World of Warcraft ราชันต่างภพ 574

Now you are reading World of Warcraft ราชันต่างภพ Chapter 574 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


คฑูนที่กำลังเดือดดาลสุดขีดแน่นอนว่าน่ากลัวยิ่ง หนวดแต่ละเส้นของมันมีพลังโจมตีเทียบได้กับตัวตนขั้นที่หกระดับสุดยอด เวลานี้มีเพียงแต่อ้าวปาที่สามารถประจันหน้ากับหนวดเหล่านั้นได้โดยตรง ขณะที่คนอื่นๆต้องทุ่มสุดตัวเพื่อถ่วงเวลาให้กับเฟอร์กูสัน

หนวดรยางค์เหล่านั้นคล้ายรับรู้ได้ถึงอันตราย พวกมันลงมือโจมตีไปทางเฟอร์กูสันอย่างหนัก กระนั้นกลับมีเหล่านักรบและนักผจญภัยคั่นอยู่ตรงกลาง

ในมือของเฟอร์กูสันข้างหนึ่งถือม้วนคัมภีร์ของเวทต้องห้าม ขณะที่อีกมือกำเข็มทิศประหลาดเอาไว้แน่น เจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการร่าย การเตรียมเวทต้องห้ามของเฟอร์กูสันจึงเร็วกว่าธีโอดอร์เป็นเท่าตัว เมื่อคำร่ายสุดท้ายถูกร่ายออก รอยแยกมิติขนาดใหญ่ก็พลันปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือศีรษะของทั้งหมด ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงดูดอย่างรุนแรงจากรอยแยกมิตินั้นราวกับว่ามันสามารถดูดกลืนได้ทุกสรรพสิ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเฟอร์กุสันคอยควบคุมอยู่ย่อมไม่มีคนถูกดูดเข้าไป เฟอร์กุสันค่อยๆควบคุมรอยแยกมิติเคลื่อนตัวไปทางคฑูน

คฑูนย่อมสัมผัสได้ถึงอำนาจของรอยแยกมิตินี้ มันส่งเสียงคำรามก่อนที่หนวดรยางค์ทั้งหมดจะโหมโจมตีใส่เฟอร์กูสัน

เห็นหนวดจำนวนมากกำลังพุ่งเข้ามาเซียวอวี๋ก็พุ่งเข้าสู่สนามรบ ในมือกำดาบคาริมดอร์แน่นก่อนตวัดฟันใส่หนวดรยางค์ที่อยู่ในระยะโจมตี

“ให้ตายเถอะ นี่เราแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?” เซียวอวี๋ประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของตน เขาสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง

แม้จะเพิ่งบรรลุขั้นที่หกได้ไม่นาน ทว่าเซียวอวี๋นั้นมีทักษะให้ใช้สอยมากมาย รวมทัั้งยังเพิ่มแต้มทักษะลงไปจนระดับสูงสุด เทียบกันแล้ว ทักษะบางทักษะของเขาตอนนี้ยังทรงพลังกว่าเจ้าของแท้จริงเสียอีก

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ….

เซียวอวี๋สะบัดดาบฟันรยางค์ที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน ในเวลาเดียวกันนั้น รอยแยกมิติของเฟอร์กูสันก็ลอยไปถึงเหนือร่างของคฑูนแล้ว รอยแยกมิติเริ่มขยายกว้างพลางค่อยๆดึงดูดคฑูนเข้าหา

โฮก……

คฑูนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด รอยแยกมิติเคลื่อนตัวเข้าคลอบคลุมพร้อมปล่อยแรงดึงดูดอย่างหนักหน่วงจนร่างของมันเริ่มกระตุก คล้ายกับต้นไม้ที่หยัดยืนต้านพายุ

เมื่อรอยแยกมิติหายไป ทั้้งหมดก็พบว่าร่างกายของคฑูนหายไปเกือบครึ่ง ขณะที่อีกครึ่งที่เหลือเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ

“เจ้านี่ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม มิเช่นนั้นเวทของข้าคงไม่ได้ผล เซียวอวี๋ รีบหาคนจัดการร่างอีกครึ่งที่เหลือก่อนที่มันจะฟื้นฟู” หลังปล่อยเวทออกไป เฟอร์กูสันก็หน้าขาวซีดขณะกล่าวกับเซียวอวี๋ด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

เซียวอวี๋พยักหน้าและเรียกคาเอล แอนโทนีดาส หลินมู่เสวี่ยและผู้ใช้มนตราที่แข็งแกร่งอีกหลายคนจากกลุ่มนิโคลัสมาก่อนจะให้พวกเขาโจมตีไปยังตำแหน่งที่เฟอร์กูสันปูทางไว้บนร่างของคฑูน

“สหายชัคคุน ที่เหลือคงต้องฝากท่านแล้ว” เฟอร์กูสันสูดลมหายใจก่อนจะหันไปกล่าวกับชัคคุน

ชัคคุนยิ้มก่อนจะนำม้วนคัมภีร์เวทออกมาพลางกล่าวว่า “วางใจเถอะ ตอนนี้มันบาดเจ็บหนัก ข้าจะใช้คัมภีร์เวทยุติเรื่องนี้เอง”

ได้เห็นม้วนคัมภีร์ในมือชัคคุนเฟอร์กูสันก็ผงะก่อนจะเอ่ยปากถาม “ท่านมีมันอยู่จริงๆ? เช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว ขอเพียงใช้ออก ต่อให้เป็นทวยเทพก็คงต้องจบสิ้นในมือท่านแล้ว”

ได้ยินเฟอร์กูสันกล่าวเช่นนั้น เซียวอวี๋ที่ฟังอยู่ด้านข้างก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มันคือเวทอะไรหรือ?”

ชัคคุนเผยยิ้มเล็กน้อย “อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง ตอนนี้ช่วยข้าตรึงมันไว้ก่อน ข้าจะเริ่มร่ายเวทแล้ว”

เซียวอวี๋พยักหน้า “ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง”

หลังรับเวทต้องห้ามของเฟอร์กูสันไป ความแข็งแกร่งของคฑูนก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทรงพลังดั่งก่อนหน้า แม้ตัวมันจะเป็นเทพยุคโบราณ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะอยู่ยงคงกระพัน กระทั่งซาแกลาสที่อยู่ในลำดับชั้นสูงกว่ายังตกตายเป็น

แม้จะไม่ได้ตายไปอย่างสมบูรณ์ แต่กว่ามันจะหวนคืนก็ยังต้อใช้เวลาอย่างยาวนาน ในกรณีของคฑูน บางทีมันอาจจะฟื้นคืนชีพในอีกหนึ่งหมื่นปีถัดมา แต่นั่นก็เป็นเรื่องของชนรุ่นหลัง ไม่เกี่ยวกับเซียวอวี๋แล้ว

คฑูนพยายามตอบโต้ อาการบาดเจ็บที่ได้รับจากเวทของเฟอร์กูสันนั้นสาหัสยิ่ง มาตอนนี้บาดแผลนั้นยังถูกย้ำโจมตีจากฝีมือของคาเอลอีก สถานการณ์ของมันนับว่าตกเป็นรอง

คฑูนต้องการเวลาพักหนึ่งในการฟื้นฟูร่างกายกลับมา

ศึกครั้งนี้เรียกได้ว่าต้องพึ่งพาพลังของจ้าวมนตราทั้งสามอย่างแท้จริง บทบาทของคนอื่นๆนั้นแทบจะไม่มี พวกเขาทำได้เพียงพยายามซื้อเวลาให้กับจ้าวมนตราทั้งสาม

เซียวอวี๋นึกขึ้นในใจ โชคดีที่มีจ้าวมนตราทั้งสามอยู่ด้วย มิเช่นนั้น อาศัพเพียงพลังของพวกเขาเองคงไม่ต่างจากหาที่ตาย แม้จะมียอดฝีมือขั้นที่หกอยู่ที่นี่หลายคนก็คงไม่ต่างจากเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง

คฑูนแข็งแกร่งเกินไป มีเพียงเวทต้องห้ามเท่านั้นที่สามารถสร้างบาดแผลสาหัสแก่มัน

ชัคคุนใช้เวลาร่ายเวทนานกว่าธีโอดอร์และเฟอร์กูสัน เดาได้ว่าเวทที่กำลังจะใช้ออกนี้มีอานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าเวทต้องห้ามก่อนหน้า

ตอนนี้คฑูนบาดเจ็บหนัก หากรับเวทต้องห้ามที่กำลังเร่ายนี้เข้าไปคาดว่ามันต้องตายอย่างแน่นอน

ศึกนี้ไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรกเริ่ม การคงอยู่ของจ้าวมนตราทั้งสามเรียกได้ว่าเป็นการโกงกันและทำให้การพิชิตวิหารอัลคีราฟสะดวกง่ายขึ้นมาก

ซึ่งความจริง หากอาศัยเพียงกำลังของเซียวอวี๋และคนอื่นๆ แม้สุดท้ายอาจกำจัดคฑูนลงได้ แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก กรพะทั่งอาจต้องจ่ายด้วยชีวิตของทั้งหมด

ในที่สุดชัคคุนก็ร่ายเวทเสร็จสิ้น ท้องฟ้าเวลานี้มีถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีแดงที่ปลดปล่อยกลิ่นอายสุดสะพรึงออกมาไม่หยุดจนทุกคนที่อยู่ที่นั่นร่างกายสั่นเทา

ซึ่งเป็นเช่นนี้ก็ถูกแล้ว เพราะเวทบทนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ หากแต่เป็นพลังจากสวรรค์ที่ต้องการจะทำลายล้างสรรพสิ่ง

สะพรึง นั่นเป็นความรู้สึกที่ทั้งหมดสัมผัสได้ในตอนนี้ ราวกับลูกเจี๊ยบที่กำลังถูกพญาเหยี่ยวจับจ้องมองมา เป็นความรู้สึกที่ไร้กำลังจะขัดขืนอย่างสิ้นเชิง

ครืน………..

ภายในกลุ่มเมฆแดงเริ่มปรากฏสายฟ้าและเริ่มก่อตัวเป็นพายุ ในพายุมีเปลวเพลิงผสมอยู่ ใจกลางพายุมีหลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา

ตอนที่หลุมดำค่อยเปิดออก พายุก็อยู่เหนือร่างของคฑูนแล้ว

ดวงตายักษ์ของคฑูนมองไปยังพายุสีแดงฉานก่อนจะกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ทว่ามาถึงตอนนี้นั้นสายเกินกว่าจะทำสิ่งใดแล้ว เสาเพลิงยักษ์ร่วงหล่นจากฟ้าและตกลงบนร่างของคฑูน

นี่คล้ายกับลำแสงลงทัณฑ์จากสวรรค์

ตูม……..

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นพลันหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว นั่นเพราะพลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นไม่สามารถใช้สายตาจ้องมองได้โดยตรง

นี่ราวกับพวกเขาอาศัยอยู่ในความมืด ก่อนที่จู่ๆปรากฏแสงสว่างสาดส่องที่เบื้องหน้า

หากพวกเขาอยู่ใกล้เสาเพลิงนี้อีกเพียงไม่กี่มตร พวกเขาต้องถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่ต้องสงสัย

เสาเพลิงดำรงอยู่เกือบหนึ่งนาทีก่อนจะหายไปพร้อมเมฆสีแดงอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ทุกคนพลันรู้สึกราวกับภัยพิบัติในวันสิ้นโลกยุติลงแล้ว

เมื่อทุกคนค่อยเปิดตามองไปยังทิศทางที่คฑูนอยู่ พวกเขาก็พบว่าที่นั่นหลงเหลือเพียงหลุมยักษ์ที่มองไม่เห็นความลึก ไม่มีร่างที่เต็มไปด้วยหนวดยุบยับอยู่แล้ว

บรรยากาศพลันตกอยู่ในความเงียบ

“มารดามันเถอะ! เวทนั่นทำลายล้างจนสิ้น ร่างที่ล้ำค่าของมันก็ด้วย!” เซียวอวี๋รีบวิ่งไปยังหลุมก่อนจะชะโงกคอมองลงไปก่อนจะเห็นเพียงความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด

“ไม่ ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ….สิ้นหวังแล้ว” เซียวอวี๋หดหู่มาก ขณะที่คนอื่นๆยังตกตะลึงกับอานุภาพของเวทมนตร์ต้องห้ามกันอยู่

นี่ก็คือพลังของเวทต้องห้าม ในที่สุดพวกเขาก็ทราบแล้วว่าเหตุใดจ้าวมนตราทั้งสามจึงเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของทวีป หากเวทเช่นนี้ปรากฏขึ้นในเมือง เมืองนั้นคงไม่แคล้วระเหิดหายไปสิ้น

พลังของจ้าวมนตราออกจะน่ากลัวไปแล้ว…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด