คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 143 ก็แค่เปลือกนอกของบอสอิ๋ง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 143 ก็แค่เปลือกนอกของบอสอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เขาหยิบเอกสารออกมาจากในซอง แค่เหลือบมองดูก็สีหน้าเปลี่ยน

เฮ่อสวินเงยหน้าขึ้นทันที มองอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา “ผู้อำนวยการ!”

“อาจารย์เฮ่อ ผมรู้ว่าคุณจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ความรู้มากพอ” ผู้อำนวยการพยักหน้า

“ตอนนั้นที่ชิงจื้อเชิญคุณมาก็เพราะเล็งเห็นความสำคัญของสองจุดนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าคุณ…”

หยุดเล็กน้อย เขาพูดอ้อมค้อม “ยังต้องไปหาประสบการณ์ในสังคมอีกสักหน่อย”

ความหมายก็คือ คุณไม่เหมาะที่จะเป็นอาจารย์

ไม่ว่าอย่างไรเฮ่อสวินก็ไม่คาดคิดว่าชิงจื้อจะลงโทษเขาด้วยการเชิญออก

เพราะเขาได้เปรียบจากมหาวิทยาลัยที่จบมาโดยตลอด อย่างน้อยเขาก็ยังไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ หลายคนไปที่นั่นไม่ได้

“อาจารย์เฮ่อ ชิงจื้อเอานักเรียนเป็นหลักครับ” ผู้อำนวยการพูด “ในสายตาของผม สุขภาพจิตของนักเรียนสำคัญยิ่งกว่าผลการเรียนของพวกเขา คุณข่มนักเรียนที่เรียนแย่พวกนั้นเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งถ้าพวกเขาแบกรับความกดดันไม่ไหวจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรบ้าง”

อันที่จริงอิ๋งจื่อจินไม่ใช่แค่คนแรก ก่อนที่เธอจะย้ายมาก็เคยมีนักเรียนคลาสทั่วไปที่ถูกเฮ่อสวินตำหนิจนต้องย้ายโรงเรียน

เดิมทีทางโรงเรียนไม่ทราบเรื่องนี้ว่าเกี่ยวข้องกับเฮ่อสวิน

เป็นเพราะการถามตอบครั้งแรกนี้ ภาพลักษณ์ของเฮ่อสวินเสียหายไปมาก จึงมีนักเรียนยกเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีกครั้งและร้องเรียน

เฮ่อสวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่เธอตอบได้ทั้งนั้น”

ไม่เสียหายแม้แต่น้อย

“อาจารย์เฮ่อ ดูเอานะครับ นี่ก็คือข้อบกพร่องของคุณ” สีหน้าของผู้อำนวยการเย็นชาลง “คุณจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันอันนี้ไม่เถียง แต่คุณแบ่งแยกนักเรียนแบบนี้ ทางชิงจื้อไม่มีทางเก็บไว้ครับ”

พอเฮ่อสวินได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีหนทางให้ต่อรองแล้ว

“ผู้อำนวยการครับ ผมยอมรับการเชิญออกได้” เฮ่อสวินจำต้องสงบเสงี่ยมลง “แต่เรื่องสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผู้อำนวยการให้ผมตามต่อนะครับ ถือเป็นการไถ่โทษจากผม”

เรื่องที่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อไม่เคยรู้ ไม่ใช่ว่าชิงจื้อขาดเขาไม่ได้ แต่เขาขาดชิงจื้อไม่ได้หากออกไป การสอบของเขาก็จะไม่สามารถสำเร็จได้

ถ้าทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันยกเลิกทะเบียนนักศึกษาของเขาจริง

“อ่อ ก็ไม่กี่วันแล้วสินะ” ผู้อำนวยการพยักหน้า “งั้นหลังจากที่จบการสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็รบกวนอาจารย์เฮ่อไปจากชิงจื้อโดยเร็วแล้วกันครับ”

พูดมาถึงขั้นนี้แล้วเฮ่อสวินยังจะมีหน้าอยู่ต่อได้อย่างไร เขาหยิบเอกสารแล้วเดินออก

พอเปิดประตูก็มีเสียงผู้อำนวยการพูดตามหลังอีกครั้ง

“จริงสิ ในเมื่อคุณเฮ่อไม่ใช่อาจารย์ของชิงจื้อแล้ว ก็ช่วยย้ายออกจากที่พักที่ทางโรงเรียนจัดให้โดยเร็วที่สุดนะครับ”

ห้องสิบเก้า

เจียงหรานกำลังเอาชุดนักเรียนคลุมโปงหลับ เนื่องจากช่วงนี้กำลังภายในในร่างกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่านระลอกใหม่อีกแล้ว

แต่ได้ยินเสียงอึกทึกข้างหูตลอด จึงหงุดหงิดจนถีบโต๊ะไปหนึ่งที

พอเงยหน้าขึ้นมาเจียงหรานก็เห็นมีคนมาอออยู่ที่ประตูหน้ากับประตูหลังของห้องเรียน พวกลูกน้องขวางอยู่ที่ประตูไม่ให้นักเรียนพวกนั้นเข้ามา

เจียงหรานข่มความหงุดหงิดแล้วถามขึ้น “พวกเขามาทำอะไร มีตลาดนัดเหรอ”

เขาชอบความสงบ ดังนั้นห้องเรียนของห้องสิบเก้าจึงอยู่ห้องสุดท้ายของชั้น

เนื่องจากขาใหญ่ของชิงจื้ออยู่ที่ห้องสิบเก้าหมด พวกนักเรียนจึงเลี่ยงได้ก็เลี่ยง

มีคนมามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

“อ๋อ” ซิวอวี่ส่องกระจก กำลังใช้ลิปสติกแท่งใหม่ที่อิ๋งจื่อจินให้มา

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ มากราบไหว้เทพอิ๋งไง”

เจียงหราน “…”

คราวนี้เขาไม่โมโหแล้ว หันไปหาอิ๋งจื่อจิน กระแอมเล็กน้อย “เอ่อคือ พ่ออิ๋ง ยืมที่อุดหูหน่อยสิ”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองเขาแล้วหยิบกล่องที่อุดหูที่ไม่เคยใช้ออกมาจากกระเป๋าหนังสือโยนให้เขา

ในขณะที่เจียงหรานกำลังเตรียมหลับตานอนต่อ พวกลูกน้องก็ยกกล่องหลายใบเข้ามาวางบนพื้น

“พ่ออิ๋ง อะ”

“อะไรน่ะ” เจียงหรานก้มมองก็เห็นกองซองจดหมายสีชมพูบ้างน้ำเงินบ้าง “…”

ของพวกนี้เขาคุ้นเคยมาก

“จดหมายรักไง” ลูกน้องภูมิใจมาก “เพื่อไม่ให้พวกเขารบกวนการพักผ่อนของพี่หราน พวกเราเลยให้พวกเขาอยู่แค่หน้าประตูแล้วรับจดหมายรักเข้ามาให้”

เจียงหรานอุดหูตัวเองทันที คลุมโปงหลับต่อ

“สองลังนี้ น่าจะหลายร้อยฉบับหรือเปล่า” ซิวอวี่หยิบขึ้นมาหนึ่งฉบับ “พ่ออิ๋งเป็นสุดยอดของฉันอย่างมากก็แค่ได้ครั้งละไม่กี่สิบฉบับ”

อิ๋งจื่อจินวางหนังสือในมือลง ครุ่นคิด “พวกเขาส่งจดหมายรักมาให้เพราะฉันสอบได้ดีเหรอ”

ซิวอวี่คิด “ดูเหมือนจะใช่นะ”

อิ๋งจื่อจินตอบ “อ่อ” ก้มหน้าอีกครั้ง “ตาไม่ถึง”

“พ่ออิ๋ง นี่เป็นเรื่องดีออก” ซิวอวี่สำลัก “นี่ก็แสดงว่าพวกเขาไม่สนใจหน้าตา มองจากภายใน”

“งั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ฉันสนหน้าตา”

“…”

เป็นเหตุผลในการปฏิเสธที่ดี

ลูกน้องเกาหัว ค่อยๆ ยกลังออกไปอีกครั้ง

“พ่ออิ๋ง วันนั้นศาสตราจารย์ที่มาจากตี้ตูว่าไงบ้างเหรอ” ซิวอวี่สงสัย “อยากรับเธอเป็นพิเศษเหรอ”

“ไม่ใช่” หนังสือที่อิ๋งจื่อจินกำลังอ่านอยู่คือตำนานเทพเซลติก “เขาอยากให้ฉันไปเป็นแรงงานให้เขา”

ซิวอวี่ “?”

เธออาจไม่เข้าใจความคิดของพวกเทพ

“พ่ออิ๋ง หลังเรียนจบถ้าเธอไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยก็ตามฉันไปที่ตี้ตูสิ” ซิวอวี่พูดอย่างจริงจัง

“ฉันเลี้ยงเธอไหว”

“ตี้ตู…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ค่อยว่ากัน”

เช้าวันพุธฟู่อีเฉินถึงถูกปล่อยกลับคฤหาสน์ตระกูลฟู่

เขาถูกคนเอามาทิ้งไว้หน้าคฤหาสน์ ถูกมัดมือมัดเท้า ปากก็มีก้อนผ้าอุดอยู่

ฟู่อีเฉินทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ หากไม่ใช่เพราะคนสวนออกมารดน้ำพอดี เขาก็อาจต้องนอนอยู่ในพงหญ้าทั้งวันทั้งคืน

ผู้เฒ่าฟู่ถูกส่งกลับไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน ฟู่หมิงเฉิงไปบริษัทแล้ว ในบ้านเหลือแค่คุณนายฟู่กับน้องสะใภ้คนอื่นๆ

ตอนคุณนายฟู่เห็นฟู่อีเฉินก็ตกใจมาก “อีเฉิน ทำไมแก…”

“แม่…” ฟู่อีเฉินถึงขนาดไม่กล้าร้องไห้ เพราะพอร้องก็จะเจ็บแผล

เขาจมูกเขียวหน้าบวม ฟันก็ถูกต่อยจนหักไปหลายซี่ พูดจาก็ติดๆ ขัดๆ “แม่…แม่ต้องจัดการให้ผมนะ ฟู่อวิ๋นเซินมันทำเกินไปแล้ว มันทำผมเป็นสภาพนี้เห็นชัดๆ เลยว่ามันไม่เห็นแม่กับพ่ออยู่ในสายตา”

พวกน้องสะใภ้ที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินแบบนี้ก็มองมา หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงประชดกึ่งไม่เชื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขาบอกว่าฝีมือคุณชายเจ็ดเหรอ”

คนทั้งฮู่เฉิงใครไม่รู้บ้างว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนอย่างไร

เสเพล ไม่เอาไหน ไร้สาระไปวันๆ

แค่เขายังจะกล้าทำร้ายพี่รองของตัวเองเหรอ

เว้นเสียแต่อยากถูกไล่ออกจากตระกูลฟู่

“เขาพูดเล่นน่ะ” สีหน้าของคุณนายฟู่ไม่ค่อยดี “พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ฉันจะพาลูกไปทำแผล”

ฟู่อีเฉินเดินเองลำบาก คุณนายฟู่จำต้องให้คนใช้สองคนมาหามเขาไป พอเข้าไปในห้องนอน คุณนายฟู่ก็สงสารจับใจ “อีเฉิน ทำไมแกถึงมีสภาพเป็นแบบนี้”

“แม่ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ” ฟู่อีเฉินโมโหจนอยากกระทืบเท้า

“ผมถูกไอ้ลูกชายคนเล็กของแม่อัดมาไง”

“อีเฉิน ตอนนี้มีแค่พวกเราสองคน แกยังจะพูดเหลวไหลแบบนี้อีกเหรอ” คุณนายฟู่หยิบก้านสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อออกมาพลางส่ายหน้า “ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่”

“แม่ จริงๆ” เห็นคุณนายฟู่ไม่เชื่อ ฟู่อีเฉินก็ร้อนใจ “ผมเห็นกับตา คนที่พาคุณปู่ไปก็เป็นลูกน้องของฟู่อวิ๋นเซินเหมือนกัน มันจับผมขังไว้เจ็ดวันเจ็ดคืนให้ดื่มแค่น้ำ ผมใกล้จะตายแล้ว”

มนุษย์ถ้าดื่มแค่น้ำจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าฟู่อวิ๋นเซินคำนวณเวลาไว้อย่างดี จากนั้นก็ส่งเขากลับบ้าน

“ไม่ให้กินข้าวเหรอ” คุณนายฟู่ตกใจ “ฉันจะให้ห้องครัวทำอาหารเหลวให้แกกินหน่อย แกรีบนอนลง พักผ่อนก่อน”

ครั้งนี้ฟู่อีเฉินโมโหจนร้องไห้ “แม่ เป็นฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ นะ เชื่อผมสิ มันรอแก้แค้นพวกเราอยู่แน่นอน จริงๆ นะ!”

“เอาล่ะ เลิกพูดเถอะ” คุณนายฟู่ดุ “ต่อไปพูดแบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย ถ้าให้ฉันได้ยินอีกฉันจะลงโทษแกให้คุกเข่าที่ห้องบรรพชน”

อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแสดงคอนเสิร์ตแล้ว อิ๋งลู่เวยกลับอารมณ์ดีมาก

อย่างไรเสียเธอก็มีวิธี ต่อให้เธอเล่นเพลงตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซไม่ได้ แต่ภาพลักษณ์ก็ไม่มีทางพังทลาย

ยังไงซะขนาดโน้ตที่สมบูรณ์ยังไม่มี ต่อให้เป็นนักเปียโนชั้นแนวหน้าก็ไม่มีทางเล่นได้

ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอจะทำยังไงอิ๋งจื่อจินถึงจะรับปากมางานคอนเสิร์ตของเธอ

ขณะที่อิ๋งลู่เวยกำลังพยายามเค้นสมองหาทางอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก

เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

“ลู่เวย ข่าวดี” ผู้จัดการส่วนตัวตื่นเต้นมาก “มีคำเชิญหนึ่งมาถึงมือเธอ บอกว่าอยากเชิญเธอไปรับบทในหนังของพวกเขา แต่ต้องมีเทสต์หน้ากล้อง”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งลู่เวยก็ยิ้ม พูดประชด “บริษัทไหนกันโง่ขนาดนี้ ให้ฉันแสดงหนังเหรอ ฉันไม่ใช่พวกขายการแสดงแบบคนในวงการบันเทิงหรอกนะ”

เธอเป็นคนของแวดวงดนตรี เธอสร้างภาพลักษณ์ในวงการบันเทิงก็เพื่อดึงดูดแฟนคลับให้มาเลื่อมใสในตัวเธอมากขึ้น

เธอเป็นถึงสาวไฮโซอันดับหนึ่งของฮู่เฉิง จะเหมือนดาราพวกนั้นได้ยังไง

“ต้องไม่ใช่บททั่วไปอยู่แล้ว ถ้าใช่ผมยังจะมาหาคุณเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวพูดเร็ว “ครั้งนี้เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างของชูกวงมีเดียกับบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ส เล่าถึงประวัติศาสตร์ดนตรียุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเจ็ดถึงสิบแปด”

“บทที่พวกเขาเชิญคุณไปแสดงก็คือวีร่า โฮลท์ซ!”

พวกเขาต้องการผู้หญิงที่อายุน้อย แถมมีบุคลิกดี ทั้งยังต้องเล่นเปียโนเก่ง มีชื่อเสียงและอิทธิพลในโลกไซเบอร์ด้วย นอกจากอิ๋งลู่เวยแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวก็นึกไม่ออกว่ายังจะมีใครที่เหมาะสมกับบทนี้อีก

เว้นเสียแต่วีร่า โฮลท์ซจะยังมีชีวิตอยู่

อิ๋งลู่เวยตกใจ “จริงเหรอ”

ถ้าเธอได้ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอก็จะสามารถเข้าสู่วงการดนตรีในระดับสากลได้ สามารถคลุกคลีกับนักดนตรีชั้นแนวหน้าอย่างแท้จริงได้

ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันได้ตอบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เขาเหลือบมองหน้าจอ ตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

“ทางชูกวงมีเดียโทรมา ต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน” ผู้จัดการส่วนตัวรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมคือผู้จัดการส่วนตัวของคุณลู่เวยครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 143 ก็แค่เปลือกนอกของบอสอิ๋ง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 143 ก็แค่เปลือกนอกของบอสอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เขาหยิบเอกสารออกมาจากในซอง แค่เหลือบมองดูก็สีหน้าเปลี่ยน

เฮ่อสวินเงยหน้าขึ้นทันที มองอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา “ผู้อำนวยการ!”

“อาจารย์เฮ่อ ผมรู้ว่าคุณจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ความรู้มากพอ” ผู้อำนวยการพยักหน้า

“ตอนนั้นที่ชิงจื้อเชิญคุณมาก็เพราะเล็งเห็นความสำคัญของสองจุดนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าคุณ…”

หยุดเล็กน้อย เขาพูดอ้อมค้อม “ยังต้องไปหาประสบการณ์ในสังคมอีกสักหน่อย”

ความหมายก็คือ คุณไม่เหมาะที่จะเป็นอาจารย์

ไม่ว่าอย่างไรเฮ่อสวินก็ไม่คาดคิดว่าชิงจื้อจะลงโทษเขาด้วยการเชิญออก

เพราะเขาได้เปรียบจากมหาวิทยาลัยที่จบมาโดยตลอด อย่างน้อยเขาก็ยังไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ หลายคนไปที่นั่นไม่ได้

“อาจารย์เฮ่อ ชิงจื้อเอานักเรียนเป็นหลักครับ” ผู้อำนวยการพูด “ในสายตาของผม สุขภาพจิตของนักเรียนสำคัญยิ่งกว่าผลการเรียนของพวกเขา คุณข่มนักเรียนที่เรียนแย่พวกนั้นเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งถ้าพวกเขาแบกรับความกดดันไม่ไหวจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรบ้าง”

อันที่จริงอิ๋งจื่อจินไม่ใช่แค่คนแรก ก่อนที่เธอจะย้ายมาก็เคยมีนักเรียนคลาสทั่วไปที่ถูกเฮ่อสวินตำหนิจนต้องย้ายโรงเรียน

เดิมทีทางโรงเรียนไม่ทราบเรื่องนี้ว่าเกี่ยวข้องกับเฮ่อสวิน

เป็นเพราะการถามตอบครั้งแรกนี้ ภาพลักษณ์ของเฮ่อสวินเสียหายไปมาก จึงมีนักเรียนยกเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีกครั้งและร้องเรียน

เฮ่อสวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่เธอตอบได้ทั้งนั้น”

ไม่เสียหายแม้แต่น้อย

“อาจารย์เฮ่อ ดูเอานะครับ นี่ก็คือข้อบกพร่องของคุณ” สีหน้าของผู้อำนวยการเย็นชาลง “คุณจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันอันนี้ไม่เถียง แต่คุณแบ่งแยกนักเรียนแบบนี้ ทางชิงจื้อไม่มีทางเก็บไว้ครับ”

พอเฮ่อสวินได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีหนทางให้ต่อรองแล้ว

“ผู้อำนวยการครับ ผมยอมรับการเชิญออกได้” เฮ่อสวินจำต้องสงบเสงี่ยมลง “แต่เรื่องสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผู้อำนวยการให้ผมตามต่อนะครับ ถือเป็นการไถ่โทษจากผม”

เรื่องที่โรงเรียนมัธยมชิงจื้อไม่เคยรู้ ไม่ใช่ว่าชิงจื้อขาดเขาไม่ได้ แต่เขาขาดชิงจื้อไม่ได้หากออกไป การสอบของเขาก็จะไม่สามารถสำเร็จได้

ถ้าทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันยกเลิกทะเบียนนักศึกษาของเขาจริง

“อ่อ ก็ไม่กี่วันแล้วสินะ” ผู้อำนวยการพยักหน้า “งั้นหลังจากที่จบการสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็รบกวนอาจารย์เฮ่อไปจากชิงจื้อโดยเร็วแล้วกันครับ”

พูดมาถึงขั้นนี้แล้วเฮ่อสวินยังจะมีหน้าอยู่ต่อได้อย่างไร เขาหยิบเอกสารแล้วเดินออก

พอเปิดประตูก็มีเสียงผู้อำนวยการพูดตามหลังอีกครั้ง

“จริงสิ ในเมื่อคุณเฮ่อไม่ใช่อาจารย์ของชิงจื้อแล้ว ก็ช่วยย้ายออกจากที่พักที่ทางโรงเรียนจัดให้โดยเร็วที่สุดนะครับ”

ห้องสิบเก้า

เจียงหรานกำลังเอาชุดนักเรียนคลุมโปงหลับ เนื่องจากช่วงนี้กำลังภายในในร่างกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่านระลอกใหม่อีกแล้ว

แต่ได้ยินเสียงอึกทึกข้างหูตลอด จึงหงุดหงิดจนถีบโต๊ะไปหนึ่งที

พอเงยหน้าขึ้นมาเจียงหรานก็เห็นมีคนมาอออยู่ที่ประตูหน้ากับประตูหลังของห้องเรียน พวกลูกน้องขวางอยู่ที่ประตูไม่ให้นักเรียนพวกนั้นเข้ามา

เจียงหรานข่มความหงุดหงิดแล้วถามขึ้น “พวกเขามาทำอะไร มีตลาดนัดเหรอ”

เขาชอบความสงบ ดังนั้นห้องเรียนของห้องสิบเก้าจึงอยู่ห้องสุดท้ายของชั้น

เนื่องจากขาใหญ่ของชิงจื้ออยู่ที่ห้องสิบเก้าหมด พวกนักเรียนจึงเลี่ยงได้ก็เลี่ยง

มีคนมามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

“อ๋อ” ซิวอวี่ส่องกระจก กำลังใช้ลิปสติกแท่งใหม่ที่อิ๋งจื่อจินให้มา

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ มากราบไหว้เทพอิ๋งไง”

เจียงหราน “…”

คราวนี้เขาไม่โมโหแล้ว หันไปหาอิ๋งจื่อจิน กระแอมเล็กน้อย “เอ่อคือ พ่ออิ๋ง ยืมที่อุดหูหน่อยสิ”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองเขาแล้วหยิบกล่องที่อุดหูที่ไม่เคยใช้ออกมาจากกระเป๋าหนังสือโยนให้เขา

ในขณะที่เจียงหรานกำลังเตรียมหลับตานอนต่อ พวกลูกน้องก็ยกกล่องหลายใบเข้ามาวางบนพื้น

“พ่ออิ๋ง อะ”

“อะไรน่ะ” เจียงหรานก้มมองก็เห็นกองซองจดหมายสีชมพูบ้างน้ำเงินบ้าง “…”

ของพวกนี้เขาคุ้นเคยมาก

“จดหมายรักไง” ลูกน้องภูมิใจมาก “เพื่อไม่ให้พวกเขารบกวนการพักผ่อนของพี่หราน พวกเราเลยให้พวกเขาอยู่แค่หน้าประตูแล้วรับจดหมายรักเข้ามาให้”

เจียงหรานอุดหูตัวเองทันที คลุมโปงหลับต่อ

“สองลังนี้ น่าจะหลายร้อยฉบับหรือเปล่า” ซิวอวี่หยิบขึ้นมาหนึ่งฉบับ “พ่ออิ๋งเป็นสุดยอดของฉันอย่างมากก็แค่ได้ครั้งละไม่กี่สิบฉบับ”

อิ๋งจื่อจินวางหนังสือในมือลง ครุ่นคิด “พวกเขาส่งจดหมายรักมาให้เพราะฉันสอบได้ดีเหรอ”

ซิวอวี่คิด “ดูเหมือนจะใช่นะ”

อิ๋งจื่อจินตอบ “อ่อ” ก้มหน้าอีกครั้ง “ตาไม่ถึง”

“พ่ออิ๋ง นี่เป็นเรื่องดีออก” ซิวอวี่สำลัก “นี่ก็แสดงว่าพวกเขาไม่สนใจหน้าตา มองจากภายใน”

“งั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ฉันสนหน้าตา”

“…”

เป็นเหตุผลในการปฏิเสธที่ดี

ลูกน้องเกาหัว ค่อยๆ ยกลังออกไปอีกครั้ง

“พ่ออิ๋ง วันนั้นศาสตราจารย์ที่มาจากตี้ตูว่าไงบ้างเหรอ” ซิวอวี่สงสัย “อยากรับเธอเป็นพิเศษเหรอ”

“ไม่ใช่” หนังสือที่อิ๋งจื่อจินกำลังอ่านอยู่คือตำนานเทพเซลติก “เขาอยากให้ฉันไปเป็นแรงงานให้เขา”

ซิวอวี่ “?”

เธออาจไม่เข้าใจความคิดของพวกเทพ

“พ่ออิ๋ง หลังเรียนจบถ้าเธอไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยก็ตามฉันไปที่ตี้ตูสิ” ซิวอวี่พูดอย่างจริงจัง

“ฉันเลี้ยงเธอไหว”

“ตี้ตู…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ค่อยว่ากัน”

เช้าวันพุธฟู่อีเฉินถึงถูกปล่อยกลับคฤหาสน์ตระกูลฟู่

เขาถูกคนเอามาทิ้งไว้หน้าคฤหาสน์ ถูกมัดมือมัดเท้า ปากก็มีก้อนผ้าอุดอยู่

ฟู่อีเฉินทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ หากไม่ใช่เพราะคนสวนออกมารดน้ำพอดี เขาก็อาจต้องนอนอยู่ในพงหญ้าทั้งวันทั้งคืน

ผู้เฒ่าฟู่ถูกส่งกลับไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน ฟู่หมิงเฉิงไปบริษัทแล้ว ในบ้านเหลือแค่คุณนายฟู่กับน้องสะใภ้คนอื่นๆ

ตอนคุณนายฟู่เห็นฟู่อีเฉินก็ตกใจมาก “อีเฉิน ทำไมแก…”

“แม่…” ฟู่อีเฉินถึงขนาดไม่กล้าร้องไห้ เพราะพอร้องก็จะเจ็บแผล

เขาจมูกเขียวหน้าบวม ฟันก็ถูกต่อยจนหักไปหลายซี่ พูดจาก็ติดๆ ขัดๆ “แม่…แม่ต้องจัดการให้ผมนะ ฟู่อวิ๋นเซินมันทำเกินไปแล้ว มันทำผมเป็นสภาพนี้เห็นชัดๆ เลยว่ามันไม่เห็นแม่กับพ่ออยู่ในสายตา”

พวกน้องสะใภ้ที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินแบบนี้ก็มองมา หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงประชดกึ่งไม่เชื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขาบอกว่าฝีมือคุณชายเจ็ดเหรอ”

คนทั้งฮู่เฉิงใครไม่รู้บ้างว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนอย่างไร

เสเพล ไม่เอาไหน ไร้สาระไปวันๆ

แค่เขายังจะกล้าทำร้ายพี่รองของตัวเองเหรอ

เว้นเสียแต่อยากถูกไล่ออกจากตระกูลฟู่

“เขาพูดเล่นน่ะ” สีหน้าของคุณนายฟู่ไม่ค่อยดี “พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ฉันจะพาลูกไปทำแผล”

ฟู่อีเฉินเดินเองลำบาก คุณนายฟู่จำต้องให้คนใช้สองคนมาหามเขาไป พอเข้าไปในห้องนอน คุณนายฟู่ก็สงสารจับใจ “อีเฉิน ทำไมแกถึงมีสภาพเป็นแบบนี้”

“แม่ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ” ฟู่อีเฉินโมโหจนอยากกระทืบเท้า

“ผมถูกไอ้ลูกชายคนเล็กของแม่อัดมาไง”

“อีเฉิน ตอนนี้มีแค่พวกเราสองคน แกยังจะพูดเหลวไหลแบบนี้อีกเหรอ” คุณนายฟู่หยิบก้านสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อออกมาพลางส่ายหน้า “ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่”

“แม่ จริงๆ” เห็นคุณนายฟู่ไม่เชื่อ ฟู่อีเฉินก็ร้อนใจ “ผมเห็นกับตา คนที่พาคุณปู่ไปก็เป็นลูกน้องของฟู่อวิ๋นเซินเหมือนกัน มันจับผมขังไว้เจ็ดวันเจ็ดคืนให้ดื่มแค่น้ำ ผมใกล้จะตายแล้ว”

มนุษย์ถ้าดื่มแค่น้ำจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าฟู่อวิ๋นเซินคำนวณเวลาไว้อย่างดี จากนั้นก็ส่งเขากลับบ้าน

“ไม่ให้กินข้าวเหรอ” คุณนายฟู่ตกใจ “ฉันจะให้ห้องครัวทำอาหารเหลวให้แกกินหน่อย แกรีบนอนลง พักผ่อนก่อน”

ครั้งนี้ฟู่อีเฉินโมโหจนร้องไห้ “แม่ เป็นฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ นะ เชื่อผมสิ มันรอแก้แค้นพวกเราอยู่แน่นอน จริงๆ นะ!”

“เอาล่ะ เลิกพูดเถอะ” คุณนายฟู่ดุ “ต่อไปพูดแบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย ถ้าให้ฉันได้ยินอีกฉันจะลงโทษแกให้คุกเข่าที่ห้องบรรพชน”

อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแสดงคอนเสิร์ตแล้ว อิ๋งลู่เวยกลับอารมณ์ดีมาก

อย่างไรเสียเธอก็มีวิธี ต่อให้เธอเล่นเพลงตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซไม่ได้ แต่ภาพลักษณ์ก็ไม่มีทางพังทลาย

ยังไงซะขนาดโน้ตที่สมบูรณ์ยังไม่มี ต่อให้เป็นนักเปียโนชั้นแนวหน้าก็ไม่มีทางเล่นได้

ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอจะทำยังไงอิ๋งจื่อจินถึงจะรับปากมางานคอนเสิร์ตของเธอ

ขณะที่อิ๋งลู่เวยกำลังพยายามเค้นสมองหาทางอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก

เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

“ลู่เวย ข่าวดี” ผู้จัดการส่วนตัวตื่นเต้นมาก “มีคำเชิญหนึ่งมาถึงมือเธอ บอกว่าอยากเชิญเธอไปรับบทในหนังของพวกเขา แต่ต้องมีเทสต์หน้ากล้อง”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งลู่เวยก็ยิ้ม พูดประชด “บริษัทไหนกันโง่ขนาดนี้ ให้ฉันแสดงหนังเหรอ ฉันไม่ใช่พวกขายการแสดงแบบคนในวงการบันเทิงหรอกนะ”

เธอเป็นคนของแวดวงดนตรี เธอสร้างภาพลักษณ์ในวงการบันเทิงก็เพื่อดึงดูดแฟนคลับให้มาเลื่อมใสในตัวเธอมากขึ้น

เธอเป็นถึงสาวไฮโซอันดับหนึ่งของฮู่เฉิง จะเหมือนดาราพวกนั้นได้ยังไง

“ต้องไม่ใช่บททั่วไปอยู่แล้ว ถ้าใช่ผมยังจะมาหาคุณเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวพูดเร็ว “ครั้งนี้เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างของชูกวงมีเดียกับบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ส เล่าถึงประวัติศาสตร์ดนตรียุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเจ็ดถึงสิบแปด”

“บทที่พวกเขาเชิญคุณไปแสดงก็คือวีร่า โฮลท์ซ!”

พวกเขาต้องการผู้หญิงที่อายุน้อย แถมมีบุคลิกดี ทั้งยังต้องเล่นเปียโนเก่ง มีชื่อเสียงและอิทธิพลในโลกไซเบอร์ด้วย นอกจากอิ๋งลู่เวยแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวก็นึกไม่ออกว่ายังจะมีใครที่เหมาะสมกับบทนี้อีก

เว้นเสียแต่วีร่า โฮลท์ซจะยังมีชีวิตอยู่

อิ๋งลู่เวยตกใจ “จริงเหรอ”

ถ้าเธอได้ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอก็จะสามารถเข้าสู่วงการดนตรีในระดับสากลได้ สามารถคลุกคลีกับนักดนตรีชั้นแนวหน้าอย่างแท้จริงได้

ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันได้ตอบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เขาเหลือบมองหน้าจอ ตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

“ทางชูกวงมีเดียโทรมา ต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน” ผู้จัดการส่วนตัวรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมคือผู้จัดการส่วนตัวของคุณลู่เวยครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+