World of Warcraft ราชันต่างภพ 578

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 578 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ทัพอากาศ ลุยได้!” เซียวอวี๋โบกมือส่งสัญญาณให้ทัพอากาศไปช่วยทัพพยัคฆ์

เมื่อมีความช่วยเหลือจากทัพอากาศจากบนฟ้า ทัพพยัคฆ์ก็พุ่งทะลวงไปกลับท่ามกลางกลุ่มทหารทมิฬ ขณะที่ชาวบ้านยังคงวิ่งหนีไปยังประตูด่าน

ในกลุ่มชาวบ้านเหล่านี้มีทหารทมิฬกว่าหนึ่งหมื่นนายแฝงตัวเข้ามา หากแต่ชุดสีดำที่พวกมันสวมใส่กลับเด่นสะดุดตายิ่ง

หรืออาจเป็นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันคร้านจะใส่ใจ ด้วยจำนวนที่มากมายของพวกมันก็เพียงพอแล้วจะบดขยี้ทุกสิ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้พวกมันก็กลายเป็นเป้าสะดุดตาให้พลธนูเอลฟ์ยิงสังหาร เสียงลูกศรแหวกฝ่าอากาศปักใส่ทหารทมิฬดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

ในหมู่ทหารชาวเมฆาก็มีนักธนูฝีมือดีเช่นกัน เมื่อได้เห็นวิธีการของเซียวอวี๋ พวกเขาก็นำคันศรลูกธนูออกมาตั้งแถวบนกำแพงก่อนจะเล็งยิงทหารทมิฬที่แฝงตัวเหล่านั้น

เพียงชั่วพริบตาทหารทมิฬก็บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แม้ว่าพวกมันบางส่วนจะมาถึงประตูด่านได้ แต่ก็จะมีทหารถือหอกดาบคอยจัดการพวกมันอีกที

หากว่าทหารทมิฬที่ด้านหลังรวมกลุ่มกับทหารทมิฬจำนวนเรือนหมื่นที่ด้านหน้าแล้วล่ะก็ บางทีพวกมันอาจยึดประตูด่านได้สำเร็จ ทว่าด้วยจำนวนที่มีเพียงหมื่นเศษ จะถูกกำจัดจนหมดเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

เมื่อเห็นว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ผ่านเข้าประตูด่านมาแล้ว เซียวอวี๋ก็ส่งสัญญาณไปยังทัพพยัคฆ์ให้ถอยทัพ

โถวปาหู่จ้องมองกำลังฝ่ายศัตรูที่เพิ่มขึ้นทุกขณะก่อนจะขมวดคิ้ว กะประมาณโดยสายตาคร่าวๆแล้ว ศัตรูที่หนุนเนื่องมานี้มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน

“ถอย!” โถวปาหู่ออกคำสั่งถอยทัพ การถอยทัพของทัพพยัคฆ์ดำเนินไปอย่างมีระเบียบแบบแผน บางส่วนรั้งสายเบียนเหียนม้าและถอยกลับทันที ขณะที่บางส่วนตั้งขบวนเป็นแนวแถวคอยคุ้มกันรั้งท้าย

บนท้องฟ้ามีกองทัพคิมเมร่าของเซียวอวี๋ประจำการอยู่ พวกมันคอยพ่นไฟเพื่อเปิดทางถอยให้กับทัพพยัคฆ์

เทียบกันแล้วทหารทมิฬเหล่านี้จัดการได้ง่ายกว่าพวกเซิกเสียอีก พวกเซิกนั้นเป็นเผ่าพันธ์ุดุร้ายโดยธรรมชาติ แมลงทุกตัวมีทักษะต่อสู้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งพวกมันยังมีกองทัพอากาศ ทว่ากับทหารทมิฬเหล่านี้แล้ว ทั้งหมดแทบจะเป็นชาวบ้านธรรมดา พวกมันไม่มีทักษะต่อสู้ ทั้งยังไม่มีกำลังต่อต้านศัตรูจากบนฟ้า

พลังสู้รบของกองทัพอากาศนั้นยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะพวกคิเมร่า ทุกที่ที่ลมหายใจเพลิงของพวกมันไปถึงล้วนแล้วแต่ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่โล่งเตียน

ย่าห์ ย่าห์

ทัพพยัคฆ์เร่งบังคับม้าเข้าด่าน แต่เพราะทหารทมิฬมีจำนวนมากเกินไป พวกทหารที่คอยรั้งท้ายจึงแทบจะถูกศัตรูโอบล้อมเอาไว้ หากไม่มีความช่วยเหลือจากทัพอากาศของเซียวอวี๋ พวกเขาคงต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย

ด้วยลักษณะที่ไม่หวั่นเกรงความตายของพวกทหารทมิฬ พวกมันส่วนใหญ่ต่างก็ใช้ร่างเลือดเนื้อหยุดม้าเอาไว้ หากหนึ่งคนยังไม่พอ พวกมันก็จะเพิ่มจำนวนคนไปเรื่อยๆจนก่อเป็นภูเขาซากศพขึ้นมาขวางไว้

ด้วยการเปิดทางของพวกคิเมร่า ในที่สุดทัพพยัคฆ์ก็ผ่านเข้าประตูด่านได้สำเร็จ ด้านหลังของพวกเขามีพวกทหารทมิฬจำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากทุกทิศทางวิ่งตามมา

คาเอล แอนโทนีดาสและหลินมู่เสวี่ยต่างก็ใช้เวทโจมตีวงกว้างออกมาทันทีโดยที่ไม่ต้องให้เซียวอวี๋สั่งการ

เซียวอวี๋ยืนมองคลื่นมนุษย์สีดำที่ไหลหลั่งมาจากทิศอยู่บนกำแพงพลางสูดหายใจเย็นเยียบ

จำนวนที่ราวกับมดซึ่งยกออกมาทั้งรังนี้น่าตระหนกนัก ไม่แปลกที่โถวปาหู่จะใช้คำกล่าวว่าสถานการณ์ค่อนข้างหนักหนา

ทหารทมิฬเหล่านี้มีจำนวนมากมายมหาศาล เกรงว่ายังมากกว่าจำนวนของเซิกที่บุกมาคราวนั้นเสียอีก ที่ต่างออกไปก็คือที่นี่ไม่มีสามจ้าวมนตรา พวกเขาต้องหาทางรับมือกันเอง

เห็นสถานการณ์ที่เบื้องหน้า เซียวอวี๋และหลายคนก็คิดถึงสามจ้าวมนตราขึ้นมา หากมีทั้งสามอยู่ด้วยเรื่องราวคงง่ายขึ้นแล้ว

เวลานี้เซียวอวี๋คิดถึงชายชราสามคนมาก

แต่นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ การปลดปล่อยเวทต้องห้ามทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาวะอ่อนแรง พวกเขาต้องการเวลาฟื้นฟู

เช่นนั้นสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาควรจัดการอย่างไร?

ที่พึ่งหลักของพวกเขาในตอนนี้คงต้องเป็นแนวกำแพงของด่านแห่งนี้แล้ว

เมื่อทหารคนสุดท้ายของทัพพยัคฆ์ผ่านเข้าประตูมาแล้ว เซียวอวี๋ก็สั่งให้พวกยักษ์ศิลาเคลื่อนตัวไปอุดประตูด่านไว้

เมื่อเห็นว่าพวกทหารทมิฬสร้างความเสียหายให้กับยักษ์ศิลาได้ไม่มาก เซียวอวี๋ก้โล่งอก ศัตรูที่พึ่งพามีดทำครัวผุผังจะสร้างความเสียหายได้สักเท่าใดกันเชียว?

ยิ่งกว่านั้นพวกยักษ์ศิลายังสวมใส่เกราะหนาทั่วร่าง และร่างกายที่ใหญ่โตของพวกมันเพียงขยับยกเท้าโดยไม่ตั้งใจก็สามารถเหยียบสังหารทหารทมิฬได้กลุ่มใหญ่แล้ว

“ในหมู่พวกมันคงไม่มีพวกที่แข็งแกร่งแฝงตัวอยู่กระมัง?” เซียวอวี่รู้สึกว่าเรื่องราวคงไม่รวบรัดดังที่เห็น ผู้ที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังคงไม่เพียงส่งพวกมันออกมาตายเช่นนี้

และเป็นดังคาด สิ้นประโยคคำถามของเซียวอวี๋ สายตาของเขาก็พลันเห็นกลุ่มนักรบสวมเกราะหนักท่ามกลางพวกทหารทมิฬ พวกมันแต่ละตัวล้วนแต่มีดวงตาสีเหลืองสะท้อนแสง

“นักรบแดนใต้?” กับนักรบเหล่านี้ เซียวอวี๋นับว่าคุ้นเคยอยู่บ้าง เมื่อครั้งตอนที่เขาป้องกันเมืองอู่เหอ โถวปากุ้ยก็ได้ส่งนักรบเหล่านี้บุกโจมตีเมือง ครั้งนั้นนักรบเหล่านี้นับว่าสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเขาไม่น้อยเลย

และในคราวนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคราวก่อน นักรบแต่ละล้วนถือดาบใหญ่ ร่างกายสวมใส่ด้วยเกราะหนักทั้งตัว ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกคล้ายกำลังมองภูเขาศิลาที่ยากจะโค่นลง

เคร้ง เคร้ง…..

เสียงโลหะกระทบกันขณะที่กลุ่มนักรบแดนใต้โถมพุ่งเข้าหายักษ์ศิลา พวกเขายกชูดาบใหญ่ขึ้นขณะที่กระโดดขึ้นสูงเกือบห้าเมตรเพื่อเสริมแรงและฟันไปยังส่วนเปราะบางของยักษ์ศิลา

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ……

ดาบใหญ่ในมือของพวกเขากระหน่ำฟันไปยังตำแหน่งที่ไร้เกราะของพวกยักษ์ศิลาจนเกิดเป็นรอยลึกขึ้นอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด