คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 372 ลงมือ! นี่ยังรักษาคนเป็นด้วยเหรอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 372 ลงมือ! นี่ยังรักษาคนเป็นด้วยเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนูขาวที่สลบไปพลิกตัว เอาเท้าตบท้องกลมของตัวเองแล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ

“จี๊ดๆ”

มันส่งเสียงร้องอีกครั้ง กระดิกหางอย่างรวดเร็ว

ตูตูที่ถูกอิ๋งจื่อจินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อได้ยินเข้าก็โผล่หัวออกมาทำจมูกฮึดฮัดใส่หนูขาวเพื่อประกาศศักดา

อิ๋งจื่อจินเอามือกดตูตูกลับเข้าไป

นักศึกษาชายจ้องหนูขาวที่กระโดดโลดเต้นเขม็ง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น

“บราโว่! เยี่ยมมากจ้ะ” นอร่าปรบมือ เอ่ยชมอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย “อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้วนะ เธอเก่งมาก อาจารย์ควรเรียนรู้จากเธอมากกว่า”

จั่วหลีที่ออกไปแล้วเพิ่งกลับเข้ามาได้ยินคำพูดนี้พอดี เขารู้สึกงง

เกิดอะไรขึ้นภายในเวลาสั้นๆ

จั่วหลีรู้ความเก่งของนอร่า คนที่ทำให้เธอชมขนาดนี้ได้จะต้องมีความสามารถทางด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

สายตาของเขาที่มองอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนไปทันที แอบรู้สึกสิ้นหวัง

นี่เธอยังรักษาเป็นด้วยเหรอ!

นักศึกษาชายอึกอัก พูดขึ้น “ขอโทษ”

อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือ เก็บเข็มเงิน “คุณควรขอโทษหมอแผนจีน”

นักศึกษาชายหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกขายหน้ามาก “ขอโทษที่ผมดูถูกแพทย์แผนจีน การรักษาแผนจีนก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน”

อิ๋งจื่อจินกลับไปนั่งที่ตัวเอง

ในที่สุดจั่วหลีก็เรียกสติกลับมาได้ เขาถามเป็นภาษาอังกฤษ “ดอกเตอร์จะกลับเมื่อไรครับ ทางเราจะช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้”

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่ต้องแล้วค่ะ” นอร่าส่ายหน้า “เดือนหน้าฉันถึงจะกลับ”

จั่วหลีตกใจนิดหน่อย “ไม่กลับยุโรปเลยเหรอครับ”

“มีนักศึกษาคนหนึ่งวานให้ฉันไปช่วยรักษาคนแก่” นอร่าตอบ “ไว้พวกคุณฉลองตรุษจีนเสร็จฉันจะไปฮู่เฉิงค่ะ จากนั้นค่อยกลับยุโรป”

ฟังถึงตรงนี้จั่วหลีก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก

นอร่ามีความสามารถสูงด้านการแพทย์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากเชิญเธอไปรักษาไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ

นอร่าคิดแล้วก็พูดขึ้น “ศาสตราจารย์จั่วหลีคะ รบกวนขอช่องทางติดต่อนักเรียนอิ๋งหน่อยค่ะ ได้ไหมคะ”

พอได้ยินแบบนี้จั่วหลีก็สะดุ้ง วิ่งหนีทันที “อย่าแม้แต่จะคิดเลยครับ!”

เวลาบ่ายสี่โมง

พวกแฟนคลับต่างรออยู่หน้าเวยปั๋ว และแล้วทีมงานก็โพสต์เวยปั๋วตามคาด

แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 : [เทพอิ๋ง อิ๋งจื่อจินจะมาร่วมรายการ ขึ้นเวทีพร้อมอวิ๋นเหอเย่ว์ในการแสดงสดครั้งที่สอง ทุกคนรอกันอยู่หรือเปล่า ร่วมกันแชร์โพสต์นี้ ทางรายการจะสุ่มแฟนคลับผู้โชคดีแจกเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวน ของรางวัลสนับสนุนโดยพ่อบุญทุ่ม แอทชูกวงมีเดีย]

[โอ้โห นี่มันเป็นความร่วมมือข้ามวงการเลยหรือเปล่า]

[โวะ ฉันตลกเยี่ยซีจะตายอยู่แล้ว สามารถเรียกคนที่ไม่เคยรับงานให้ออกมาได้ สุดยอดๆ]

[ทำพูดไป หน้าตาอย่างเทพอิ๋ง ยืนตรงไหนฉันก็มองได้ทั้งวัน]

พอเวยปั๋วโพสต์นี้ปรากฏ คะแนนโหวตของอวิ๋นเหอเย่ว์ก็เริ่มเพิ่มขึ้น เพียงแต่เพิ่มช้ามาก แต่ยังคงข่มอันดับสองไว้พอประมาณ

แฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็นึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะมาจริง แต่คำพูดถากถางก็มีเยอะ

[ฉันล่ะยอมเลย อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ตั้งใจทำผลงานเพื่อประเทศ แต่กลับหนีมาร่วมงานในวงการบันเทิงเนี่ยนะ ตลกไปเปล่า]

[รอบคัดเลือกรอบสองของไอเอสซีจะจบลงแล้ว รอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติคือเดือนพฤษภา เทพอิ๋งไม่ต้องติวให้เยอะๆ เหรอ ถ้าถึงตอนนั้นทำขายหน้าไม่อับอายไปทั้งโลกเลยเหรอ]

เทียนสิงมีเดีย

ผู้จัดการส่วนตัวของหวาอิ้นอ่านเวยปั๋วจบก็ขมวดคิ้วแน่น “เทพอิ๋งคนนี้จะขึ้นแสดงสดครั้งนี้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์คว้าที่หนึ่งได้จริงเหรอ”

หวาอิ้นเงียบไปชั่วขณะแล้วส่ายหน้า “ไม่มีทาง”

ถ้าอวิ๋นเหอเย่ว์เชิญซังเย่าจือมาได้ แบบนั้นเฟิงถงก็สู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

แต่อวิ๋นเหอเย่ว์กลับเชิญอิ๋งจื่อจินมา

เทพด้านการเรียน ต่อให้เก่งขนาดไหนยังจะสู้ดาราที่แท้จริงได้เหรอ

ผู้จัดการส่วนตัวกลับรอบคอบ “ฉันค้นดูแล้ว เทพอิ๋งคนนี้เล่นเปียโนเป็น ถึงแม้จะไม่มีคลิปในเน็ต แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเธอรู้เรื่องดนตรีแน่นอน”

หวาอิ้นแค่ยิ้ม เขาไม่เห็นด้วย “คนที่รู้เรื่องดนตรีมีเยอะแยะไป แต่จะมีสักกี่คนที่เป็นระดับแนวหน้า”

อันที่จริงหวาอิ้นก็มีสตูดิโอของตัวเองแล้ว ออกจากเทียนสิงมีเดียไปสร้างเอง

ครั้งนี้เทียนสิงมีเดียเชิญเขา เขาจะไม่ไปก็ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไว้หน้าเจ้านายเก่าบ้าง

ผู้จัดการส่วนตัวคิดแล้วก็เห็นด้วย

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งจื่อจินก็ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง ไม่เหมือนหวาอิ้นที่มีแฟนคลับเป็นสิบล้านคน ต่อให้อิ๋งจื่อจินขึ้นเวทีก็ไม่มีทางทำประโยชน์ให้อวิ๋นเหอเย่ว์ได้

ผู้จัดการส่วนตัววางใจแล้ว “ได้ ฉันจะไปติดต่อเฟิงถง”

ตอนเย็น

เนี่ยเฉาออกจากบริษัทเดินกลับบ้าน

เขาค้นพบว่าเขาฉลาดมาก ช่วงสองวันนี้ช่วยตระกูลเนี่ยจัดการออเดอร์ใหญ่ได้ แถมเงินลงทุนยังพลิกกำไรหลายเท่าตัว

เขานี่มันเหมาะกับทำธุรกิจ

เนี่ยเฉายังรู้สึกว่าตัวเองตัวเบาขึ้นเยอะ ไม่กลัวผู้เฒ่าเนี่ยถือไม้กวาดไล่ตีแล้ว

เขาฮัมเพลง เดินเข้าไปในทางเงาไม้

ผู้เฒ่าเนี่ยรักความสงบ ด้วยเหตุนี้บ้านจึงอยู่ไกลจากเขตเมืองมาก ทั้งยังต้องผ่านป่า

พอเลี้ยวมาเนี่ยเฉาก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล

เขาเงยหน้า และก็พบว่าเส้นทางที่เขาต้องผ่านมีคนขวางอยู่สี่คน

คนที่นำมาเป็นชายวัยกลางคน อีกสามคนเป็นคนหนุ่ม

ต่างใส่ชุดดำทั้งตัว กลมกลืนไปกับความมืด

ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ จะไม่เห็น

และก็เพราะเห็นแล้วเนี่ยเฉาถึงได้ตกใจ สายตาของเขาก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว

เขาระแวง “พวกแกเป็นใคร”

ข้างกายเขาก็มีบอดี้การ์ด เพียงแต่ตอนนี้บอดี้การ์ดของเขาไม่ได้ปรากฏตัว

อีกทั้งที่นี่ก็ใกล้บ้านตระกูลเนี่ยมากแล้ว ลูกน้องชั่วคราวที่เขายืมมาจากเนี่ยอี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัว

มีความเป็นไปได้อยู่สาเหตุเดียวก็คือ ถูกจัดการไปแล้ว

ถ้าอย่างนั้นคนพวกนี้…

เนี่ยเฉาระแวงยิ่งกว่าเดิม

“คุณชายรองเนี่ย พวกเราอยากขอเลือดของคุณหน่อย” ชายวัยกลางคนมองเนี่ยเฉาแล้วพูดขึ้น “หวังว่าคุณจะไม่ขัดขืนนะครับ”

“เอาเลือดของฉันเหรอ” เนี่ยเฉาสีหน้าเปลี่ยน “แกเป็นผีดูดเลือดหรือไง”

“เวลานี้แล้วคุณชายรองเนี่ยยังจะชอบพูดล้อเล่นอีกนะครับ” ชายวัยกลางคนหน้าขรึมลง “ขอเลือดของคุณชายแค่นิดเดียวให้พวกเราเอาไปวิจัยหน่อย”

สี่คนนี้เป็นคนของตระกูลอวี๋

หลังจากที่พวกเขาได้ยินข่าวที่หลุดมาจากตระกูลหลินก็รู้ว่าเนี่ยเฉากินยาที่หาได้ยากเข้าไป ถึงได้ออกมาจากโลกจอมยุทธ์เพื่อมาดักรอ

ตระกูลอวี๋สู้ตระกูลหลินไม่ได้ เป็นเพียงตระกูลขนาดกลางในวงการจอมยุทธ์ ไม่ได้ผูกมิตรกับตระกูลแพทย์แผนโบราณที่แข็งแกร่ง

“สมองมีปัญหาเหรอ!” เนี่ยเฉากระชับเสื้อกันหนาว ไม่อยากพูดให้มากความ

ต่อให้เขาโง่กว่านี้ก็มองออก น่าจะเป็นเพราะคนที่เขาบังเอิญเจอในบ้านเมื่อวาน

เขาทำตามที่อิ๋งจื่อจินบอก ไม่หยิบออกมาให้คนนอกเห็น เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตอนนั้นจะมีคนนอกอยู่ในบ้านตระกูลเนี่ย

ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเห็นทีพวกเราจะต้องใช้กำลังแล้ว”

เขายกมือขึ้น รวมรวบกำลังภายใน

ปล่อยพลังฝ่ามือ!

พุ่งใส่ร่างกายของเนี่ยเฉา

เนี่ยเฉาย่อมหลบไม่ทัน กระอักเลือดพุ่ง ร่างกายยังไม่ทันได้โงนเงนก็ล้มไปกองบนพื้นทันที

พอเห็นแบบนี้จอมยุทธ์ทั้งสี่ก็สีหน้าเปลี่ยน ถึงขั้นที่ตกใจหน้าถอดสี

เพราะผลลัพธ์แบบนี้ไม่มีใครคาดคิด

ชายวัยกลางคนหน้านิ่ว หายใจไม่ทั่วท้อง “คุณชายรองของตระกูลเนี่ยไม่มีวิทยายุทธ์เหรอ”

ชายหนุ่มสามคนมองหน้ากัน ต่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ในวงการจอมยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิน หรือตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอวี๋ที่ต้องพึ่งพาตระกูลหลิน ต่างไม่เคยเห็นตระกูลปุถุชนอยู่ในสายตา

รวมถึงพวกมหาเศรษฐียุโรปก็ด้วยเช่นกัน

เว้นเสียแต่จะเป็นตระกูลอย่างตระกูลเบวินที่มีความสามารถว่าจ้างนักล่าบนชาร์ตอันดับเอ็นโอเคได้

เงิน อำนาจ ความงาม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งธรรมดามากสำหรับตระกูลจอมยุทธ์ ได้มาไม่ยาก

ขอเพียงแต่มีความสามารถ ยังจะมีอะไรได้มาไม่ได้อีก

แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาทำตัวเหิมเกริมจนชินแล้ว

แต่ตระกูลเนี่ยกลับมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการจอมยุทธ์

เพราะมีเนี่ยอี้

พวกเขาจึงคิดว่าต่อให้เนี่ยเฉาไม่ได้เก่งเท่าเนี่ยอี้ แต่อย่างน้อยจะต้องมีวิทยายุทธ์ติดตัวอยู่บ้างแน่นอน อย่างน้อยก็ควรฝึกกำลังภายในออกมาได้

ฝ่ามือนั้นของชายวัยกลางคน ถ้าปล่อยใส่ร่างกายจอมยุทธ์ อาการบาดเจ็บมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลนั้น

แต่อย่างมากก็แค่แขนหัก

พอถึงเวลาพวกเขาเอาเลือดของเนี่ยเฉาเสร็จก็ช่วยดันกลับไปให้เหมือนเดิมก็ใช่ว่าจะไม่ได้

แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

เนี่ยเฉาเป็นคนธรรมดา ฝ่ามือนี้แทบจะเอาชีวิตของเขาได้เลยทีเดียว

ถึงแม้จอมยุทธ์ทั้งสี่จะสีหน้าเปลี่ยน แต่ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้มีท่าทีจะเข้าไปช่วย

“ยุ่งยากแล้ว” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่นขึ้น “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะไม่มีกำลังภายในแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่ฉันสัมผัสได้ถึงพลังที่เคลื่อนไหว”

ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น “ฆ่าเลยไหมครับ”

“ผู้สืบทอดที่ตระกูลเนี่ยกำหนดไว้ นายกล้าฆ่าเหรอ” ชายวัยกลางคนหน้าเครียด “เนี่ยอี้ ไม่ใช่คนที่ใครจะไปมีเรื่องด้วยได้”

พอได้ยินชื่อเนี่ยอี้ ชายหนุ่มก็ลังเล “งั้นทำไงดีครับ”

“ทำลายร่องรอยทั้งหมด ส่งกลับบ้านตระกูลเนี่ยก่อน” ชายวัยกลางคนครุ่นคิด เอามือไพล่หลังพลางพูด “กลับไปรายงานนายใหญ่ ตราบใดที่เขาไม่ตาย ตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางพูดอะไร”

“อีกทั้งถ้าไม่มีร่องรอย ตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา”

ตระกูลเนี่ยก็มีแค่เนี่ยอี้ ต่อให้เนี่ยอี้จะเก่งกว่านี้ก็ไม่มีทางต่อกรกับตระกูลอวี๋ทั้งตระกูลได้

พอถึงตอนนั้น ตระกูลเนี่ยก็ทำได้เพียงหุบปากให้สนิท

แค่ตระกูลปุถุชนตระกูลเดียวจะมาสู้ตระกูลจอมยุทธ์ได้ยังไง

“ไม่ตาย แต่อาจพิการ” ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว “ฝ่ามือของท่านเมื่อครู่ลงที่สันหลังของเขาเต็มๆ”

“ถ้าหนักกว่านี้อีกหน่อยอาจต้องนอนเป็นผัก พวกเราต้องเชิญแพทย์แผนโบราณมาไหมครับ”

“ไม่จำเป็น” ชายวัยกลางคนแค่แสยะยิ้ม “ตระกูลเนี่ยของพวกเขารู้จักแพทย์แผนโบราณที่เก่งมากไม่ใช่เหรอ ยังต้องกลัวเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”

เขากำชับอีกครั้ง “พาไปส่ง แล้วพวกเรารีบกลับโลกจอมยุทธ์ทันที”

ชายหนุ่มทั้งสามคนพยักหน้า หามเนี่ยเฉาขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลเนี่ย

พวกเขาเคาะประตูอย่างป่าเถื่อน เคาะเสร็จก็วางเนี่ยเฉาไว้หน้าประตู จากนั้นก็ออกไป

เสียงดังขนาดนี้ไม่มีทางที่ผู้เฒ่าเนี่ยจะไม่ได้ยิน

“ใคร”

ผู้เฒ่าเนี่ยใส่รองเท้าเดินไปเปิดประตู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 372 ลงมือ! นี่ยังรักษาคนเป็นด้วยเหรอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 372 ลงมือ! นี่ยังรักษาคนเป็นด้วยเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนูขาวที่สลบไปพลิกตัว เอาเท้าตบท้องกลมของตัวเองแล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ

“จี๊ดๆ”

มันส่งเสียงร้องอีกครั้ง กระดิกหางอย่างรวดเร็ว

ตูตูที่ถูกอิ๋งจื่อจินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อได้ยินเข้าก็โผล่หัวออกมาทำจมูกฮึดฮัดใส่หนูขาวเพื่อประกาศศักดา

อิ๋งจื่อจินเอามือกดตูตูกลับเข้าไป

นักศึกษาชายจ้องหนูขาวที่กระโดดโลดเต้นเขม็ง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น

“บราโว่! เยี่ยมมากจ้ะ” นอร่าปรบมือ เอ่ยชมอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย “อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้วนะ เธอเก่งมาก อาจารย์ควรเรียนรู้จากเธอมากกว่า”

จั่วหลีที่ออกไปแล้วเพิ่งกลับเข้ามาได้ยินคำพูดนี้พอดี เขารู้สึกงง

เกิดอะไรขึ้นภายในเวลาสั้นๆ

จั่วหลีรู้ความเก่งของนอร่า คนที่ทำให้เธอชมขนาดนี้ได้จะต้องมีความสามารถทางด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

สายตาของเขาที่มองอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนไปทันที แอบรู้สึกสิ้นหวัง

นี่เธอยังรักษาเป็นด้วยเหรอ!

นักศึกษาชายอึกอัก พูดขึ้น “ขอโทษ”

อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือ เก็บเข็มเงิน “คุณควรขอโทษหมอแผนจีน”

นักศึกษาชายหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกขายหน้ามาก “ขอโทษที่ผมดูถูกแพทย์แผนจีน การรักษาแผนจีนก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน”

อิ๋งจื่อจินกลับไปนั่งที่ตัวเอง

ในที่สุดจั่วหลีก็เรียกสติกลับมาได้ เขาถามเป็นภาษาอังกฤษ “ดอกเตอร์จะกลับเมื่อไรครับ ทางเราจะช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้”

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่ต้องแล้วค่ะ” นอร่าส่ายหน้า “เดือนหน้าฉันถึงจะกลับ”

จั่วหลีตกใจนิดหน่อย “ไม่กลับยุโรปเลยเหรอครับ”

“มีนักศึกษาคนหนึ่งวานให้ฉันไปช่วยรักษาคนแก่” นอร่าตอบ “ไว้พวกคุณฉลองตรุษจีนเสร็จฉันจะไปฮู่เฉิงค่ะ จากนั้นค่อยกลับยุโรป”

ฟังถึงตรงนี้จั่วหลีก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก

นอร่ามีความสามารถสูงด้านการแพทย์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากเชิญเธอไปรักษาไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ

นอร่าคิดแล้วก็พูดขึ้น “ศาสตราจารย์จั่วหลีคะ รบกวนขอช่องทางติดต่อนักเรียนอิ๋งหน่อยค่ะ ได้ไหมคะ”

พอได้ยินแบบนี้จั่วหลีก็สะดุ้ง วิ่งหนีทันที “อย่าแม้แต่จะคิดเลยครับ!”

เวลาบ่ายสี่โมง

พวกแฟนคลับต่างรออยู่หน้าเวยปั๋ว และแล้วทีมงานก็โพสต์เวยปั๋วตามคาด

แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 : [เทพอิ๋ง อิ๋งจื่อจินจะมาร่วมรายการ ขึ้นเวทีพร้อมอวิ๋นเหอเย่ว์ในการแสดงสดครั้งที่สอง ทุกคนรอกันอยู่หรือเปล่า ร่วมกันแชร์โพสต์นี้ ทางรายการจะสุ่มแฟนคลับผู้โชคดีแจกเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวน ของรางวัลสนับสนุนโดยพ่อบุญทุ่ม แอทชูกวงมีเดีย]

[โอ้โห นี่มันเป็นความร่วมมือข้ามวงการเลยหรือเปล่า]

[โวะ ฉันตลกเยี่ยซีจะตายอยู่แล้ว สามารถเรียกคนที่ไม่เคยรับงานให้ออกมาได้ สุดยอดๆ]

[ทำพูดไป หน้าตาอย่างเทพอิ๋ง ยืนตรงไหนฉันก็มองได้ทั้งวัน]

พอเวยปั๋วโพสต์นี้ปรากฏ คะแนนโหวตของอวิ๋นเหอเย่ว์ก็เริ่มเพิ่มขึ้น เพียงแต่เพิ่มช้ามาก แต่ยังคงข่มอันดับสองไว้พอประมาณ

แฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็นึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะมาจริง แต่คำพูดถากถางก็มีเยอะ

[ฉันล่ะยอมเลย อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ตั้งใจทำผลงานเพื่อประเทศ แต่กลับหนีมาร่วมงานในวงการบันเทิงเนี่ยนะ ตลกไปเปล่า]

[รอบคัดเลือกรอบสองของไอเอสซีจะจบลงแล้ว รอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติคือเดือนพฤษภา เทพอิ๋งไม่ต้องติวให้เยอะๆ เหรอ ถ้าถึงตอนนั้นทำขายหน้าไม่อับอายไปทั้งโลกเลยเหรอ]

เทียนสิงมีเดีย

ผู้จัดการส่วนตัวของหวาอิ้นอ่านเวยปั๋วจบก็ขมวดคิ้วแน่น “เทพอิ๋งคนนี้จะขึ้นแสดงสดครั้งนี้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์คว้าที่หนึ่งได้จริงเหรอ”

หวาอิ้นเงียบไปชั่วขณะแล้วส่ายหน้า “ไม่มีทาง”

ถ้าอวิ๋นเหอเย่ว์เชิญซังเย่าจือมาได้ แบบนั้นเฟิงถงก็สู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

แต่อวิ๋นเหอเย่ว์กลับเชิญอิ๋งจื่อจินมา

เทพด้านการเรียน ต่อให้เก่งขนาดไหนยังจะสู้ดาราที่แท้จริงได้เหรอ

ผู้จัดการส่วนตัวกลับรอบคอบ “ฉันค้นดูแล้ว เทพอิ๋งคนนี้เล่นเปียโนเป็น ถึงแม้จะไม่มีคลิปในเน็ต แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเธอรู้เรื่องดนตรีแน่นอน”

หวาอิ้นแค่ยิ้ม เขาไม่เห็นด้วย “คนที่รู้เรื่องดนตรีมีเยอะแยะไป แต่จะมีสักกี่คนที่เป็นระดับแนวหน้า”

อันที่จริงหวาอิ้นก็มีสตูดิโอของตัวเองแล้ว ออกจากเทียนสิงมีเดียไปสร้างเอง

ครั้งนี้เทียนสิงมีเดียเชิญเขา เขาจะไม่ไปก็ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไว้หน้าเจ้านายเก่าบ้าง

ผู้จัดการส่วนตัวคิดแล้วก็เห็นด้วย

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งจื่อจินก็ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง ไม่เหมือนหวาอิ้นที่มีแฟนคลับเป็นสิบล้านคน ต่อให้อิ๋งจื่อจินขึ้นเวทีก็ไม่มีทางทำประโยชน์ให้อวิ๋นเหอเย่ว์ได้

ผู้จัดการส่วนตัววางใจแล้ว “ได้ ฉันจะไปติดต่อเฟิงถง”

ตอนเย็น

เนี่ยเฉาออกจากบริษัทเดินกลับบ้าน

เขาค้นพบว่าเขาฉลาดมาก ช่วงสองวันนี้ช่วยตระกูลเนี่ยจัดการออเดอร์ใหญ่ได้ แถมเงินลงทุนยังพลิกกำไรหลายเท่าตัว

เขานี่มันเหมาะกับทำธุรกิจ

เนี่ยเฉายังรู้สึกว่าตัวเองตัวเบาขึ้นเยอะ ไม่กลัวผู้เฒ่าเนี่ยถือไม้กวาดไล่ตีแล้ว

เขาฮัมเพลง เดินเข้าไปในทางเงาไม้

ผู้เฒ่าเนี่ยรักความสงบ ด้วยเหตุนี้บ้านจึงอยู่ไกลจากเขตเมืองมาก ทั้งยังต้องผ่านป่า

พอเลี้ยวมาเนี่ยเฉาก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล

เขาเงยหน้า และก็พบว่าเส้นทางที่เขาต้องผ่านมีคนขวางอยู่สี่คน

คนที่นำมาเป็นชายวัยกลางคน อีกสามคนเป็นคนหนุ่ม

ต่างใส่ชุดดำทั้งตัว กลมกลืนไปกับความมืด

ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ จะไม่เห็น

และก็เพราะเห็นแล้วเนี่ยเฉาถึงได้ตกใจ สายตาของเขาก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว

เขาระแวง “พวกแกเป็นใคร”

ข้างกายเขาก็มีบอดี้การ์ด เพียงแต่ตอนนี้บอดี้การ์ดของเขาไม่ได้ปรากฏตัว

อีกทั้งที่นี่ก็ใกล้บ้านตระกูลเนี่ยมากแล้ว ลูกน้องชั่วคราวที่เขายืมมาจากเนี่ยอี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัว

มีความเป็นไปได้อยู่สาเหตุเดียวก็คือ ถูกจัดการไปแล้ว

ถ้าอย่างนั้นคนพวกนี้…

เนี่ยเฉาระแวงยิ่งกว่าเดิม

“คุณชายรองเนี่ย พวกเราอยากขอเลือดของคุณหน่อย” ชายวัยกลางคนมองเนี่ยเฉาแล้วพูดขึ้น “หวังว่าคุณจะไม่ขัดขืนนะครับ”

“เอาเลือดของฉันเหรอ” เนี่ยเฉาสีหน้าเปลี่ยน “แกเป็นผีดูดเลือดหรือไง”

“เวลานี้แล้วคุณชายรองเนี่ยยังจะชอบพูดล้อเล่นอีกนะครับ” ชายวัยกลางคนหน้าขรึมลง “ขอเลือดของคุณชายแค่นิดเดียวให้พวกเราเอาไปวิจัยหน่อย”

สี่คนนี้เป็นคนของตระกูลอวี๋

หลังจากที่พวกเขาได้ยินข่าวที่หลุดมาจากตระกูลหลินก็รู้ว่าเนี่ยเฉากินยาที่หาได้ยากเข้าไป ถึงได้ออกมาจากโลกจอมยุทธ์เพื่อมาดักรอ

ตระกูลอวี๋สู้ตระกูลหลินไม่ได้ เป็นเพียงตระกูลขนาดกลางในวงการจอมยุทธ์ ไม่ได้ผูกมิตรกับตระกูลแพทย์แผนโบราณที่แข็งแกร่ง

“สมองมีปัญหาเหรอ!” เนี่ยเฉากระชับเสื้อกันหนาว ไม่อยากพูดให้มากความ

ต่อให้เขาโง่กว่านี้ก็มองออก น่าจะเป็นเพราะคนที่เขาบังเอิญเจอในบ้านเมื่อวาน

เขาทำตามที่อิ๋งจื่อจินบอก ไม่หยิบออกมาให้คนนอกเห็น เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตอนนั้นจะมีคนนอกอยู่ในบ้านตระกูลเนี่ย

ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเห็นทีพวกเราจะต้องใช้กำลังแล้ว”

เขายกมือขึ้น รวมรวบกำลังภายใน

ปล่อยพลังฝ่ามือ!

พุ่งใส่ร่างกายของเนี่ยเฉา

เนี่ยเฉาย่อมหลบไม่ทัน กระอักเลือดพุ่ง ร่างกายยังไม่ทันได้โงนเงนก็ล้มไปกองบนพื้นทันที

พอเห็นแบบนี้จอมยุทธ์ทั้งสี่ก็สีหน้าเปลี่ยน ถึงขั้นที่ตกใจหน้าถอดสี

เพราะผลลัพธ์แบบนี้ไม่มีใครคาดคิด

ชายวัยกลางคนหน้านิ่ว หายใจไม่ทั่วท้อง “คุณชายรองของตระกูลเนี่ยไม่มีวิทยายุทธ์เหรอ”

ชายหนุ่มสามคนมองหน้ากัน ต่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ในวงการจอมยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิน หรือตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอวี๋ที่ต้องพึ่งพาตระกูลหลิน ต่างไม่เคยเห็นตระกูลปุถุชนอยู่ในสายตา

รวมถึงพวกมหาเศรษฐียุโรปก็ด้วยเช่นกัน

เว้นเสียแต่จะเป็นตระกูลอย่างตระกูลเบวินที่มีความสามารถว่าจ้างนักล่าบนชาร์ตอันดับเอ็นโอเคได้

เงิน อำนาจ ความงาม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งธรรมดามากสำหรับตระกูลจอมยุทธ์ ได้มาไม่ยาก

ขอเพียงแต่มีความสามารถ ยังจะมีอะไรได้มาไม่ได้อีก

แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาทำตัวเหิมเกริมจนชินแล้ว

แต่ตระกูลเนี่ยกลับมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการจอมยุทธ์

เพราะมีเนี่ยอี้

พวกเขาจึงคิดว่าต่อให้เนี่ยเฉาไม่ได้เก่งเท่าเนี่ยอี้ แต่อย่างน้อยจะต้องมีวิทยายุทธ์ติดตัวอยู่บ้างแน่นอน อย่างน้อยก็ควรฝึกกำลังภายในออกมาได้

ฝ่ามือนั้นของชายวัยกลางคน ถ้าปล่อยใส่ร่างกายจอมยุทธ์ อาการบาดเจ็บมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลนั้น

แต่อย่างมากก็แค่แขนหัก

พอถึงเวลาพวกเขาเอาเลือดของเนี่ยเฉาเสร็จก็ช่วยดันกลับไปให้เหมือนเดิมก็ใช่ว่าจะไม่ได้

แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

เนี่ยเฉาเป็นคนธรรมดา ฝ่ามือนี้แทบจะเอาชีวิตของเขาได้เลยทีเดียว

ถึงแม้จอมยุทธ์ทั้งสี่จะสีหน้าเปลี่ยน แต่ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้มีท่าทีจะเข้าไปช่วย

“ยุ่งยากแล้ว” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่นขึ้น “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะไม่มีกำลังภายในแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่ฉันสัมผัสได้ถึงพลังที่เคลื่อนไหว”

ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น “ฆ่าเลยไหมครับ”

“ผู้สืบทอดที่ตระกูลเนี่ยกำหนดไว้ นายกล้าฆ่าเหรอ” ชายวัยกลางคนหน้าเครียด “เนี่ยอี้ ไม่ใช่คนที่ใครจะไปมีเรื่องด้วยได้”

พอได้ยินชื่อเนี่ยอี้ ชายหนุ่มก็ลังเล “งั้นทำไงดีครับ”

“ทำลายร่องรอยทั้งหมด ส่งกลับบ้านตระกูลเนี่ยก่อน” ชายวัยกลางคนครุ่นคิด เอามือไพล่หลังพลางพูด “กลับไปรายงานนายใหญ่ ตราบใดที่เขาไม่ตาย ตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางพูดอะไร”

“อีกทั้งถ้าไม่มีร่องรอย ตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา”

ตระกูลเนี่ยก็มีแค่เนี่ยอี้ ต่อให้เนี่ยอี้จะเก่งกว่านี้ก็ไม่มีทางต่อกรกับตระกูลอวี๋ทั้งตระกูลได้

พอถึงตอนนั้น ตระกูลเนี่ยก็ทำได้เพียงหุบปากให้สนิท

แค่ตระกูลปุถุชนตระกูลเดียวจะมาสู้ตระกูลจอมยุทธ์ได้ยังไง

“ไม่ตาย แต่อาจพิการ” ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว “ฝ่ามือของท่านเมื่อครู่ลงที่สันหลังของเขาเต็มๆ”

“ถ้าหนักกว่านี้อีกหน่อยอาจต้องนอนเป็นผัก พวกเราต้องเชิญแพทย์แผนโบราณมาไหมครับ”

“ไม่จำเป็น” ชายวัยกลางคนแค่แสยะยิ้ม “ตระกูลเนี่ยของพวกเขารู้จักแพทย์แผนโบราณที่เก่งมากไม่ใช่เหรอ ยังต้องกลัวเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”

เขากำชับอีกครั้ง “พาไปส่ง แล้วพวกเรารีบกลับโลกจอมยุทธ์ทันที”

ชายหนุ่มทั้งสามคนพยักหน้า หามเนี่ยเฉาขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลเนี่ย

พวกเขาเคาะประตูอย่างป่าเถื่อน เคาะเสร็จก็วางเนี่ยเฉาไว้หน้าประตู จากนั้นก็ออกไป

เสียงดังขนาดนี้ไม่มีทางที่ผู้เฒ่าเนี่ยจะไม่ได้ยิน

“ใคร”

ผู้เฒ่าเนี่ยใส่รองเท้าเดินไปเปิดประตู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+