World of Warcraft ราชันต่างภพ 552

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 552 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


โจมตีอัลคีราฟ อันที่จริง เซียวอวี๋ได้กำหนดแผนการโจมตีเอาไว้แล้ว การมีอยู่ของสามจ้าวมนตราทำให้เรื่องราวง่ายขึ้น
สามจ้าวมนตราสามารถใช้เวทมนตร์ต้องห้ามออกมาพร้อมกัน แม้กล่าวกันว่าที่แผ่นดินใหญ่ห้ามมิให้ใช้เวทต้องห้าม แต่นั่นก็เพื่อรัักษาความสงบของทวีป ผู้ใช้มนตรายังคงสามารถใช้เวทคำสาปได้
แต่ดีที่สุดคือไม่ใช้มัน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเวทคำสาปรุนแรงเกินไป ไม่เื้อต่อการโต้กลับที่กำลังจะเกิด ทั้งยังสิ้นก่อผลกระทบต่อตัวผู้ใช้
เวลานี้แผ่นดินใหญ่กำลังจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย เซียวอวี๋ทราบว่าทวีปแห่งนี้ยังต้องการจ้าวมนตราทั้งสาม
หากว่าหนึ่งในสามคนนี้เกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งทวีป
หลายวันมานี้ พวกเซิกยังคงบุกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันพยายามใช้จำนวนอันมหาศาลริดรอนกำลังของฝ่ายจักรวรรดิ จำนวนถือเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของพวกเซิก
ในข้อนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่อาจมีเปรียบพวกมัน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่สามจ้าวมนตราเดินทางมาด้วยตนเอง พวกเขาจะต้องกำจัดพวกเซิกโดยสมบูรณ์และทำลายรังใหญ่ของพวกมัน ให้พวกมันไม่อาจขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นได้อีก
นั่นจึงจะเป็นวิธีแก้อย่างถาวร
ในสองวันที่ผ่านมา เซียวอวี๋ โถวปาหง นิโคลัสและคนอื่นๆเริ่มร่างแผนการกันอย่างต่อเนื่อง พวกเขาวางแผนที่จะใช้พลังของสามจ้าวมนตราเบิกทางสายหนึ่งและบุกเข้าเข่นฆ่าพวกแมลงที่หน้าวิหารอัลคีราฟ
เมื่อพวกเซิกที่ด้านหน้าถูกกวาดล้างแล้ว จากนั้นกองกำลังบางส่วนก็จะเดินทางเข้าไปสำรวจหาขุมทรัพย์
ในฐานะวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุคโบราณแล้ว สมบัติภายในย่อมมีมากมายก่ายกอง
ผู้ใดเล่าจะไม่อยากชิมน้ำแกงหอมหวานถ้วยนี้? อย่างไรก็ดี ตอนนี้ฝ่ายจักรวรรดิเมฆากำลังมือไม้ปั่นป่วน พวกเขาไม่อาจเข้ามาร่วมฉกชิงสมบัติครั้งนี้ โถวปาหงได้รับข่าวล่วงหน้าแล้วว่ากองกำลังจำนวนมากกำลังเดินทางผ่านดินแดนไลอ้อนมายังแนวหน้า รอให้แนวหน้าจัดการพวกเซิก จากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มตอบโต้กลับ
แต่หากว่าการรบที่แนวหน้าล้มเหลว พวกเขาก็จะถอยกลับกันทันที
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้แสวงหาโชค พวกเขาโหยหาเพียงสิ่งที่สร้างประโยชน์แก่ตน ความปลอดภัยของทวีปอะไรเทือกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของพวกเขาแม้แต่น้อย
เซียวอวี๋เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนกลุ่มนี้จะช่วยในการโต้กลับได้อยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าไปยังอัลคีราฟ เซียวอวี๋ก็เตรียมจะเก็บค่าเข้าไว้แล้ว
