วยปืนครกที่สิบเล็งไปที่สิบนาฬิกา ยิงได้!” อีกฝ่ายมีปืนใหญ่เวท ทางฝั่งเขาก็มีหน่วยปืนครกเช่นกัน แม้ในด้านการบุก หน่วยปืนครกจะสู้รถถังไม่ได้ แต่ในด้านของการป้องกันเมือง พวกเขามีประโยชน์อย่างยิ่ง ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจเลือกอัญเชิญหน่วยปืนครกออกมาหนึ่งพันหน่วยนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เซียวอวี๋ได้แบ่งหน่วยปืนครกออกเป็นสิบกลุ่ม กลุ่มละสิบหน่วย หน่วยปืนครกเพียงกลุ่มเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายได้มากมายแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการดำรงอยู่หน่วยปืนครกสิบกลุ่ม ด้วยเพราะประจำการอยู่บนกำแพงสูง ระยะยิงของปืนครกจึงกว้างไกลมาก และนั่นยังครอบคลุมถึงพื้นที่ีตั้งปืนใหญ่เวทของศาสนจักร อย่างที่ทราบกันดีว่า ปืนครกถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการกำจัดทหารราบ ไม่ใช่เพื่อยิงทำลายสิ่งก่อสร้างที่แข็งแกร่ง ดังนั้นกระสุนของปืนครกจึงไม่อาจทำลายปืนใหญ่เวทของอีกฝ่าย แต่นั่นไม่รวมถึงพวกทหารประจำปืนใหญ่เหล่านั้น ปืนครกนั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นสำหรับการทำสงครามสนามเพลาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มันสามารถจัดการกับศัตรูที่รวมกลุ่มกันหนาแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครั้งหนึ่งนโปเลียนยังเคยใช้วิธีระดมยิงปืนใหญ่ใส่ฝ่ายศัตรูที่โถมเข้าหา ในยุคของอาวุธเย็น การทำสงครามส่วนใหญ่ล้วนพึ่งพาการพุ่งทะลวงตี แม้ว่ายุคนี้จะมีการใช้เวทมนตร์อยู่บ้าง กระนั้นการพุ่งโถมของไพร่พลทหารก็ยังเป็นส่วนสำคัญของการทำสงคราม ดังนั้นขบวนทัพโจมตีโดยทั่วไปจึงมักจับกันเป็นกลุ่มก้อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพของศาสนจักรที่มีผู้คนมากมาย พวกเขาย่อมนำเอาข้อได้เปรียบด้านกำลังคนมาใช้กำหนดกลยุทธ์ ด้วยเหตุนั้น หน่วยปืนครกจึงเปรียบเสมือนฝันร้ายของพวกเขา ทุกครั้งที่หน่วยปืนครกยิงออกไป พื้นที่แถบนั้นก็จะมีเศษซากชิ้นส่วนมนุษย์หล่นกระจายอยู่ตามพื้น แม้ว่าทหารเหล่านั้นจะสวมใส่ชุดเกราะ กระนั้นชุดเกราะของพวกเขาย่อมไม่อาจครอบคลุมได้ทุกส่วน เศษกระสุนที่แตกกระจายออกสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างร้ายแรงตราบเท่าที่มีชุดเกราะนั้นมีช่องว่างรอยต่อ และยิ่งเป็นการบุกตีชิงเมืองเช่นนี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ พวกทหารจะต้องปืนขึ้นกำแพง ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่อาจสวมใส่เกราะหนัก และชุดเกราะเบาทั่วไปก็ไม่สามารถต้านทานเศษกระสุนเหล่านั้น เพียงช่วงเวลาสิบนาทีสั้นๆ หน่วยปืนครกทั้งหมดก็ทะลุผ่านระดับสิบ ซึ่งนั่นหมายความว่าพลังโจมตีของพวกมันย่อมเพิ่มขึ้นตาม ในสว่นของกองพลรถถังนั้น หลังจากผ่านศึกมาสองสนาม รถถังส่วนใหญ่ต่างก็มีระดับอยู่ที่ห้าหรือมากกว่า และด้วยเพราะเป็นสงครามขนาดใหญ่ จำนวนศัตรูที่สังหารได้จึงมากขึ้นตาม เวลานี้นับเป็นช่วงเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ของหน่วยปืนครก ระดับของพวกเขาเพิ่มขึ้นไวมาก และเมื่อมาถึงระดับสิบ ความแข็งแกร่งของหน่วยปืนครกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กระบอกปืนของหน่วยปืนครกขยายขนาดขึ้น อานุภาพการทำลายล้างย่อมมากขึ้นตามขนาด ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วในการยิงและความแม่นยำก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ยามเมื่อลูกกระสุนตกกระทบเป้าหมาย มันสามารถสร้างแรงระเบิดไปได้ไกลมากกกว่ายี่สิบเมตร กล่าวก็คือ เมื่อยิงกระสุนออกไป หน่วยทหารในบริเวณนั้นจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น หน่วยปืนครกระดมยิงอย่างดุดัน และเครื่องบินที่อยู่บนฟ้าเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า พวกเขายังช่วยยิงปืนใหญ่ถล่มใส่บริเวณใกล้เคียง เซียวอวี๋ได้กำหนดแบ่งแนวกำแพงออกเป็นหลายพื้นที่ หากมีพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ เหล่าอัศวินกริฟฟ่อนก็จะมารายงานทันที จากนั้นกองหนุนก็จะถูกส่งออกไปช่วยเหลือ กองหนุนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ทัพอัศวิน นักรบหมาป่า ทัพม้า หน่วยรบทางอากาศต่างๆ รถถัง และยักษ์ศิลา ยามเมื่อเกิดช่องว่างขึ้น พวกยักษ์ศิลาก็จะตรงดิ่งไปอุดช่องว่างนั้นไว้ จากนั้นเหล่าช่างทั้งหลายก็จะรีบเข้าไปซ่อมแซทที่ส่วนนั้น สู้รบไปซ่อมแซมกำแพงไป การรบอันแปลกประหลาดเช่นนี้เคยปรากฏขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์เมื่อครั้งจูหยวนจางตั้งรับอยู่ที่เมืองหงตู แต่เฉินโหย่วเลี่ยงก็สามารถบุกทำลายกำแพงเมืองได้สำเร็จ ดังนั้นจูหยวนจางจึงสั่งให้ทหารของพระองค์สู้รบพลางซ่อมแซมกำแพงเมืองพลาง สุดท้ายสามารถต้านยันอีกฝ่ายไว้ได้สำเร็จ รอจนกระทั่งทัพหนุนยกมาถึง กองทัพของเฉินโหย่วเลี่ยงจึงพ่ายแพ้ในที่สุด ตอนนี้เซียวอวี๋มีช่างฝีมือที่ดีที่สุดอย่างพวกก๊อบลินอยู่ในมือ ทั้งยังมีสุดยอดยูนิตอย่างยักษ์ศิลาที่สามารถแทนที่กำแพงที่แตกรั่วอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งในการใช้กลยุทธ์นี้ ตูม…….. หลังจากสงครามดำเนินไปสักพัก ในที่สุดช่องว่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนกำแพง “พื้นที่ห้าสิบเอ็ดเกิดช่องว่าง ส่งหน่วยสนับสนุนไปด่วน” หลังจากคำสั่งถูกถ่ายทอดออกไป รถถังหนึ่งหน่วย ทหารม้าหนึ่งหน่วย อัศวินกริฟฟ่อนหนึ่งหน่วยและยักษ์ศิลาอีกสองสามตัวก็มุ่งหน้าไปยังรอยแตกนั้น………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด