คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไปซื้ออะไหล่ที่ถนนตงจยาเช่นกัน

ถนนตงจยามีร้านที่ขายอะไหล่พวกนี้สิบกว่าร้าน อยู่แถวมหาวิทยาลัยตี้ตู ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดลอง

ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูต้องการให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติมากกว่าเน้นพวกทฤษฎี

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีห้องทดลองระดับประเทศหลายห้อง

“มีอะไรเหรอ” จั่วหลีอึ้งเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบแฟลชไดร์อันนั้นมา “ขออาจารย์ดูหน่อย”

ขณะพูดเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในโพเดียมพลางกดจอฉายบนกระดานดำให้เลื่อนลงมา

สีหน้าของซิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจือไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

เธอจ้องจั่วหลีเขม็ง หน้าผากที่ขาวผ่องมีเหงื่อซึมออกมา

ซิวเหยียนอยากเข้าไปห้าม แต่เธอกลับไม่มีเหตุผล

คนอื่นๆ ก็อยู่ในอาการงุนงง ไม่รู้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเรื่องอะไร

เถิงอวิ้นเมิ่งเอะใจ เธอกระซิบถาม “จื่อจิน เธอสงสัยว่ามีคนเล่นตุกติกกับอะไหล่ที่ฉันซื้อมา เลยถามว่าฉันซื้อที่ไหนเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะเครื่องมือถูกล็อกไว้ในห้องของเธอ ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงเล่นงานจากอะไหล่”

เรื่องเล็กน้อยที่มองออกได้ตั้งแต่แรกแบบนี้ จะใช้ญาณพยากรณ์ก็เปลืองฟรี

ใบหน้าตุ๊กตาของเถิงอวิ้นเมิ่งยับยู่ยี่

“แต่เถ้าแก่ที่ขายอะไหล่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย ทำไมเขาต้องเล่นงานฉันด้วย”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอหันไป “ดูเอาเองแล้วกัน”

เวลานี้จั่วหลีได้กดเปิดคลิปกล้องวงจรปิดที่อยู่ในแฟลชไดร์

โปรเจคเตอร์ฉายภาพขึ้นกระดาน ทุกคนในห้องเรียนใหญ่เห็นพร้อมกันหมด เป็นภาพภายในร้านขายอะไหล่ เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในร้าน

เดิมทีซิวเหยียนยังมีท่าทางใจเย็น จนกระทั่งเธอเห็นตัวเองอยู่ในคลิปนั้น

ต่อมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองกับเถ้าแก่ร้าน ได้ยินเข้าหูชัดเจนทุกประโยค

ซิวเหยียนแข้งขาหมดแรง เกือบล้มคาส้นสูง

“ซิวเหยียน!” เถิงอวิ้นเมิ่งอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที “เธอมันร้ายกาจจริงๆ”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าซิวเหยียนจะไปเตี๊ยมกับเถ้าแก่ร้านที่เธอจะไปซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ขายอะไหล่ที่มีปัญหาให้เธอ

อะไหล่ชนิดนี้ส่งตรงมาจากโรงงาน เป็นชิ้นส่วนแผ่นวงจร ถ้าไม่รื้อออกมาดูทีละชิ้นเถิงอวิ้นเมิ่งก็จะมองไม่ออกว่ามีปัญหาที่อะไหล่

เธอกับเฟิงเย่ว์ปรึกษากันไว้ว่าจะไปซื้อที่ร้านนั้น ซิวเหยียนคงได้ยินเข้า

คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก พากันหันไปมองซิวเหยียนรวมถึงนักเรียนหญิงที่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเธอ

“ซิวเหยียน ตอนแรกสุดที่เธอมาเข้าค่ายติว อาจารย์บอกเธอไว้ว่าอย่างไร” สีหน้าของจั่วหลีที่ใจดีมาตลอด เวลานี้กลับเคร่งขรึม เขาวางหนังสือในมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ

“ที่นี่คือค่ายติวของไอเอสซี ไม่ใช่วงการบันเทิง ถ้าเธอจะมาติวที่นี่ก็ต้องเก็บนิสัยความเคยชินในวงการบันเทิงเอาไว้ให้หมด!”

สีหน้าของซิวเหยียนเริ่มซีดลงทีละนิด เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

“ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เล่นงานเพื่อนนักเรียนด้วยกันเหรอ” จั่วหลีแสยะยิ้ม ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ขอใช้คำเปรียบเทียบที่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เธอคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาในละครวังหลวง ไม่อยากให้นางสนมคนอื่นตั้งท้องงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ตอนอายุสิบแปดปีเขาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้โดยผ่านการคัดเลือกพิเศษ ทั้งยังเป็นการเข้าเรียนระดับปริญญาเอกโดยตรง

หลังจากจบปริญญาเอกเขาก็ไปต่อยอดที่เมืองนอกหลายปีแล้วกลับมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตู

จั่วหลีเป็นคนที่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้จักว่าราชาภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าอย่างซังเย่าจือเป็นใคร

ก็แค่บางครั้งเคยเห็นตามป้ายโฆษณาข้างทาง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง

ส่วนซิวเหยียน ดารามีกระแสที่เพิ่งเดบิวต์ได้หนึ่งปีจั่วหลียิ่งไม่มีทางให้ความสนใจ และศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างจั่วหลี พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากรับเข้าไปทำงานด้วยทั้งนั้น

ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางใช้อิทธิพลของตระกูลซิวกดดันจั่วหลี

ตอนนั้นจั่วหลีไม่ค่อยอยากให้ซิวเหยียนเข้าค่ายติว กลัวว่าเธอจะทำตัวเหมือนอยู่วงการบันเทิง

เพียงแต่ผลการเรียนของซิวเหยียนก็ไม่ถือว่าขี้เหร่อีกทั้งทางโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อก็ส่งมาเอง และเธอยังรับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีทางทำตัวแย่เขาจึงอนุญาต

นี่เพิ่งติวได้ครึ่งเดือนก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว

โชคดีที่แค่อะไหล่ไหม้ ถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร

“เธอไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย” จั่วหลีปิดคลิปกล้องวงจรปิด “แล้วออกไปจากค่ายติวเดี๋ยวนี้”

พอได้ยินแบบนี้ซิวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที ริมฝีปากสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ศาสตราจารย์จั่ว”

“ไอเอสซีไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้าร่วม” ยิ่งไปกว่านั้นจั่วหลีไม่รู้จักการเห็นใจเด็กสาวหน้าตาดี

“เธอรีบกลับวงการบันเทิงของเธอไปเลยดีกว่า คนที่นี่รับมือกับเธอไม่ไหว”

ใช่ว่าจั่วหลีจะไม่เคยพบเจอการเล่นสกปรกเล็กน้อยแบบนี้ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่มีความเข้มงวดก็ยังเคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนที่รายชื่อคนได้โควตาเรียนต่อจะออก

ถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มีเหรอที่ซิวเหยียนจะทนอยู่ต่อได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องเรียนใหญ่

ก่อนไปยังได้เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินยังนึกถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเธอจะต้องรับมืออย่างจริงจังแล้ว

เธอปล่อยให้ซิวอวี่มีกองหนุนไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะส่งผลต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลซิว

“รายงานเรื่องนี้ไปทางคณะกรรมการ” จั่วหลีหันหน้าไปพูดกับอาจารย์อีกคนที่ตามมาด้วย

“ไม่ต้องให้เธอเข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว” อาจารย์คนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปติดต่อ

นักเรียนคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร

“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี” จั่วหลีไม่ได้โมโหต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องติวต่อ เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม”

พูดจบเขาก็กวักมือเรียกอิ๋งจื่อจินไปข้างๆ

“เอ่อ ศาสตราจารย์ของคณะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดต่อเธอมาใช่ไหม”

โดยทั่วไปกล้องวงจรปิดภายในร้านแบบนี้ เจ้าของร้านไม่มีทางให้คนนอก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวพันถึงเรื่องแบบนี้

จั่วหลีเดาได้เลยว่า อิ๋งจื่อจินคงไปแฮกระบบกล้องวงจรปิดของร้านแล้วเซฟคลิปส่วนนี้มา

อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่มีค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีโล่งอก “คณะคอมพิวเตอร์มีศาสตราจารย์อาวุโสอยู่คนนึงที่คารมดีมาก อาจารย์กลัวเธอจะถูกเขาหลอกไป” จั่วหลีถือหนังสือเดินออกไป อารมณ์ดีพอสมควร

ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังเตรียมจะกลับไปนอน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นสายจากต่างประเทศ เธอไม่ค่อยอยากรับ แต่สุดท้ายก็ฝืนใจกดรับ

คนที่โทรมาคือเบิร์ก

“อาจารย์อิ๋ง ทำไมหนีไปลงแข่งวิชาการล่ะครับ” เขาเจ็บปวดใจ “ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เดิมทีคุณก็เป็นนักเรียนอยู่แล้ว แต่อาจารย์อิ๋งไปเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กัน แบบนี้ไม่ยุติธรรมหรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “รู้ได้อย่างไรคะ”

“ผมจะไม่รู้ได้เหรอ” พอพูดถึงเรื่องนี้เบิร์กก็อารมณ์ฉุนเฉียว “เมื่อวานตาแก่หัวดื้อนั่นอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาโม้ให้ผมฟัง ผมละอยากเอากระดานวาดรูปฟาดหน้า”

อิ๋งจื่อจินเริ่มคิดแล้วว่าเธอจะบล็อกวีแชทของเซิ่งชิงถังดีไหม ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน

“ฮัลโหลๆ อาจารย์อิ๋ง ผมบาร์ตนะครับอย่าไปฟังเขาวาดเวิดอะไรกัน เล่นเปียโนดีกว่าอาจารย์อิ๋งต้องเล่นเปียโนนะครับ แต่จะว่าไปก็น่าแปลกจริงๆ นะครับ คลิปการแสดงตอนนั้นของอาจารย์อิ๋งทำไมหาในเน็ตไม่เห็นมีเลยล่ะครับ”

ตอนนั้นบาร์ตฟังแล้วยังอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอัดคลิปวิดีโอ

ทำให้พอเขาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่ามีคนเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซ ได้ทั้งเพลง เพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่เชื่อ

เขาจึงคิดอยู่ว่าอยากให้อิ๋งจื่อจินมาอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปให้ได้ จะได้เล่นให้ฟังอีกครั้ง

คราวนี้อิ๋งจื่อจินตัดสายทิ้งทันที

ที่ไม่มีคลิปเพราะเธอให้แฮกเกอร์คนนั้นลบออกหมดแล้ว

ไม่อย่างนั้นมือถือเธอคงมีสายเข้าจนพังแน่

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนกลับบ้านตระกูลซิว

พอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะจากห้องรับแขก

คุณนายซิวกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

เธอแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีมานานมากแล้วก็ยังไม่แก้นิสัยนี้

เพื่อนเล่นไพ่พวกนี้ก็ไม่ใช่เศรษฐีไฮโซอะไร เป็นเพื่อนเล่นไพ่สมัยก่อนของคุณนายซิวทั้งนั้น

“แม่คะ” ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก “หนูกลับมาแล้วค่ะ”

หลังจากได้ยินเสียงของซิวเหยียน คุณนายซิวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มพลางพูด “เหยีนเหยียนเหรอ รอแม่เล่นตานี้เสร็จก่อนนะ”

พอซิวเหยียนเห็นสภาพเสียงดังเหมือนตลาดนัดแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดมาก

แต่แล้วคุณนายซิวกลับถามขึ้นว่า

“ลูกไปติวไม่ใช่เหรอ วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์เสียหน่อยทำไมกลับมาบ้านล่ะ”

ซิวเหยียนกำมือแน่น พอกำลังจะพูด “หนู…”

ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาจับมือถือพลางพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ เคออวิ๋น ทำไมในเน็ตบอกว่าเหยียนเหยียนถูกไล่ออกมาล่ะ”

มือของคุณนายซิวที่จับไพ่นกกระจอกหยุดชะงัก

เธอรับโทรศัพท์มาจากมือผู้หญิงคนนั้นแล้วดู

แอทค่ายติวไอเอสซีประเทศจีน : [จากการพิจารณาของศาสตราจารย์ทุกท่าน ดารานักเรียนที่เข้าร่วมค่ายติวครั้งนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำผิดกฎอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ออกจากค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้สมัครทุกท่านดูไว้เป็นกรณีศึกษา]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไปซื้ออะไหล่ที่ถนนตงจยาเช่นกัน

ถนนตงจยามีร้านที่ขายอะไหล่พวกนี้สิบกว่าร้าน อยู่แถวมหาวิทยาลัยตี้ตู ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดลอง

ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูต้องการให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติมากกว่าเน้นพวกทฤษฎี

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีห้องทดลองระดับประเทศหลายห้อง

“มีอะไรเหรอ” จั่วหลีอึ้งเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบแฟลชไดร์อันนั้นมา “ขออาจารย์ดูหน่อย”

ขณะพูดเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในโพเดียมพลางกดจอฉายบนกระดานดำให้เลื่อนลงมา

สีหน้าของซิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจือไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

เธอจ้องจั่วหลีเขม็ง หน้าผากที่ขาวผ่องมีเหงื่อซึมออกมา

ซิวเหยียนอยากเข้าไปห้าม แต่เธอกลับไม่มีเหตุผล

คนอื่นๆ ก็อยู่ในอาการงุนงง ไม่รู้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเรื่องอะไร

เถิงอวิ้นเมิ่งเอะใจ เธอกระซิบถาม “จื่อจิน เธอสงสัยว่ามีคนเล่นตุกติกกับอะไหล่ที่ฉันซื้อมา เลยถามว่าฉันซื้อที่ไหนเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะเครื่องมือถูกล็อกไว้ในห้องของเธอ ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงเล่นงานจากอะไหล่”

เรื่องเล็กน้อยที่มองออกได้ตั้งแต่แรกแบบนี้ จะใช้ญาณพยากรณ์ก็เปลืองฟรี

ใบหน้าตุ๊กตาของเถิงอวิ้นเมิ่งยับยู่ยี่

“แต่เถ้าแก่ที่ขายอะไหล่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย ทำไมเขาต้องเล่นงานฉันด้วย”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอหันไป “ดูเอาเองแล้วกัน”

เวลานี้จั่วหลีได้กดเปิดคลิปกล้องวงจรปิดที่อยู่ในแฟลชไดร์

โปรเจคเตอร์ฉายภาพขึ้นกระดาน ทุกคนในห้องเรียนใหญ่เห็นพร้อมกันหมด เป็นภาพภายในร้านขายอะไหล่ เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในร้าน

เดิมทีซิวเหยียนยังมีท่าทางใจเย็น จนกระทั่งเธอเห็นตัวเองอยู่ในคลิปนั้น

ต่อมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองกับเถ้าแก่ร้าน ได้ยินเข้าหูชัดเจนทุกประโยค

ซิวเหยียนแข้งขาหมดแรง เกือบล้มคาส้นสูง

“ซิวเหยียน!” เถิงอวิ้นเมิ่งอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที “เธอมันร้ายกาจจริงๆ”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าซิวเหยียนจะไปเตี๊ยมกับเถ้าแก่ร้านที่เธอจะไปซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ขายอะไหล่ที่มีปัญหาให้เธอ

อะไหล่ชนิดนี้ส่งตรงมาจากโรงงาน เป็นชิ้นส่วนแผ่นวงจร ถ้าไม่รื้อออกมาดูทีละชิ้นเถิงอวิ้นเมิ่งก็จะมองไม่ออกว่ามีปัญหาที่อะไหล่

เธอกับเฟิงเย่ว์ปรึกษากันไว้ว่าจะไปซื้อที่ร้านนั้น ซิวเหยียนคงได้ยินเข้า

คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก พากันหันไปมองซิวเหยียนรวมถึงนักเรียนหญิงที่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเธอ

“ซิวเหยียน ตอนแรกสุดที่เธอมาเข้าค่ายติว อาจารย์บอกเธอไว้ว่าอย่างไร” สีหน้าของจั่วหลีที่ใจดีมาตลอด เวลานี้กลับเคร่งขรึม เขาวางหนังสือในมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ

“ที่นี่คือค่ายติวของไอเอสซี ไม่ใช่วงการบันเทิง ถ้าเธอจะมาติวที่นี่ก็ต้องเก็บนิสัยความเคยชินในวงการบันเทิงเอาไว้ให้หมด!”

สีหน้าของซิวเหยียนเริ่มซีดลงทีละนิด เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

“ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เล่นงานเพื่อนนักเรียนด้วยกันเหรอ” จั่วหลีแสยะยิ้ม ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ขอใช้คำเปรียบเทียบที่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เธอคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาในละครวังหลวง ไม่อยากให้นางสนมคนอื่นตั้งท้องงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ตอนอายุสิบแปดปีเขาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้โดยผ่านการคัดเลือกพิเศษ ทั้งยังเป็นการเข้าเรียนระดับปริญญาเอกโดยตรง

หลังจากจบปริญญาเอกเขาก็ไปต่อยอดที่เมืองนอกหลายปีแล้วกลับมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตู

จั่วหลีเป็นคนที่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้จักว่าราชาภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าอย่างซังเย่าจือเป็นใคร

ก็แค่บางครั้งเคยเห็นตามป้ายโฆษณาข้างทาง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง

ส่วนซิวเหยียน ดารามีกระแสที่เพิ่งเดบิวต์ได้หนึ่งปีจั่วหลียิ่งไม่มีทางให้ความสนใจ และศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างจั่วหลี พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากรับเข้าไปทำงานด้วยทั้งนั้น

ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางใช้อิทธิพลของตระกูลซิวกดดันจั่วหลี

ตอนนั้นจั่วหลีไม่ค่อยอยากให้ซิวเหยียนเข้าค่ายติว กลัวว่าเธอจะทำตัวเหมือนอยู่วงการบันเทิง

เพียงแต่ผลการเรียนของซิวเหยียนก็ไม่ถือว่าขี้เหร่อีกทั้งทางโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อก็ส่งมาเอง และเธอยังรับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีทางทำตัวแย่เขาจึงอนุญาต

นี่เพิ่งติวได้ครึ่งเดือนก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว

โชคดีที่แค่อะไหล่ไหม้ ถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร

“เธอไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย” จั่วหลีปิดคลิปกล้องวงจรปิด “แล้วออกไปจากค่ายติวเดี๋ยวนี้”

พอได้ยินแบบนี้ซิวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที ริมฝีปากสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ศาสตราจารย์จั่ว”

“ไอเอสซีไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้าร่วม” ยิ่งไปกว่านั้นจั่วหลีไม่รู้จักการเห็นใจเด็กสาวหน้าตาดี

“เธอรีบกลับวงการบันเทิงของเธอไปเลยดีกว่า คนที่นี่รับมือกับเธอไม่ไหว”

ใช่ว่าจั่วหลีจะไม่เคยพบเจอการเล่นสกปรกเล็กน้อยแบบนี้ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่มีความเข้มงวดก็ยังเคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนที่รายชื่อคนได้โควตาเรียนต่อจะออก

ถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มีเหรอที่ซิวเหยียนจะทนอยู่ต่อได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องเรียนใหญ่

ก่อนไปยังได้เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินยังนึกถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเธอจะต้องรับมืออย่างจริงจังแล้ว

เธอปล่อยให้ซิวอวี่มีกองหนุนไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะส่งผลต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลซิว

“รายงานเรื่องนี้ไปทางคณะกรรมการ” จั่วหลีหันหน้าไปพูดกับอาจารย์อีกคนที่ตามมาด้วย

“ไม่ต้องให้เธอเข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว” อาจารย์คนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปติดต่อ

นักเรียนคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร

“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี” จั่วหลีไม่ได้โมโหต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องติวต่อ เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม”

พูดจบเขาก็กวักมือเรียกอิ๋งจื่อจินไปข้างๆ

“เอ่อ ศาสตราจารย์ของคณะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดต่อเธอมาใช่ไหม”

โดยทั่วไปกล้องวงจรปิดภายในร้านแบบนี้ เจ้าของร้านไม่มีทางให้คนนอก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวพันถึงเรื่องแบบนี้

จั่วหลีเดาได้เลยว่า อิ๋งจื่อจินคงไปแฮกระบบกล้องวงจรปิดของร้านแล้วเซฟคลิปส่วนนี้มา

อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่มีค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีโล่งอก “คณะคอมพิวเตอร์มีศาสตราจารย์อาวุโสอยู่คนนึงที่คารมดีมาก อาจารย์กลัวเธอจะถูกเขาหลอกไป” จั่วหลีถือหนังสือเดินออกไป อารมณ์ดีพอสมควร

ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังเตรียมจะกลับไปนอน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นสายจากต่างประเทศ เธอไม่ค่อยอยากรับ แต่สุดท้ายก็ฝืนใจกดรับ

คนที่โทรมาคือเบิร์ก

“อาจารย์อิ๋ง ทำไมหนีไปลงแข่งวิชาการล่ะครับ” เขาเจ็บปวดใจ “ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เดิมทีคุณก็เป็นนักเรียนอยู่แล้ว แต่อาจารย์อิ๋งไปเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กัน แบบนี้ไม่ยุติธรรมหรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “รู้ได้อย่างไรคะ”

“ผมจะไม่รู้ได้เหรอ” พอพูดถึงเรื่องนี้เบิร์กก็อารมณ์ฉุนเฉียว “เมื่อวานตาแก่หัวดื้อนั่นอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาโม้ให้ผมฟัง ผมละอยากเอากระดานวาดรูปฟาดหน้า”

อิ๋งจื่อจินเริ่มคิดแล้วว่าเธอจะบล็อกวีแชทของเซิ่งชิงถังดีไหม ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน

“ฮัลโหลๆ อาจารย์อิ๋ง ผมบาร์ตนะครับอย่าไปฟังเขาวาดเวิดอะไรกัน เล่นเปียโนดีกว่าอาจารย์อิ๋งต้องเล่นเปียโนนะครับ แต่จะว่าไปก็น่าแปลกจริงๆ นะครับ คลิปการแสดงตอนนั้นของอาจารย์อิ๋งทำไมหาในเน็ตไม่เห็นมีเลยล่ะครับ”

ตอนนั้นบาร์ตฟังแล้วยังอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอัดคลิปวิดีโอ

ทำให้พอเขาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่ามีคนเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซ ได้ทั้งเพลง เพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่เชื่อ

เขาจึงคิดอยู่ว่าอยากให้อิ๋งจื่อจินมาอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปให้ได้ จะได้เล่นให้ฟังอีกครั้ง

คราวนี้อิ๋งจื่อจินตัดสายทิ้งทันที

ที่ไม่มีคลิปเพราะเธอให้แฮกเกอร์คนนั้นลบออกหมดแล้ว

ไม่อย่างนั้นมือถือเธอคงมีสายเข้าจนพังแน่

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนกลับบ้านตระกูลซิว

พอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะจากห้องรับแขก

คุณนายซิวกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

เธอแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีมานานมากแล้วก็ยังไม่แก้นิสัยนี้

เพื่อนเล่นไพ่พวกนี้ก็ไม่ใช่เศรษฐีไฮโซอะไร เป็นเพื่อนเล่นไพ่สมัยก่อนของคุณนายซิวทั้งนั้น

“แม่คะ” ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก “หนูกลับมาแล้วค่ะ”

หลังจากได้ยินเสียงของซิวเหยียน คุณนายซิวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มพลางพูด “เหยีนเหยียนเหรอ รอแม่เล่นตานี้เสร็จก่อนนะ”

พอซิวเหยียนเห็นสภาพเสียงดังเหมือนตลาดนัดแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดมาก

แต่แล้วคุณนายซิวกลับถามขึ้นว่า

“ลูกไปติวไม่ใช่เหรอ วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์เสียหน่อยทำไมกลับมาบ้านล่ะ”

ซิวเหยียนกำมือแน่น พอกำลังจะพูด “หนู…”

ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาจับมือถือพลางพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ เคออวิ๋น ทำไมในเน็ตบอกว่าเหยียนเหยียนถูกไล่ออกมาล่ะ”

มือของคุณนายซิวที่จับไพ่นกกระจอกหยุดชะงัก

เธอรับโทรศัพท์มาจากมือผู้หญิงคนนั้นแล้วดู

แอทค่ายติวไอเอสซีประเทศจีน : [จากการพิจารณาของศาสตราจารย์ทุกท่าน ดารานักเรียนที่เข้าร่วมค่ายติวครั้งนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำผิดกฎอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ออกจากค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้สมัครทุกท่านดูไว้เป็นกรณีศึกษา]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไปซื้ออะไหล่ที่ถนนตงจยาเช่นกัน

ถนนตงจยามีร้านที่ขายอะไหล่พวกนี้สิบกว่าร้าน อยู่แถวมหาวิทยาลัยตี้ตู ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดลอง

ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูต้องการให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติมากกว่าเน้นพวกทฤษฎี

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีห้องทดลองระดับประเทศหลายห้อง

“มีอะไรเหรอ” จั่วหลีอึ้งเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบแฟลชไดร์อันนั้นมา “ขออาจารย์ดูหน่อย”

ขณะพูดเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในโพเดียมพลางกดจอฉายบนกระดานดำให้เลื่อนลงมา

สีหน้าของซิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจือไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

เธอจ้องจั่วหลีเขม็ง หน้าผากที่ขาวผ่องมีเหงื่อซึมออกมา

ซิวเหยียนอยากเข้าไปห้าม แต่เธอกลับไม่มีเหตุผล

คนอื่นๆ ก็อยู่ในอาการงุนงง ไม่รู้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเรื่องอะไร

เถิงอวิ้นเมิ่งเอะใจ เธอกระซิบถาม “จื่อจิน เธอสงสัยว่ามีคนเล่นตุกติกกับอะไหล่ที่ฉันซื้อมา เลยถามว่าฉันซื้อที่ไหนเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะเครื่องมือถูกล็อกไว้ในห้องของเธอ ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงเล่นงานจากอะไหล่”

เรื่องเล็กน้อยที่มองออกได้ตั้งแต่แรกแบบนี้ จะใช้ญาณพยากรณ์ก็เปลืองฟรี

ใบหน้าตุ๊กตาของเถิงอวิ้นเมิ่งยับยู่ยี่

“แต่เถ้าแก่ที่ขายอะไหล่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย ทำไมเขาต้องเล่นงานฉันด้วย”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอหันไป “ดูเอาเองแล้วกัน”

เวลานี้จั่วหลีได้กดเปิดคลิปกล้องวงจรปิดที่อยู่ในแฟลชไดร์

โปรเจคเตอร์ฉายภาพขึ้นกระดาน ทุกคนในห้องเรียนใหญ่เห็นพร้อมกันหมด เป็นภาพภายในร้านขายอะไหล่ เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในร้าน

เดิมทีซิวเหยียนยังมีท่าทางใจเย็น จนกระทั่งเธอเห็นตัวเองอยู่ในคลิปนั้น

ต่อมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองกับเถ้าแก่ร้าน ได้ยินเข้าหูชัดเจนทุกประโยค

ซิวเหยียนแข้งขาหมดแรง เกือบล้มคาส้นสูง

“ซิวเหยียน!” เถิงอวิ้นเมิ่งอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที “เธอมันร้ายกาจจริงๆ”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าซิวเหยียนจะไปเตี๊ยมกับเถ้าแก่ร้านที่เธอจะไปซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ขายอะไหล่ที่มีปัญหาให้เธอ

อะไหล่ชนิดนี้ส่งตรงมาจากโรงงาน เป็นชิ้นส่วนแผ่นวงจร ถ้าไม่รื้อออกมาดูทีละชิ้นเถิงอวิ้นเมิ่งก็จะมองไม่ออกว่ามีปัญหาที่อะไหล่

เธอกับเฟิงเย่ว์ปรึกษากันไว้ว่าจะไปซื้อที่ร้านนั้น ซิวเหยียนคงได้ยินเข้า

คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก พากันหันไปมองซิวเหยียนรวมถึงนักเรียนหญิงที่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเธอ

“ซิวเหยียน ตอนแรกสุดที่เธอมาเข้าค่ายติว อาจารย์บอกเธอไว้ว่าอย่างไร” สีหน้าของจั่วหลีที่ใจดีมาตลอด เวลานี้กลับเคร่งขรึม เขาวางหนังสือในมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ

“ที่นี่คือค่ายติวของไอเอสซี ไม่ใช่วงการบันเทิง ถ้าเธอจะมาติวที่นี่ก็ต้องเก็บนิสัยความเคยชินในวงการบันเทิงเอาไว้ให้หมด!”

สีหน้าของซิวเหยียนเริ่มซีดลงทีละนิด เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

“ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เล่นงานเพื่อนนักเรียนด้วยกันเหรอ” จั่วหลีแสยะยิ้ม ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ขอใช้คำเปรียบเทียบที่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เธอคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาในละครวังหลวง ไม่อยากให้นางสนมคนอื่นตั้งท้องงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ตอนอายุสิบแปดปีเขาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้โดยผ่านการคัดเลือกพิเศษ ทั้งยังเป็นการเข้าเรียนระดับปริญญาเอกโดยตรง

หลังจากจบปริญญาเอกเขาก็ไปต่อยอดที่เมืองนอกหลายปีแล้วกลับมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตู

จั่วหลีเป็นคนที่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้จักว่าราชาภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าอย่างซังเย่าจือเป็นใคร

ก็แค่บางครั้งเคยเห็นตามป้ายโฆษณาข้างทาง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง

ส่วนซิวเหยียน ดารามีกระแสที่เพิ่งเดบิวต์ได้หนึ่งปีจั่วหลียิ่งไม่มีทางให้ความสนใจ และศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างจั่วหลี พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากรับเข้าไปทำงานด้วยทั้งนั้น

ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางใช้อิทธิพลของตระกูลซิวกดดันจั่วหลี

ตอนนั้นจั่วหลีไม่ค่อยอยากให้ซิวเหยียนเข้าค่ายติว กลัวว่าเธอจะทำตัวเหมือนอยู่วงการบันเทิง

เพียงแต่ผลการเรียนของซิวเหยียนก็ไม่ถือว่าขี้เหร่อีกทั้งทางโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อก็ส่งมาเอง และเธอยังรับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีทางทำตัวแย่เขาจึงอนุญาต

นี่เพิ่งติวได้ครึ่งเดือนก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว

โชคดีที่แค่อะไหล่ไหม้ ถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร

“เธอไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย” จั่วหลีปิดคลิปกล้องวงจรปิด “แล้วออกไปจากค่ายติวเดี๋ยวนี้”

พอได้ยินแบบนี้ซิวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที ริมฝีปากสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ศาสตราจารย์จั่ว”

“ไอเอสซีไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้าร่วม” ยิ่งไปกว่านั้นจั่วหลีไม่รู้จักการเห็นใจเด็กสาวหน้าตาดี

“เธอรีบกลับวงการบันเทิงของเธอไปเลยดีกว่า คนที่นี่รับมือกับเธอไม่ไหว”

ใช่ว่าจั่วหลีจะไม่เคยพบเจอการเล่นสกปรกเล็กน้อยแบบนี้ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่มีความเข้มงวดก็ยังเคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนที่รายชื่อคนได้โควตาเรียนต่อจะออก

ถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มีเหรอที่ซิวเหยียนจะทนอยู่ต่อได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องเรียนใหญ่

ก่อนไปยังได้เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินยังนึกถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเธอจะต้องรับมืออย่างจริงจังแล้ว

เธอปล่อยให้ซิวอวี่มีกองหนุนไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะส่งผลต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลซิว

“รายงานเรื่องนี้ไปทางคณะกรรมการ” จั่วหลีหันหน้าไปพูดกับอาจารย์อีกคนที่ตามมาด้วย

“ไม่ต้องให้เธอเข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว” อาจารย์คนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปติดต่อ

นักเรียนคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร

“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี” จั่วหลีไม่ได้โมโหต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องติวต่อ เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม”

พูดจบเขาก็กวักมือเรียกอิ๋งจื่อจินไปข้างๆ

“เอ่อ ศาสตราจารย์ของคณะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดต่อเธอมาใช่ไหม”

โดยทั่วไปกล้องวงจรปิดภายในร้านแบบนี้ เจ้าของร้านไม่มีทางให้คนนอก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวพันถึงเรื่องแบบนี้

จั่วหลีเดาได้เลยว่า อิ๋งจื่อจินคงไปแฮกระบบกล้องวงจรปิดของร้านแล้วเซฟคลิปส่วนนี้มา

อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่มีค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีโล่งอก “คณะคอมพิวเตอร์มีศาสตราจารย์อาวุโสอยู่คนนึงที่คารมดีมาก อาจารย์กลัวเธอจะถูกเขาหลอกไป” จั่วหลีถือหนังสือเดินออกไป อารมณ์ดีพอสมควร

ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังเตรียมจะกลับไปนอน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นสายจากต่างประเทศ เธอไม่ค่อยอยากรับ แต่สุดท้ายก็ฝืนใจกดรับ

คนที่โทรมาคือเบิร์ก

“อาจารย์อิ๋ง ทำไมหนีไปลงแข่งวิชาการล่ะครับ” เขาเจ็บปวดใจ “ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เดิมทีคุณก็เป็นนักเรียนอยู่แล้ว แต่อาจารย์อิ๋งไปเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กัน แบบนี้ไม่ยุติธรรมหรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “รู้ได้อย่างไรคะ”

“ผมจะไม่รู้ได้เหรอ” พอพูดถึงเรื่องนี้เบิร์กก็อารมณ์ฉุนเฉียว “เมื่อวานตาแก่หัวดื้อนั่นอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาโม้ให้ผมฟัง ผมละอยากเอากระดานวาดรูปฟาดหน้า”

