คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 125 ความกลัวที่ถูกนักเรียนอิ๋งมอบให้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 125 ความกลัวที่ถูกนักเรียนอิ๋งมอบให้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เงียบและเงียบ

อิ๋งจื่อจินมองด้านหลังกระดาษคำตอบ เงียบไปห้านาทีเต็มๆ

นักเรียนที่อยู่ข้างๆ ระแวงว่าอิ๋งจื่อจินจะลอกอยู่ตลอด พอเหลือบมองก็ต้องสังเกตเห็นแล้ว

ดูท่าอิ๋งจื่อจินจะยอมแพ้แล้ว แม้แต่ลอกยังไม่อยากลอก เริ่มนั่งเหม่อ

แล้วยังจะกล้าเดิมพันกับลู่ฟั่งอีกเหรอ

มีปัญญาแค่นี้

เขาแสยะยิ้ม สีหน้าดูถูก จากนั้นก็ก้มหน้าทำข้อสอบต่อ

ทางด้านอิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย วางปากกาลง

เธอจำเป็นต้องดึงความคิดเมื่อครู่กลับมา

หัวข้อเรียงความหัวข้อนี้ตั้งมาเพื่อขัดต่อการมีตัวตนของเธอ

แปดร้อยอักษร อยากฆ่าเธอชัดๆ

เธอไม่เขียนแล้ว

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองนาฬิกาที่อยู่บนกระดานดำ ยังเหลือเวลาสอบอีกสองชั่วโมงกว่า พอให้นอน

เธอหยิบที่อุดหูออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใส่เข้าไปในหู เอาหน้าซุกแขน

พฤติกรรมของเธอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ อย่างไรเสียการที่เธอนอนแบบนี้ก็ไม่แปลกสำหรับพวกเขาแล้ว

ถึงอย่างไรกติกาการสอบก็ไม่ได้ห้ามนอน อาจารย์คุมสอบไม่ได้เตือน

เมื่อก่อนคลาสอัจฉริยะมีเด็กเทพ ทุกครั้งที่สอบจะนอนก่อนหนึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อยตื่นขึ้นมาทำข้อสอบ

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ที่หนึ่งทุกวิชา

แต่อิ๋งจื่อจินเทียบเด็กเทพคนนั้นได้เหรอ

เธอนอนก็คือการสิ้นเปลืองเวลา

ตอนเหลืออีกสามสิบนาทีจะหมดเวลาสอบ อาจารย์คุมสอบได้เดินผ่านอิ๋งจื่อจิน จึงเหลือบมองดู

ตอนที่พบว่าตรงส่วนที่ให้เขียนเรียงความอิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะเขียนหัวข้อ เขาก็หยุดลง

เขาดูหัวข้อแล้ว หัวข้อเรียงความครั้งนี้ยากมากทีเดียว

มีความเป็นไปได้ว่าไม่เข้าใจแม้แต่หัวข้อ ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องเขียนออกนอกประเด็น

แต่การที่ไม่เขียนแม้แต่อักษรเดียวก็เท่ากับทิ้งโอกาส ต่อให้เขียนมาแค่ชื่อเรื่องก็ยังได้สองคะแนน

เนื่องจากกระดาษคำตอบถูกอิ๋งจื่อจินทับไว้ใต้แขน อาจารย์คุมสอบจึงไม่รู้ว่าด้านหน้าเธอทำข้อสอบได้เป็นอย่างไร

แต่เขาสังเกตได้อีกว่าบนกระดาษข้อสอบไม่มีร่องรอยการทำข้อสอบแม้แต่น้อย สะอาดเหมือนตอนเพิ่งแกะออกจากซอง

โจทย์อื่นไม่พูดถึง แต่ส่วนแรกที่เป็นการอ่านบทความก็น่าจะทำสัญลักษณ์อะไรบ้างหรือเปล่า

โจทย์ใหญ่ส่วนนี้มีแค่เก้าคะแนน แต่นักเรียนส่วนใหญ่ได้มากสุดก็สามคะแนน

อาจารย์คุมสอบถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

อิ๋งจื่อจินหลับไปครั้งนี้หลับยาวจนกระทั่งหมดเวลาสอบ

ตอนออกจากสนามสอบ จงจือหว่านที่อดทนมาสองชั่วโมงครึ่งในที่สุดก็พูดขึ้น “น้องจื่อจิน เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ทำไมถึงหลับตอนสอบนานขนาดนั้น”

อิ๋งจื่อจินเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองและไม่ได้ฟังว่าจงจือหว่านพูดอะไร

เธอไม่อยากอยู่กับพวกเด็กคลาสอัจฉริยะนานเกินแม้แต่วินาทีเดียว

รอยยิ้มของจงจือหว่านชะงัก

“จือหว่าน อย่าไปทำดีกับคนแบบนี้เลย” นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆ คล้องแขนจงจือหว่าน “ปล่อยยัยนั่นนอนไปเถอะ พอถึงเวลาแพ้ขึ้นมาก็ต้องขอโทษเธอต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนไม่ใช่เหรอ เธอยังจะไปหวังดีถามทำไมอีก”

จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร “ไปเถอะ ตอนบ่ายยังต้องสอบคณิตศาสตร์อีก”

วิชาคณิตศาสตร์ต่างหากที่สำคัญมากสำหรับคลาสเด็กอัจฉริยะ

ก็ไม่รู้ว่าไปเชิญอาจารย์ที่ออกข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะมาจากไหน แต่ละครั้งยากจนวิปริตถึงขั้นที่พวกเขาไม่อยากทำโจทย์คณิตศาสตร์อีกแล้วชีวิตนี้

สอบปลายภาคเทอมก่อนจงจือหว่านสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนแค่หนึ่งร้อยสิบสองคะแนน

ครั้งนี้เธอตั้งใจไปขอโจทย์เลขของมหาวิทยาลัยตี้ตูมาจากพี่ชายโดยเฉพาะ เพื่อทำคะแนนให้ดีขึ้น

จงจือหว่านมองตามหลังอิ๋งจื่อจินที่เดินออกไปแล้วยิ้ม

ข้อสอบเลขยากขนาดนั้น อิ๋งจื่อจินจะเข้าใจโจทย์ได้เหรอ

เธอนี่ก็จริงจังเกินไปจริงๆ

ตามคาด การสอบคณิตศาสตร์ตอนบ่ายสามครึ่ง อิ๋งจื่อจินก็ยังคงหลับยาวมาก

ออดหมดเวลาสอบดังขึ้น เธอหยิบปากกาสองด้ามแล้วเดินตรงออกจากห้องสอบ ไม่อยู่นานแม้แต่นาทีเดียว

พอเธอออกไปแล้ว พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็จับกลุ่มคุยขึ้นมาทันที

“น่าขำเป็นบ้า พวกเธอไม่เห็น อิ๋งจื่อจินทำข้อสอบเลขเสร็จในเวลาสามสิบนาที ฉันว่านะ ยัยนั่นคงวาดยันต์ลงบนกระดาษคำตอบมากกว่า”

“คิดว่าจะลอกเสียอีก ปรากฏว่าไม่แม้แต่จะทำโจทย์ โจทย์เลขครั้งนี้ยากขนาดไหน ฉันไม่พูดดีกว่า”

“ยากจริง สองข้อใหญ่สุดท้าย ฉันอ่านไม่เข้าใจจริงๆ ว่าต้องการให้ฉันทำอะไร ก็เลยหน้าด้านเขียนสูตรลงไปสองสามสูตร หวังว่าอาจารย์ที่ตรวจจะให้คะแนนมาบ้าง”

“จือหว่าน!” ลู่ฟั่งตะโกนแล้วเข้ามาหา “เธอว่าโจทย์เลขยากไหม”

สอบติดกันสองวิชา ทำให้จงจือหว่านอารมณ์ดีทั้งคู่ เธอจึงหันมาสนใจลู่ฟั่งบ้างแล้ว “น่าจะได้ถึงร้อยยี่สิบห้าคะแนน”

ทำข้อสอบคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะได้คะแนนเท่านี้ก็ถือว่าสูงแล้ว

“จือหว่าน เธอจะสุดยอดเกินไปแล้ว” มีนักเรียนหญิงพูดด้วยความอิจฉา “ฐานะทางบ้านเธอดีขนาดนี้ แถมเธอยังขยัน ฉันล่ะนับถือเธอจริงๆ”

ถ้าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเศรษฐี มีเหรอจะมุ่งมั่นด้านการเรียนได้ขนาดนี้

“ฐานะดีไม่ได้มาจากความขยันของฉัน” จงจือหว่านยิ้ม “ฉันเรียนเก่งต่างหาก คุณปู่ถึงจะมีความสุข”

“จือหว่าน หลังวันแรงงานพอคะแนนออก เธอก็เอาคะแนนของเธอกับของอิ๋งจื่อจินไปให้คุณปู่เธอดูพร้อมกันเลยสิ” นักเรียนหญิงอีกคนพูด “ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีคนเจ็บ”

จงจือหว่านไม่พูดอะไร เริ่มเก็บของ

ยังไงซะคะแนนรวมของอิ๋งจื่อจินก็ไม่มีทางสู้เธอได้

ทางด้านอิ๋งจื่อจินได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าช่วงนี้เธอเหนื่อยมาก แถมยังต้องสอบ จึงขับรถมารับเธอตลอด

เขาหันมามองเธอรัดเข็มขัดนิรภัย “สอบวันนี้เป็นไงบ้าง”

“อืม” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเบาะ “เหนื่อยอยู่”

ตอนที่เธอทำข้อสอบคณิตศาสตร์ยังได้แก้ไปหนึ่งรอบ

เพราะเธอเคยชินกับการใช้สูตรที่แม้แต่ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เรียน ถึงได้ใช้เวลาทำโจทย์แค่สามสิบนาที

พรุ่งนี้วิชาวิทยาศาสตร์เธอต้องควบคุมตัวเองหน่อย

“งั้นวันนี้รีบนอน ไม่ต้องเล่นเน็ตแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว “เยาเยา มั่นใจไหมว่าจะผ่าน”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังสีหน้าก็ชะงักไปชั่วขณะ “มั่นใจวิชาภาษาจีน”

“ผ่านวิชาภาษาจีนก็แสดงว่าเธอก้าวหน้าเร็ว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “พี่ชายรู้ว่าเด็กน้อยของพี่ชายถ้าจริงจังทำเรื่องอะไรแล้วต้องเก่งทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันก็จริงจังอยู่นะ”

จริงจังถึงขั้นที่เธอแสดงวิธีทำในข้อสอบเลขให้ด้วย

“เยาเยา ไม่ต้องเก็บเดิมพันนั่นมาใส่ใจ” ฟู่อวิ๋นเซินหมุนพวงมาลัยรถ

“ต่อให้ไม่ผ่านก็ยังมีพี่ชายอยู่ทั้งคน”

มือของอิ๋งจื่อจินยันศีรษะ หันหน้ามา ดวงตาหงส์เหลือบขึ้นเล็กน้อย “รับปากคุณไว้แล้ว ก็แค่เล่นๆ ดู”

ที่เธอรับคำท้าของลู่ฟั่งก็เพราะเคยตกลงกับฟู่อวิ๋นเซินไว้ก่อนแล้ว

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเสียงสูง “พี่ชายมีเสน่ห์ขนาดนั้นแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินเอาหลอดเจาะแก้วชานมอย่างใจเย็น “ดาราสาวสวยต่างหาก”

“…”

เอาเถอะ เด็กน้อยยังคงไร้เยื่อใยเช่นเคย

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม สีหน้าเรื่อยเปื่อย “เด็กน้อย ผ่านหนึ่งวิชา ดาราสาวสวยหนึ่งคน”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น เหมือนเกิดความสนใจ “ถ้าได้เต็มล่ะ”

“เต็มเหรอ” ถึงแม้ฟู่อวิ๋นเซินไม่คิดว่าเธอจะสามารถทำคะแนนได้สูงขนาดนั้น แต่ก็ตอบ “ถ้าได้เต็ม พี่ชายจะให้บริษัทสังกัดดารา”

เขาหันหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พยายามให้เต็มที่ก็พอ อย่าเครียดมากเกินไป”

วันต่อมา

อิ๋งจื่อจินยังได้มาถึงห้องสอบก่อนสิบนาทีเพราะคำสัญญานั้นของฟู่อวิ๋นเซิน

นี่ทำให้พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะแปลกใจอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

พวกเขาคิดว่าคะแนนภาษาจีนกับคณิตศาสตร์ของอิ๋งจื่อจินให้ตายก็ไม่น่าเกินสิบกว่าคะแนน ต่อให้เธอจริงจังทำข้อสอบวิทยาศาสตร์ก็แล้วไงล่ะ

ลู่ฟั่งดีใจมาก พยายามกลั้นยิ้ม

อีกไม่นานเขาก็สามารถทำให้อิ๋งจื่อจินขอโทษจงจือหว่านต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนได้แล้ว

อาจารย์คุมสอบแต่ละสนามสอบมีสองคน อีกทั้งยังเปลี่ยนทุกสนาม สุ่มจับฉลาก

พอเฮ่อสวินเข้ามาก็เห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่กลางห้องทันที เขาอดหน้านิ่วไม่ได้

เขาก็รู้เรื่องเดิมพัน

พูดได้เพียงว่าอิ๋งจื่อจินไม่รู้จักประเมินตัวเอง คิดจะเทียบผลสอบกับนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ

ผลลัพธ์ยังต้องคิดอีกเหรอ

เฮ่อสวินไม่ได้มองอะไรมาก เริ่มแจกข้อสอบพร้อมกับอาจารย์คุมสอบอีกคน

เพียงแต่ตอนที่แจกไปถึงอิ๋งจื่อจิน เขาทำอย่างรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอยู่ตรงนั้นนาน

ข้อสอบวิทยาศาสตร์ให้เวลาทำแค่สองชั่วโมงครึ่ง โจทย์ยากมาก เวลาไม่เคยพอ

สัญญาณเริ่มทำข้อสอบดังขึ้น นักเรียนเริ่มทำข้อสอบ รวมทั้งจงจือหว่าน

อิ๋งจื่อจินดูข้อสอบทั้งชุดก่อนหนึ่งรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีข้อไหนที่ต้องเปลืองแรงมากเธอถึงได้เริ่มลงมือ

เธอทำข้อสอบเร็วมาก ข้อสอบแบบตัวเลือกข้อละสิบวินาที

ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ทำถึงโจทย์การทดลองทางฟิสิกส์

ขณะที่เฮ่อสวินกำลังตรวจเช็คว่านักเรียนเขียนชื่อนามสกุลกับเลขประจำตัวเรียบร้อยหรือไม่ ตอนที่เดินผ่านอิ๋งจื่อจิน เดิมทีเขาแค่อยากเหลือบดูแล้วเดินผ่านไป

แต่ตอนที่เขาเห็นเธอเหลือบมองโจทย์แวบเดียว ปากกาในมือก็เขียนภาพลงในกระดาษคำตอบ เขาก็ทนไม่ไหว

“ถ้าเขียนเรื่อยเปื่อยสู้ไม่ต้องสอบแล้ว”

ขณะพูดเฮ่อสวินก็จะดึงข้อสอบในมืออิ๋งจื่อจิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 125 ความกลัวที่ถูกนักเรียนอิ๋งมอบให้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 125 ความกลัวที่ถูกนักเรียนอิ๋งมอบให้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เงียบและเงียบ

อิ๋งจื่อจินมองด้านหลังกระดาษคำตอบ เงียบไปห้านาทีเต็มๆ

นักเรียนที่อยู่ข้างๆ ระแวงว่าอิ๋งจื่อจินจะลอกอยู่ตลอด พอเหลือบมองก็ต้องสังเกตเห็นแล้ว

ดูท่าอิ๋งจื่อจินจะยอมแพ้แล้ว แม้แต่ลอกยังไม่อยากลอก เริ่มนั่งเหม่อ

แล้วยังจะกล้าเดิมพันกับลู่ฟั่งอีกเหรอ

มีปัญญาแค่นี้

เขาแสยะยิ้ม สีหน้าดูถูก จากนั้นก็ก้มหน้าทำข้อสอบต่อ

ทางด้านอิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย วางปากกาลง

เธอจำเป็นต้องดึงความคิดเมื่อครู่กลับมา

หัวข้อเรียงความหัวข้อนี้ตั้งมาเพื่อขัดต่อการมีตัวตนของเธอ

แปดร้อยอักษร อยากฆ่าเธอชัดๆ

เธอไม่เขียนแล้ว

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองนาฬิกาที่อยู่บนกระดานดำ ยังเหลือเวลาสอบอีกสองชั่วโมงกว่า พอให้นอน

เธอหยิบที่อุดหูออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใส่เข้าไปในหู เอาหน้าซุกแขน

พฤติกรรมของเธอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ อย่างไรเสียการที่เธอนอนแบบนี้ก็ไม่แปลกสำหรับพวกเขาแล้ว

ถึงอย่างไรกติกาการสอบก็ไม่ได้ห้ามนอน อาจารย์คุมสอบไม่ได้เตือน

เมื่อก่อนคลาสอัจฉริยะมีเด็กเทพ ทุกครั้งที่สอบจะนอนก่อนหนึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อยตื่นขึ้นมาทำข้อสอบ

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ที่หนึ่งทุกวิชา

แต่อิ๋งจื่อจินเทียบเด็กเทพคนนั้นได้เหรอ

เธอนอนก็คือการสิ้นเปลืองเวลา

ตอนเหลืออีกสามสิบนาทีจะหมดเวลาสอบ อาจารย์คุมสอบได้เดินผ่านอิ๋งจื่อจิน จึงเหลือบมองดู

ตอนที่พบว่าตรงส่วนที่ให้เขียนเรียงความอิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะเขียนหัวข้อ เขาก็หยุดลง

เขาดูหัวข้อแล้ว หัวข้อเรียงความครั้งนี้ยากมากทีเดียว

มีความเป็นไปได้ว่าไม่เข้าใจแม้แต่หัวข้อ ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องเขียนออกนอกประเด็น

แต่การที่ไม่เขียนแม้แต่อักษรเดียวก็เท่ากับทิ้งโอกาส ต่อให้เขียนมาแค่ชื่อเรื่องก็ยังได้สองคะแนน

เนื่องจากกระดาษคำตอบถูกอิ๋งจื่อจินทับไว้ใต้แขน อาจารย์คุมสอบจึงไม่รู้ว่าด้านหน้าเธอทำข้อสอบได้เป็นอย่างไร

แต่เขาสังเกตได้อีกว่าบนกระดาษข้อสอบไม่มีร่องรอยการทำข้อสอบแม้แต่น้อย สะอาดเหมือนตอนเพิ่งแกะออกจากซอง

โจทย์อื่นไม่พูดถึง แต่ส่วนแรกที่เป็นการอ่านบทความก็น่าจะทำสัญลักษณ์อะไรบ้างหรือเปล่า

โจทย์ใหญ่ส่วนนี้มีแค่เก้าคะแนน แต่นักเรียนส่วนใหญ่ได้มากสุดก็สามคะแนน

อาจารย์คุมสอบถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

อิ๋งจื่อจินหลับไปครั้งนี้หลับยาวจนกระทั่งหมดเวลาสอบ

ตอนออกจากสนามสอบ จงจือหว่านที่อดทนมาสองชั่วโมงครึ่งในที่สุดก็พูดขึ้น “น้องจื่อจิน เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ทำไมถึงหลับตอนสอบนานขนาดนั้น”

อิ๋งจื่อจินเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองและไม่ได้ฟังว่าจงจือหว่านพูดอะไร

เธอไม่อยากอยู่กับพวกเด็กคลาสอัจฉริยะนานเกินแม้แต่วินาทีเดียว

รอยยิ้มของจงจือหว่านชะงัก

“จือหว่าน อย่าไปทำดีกับคนแบบนี้เลย” นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆ คล้องแขนจงจือหว่าน “ปล่อยยัยนั่นนอนไปเถอะ พอถึงเวลาแพ้ขึ้นมาก็ต้องขอโทษเธอต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนไม่ใช่เหรอ เธอยังจะไปหวังดีถามทำไมอีก”

จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร “ไปเถอะ ตอนบ่ายยังต้องสอบคณิตศาสตร์อีก”

วิชาคณิตศาสตร์ต่างหากที่สำคัญมากสำหรับคลาสเด็กอัจฉริยะ

ก็ไม่รู้ว่าไปเชิญอาจารย์ที่ออกข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะมาจากไหน แต่ละครั้งยากจนวิปริตถึงขั้นที่พวกเขาไม่อยากทำโจทย์คณิตศาสตร์อีกแล้วชีวิตนี้

สอบปลายภาคเทอมก่อนจงจือหว่านสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนแค่หนึ่งร้อยสิบสองคะแนน

ครั้งนี้เธอตั้งใจไปขอโจทย์เลขของมหาวิทยาลัยตี้ตูมาจากพี่ชายโดยเฉพาะ เพื่อทำคะแนนให้ดีขึ้น

จงจือหว่านมองตามหลังอิ๋งจื่อจินที่เดินออกไปแล้วยิ้ม

ข้อสอบเลขยากขนาดนั้น อิ๋งจื่อจินจะเข้าใจโจทย์ได้เหรอ

เธอนี่ก็จริงจังเกินไปจริงๆ

ตามคาด การสอบคณิตศาสตร์ตอนบ่ายสามครึ่ง อิ๋งจื่อจินก็ยังคงหลับยาวมาก

ออดหมดเวลาสอบดังขึ้น เธอหยิบปากกาสองด้ามแล้วเดินตรงออกจากห้องสอบ ไม่อยู่นานแม้แต่นาทีเดียว

พอเธอออกไปแล้ว พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็จับกลุ่มคุยขึ้นมาทันที

“น่าขำเป็นบ้า พวกเธอไม่เห็น อิ๋งจื่อจินทำข้อสอบเลขเสร็จในเวลาสามสิบนาที ฉันว่านะ ยัยนั่นคงวาดยันต์ลงบนกระดาษคำตอบมากกว่า”

“คิดว่าจะลอกเสียอีก ปรากฏว่าไม่แม้แต่จะทำโจทย์ โจทย์เลขครั้งนี้ยากขนาดไหน ฉันไม่พูดดีกว่า”

“ยากจริง สองข้อใหญ่สุดท้าย ฉันอ่านไม่เข้าใจจริงๆ ว่าต้องการให้ฉันทำอะไร ก็เลยหน้าด้านเขียนสูตรลงไปสองสามสูตร หวังว่าอาจารย์ที่ตรวจจะให้คะแนนมาบ้าง”

“จือหว่าน!” ลู่ฟั่งตะโกนแล้วเข้ามาหา “เธอว่าโจทย์เลขยากไหม”

สอบติดกันสองวิชา ทำให้จงจือหว่านอารมณ์ดีทั้งคู่ เธอจึงหันมาสนใจลู่ฟั่งบ้างแล้ว “น่าจะได้ถึงร้อยยี่สิบห้าคะแนน”

ทำข้อสอบคณิตศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะได้คะแนนเท่านี้ก็ถือว่าสูงแล้ว

“จือหว่าน เธอจะสุดยอดเกินไปแล้ว” มีนักเรียนหญิงพูดด้วยความอิจฉา “ฐานะทางบ้านเธอดีขนาดนี้ แถมเธอยังขยัน ฉันล่ะนับถือเธอจริงๆ”

ถ้าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเศรษฐี มีเหรอจะมุ่งมั่นด้านการเรียนได้ขนาดนี้

“ฐานะดีไม่ได้มาจากความขยันของฉัน” จงจือหว่านยิ้ม “ฉันเรียนเก่งต่างหาก คุณปู่ถึงจะมีความสุข”

“จือหว่าน หลังวันแรงงานพอคะแนนออก เธอก็เอาคะแนนของเธอกับของอิ๋งจื่อจินไปให้คุณปู่เธอดูพร้อมกันเลยสิ” นักเรียนหญิงอีกคนพูด “ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีคนเจ็บ”

จงจือหว่านไม่พูดอะไร เริ่มเก็บของ

ยังไงซะคะแนนรวมของอิ๋งจื่อจินก็ไม่มีทางสู้เธอได้

ทางด้านอิ๋งจื่อจินได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าช่วงนี้เธอเหนื่อยมาก แถมยังต้องสอบ จึงขับรถมารับเธอตลอด

เขาหันมามองเธอรัดเข็มขัดนิรภัย “สอบวันนี้เป็นไงบ้าง”

“อืม” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเบาะ “เหนื่อยอยู่”

ตอนที่เธอทำข้อสอบคณิตศาสตร์ยังได้แก้ไปหนึ่งรอบ

เพราะเธอเคยชินกับการใช้สูตรที่แม้แต่ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เรียน ถึงได้ใช้เวลาทำโจทย์แค่สามสิบนาที

พรุ่งนี้วิชาวิทยาศาสตร์เธอต้องควบคุมตัวเองหน่อย

“งั้นวันนี้รีบนอน ไม่ต้องเล่นเน็ตแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว “เยาเยา มั่นใจไหมว่าจะผ่าน”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังสีหน้าก็ชะงักไปชั่วขณะ “มั่นใจวิชาภาษาจีน”

“ผ่านวิชาภาษาจีนก็แสดงว่าเธอก้าวหน้าเร็ว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “พี่ชายรู้ว่าเด็กน้อยของพี่ชายถ้าจริงจังทำเรื่องอะไรแล้วต้องเก่งทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันก็จริงจังอยู่นะ”

จริงจังถึงขั้นที่เธอแสดงวิธีทำในข้อสอบเลขให้ด้วย

“เยาเยา ไม่ต้องเก็บเดิมพันนั่นมาใส่ใจ” ฟู่อวิ๋นเซินหมุนพวงมาลัยรถ

“ต่อให้ไม่ผ่านก็ยังมีพี่ชายอยู่ทั้งคน”

มือของอิ๋งจื่อจินยันศีรษะ หันหน้ามา ดวงตาหงส์เหลือบขึ้นเล็กน้อย “รับปากคุณไว้แล้ว ก็แค่เล่นๆ ดู”

ที่เธอรับคำท้าของลู่ฟั่งก็เพราะเคยตกลงกับฟู่อวิ๋นเซินไว้ก่อนแล้ว

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเสียงสูง “พี่ชายมีเสน่ห์ขนาดนั้นแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินเอาหลอดเจาะแก้วชานมอย่างใจเย็น “ดาราสาวสวยต่างหาก”

“…”

เอาเถอะ เด็กน้อยยังคงไร้เยื่อใยเช่นเคย

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม สีหน้าเรื่อยเปื่อย “เด็กน้อย ผ่านหนึ่งวิชา ดาราสาวสวยหนึ่งคน”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น เหมือนเกิดความสนใจ “ถ้าได้เต็มล่ะ”

“เต็มเหรอ” ถึงแม้ฟู่อวิ๋นเซินไม่คิดว่าเธอจะสามารถทำคะแนนได้สูงขนาดนั้น แต่ก็ตอบ “ถ้าได้เต็ม พี่ชายจะให้บริษัทสังกัดดารา”

เขาหันหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พยายามให้เต็มที่ก็พอ อย่าเครียดมากเกินไป”

วันต่อมา

อิ๋งจื่อจินยังได้มาถึงห้องสอบก่อนสิบนาทีเพราะคำสัญญานั้นของฟู่อวิ๋นเซิน

นี่ทำให้พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะแปลกใจอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

พวกเขาคิดว่าคะแนนภาษาจีนกับคณิตศาสตร์ของอิ๋งจื่อจินให้ตายก็ไม่น่าเกินสิบกว่าคะแนน ต่อให้เธอจริงจังทำข้อสอบวิทยาศาสตร์ก็แล้วไงล่ะ

ลู่ฟั่งดีใจมาก พยายามกลั้นยิ้ม

อีกไม่นานเขาก็สามารถทำให้อิ๋งจื่อจินขอโทษจงจือหว่านต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนได้แล้ว

อาจารย์คุมสอบแต่ละสนามสอบมีสองคน อีกทั้งยังเปลี่ยนทุกสนาม สุ่มจับฉลาก

พอเฮ่อสวินเข้ามาก็เห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่กลางห้องทันที เขาอดหน้านิ่วไม่ได้

เขาก็รู้เรื่องเดิมพัน

พูดได้เพียงว่าอิ๋งจื่อจินไม่รู้จักประเมินตัวเอง คิดจะเทียบผลสอบกับนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ

ผลลัพธ์ยังต้องคิดอีกเหรอ

เฮ่อสวินไม่ได้มองอะไรมาก เริ่มแจกข้อสอบพร้อมกับอาจารย์คุมสอบอีกคน

เพียงแต่ตอนที่แจกไปถึงอิ๋งจื่อจิน เขาทำอย่างรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอยู่ตรงนั้นนาน

ข้อสอบวิทยาศาสตร์ให้เวลาทำแค่สองชั่วโมงครึ่ง โจทย์ยากมาก เวลาไม่เคยพอ

สัญญาณเริ่มทำข้อสอบดังขึ้น นักเรียนเริ่มทำข้อสอบ รวมทั้งจงจือหว่าน

อิ๋งจื่อจินดูข้อสอบทั้งชุดก่อนหนึ่งรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีข้อไหนที่ต้องเปลืองแรงมากเธอถึงได้เริ่มลงมือ

เธอทำข้อสอบเร็วมาก ข้อสอบแบบตัวเลือกข้อละสิบวินาที

ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ทำถึงโจทย์การทดลองทางฟิสิกส์

ขณะที่เฮ่อสวินกำลังตรวจเช็คว่านักเรียนเขียนชื่อนามสกุลกับเลขประจำตัวเรียบร้อยหรือไม่ ตอนที่เดินผ่านอิ๋งจื่อจิน เดิมทีเขาแค่อยากเหลือบดูแล้วเดินผ่านไป

แต่ตอนที่เขาเห็นเธอเหลือบมองโจทย์แวบเดียว ปากกาในมือก็เขียนภาพลงในกระดาษคำตอบ เขาก็ทนไม่ไหว

“ถ้าเขียนเรื่อยเปื่อยสู้ไม่ต้องสอบแล้ว”

ขณะพูดเฮ่อสวินก็จะดึงข้อสอบในมืออิ๋งจื่อจิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+