หากไม่ยอมจ่าย เช่นนั้นการอย่าหวังจะเข้าไปได้
ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน จักรวรรดิเมฆาก็ไม่ใช่ขุมกำลังที่จะตอแยได้โดยง่าย การกระตุ้นโทสะนับเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดแม้แต่น้อย
เรื่องเหล่านี้ ขุมกำลังทรงอิทธิพลต่างๆย่อมกระจ่างดี
เกี่ยวกับข้อเสนอของเซียวอวี๋ โถวปาหงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะอย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย เซียวอวี่ตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งให้กับเขาเพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียจากพวกเซิก
หลังจากนั้นแผนการจึงถูกกำหนดขึ้น ในวันที่สาม แผนการก็พร้อมดำเนิน หลังจากถูกริดรอนกำลังอยู่หลายวัน พวกเซิกก็สูญเสียอย่างหนัก เซียวอวี๋ได้ส่งหน่วยสอดแนมไปตรวจดูสถานที่ชุมนุมต่างๆของพวกเซิกเพื่อเตรียมพร้อมกวาดล้างพวกมันในคราเดียว
เมื่อกองทัพเตรียมจะเปิดฉากโจมตี พวกเขาก็จำต้องต้องทิ้งกำลังบางส่วนไว้เฝ้ากำแพงเมือง เพราะหากว่าเกิดข้อผิดพลาดใดขึ้น ตัวเมืองก็ยังสามารถต้านทานพวกเซิกได้อยู่
พวกเขาสามารถจัดเตรียมม่านพลังป้องกันและใช้มันพักหายใจหายคอได้ช่วงหนึ่ง
เพราะหากไม่จัดเตรียมกำลังป้องกันไว้ เมื่อพวกเขาออกไปโจมตี พวกเซิกที่เหลือก็อาจฉวยโอกาสนี้บุกตีชิงเมืองและสร้างความเสียหายต่อประชาชนทั่วไป
หลังจากจัดเตรียมทุกสิ่งเสร็จสิ้น ในเช้าของวันหนึ่ง กองทัพก็ถูกระดมพลอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงเปิดประตูเมืองบานหนึ่ง เตรียมใช้ทัพม้าบุกเบิกเปิดทาง
กำลังหลักในครั้งนี้ย่อมเป็นทัพพยัคฆ์ที่นำโดยอ๋องหู่ หลังจากเคยเห็นสภาวะของทัพพยัคฆ์มาแล้ว เซียวอวี๋ก็ต้องการชมดูตอนพวกเขารบจริงมาตลอด
ครืน…….
เมื่อทัพพยัคฆ์ควบม้าออกจากเมือง กีบเท้าม้านับหมื่นก็ดังกระหึ่มกึกก้อง เซียวอวี๋พอจินตนาการถึงพลังโจมตีขุมนี้ออก
ในยามปกติ ทัพพยัคฆ์เพียงนิ่งเงียบรักษาวินัย แม้ว่าน้ำหนักของคนและม้ารวมกันจะหนักนับพันกิโลกรัม ก็นั้นเสียงที่เกิดก็ยังเบามาก ยังเบากว่าเสียงม้าทั่วไปอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในรูปขบวนโจมตี ม้าทั้งหมดก็ส่งเสียงคำรามราวอสูร สภาวะที่เกิดดุจคลื่นสูงโถมทับใส่ศัตรู เป็นแรงดันที่พร้อมฉีกกระชากทุกอย่างที่เบื้องหน้า
เซียวอวี๋ลองจินตนาการว่าหากผู้ที่ถูกกองทัพโหมจู่โจมนี้เป็นตัวเขาแล้วจะเป็นอย่างไรดู จินตนาการถึงช่วงก่อนที่ทัพม้านี้จะได้รับบัฟจากเสาโทเทมและเหล่านักบวชของจักรวรรดิเมฆา แม้จะปราศจากตัวช่วยเหล่านี้ มันก็ยังน่าพรั่นพรึงอยู่ดี
“มารดามัน น่าสนใจจริงๆ….สหายทุกท่าน มาเถอะ ไปถล่มฝูงแมลงพวกนั้นด้วยกันกับข้า!” เซียวอวี๋ตะโกนก้องก่อนจะกระโดดขึ้นหลังมังกรน้อยมุ่งหน้าไปทางฝั่งพวกเซิก เขากำลังจะได้เป็นประจักษ์พยานยามทัพพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่ศัตรู
ได้ยินเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ กองทัพที่รอคอยคำสั่งก็โห่ร้องวิ่งตามหลังทัพพยัคฆ์ไป
แถวหน้าสุดคือเหล่านักรบออร์ค แม้จะเห็นสภาวะของทัพพยัคฆ์ตอนโถมพุ่งออกไปแล้ว หากแต่ในแววตาของพวกมันกลับไม่มีความหวั่นเกรงใดๆปรากฏออกมาแม้แต่น้อย
เซียวอวี๋เคยกล่าวอย่างไม่ตั้งใจว่าพวกนักรบออร์คยังไม่อาจต้านทานทัพพยัคฆ์ได้ และนั่นทำให้พวกออร์คที่ได้ยินรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่ง มีออร์คหลายตัวแทบวิ่งปรี่เข้าไปท้าทายทัพพยัคฆ์เพื่อพิสูจน์ฝีมือแต่ก็โดนเซียวอวี๋ห้ามปรามไว้ก่อน
ทว่าในที่สุด โอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีมือก็มาถึง แน่นอนว่าพวกออร์คย่อมแสดงออกสุดฝีมือ
ถัดจากพวกนักรบออร์คก็คือทัพอสูรโคโดที่พุ่งออกไปอย่างดุดัน เซียวอวี๋ได้ทำการติดตั้งเกราะเต็มตัวให้กับพวกแล้ว เวลานี้พลังทะลุทะลวงของพวกมันจึงแทบจะไร้เทียมทาน น้ำหนักของมันมากกว่าทั้งคนทั้งม้าจากทัพพยัคฆ์รวมกันเสียอีก การลงเท้าของพวกมันแต่ละครั้งทำให้กำแพงเมืองทั้งแถบสั่นสะเทือนไม่หยุด
กลองที่ติดตั้งอยู่บนตัวของอสูรโคโดสามารถช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้กับนักรบออร์ค ดังนั้นการผสานกันทั้งสองนี้จึงช่วยเสริมอานุภาพให้กันและกัน พวกโทร์ลเองก็ไม่ต้องการล้าหลัง ขายาวทั้งสองเร่งขัยบเคลื่อนไหว ความเร็วของพวกมันยังมากกว่าพวกนักรบออร์ค หอกซัดของพวกมันจะส่งผลอย่างมากในสมรภูมิ
ท่ามกลางพวกมันมีเงาร่างหนึ่งที่ดูอ้วนฉุจนโดดเด่นออกมา เงาร่างนั้นคือฮีโร่จากเผ่าพันธุ์แพนด้า เฉิน สตรอมเอาท์
นับตั้งแต่ถูกอัญเชิญมา เนื่องจากพลังของเขายังอ่อนแอกว่าฮีโร่คนอื่นๆมาก ที่ผ่านมาเขาจึงไม่มีความมั่นใจนัก และพยายามเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง
เขาไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ในสนามรบมากนัก ดังนั้นระดับจึงเพิ่มขึ้นมาไม่มาก ดังนั้นตอนนี้จึงยังมีระดับยี่สิบกว่า
ต่อมา เขาได้เข้าไปยังเทือกเขาอัลคาเกนเพื่อออกล่าสัตว์อสูร จนในที่สุดก็มีระดับถึงสามสิบ กระนั้นระดับสามสิบก็ยังคงไม่เพียงพอสำหรับเขา เทียบกับฮีโร่คนอื่นๆแล้ว ช่องว่างของระดับยังใหญ่มาก
ดังนั้นในครั้งนี้ แรงผลักดันในจิตใจได้กระตุ้นให้เขาออกวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อหวังจะยกระดับฝีมือขึ้นโดยเร็วที่สุด
เทียบกันคนอื่นๆแล้ว มัลฟูเรี่ยนดูจะสงบที่สุด แม้ว่าระดับของเขาจะไม่สูงนัก แต่สถานะของเขาในเผ่าพันธุ์เอลฟ์ก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น
ตอนนี้ เมื่อทิรันด้ากับเมอีฟไม่อยู่ เขาก็คือผู้นำของกองทัพเอลฟ์
ในฐานะผู้นำแล้ว เขาย่อมต้องมีการแสดงออกดังเช่นผู้นำ ไม่อาจเคลื่อนไหวคนเดียวเช่นแพนด้าเฉินและปล่อยตัวตามสบายได้…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด