คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 130 ตบหน้า เสียใจก็ไม่ทันแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 130 ตบหน้า เสียใจก็ไม่ทันแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้แค่โปรดิวเซอร์เห็นเนี่ยเฉาก็แข้งขาอ่อนแรง

ถึงแม้การดูแลเรื่องบทกับการถ่ายทำจะเป็นหน้าที่ของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความชอบของบอสเป็นแบบไหน

เดิมทีเขาก็แค่ทำละครอินเตอร์เน็ตโดยอ้างอิงจากกระแสละครในเน็ตตอนนี้ น้ำเน่าแบบไหนก็ทำแบบนั้น สูญเสียความทรงจำตบตีแย่งชิงก็ยกเอามาใช้ทั้งหมด

ตอนนั้นโปรดิวเซอร์เห็นกระแสในเน็ตดีคอมเมนต์เยอะ ยังคิดว่าไม่เลว

ใครจะไปรู้ว่าบอสของพวกเขาจะมาที่ออฟฟิศด้วยตัวเอง ประกาศเสียงดังว่าถ้าพวกเขากล้าทำละครน้ำเน่าแบบนี้อีกจะจับหักขาให้หมด

โปรดิวเซอร์จึงหวาดกลัวอยู่ในใจ

ปกติบอสของพวกเขาไม่มาที่โรงถ่ายเหิงเตี้ยน นี่คงไม่ได้มาเอาเรื่องใช่ไหม

ด้านข้าง

วินาทีที่โปรดิวเซอร์เอ่ยปาก สมองของลั่วจื่อเย่ว์ก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ หูก็มีเสียงอื้อ

“…”

เธอไม่เข้าใจว่าโปรดิวเซอร์พูดอะไร สีหน้าอวดดีค้างอยู่บนใบหน้า มองไปข้างหน้าด้วยท่าทางแข็งทื่อ สายตาเหม่อลอย

พนักงานที่อยู่ด้านหลังเธอ รอยยิ้มค้างบนใบหน้า รู้สึกเหลือเชื่อ

ตัวประกอบที่สวมชุดสูทชมพูรองเท้าแตะคนนี้คือบอสเหรอ!

งั้นเมื่อกี้เขาจะแย่งเก้าอี้ของบอสกองถ่าย แถมยังพูดจาแรงใส่งั้นเหรอ

พนักงานตัวสั่น ร่างกายสั่นไม่หยุด

ในขณะที่เขากำลังจะขอคำยืนยันจากโปรดิวเซอร์ อีกฝ่ายก็ปาดเหงื่อ พูดขึ้นมาอีก “คุณลั่วครับ ขอแนะนำให้รู้จักนะครับ นี่คือนายทุนของพวกเรา คุณเนี่ยเฉาครับ”

“มิกล้าๆ” เนี่ยเฉายังคงอุ้มเก้าอี้หรูของตัวเองอยู่ พอได้ยินแบบนี้ก็พูดประชด “ไม่ใช่นายทุนอะไรหรอก ผมเป็นตัวประกอบที่ถูกเหิงเตี้ยนแบนน่ะ”

สีหน้าของลั่วจื่อเย่ว์ซีดลงทันที ยังจะทำตัวอวดดีแบบก่อนหน้านี้ได้ที่ไหนกัน

ริมฝีปากของเธอสั่น อยากพูดแต่กลับพูดไม่ออก

เนี่ยเฉาพูดแบบนี้ โปรดิวเซอร์ก็นึกคำพูดของลั่วจื่อเย่ว์ก่อนหน้านี้ออกแล้ว ทั้งตกใจทั้งโมโห “คุณว่าไงนะ คุณอยากไล่นายทุนออกจากเหิงเตี้ยนเหรอ”

“ไม่ใช่นะ ฉัน…” ลั่วจื่อเย่ว์หน้าเสีย รู้สึกอับอายเหลือเกิน

ใบหน้าร้อนผ่าวปวดแสบปวดร้อน แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี

เธอทำตัวเอาใหญ่จนชินแล้ว ตอนยังไม่เดบิวต์และอยู่ในรายการ ‘วัยรุ่นสร้างฝัน 101’ ก็แบบนี้ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้แต่โมโห แต่ก็ไม่กล้าพูด

อย่างไรเสียเธอก็มีคนหนุนหลัง ต่อให้ใครไม่พอใจเอาเธอไปแฉ เวยปั๋วก็จะถูกลบจนสะอาดสะอ้าน พอถึงเวลาคนที่ซวยก็คือคนที่ออกมาแฉ

ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรลั่วจื่อเย่ว์จึงไม่เคยนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ใครกล้ามีเรื่องกับเธอ คนนั้นก็ต้องไสหัวไป

ใครจะไปคิดว่า นายทุนใหญ่ขนาดนี้จะแต่งตัวได้เด๋อด๋าแบบนี้

“คุณเนี่ย ขอโทษด้วยค่ะ” ลั่วจื่อเย่ว์ทำได้เพียงบากหน้าขอโทษ พูดเสียงสั่น “เมื่อกี้ฉันไม่รู้ ถึงได้ล่วงเกิน เป็น…”

“ไม่ต้องขอโทษผม” เนี่ยเฉาไม่หลงกล “เมื่อกี้คุณว่าน้องสาวของคุณชายเจ็ดว่าไงนะ พูดอีกทีซิ”

มองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “คิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรให้เธอมาหาด้วยเหรอ”

คนที่มีสิทธิพิเศษแบบนี้ คุณชายเจ็ดก็พอจะนับรวมได้

ดาราตัวเล็กๆ แค่นี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร

เนี่ยเฉาแทบอยากจะยกเก้าอี้ทุ่มระบายความโกรธ

คำพูดเดียวเล่นเอาลั่วจื่อเย่ว์อับอายจนยืนไม่อยู่ ใบหน้าซีดเซียว น้ำเสียงสั่นเครือ “คุณหนูท่านนี้ ขอ ขอโทษค่ะ ฉันคิดมาตลอดว่าคุณเป็นซาแซงของฉัน ฉัน…”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอตั้งแต่แรก ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย

นี่ยิ่งทำให้ลั่วจื่อเย่ว์รู้สึกถูกหยามเกียรติ สีเลือดตรงริมฝีปากหายไปหมดสิ้น

เธอหันไปมองเนี่ยเฉาอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงเจือไปด้วยการอ้อนวอน “คุณเนี่ยเฉาคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ”

“ขอโทษนะ ผมเป็นคนใจแคบ” เนี่ยเฉาเจอคนสวยๆ ในวงการบันเทิงมาเยอะ ลั่วจื่อเย่ว์แค่คนเดียวไม่มีทางเข้าตาเขา เขาหันไปพูดกับโปรดิวเซอร์ “ให้เธอไสหัวออกจากกองถ่ายเราไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้ผมเห็นเธอในเหิงเตี้ยนอีก”

โปรดิวเซอร์ย่อมเชื่อฟังเนี่ยเฉา หันไปสั่งทันที “คุณลั่วครับ พรุ่งนี้เช้าคุณไม่ต้องมาถ่ายทำตอนเจ็ดโมงแล้วครับ เดี๋ยวผมจะคิดค่าตัวในช่วงหลายวันมานี้ให้”

“เก็บของกองนั้นของคุณไป รวมถึงพวกคนของคุณด้วย กองถ่ายของเราปรนนิบัติคุณที่สูงส่งขนาดนี้ไม่ไหวแล้วครับ”

ร่างกายของลั่วจื่อเย่ว์โงนเงน ใบหน้าซีดเซียว

ความรู้สึกเสียใจทะลักขึ้นมาเป็นระลอก ทั้งยังอัดอั้นตันใจ น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา

“แล้วก็พนักงานคนนี้ เลิกจ้างซะ” เนี่ยเฉาพูดต่อ “ทำงานประสาอะไร ไม่มีมารยาทเลยสักนิด ยังดีที่มาเจอฉัน ถ้าเจอประธานใหญ่บริษัทอื่น ฉันว่านายได้กลับไปช่วยทำสวนที่บ้านนอกแล้ว”

พนักงานตัวสั่น “บอส ผมไม่รู้ว่าเป็นบอส ถ้าผมรู้…”

“ทำไม ถ้ารู้จะได้ปีนขึ้นไปขี่หัวฉันเหรอ” เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด “ซวยจริงๆ คุณจัดการไปแล้วกัน พวกผมไปก่อนล่ะ”

เขากระแอมเสียง พูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณชายเจ็ด ฉันเท่มะ”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา พูดด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม “ไว้นายแต่งตัวดีกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน”

“ฉันแต่งตัวแบบนี้มันทำไมเหรอ” เนี่ยเฉาพึมพำ “ถ้าฉันมีบุคลิกแบบนายหรือพี่ชายฉัน ฉันสวมชุดกระสอบยังได้เลย”

โปรดิวเซอร์ส่งทั้งสามคนออกไปพร้อมตะโกน “บอส วางใจได้ครับ ละครครั้งนี้บอสต้องพอใจแน่”

พอเขาพูดจบก็เห็นเด็กสาวหยุดเดิน หันหน้ากลับมาแล้วเดินมาทางเขา

อิ๋งจื่อจินหยิบขนมออกมาหนึ่งถุงแล้วพูด “ฉันว่าบทใช้ได้เลยนะ”

โปรดิวเซอร์งง

“น้ำเน่ายังไงก็เอาแบบนั้น ยิ่งเยอะยิ่งดี” อิ๋งจื่อจินหาว พยักหน้าเล็กน้อย “มีอนาคต พยายามต่อไปนะ”

โปรดิวเซอร์มองถุงมันฝรั่งทอดกรอบที่เด็กสาวยื่นให้ ตกสู่ห้วงแห่งความงุนงง

ผ่านไปสักพักเขาก็เกาหัว เดินกลับไปแบบงงๆ

ถูกเนี่ยเฉาดูถูกขนาดนี้ ลั่วจื่อเย่ว์ยังจะมีหน้าไปคิดค่าตัวได้ที่ไหนกัน

คืนนี้เธอรีบร้อนนั่งรถตู้ดาราไปจากเหิงเตี้ยนทันที

ระหว่างทางในที่สุดผู้จัดการส่วนตัวก็รู้ที่มาที่ไปแล้ว โมโหจนอยากด่ารุนแรง “ลั่วจื่อเย่ว์ ฉันเคยบอกเธอไว้ว่าไง บอกให้เธอสงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อย อย่าทำอวดดีเกินไป ตอนนี้ไม่ใช่ตอนประกวดแล้วนะ!”

“นี่เป็นละครที่ทางบริษัทแย่งมาให้เธอด้วยความยากลำบาก ไม่มีเก้าอี้นุ่มๆ นั่งมันจะตายเหรอ จะต้องไปแย่งเก้าอี้กับคนอื่นให้ได้”

สีหน้าของลั่วจื่อเย่ว์ดูแย่มาก “เขาเป็นถึงบอส แต่แต่งตัวทุเรศขนาดนั้น ใครจะไปตรัสรู้ล่ะ”

เธอทำตัวอวดดีก็ย่อมต้องดูคนอยู่แล้ว

ถ้ารู้ว่าเป็นนายทุนให้เธอไปเอาใจก็ได้ มีเหรอจะล่วงเกิน

“ลั่วจื่อเย่ว์ ฉันขอเตือนนะ ตำแหน่งเดบิวต์ของเธอซื้อมาด้วยเงิน เดิมทีก็สร้างความไม่พอใจให้ชาวเน็ตอยู่แล้ว” ผู้จัดการส่วนตัวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี พยายามข่มความโกรธ “ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทสร้างภาพลักษณ์รักแรงเกลียดแรงให้เธอ เธอก็ไม่มีแม้แต่แฟนคลับสักคน รู้ตัวหรือเปล่า”

ลั่วจื่อเย่ว์ไม่พูดอะไรแล้ว เม้มริมฝีปาก

เธอย่อมรู้ว่าที่เธอเดบิวต์ได้นั้นเป็นเพราะนายทุนของเธอซื้อโหวตหนุนหลัง

ตำแหน่งเดบิวต์ของเธอแท้จริงแล้วเป็นของคนที่ได้อันดับเก้า พอถูกเธอแย่งไป อันดับเก้าคนนั้นก็ย่อมไม่ได้เดบิวต์

แต่แฟนคลับของอันดับเก้าคนนั้นได้ทำการร้องเรียนจำนวนมาก หลังจากที่ผลเดบิวต์ออกมาก็ยังตามมาถล่มด่าที่เวยปั๋วของเธอ หาว่าไม่ยุติธรรม

แต่แล้วไงล่ะ

คนธรรมดาที่ไม่มีบริษัทสนับสนุน ต่อให้ได้อันดับสูงๆ หลายครั้ง มีเหรอจะเทียบเธอได้

ลั่วจื่อเย่ว์ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องนี้

วงการบันเทิงก็แบบนี้ มีนายทุนก็ไต่เต้าง่ายขึ้น

“กลับไปก่อน” ผู้จัดการส่วนตัวไม่มีอะไรจะพูดอีก อย่างไรเสียเบื้องบนก็ให้เขาดูแลลั่วจื่อเย่ว์ให้ดี “ยังมีบทละครอื่นอีก เธอเลือกมาหนึ่งเรื่อง”

วันแรงงานปีนี้หยุดต่อเนื่องห้าวัน บรรดานักเรียนชิงจื้อหลายคนพอสอบเสร็จก็ออกไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนานแล้ว

เว้นเสียแต่เด็กมอหกที่ยังต้องมาเรียนเสริม ส่วนที่เหลือก็เป็นอาจารย์ที่มาตรวจข้อสอบ

พวกอาจารย์ต่างบ่นกันระงม ไม่ได้หยุดแถมยังต้องมานั่งดูนักเรียนตัวเองโพสต์รูปอาหารในวีแชทอีก

ผู้อำนวยการใจร้ายจริงๆ

แต่นี่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชิงจื้อไปแล้ว สอบกลางภาคของเทอมสองคือช่วงก่อนวันแรงงาน หลังวันแรงงานเปิดมาก็จะติดประกาศอันดับพร้อมแจกข้อสอบคืน

แต่ครั้งนี้อาจารย์หลายวิชาค่อนข้างสบาย

โดยเฉพาะอาจารย์ของกลุ่มวิชาฟิสิกส์

ข้อสอบแบบตัวเลือกใช้เครื่องตรวจ ไม่ต้องใช้อาจารย์

ข้อที่เหลือคือข้อแสดงการทดลอง ตอบคำถามสองข้อ บวกกับอีกหนึ่งข้อให้เลือกทำ ถ้าแบ่งๆ กันอันที่จริงก็มีไม่เยอะเท่าไร

ที่สำคัญที่สุดคือข้อสอบครั้งนี้ยากมาก

ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะหรือข้อสอบปกติของคลาสอื่นๆ ล้วนยากกว่าปีที่ผ่านๆ มา จึงทำให้นักเรียนหลายคนไม่ได้ตอบ

เดิมทีอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ยังรู้สึกไม่พอใจที่ต้องตื่นแต่เช้ามาตรวจข้อสอบ

แต่หลังจากตรวจไปได้สิบกว่าแผ่นเขาก็อารมณ์ดี

ข้อสอบที่เขาได้รับแบ่งเป็นโจทย์แบบให้เลือกทำของห้าห้องรวมถึงคลาสเด็กอัจฉริยะด้วย

แต่โจทย์ข้อนี้มีนักเรียนแค่ไม่กี่คนที่เขียนตอบ

นักเรียนตอบอยู่ไม่กี่คน อีกทั้งยังเขียนแต่สูตรมา ให้ได้แค่สองคะแนน

มองไปปราดเดียว เห็นกระดาษโล่งๆ เขาแทบไม่ต้องดู เขียนเลขศูนย์ได้ทันที

ข้อสอบชุดนี้ตรวจง่ายมาก

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตรวจข้อสอบอย่างอารมณ์ดี แถมยังฮัมเพลงไปด้วย

เขาเองก็ดูหัวข้อการสอบครั้งนี้แล้ว โจทย์แบบเลือกทำของข้อสอบปกติเป็นระดับความยากเทียบเท่าการแข่งขันฟิสิกส์ คนที่ทำได้มีแค่พวกเด็กหัวกะทิของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ที่เคยแข่งฟิสิกส์

ส่วนข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะน่ะเหรอ

เขามองคำตอบอยู่นานถึงเข้าใจวิธีแก้

หลังจากอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตรวจข้อสอบทั่วไปร้อยชุดเสร็จก็เปลี่ยนไปตรวจข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ

เด็กคลาสอัจฉริยะรุ่นนี้ก็มีเก่งๆ หลายคน ไม่แน่อาจทำโจทย์แบบเลือกทำกันได้หรือเปล่า

แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นว่างเปล่า ว่างเปล่า ว่างเปล่า

เขาก็ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ มือวาดเลขไปอย่างไม่ลังเล

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตรวจอย่างอารมณ์ดี คิดอยู่ว่าเดี๋ยวตรวจเสร็จก็จะพาภรรยาไปปีนเขาได้แล้ว จนกระทั่งเขาเปิดไปถึงกระดาษคำตอบใบสุดท้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 130 ตบหน้า เสียใจก็ไม่ทันแล้ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 130 ตบหน้า เสียใจก็ไม่ทันแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้แค่โปรดิวเซอร์เห็นเนี่ยเฉาก็แข้งขาอ่อนแรง

ถึงแม้การดูแลเรื่องบทกับการถ่ายทำจะเป็นหน้าที่ของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความชอบของบอสเป็นแบบไหน

เดิมทีเขาก็แค่ทำละครอินเตอร์เน็ตโดยอ้างอิงจากกระแสละครในเน็ตตอนนี้ น้ำเน่าแบบไหนก็ทำแบบนั้น สูญเสียความทรงจำตบตีแย่งชิงก็ยกเอามาใช้ทั้งหมด

ตอนนั้นโปรดิวเซอร์เห็นกระแสในเน็ตดีคอมเมนต์เยอะ ยังคิดว่าไม่เลว

ใครจะไปรู้ว่าบอสของพวกเขาจะมาที่ออฟฟิศด้วยตัวเอง ประกาศเสียงดังว่าถ้าพวกเขากล้าทำละครน้ำเน่าแบบนี้อีกจะจับหักขาให้หมด

โปรดิวเซอร์จึงหวาดกลัวอยู่ในใจ

ปกติบอสของพวกเขาไม่มาที่โรงถ่ายเหิงเตี้ยน นี่คงไม่ได้มาเอาเรื่องใช่ไหม

ด้านข้าง

วินาทีที่โปรดิวเซอร์เอ่ยปาก สมองของลั่วจื่อเย่ว์ก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ หูก็มีเสียงอื้อ

“…”

เธอไม่เข้าใจว่าโปรดิวเซอร์พูดอะไร สีหน้าอวดดีค้างอยู่บนใบหน้า มองไปข้างหน้าด้วยท่าทางแข็งทื่อ สายตาเหม่อลอย

พนักงานที่อยู่ด้านหลังเธอ รอยยิ้มค้างบนใบหน้า รู้สึกเหลือเชื่อ

ตัวประกอบที่สวมชุดสูทชมพูรองเท้าแตะคนนี้คือบอสเหรอ!

งั้นเมื่อกี้เขาจะแย่งเก้าอี้ของบอสกองถ่าย แถมยังพูดจาแรงใส่งั้นเหรอ

พนักงานตัวสั่น ร่างกายสั่นไม่หยุด

ในขณะที่เขากำลังจะขอคำยืนยันจากโปรดิวเซอร์ อีกฝ่ายก็ปาดเหงื่อ พูดขึ้นมาอีก “คุณลั่วครับ ขอแนะนำให้รู้จักนะครับ นี่คือนายทุนของพวกเรา คุณเนี่ยเฉาครับ”

“มิกล้าๆ” เนี่ยเฉายังคงอุ้มเก้าอี้หรูของตัวเองอยู่ พอได้ยินแบบนี้ก็พูดประชด “ไม่ใช่นายทุนอะไรหรอก ผมเป็นตัวประกอบที่ถูกเหิงเตี้ยนแบนน่ะ”

สีหน้าของลั่วจื่อเย่ว์ซีดลงทันที ยังจะทำตัวอวดดีแบบก่อนหน้านี้ได้ที่ไหนกัน

ริมฝีปากของเธอสั่น อยากพูดแต่กลับพูดไม่ออก

เนี่ยเฉาพูดแบบนี้ โปรดิวเซอร์ก็นึกคำพูดของลั่วจื่อเย่ว์ก่อนหน้านี้ออกแล้ว ทั้งตกใจทั้งโมโห “คุณว่าไงนะ คุณอยากไล่นายทุนออกจากเหิงเตี้ยนเหรอ”

“ไม่ใช่นะ ฉัน…” ลั่วจื่อเย่ว์หน้าเสีย รู้สึกอับอายเหลือเกิน

ใบหน้าร้อนผ่าวปวดแสบปวดร้อน แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี

เธอทำตัวเอาใหญ่จนชินแล้ว ตอนยังไม่เดบิวต์และอยู่ในรายการ ‘วัยรุ่นสร้างฝัน 101’ ก็แบบนี้ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้แต่โมโห แต่ก็ไม่กล้าพูด

อย่างไรเสียเธอก็มีคนหนุนหลัง ต่อให้ใครไม่พอใจเอาเธอไปแฉ เวยปั๋วก็จะถูกลบจนสะอาดสะอ้าน พอถึงเวลาคนที่ซวยก็คือคนที่ออกมาแฉ

ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรลั่วจื่อเย่ว์จึงไม่เคยนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ใครกล้ามีเรื่องกับเธอ คนนั้นก็ต้องไสหัวไป

ใครจะไปคิดว่า นายทุนใหญ่ขนาดนี้จะแต่งตัวได้เด๋อด๋าแบบนี้

“คุณเนี่ย ขอโทษด้วยค่ะ” ลั่วจื่อเย่ว์ทำได้เพียงบากหน้าขอโทษ พูดเสียงสั่น “เมื่อกี้ฉันไม่รู้ ถึงได้ล่วงเกิน เป็น…”

“ไม่ต้องขอโทษผม” เนี่ยเฉาไม่หลงกล “เมื่อกี้คุณว่าน้องสาวของคุณชายเจ็ดว่าไงนะ พูดอีกทีซิ”

มองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “คิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรให้เธอมาหาด้วยเหรอ”

คนที่มีสิทธิพิเศษแบบนี้ คุณชายเจ็ดก็พอจะนับรวมได้

ดาราตัวเล็กๆ แค่นี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร

เนี่ยเฉาแทบอยากจะยกเก้าอี้ทุ่มระบายความโกรธ

คำพูดเดียวเล่นเอาลั่วจื่อเย่ว์อับอายจนยืนไม่อยู่ ใบหน้าซีดเซียว น้ำเสียงสั่นเครือ “คุณหนูท่านนี้ ขอ ขอโทษค่ะ ฉันคิดมาตลอดว่าคุณเป็นซาแซงของฉัน ฉัน…”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอตั้งแต่แรก ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย

นี่ยิ่งทำให้ลั่วจื่อเย่ว์รู้สึกถูกหยามเกียรติ สีเลือดตรงริมฝีปากหายไปหมดสิ้น

เธอหันไปมองเนี่ยเฉาอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงเจือไปด้วยการอ้อนวอน “คุณเนี่ยเฉาคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ”

“ขอโทษนะ ผมเป็นคนใจแคบ” เนี่ยเฉาเจอคนสวยๆ ในวงการบันเทิงมาเยอะ ลั่วจื่อเย่ว์แค่คนเดียวไม่มีทางเข้าตาเขา เขาหันไปพูดกับโปรดิวเซอร์ “ให้เธอไสหัวออกจากกองถ่ายเราไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้ผมเห็นเธอในเหิงเตี้ยนอีก”

โปรดิวเซอร์ย่อมเชื่อฟังเนี่ยเฉา หันไปสั่งทันที “คุณลั่วครับ พรุ่งนี้เช้าคุณไม่ต้องมาถ่ายทำตอนเจ็ดโมงแล้วครับ เดี๋ยวผมจะคิดค่าตัวในช่วงหลายวันมานี้ให้”

“เก็บของกองนั้นของคุณไป รวมถึงพวกคนของคุณด้วย กองถ่ายของเราปรนนิบัติคุณที่สูงส่งขนาดนี้ไม่ไหวแล้วครับ”

ร่างกายของลั่วจื่อเย่ว์โงนเงน ใบหน้าซีดเซียว

ความรู้สึกเสียใจทะลักขึ้นมาเป็นระลอก ทั้งยังอัดอั้นตันใจ น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา

“แล้วก็พนักงานคนนี้ เลิกจ้างซะ” เนี่ยเฉาพูดต่อ “ทำงานประสาอะไร ไม่มีมารยาทเลยสักนิด ยังดีที่มาเจอฉัน ถ้าเจอประธานใหญ่บริษัทอื่น ฉันว่านายได้กลับไปช่วยทำสวนที่บ้านนอกแล้ว”

พนักงานตัวสั่น “บอส ผมไม่รู้ว่าเป็นบอส ถ้าผมรู้…”

“ทำไม ถ้ารู้จะได้ปีนขึ้นไปขี่หัวฉันเหรอ” เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด “ซวยจริงๆ คุณจัดการไปแล้วกัน พวกผมไปก่อนล่ะ”

เขากระแอมเสียง พูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณชายเจ็ด ฉันเท่มะ”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา พูดด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม “ไว้นายแต่งตัวดีกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน”

“ฉันแต่งตัวแบบนี้มันทำไมเหรอ” เนี่ยเฉาพึมพำ “ถ้าฉันมีบุคลิกแบบนายหรือพี่ชายฉัน ฉันสวมชุดกระสอบยังได้เลย”

โปรดิวเซอร์ส่งทั้งสามคนออกไปพร้อมตะโกน “บอส วางใจได้ครับ ละครครั้งนี้บอสต้องพอใจแน่”

พอเขาพูดจบก็เห็นเด็กสาวหยุดเดิน หันหน้ากลับมาแล้วเดินมาทางเขา

อิ๋งจื่อจินหยิบขนมออกมาหนึ่งถุงแล้วพูด “ฉันว่าบทใช้ได้เลยนะ”

โปรดิวเซอร์งง

“น้ำเน่ายังไงก็เอาแบบนั้น ยิ่งเยอะยิ่งดี” อิ๋งจื่อจินหาว พยักหน้าเล็กน้อย “มีอนาคต พยายามต่อไปนะ”

โปรดิวเซอร์มองถุงมันฝรั่งทอดกรอบที่เด็กสาวยื่นให้ ตกสู่ห้วงแห่งความงุนงง

ผ่านไปสักพักเขาก็เกาหัว เดินกลับไปแบบงงๆ

ถูกเนี่ยเฉาดูถูกขนาดนี้ ลั่วจื่อเย่ว์ยังจะมีหน้าไปคิดค่าตัวได้ที่ไหนกัน

คืนนี้เธอรีบร้อนนั่งรถตู้ดาราไปจากเหิงเตี้ยนทันที

ระหว่างทางในที่สุดผู้จัดการส่วนตัวก็รู้ที่มาที่ไปแล้ว โมโหจนอยากด่ารุนแรง “ลั่วจื่อเย่ว์ ฉันเคยบอกเธอไว้ว่าไง บอกให้เธอสงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อย อย่าทำอวดดีเกินไป ตอนนี้ไม่ใช่ตอนประกวดแล้วนะ!”

“นี่เป็นละครที่ทางบริษัทแย่งมาให้เธอด้วยความยากลำบาก ไม่มีเก้าอี้นุ่มๆ นั่งมันจะตายเหรอ จะต้องไปแย่งเก้าอี้กับคนอื่นให้ได้”

สีหน้าของลั่วจื่อเย่ว์ดูแย่มาก “เขาเป็นถึงบอส แต่แต่งตัวทุเรศขนาดนั้น ใครจะไปตรัสรู้ล่ะ”

เธอทำตัวอวดดีก็ย่อมต้องดูคนอยู่แล้ว

ถ้ารู้ว่าเป็นนายทุนให้เธอไปเอาใจก็ได้ มีเหรอจะล่วงเกิน

“ลั่วจื่อเย่ว์ ฉันขอเตือนนะ ตำแหน่งเดบิวต์ของเธอซื้อมาด้วยเงิน เดิมทีก็สร้างความไม่พอใจให้ชาวเน็ตอยู่แล้ว” ผู้จัดการส่วนตัวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี พยายามข่มความโกรธ “ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทสร้างภาพลักษณ์รักแรงเกลียดแรงให้เธอ เธอก็ไม่มีแม้แต่แฟนคลับสักคน รู้ตัวหรือเปล่า”

ลั่วจื่อเย่ว์ไม่พูดอะไรแล้ว เม้มริมฝีปาก

เธอย่อมรู้ว่าที่เธอเดบิวต์ได้นั้นเป็นเพราะนายทุนของเธอซื้อโหวตหนุนหลัง

ตำแหน่งเดบิวต์ของเธอแท้จริงแล้วเป็นของคนที่ได้อันดับเก้า พอถูกเธอแย่งไป อันดับเก้าคนนั้นก็ย่อมไม่ได้เดบิวต์

แต่แฟนคลับของอันดับเก้าคนนั้นได้ทำการร้องเรียนจำนวนมาก หลังจากที่ผลเดบิวต์ออกมาก็ยังตามมาถล่มด่าที่เวยปั๋วของเธอ หาว่าไม่ยุติธรรม

แต่แล้วไงล่ะ

คนธรรมดาที่ไม่มีบริษัทสนับสนุน ต่อให้ได้อันดับสูงๆ หลายครั้ง มีเหรอจะเทียบเธอได้

ลั่วจื่อเย่ว์ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องนี้

วงการบันเทิงก็แบบนี้ มีนายทุนก็ไต่เต้าง่ายขึ้น

“กลับไปก่อน” ผู้จัดการส่วนตัวไม่มีอะไรจะพูดอีก อย่างไรเสียเบื้องบนก็ให้เขาดูแลลั่วจื่อเย่ว์ให้ดี “ยังมีบทละครอื่นอีก เธอเลือกมาหนึ่งเรื่อง”

วันแรงงานปีนี้หยุดต่อเนื่องห้าวัน บรรดานักเรียนชิงจื้อหลายคนพอสอบเสร็จก็ออกไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนานแล้ว

เว้นเสียแต่เด็กมอหกที่ยังต้องมาเรียนเสริม ส่วนที่เหลือก็เป็นอาจารย์ที่มาตรวจข้อสอบ

พวกอาจารย์ต่างบ่นกันระงม ไม่ได้หยุดแถมยังต้องมานั่งดูนักเรียนตัวเองโพสต์รูปอาหารในวีแชทอีก

ผู้อำนวยการใจร้ายจริงๆ

แต่นี่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชิงจื้อไปแล้ว สอบกลางภาคของเทอมสองคือช่วงก่อนวันแรงงาน หลังวันแรงงานเปิดมาก็จะติดประกาศอันดับพร้อมแจกข้อสอบคืน

แต่ครั้งนี้อาจารย์หลายวิชาค่อนข้างสบาย

โดยเฉพาะอาจารย์ของกลุ่มวิชาฟิสิกส์

ข้อสอบแบบตัวเลือกใช้เครื่องตรวจ ไม่ต้องใช้อาจารย์

ข้อที่เหลือคือข้อแสดงการทดลอง ตอบคำถามสองข้อ บวกกับอีกหนึ่งข้อให้เลือกทำ ถ้าแบ่งๆ กันอันที่จริงก็มีไม่เยอะเท่าไร

ที่สำคัญที่สุดคือข้อสอบครั้งนี้ยากมาก

ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะหรือข้อสอบปกติของคลาสอื่นๆ ล้วนยากกว่าปีที่ผ่านๆ มา จึงทำให้นักเรียนหลายคนไม่ได้ตอบ

เดิมทีอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ยังรู้สึกไม่พอใจที่ต้องตื่นแต่เช้ามาตรวจข้อสอบ

แต่หลังจากตรวจไปได้สิบกว่าแผ่นเขาก็อารมณ์ดี

ข้อสอบที่เขาได้รับแบ่งเป็นโจทย์แบบให้เลือกทำของห้าห้องรวมถึงคลาสเด็กอัจฉริยะด้วย

แต่โจทย์ข้อนี้มีนักเรียนแค่ไม่กี่คนที่เขียนตอบ

นักเรียนตอบอยู่ไม่กี่คน อีกทั้งยังเขียนแต่สูตรมา ให้ได้แค่สองคะแนน

มองไปปราดเดียว เห็นกระดาษโล่งๆ เขาแทบไม่ต้องดู เขียนเลขศูนย์ได้ทันที

ข้อสอบชุดนี้ตรวจง่ายมาก

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตรวจข้อสอบอย่างอารมณ์ดี แถมยังฮัมเพลงไปด้วย

เขาเองก็ดูหัวข้อการสอบครั้งนี้แล้ว โจทย์แบบเลือกทำของข้อสอบปกติเป็นระดับความยากเทียบเท่าการแข่งขันฟิสิกส์ คนที่ทำได้มีแค่พวกเด็กหัวกะทิของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ที่เคยแข่งฟิสิกส์

ส่วนข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะน่ะเหรอ

เขามองคำตอบอยู่นานถึงเข้าใจวิธีแก้

หลังจากอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตรวจข้อสอบทั่วไปร้อยชุดเสร็จก็เปลี่ยนไปตรวจข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ

เด็กคลาสอัจฉริยะรุ่นนี้ก็มีเก่งๆ หลายคน ไม่แน่อาจทำโจทย์แบบเลือกทำกันได้หรือเปล่า

แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นว่างเปล่า ว่างเปล่า ว่างเปล่า

เขาก็ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ มือวาดเลขไปอย่างไม่ลังเล

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตรวจอย่างอารมณ์ดี คิดอยู่ว่าเดี๋ยวตรวจเสร็จก็จะพาภรรยาไปปีนเขาได้แล้ว จนกระทั่งเขาเปิดไปถึงกระดาษคำตอบใบสุดท้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+