อิ๋งจื่อจินเริ่มคิดแล้วว่าเธอจะบล็อกวีแชทของเซิ่งชิงถังดีไหม ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน

“ฮัลโหลๆ อาจารย์อิ๋ง ผมบาร์ตนะครับอย่าไปฟังเขาวาดเวิดอะไรกัน เล่นเปียโนดีกว่าอาจารย์อิ๋งต้องเล่นเปียโนนะครับ แต่จะว่าไปก็น่าแปลกจริงๆ นะครับ คลิปการแสดงตอนนั้นของอาจารย์อิ๋งทำไมหาในเน็ตไม่เห็นมีเลยล่ะครับ”

ตอนนั้นบาร์ตฟังแล้วยังอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอัดคลิปวิดีโอ

ทำให้พอเขาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่ามีคนเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซ ได้ทั้งเพลง เพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่เชื่อ

เขาจึงคิดอยู่ว่าอยากให้อิ๋งจื่อจินมาอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปให้ได้ จะได้เล่นให้ฟังอีกครั้ง

คราวนี้อิ๋งจื่อจินตัดสายทิ้งทันที

ที่ไม่มีคลิปเพราะเธอให้แฮกเกอร์คนนั้นลบออกหมดแล้ว

ไม่อย่างนั้นมือถือเธอคงมีสายเข้าจนพังแน่

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนกลับบ้านตระกูลซิว

พอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะจากห้องรับแขก

คุณนายซิวกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

เธอแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีมานานมากแล้วก็ยังไม่แก้นิสัยนี้

เพื่อนเล่นไพ่พวกนี้ก็ไม่ใช่เศรษฐีไฮโซอะไร เป็นเพื่อนเล่นไพ่สมัยก่อนของคุณนายซิวทั้งนั้น

“แม่คะ” ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก “หนูกลับมาแล้วค่ะ”

หลังจากได้ยินเสียงของซิวเหยียน คุณนายซิวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มพลางพูด “เหยีนเหยียนเหรอ รอแม่เล่นตานี้เสร็จก่อนนะ”

พอซิวเหยียนเห็นสภาพเสียงดังเหมือนตลาดนัดแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดมาก

แต่แล้วคุณนายซิวกลับถามขึ้นว่า

“ลูกไปติวไม่ใช่เหรอ วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์เสียหน่อยทำไมกลับมาบ้านล่ะ”

ซิวเหยียนกำมือแน่น พอกำลังจะพูด “หนู…”

ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาจับมือถือพลางพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ เคออวิ๋น ทำไมในเน็ตบอกว่าเหยียนเหยียนถูกไล่ออกมาล่ะ”

มือของคุณนายซิวที่จับไพ่นกกระจอกหยุดชะงัก

เธอรับโทรศัพท์มาจากมือผู้หญิงคนนั้นแล้วดู

แอทค่ายติวไอเอสซีประเทศจีน : [จากการพิจารณาของศาสตราจารย์ทุกท่าน ดารานักเรียนที่เข้าร่วมค่ายติวครั้งนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำผิดกฎอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ออกจากค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้สมัครทุกท่านดูไว้เป็นกรณีศึกษา]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 273 ศาสตราจารย์ตี้ตู ‘ซิวเหยียน ออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไปซื้ออะไหล่ที่ถนนตงจยาเช่นกัน

ถนนตงจยามีร้านที่ขายอะไหล่พวกนี้สิบกว่าร้าน อยู่แถวมหาวิทยาลัยตี้ตู ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดลอง

ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูต้องการให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติมากกว่าเน้นพวกทฤษฎี

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีห้องทดลองระดับประเทศหลายห้อง

“มีอะไรเหรอ” จั่วหลีอึ้งเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบแฟลชไดร์อันนั้นมา “ขออาจารย์ดูหน่อย”

ขณะพูดเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในโพเดียมพลางกดจอฉายบนกระดานดำให้เลื่อนลงมา

สีหน้าของซิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจือไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

เธอจ้องจั่วหลีเขม็ง หน้าผากที่ขาวผ่องมีเหงื่อซึมออกมา

ซิวเหยียนอยากเข้าไปห้าม แต่เธอกลับไม่มีเหตุผล

คนอื่นๆ ก็อยู่ในอาการงุนงง ไม่รู้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเรื่องอะไร

เถิงอวิ้นเมิ่งเอะใจ เธอกระซิบถาม “จื่อจิน เธอสงสัยว่ามีคนเล่นตุกติกกับอะไหล่ที่ฉันซื้อมา เลยถามว่าฉันซื้อที่ไหนเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะเครื่องมือถูกล็อกไว้ในห้องของเธอ ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงเล่นงานจากอะไหล่”

เรื่องเล็กน้อยที่มองออกได้ตั้งแต่แรกแบบนี้ จะใช้ญาณพยากรณ์ก็เปลืองฟรี

ใบหน้าตุ๊กตาของเถิงอวิ้นเมิ่งยับยู่ยี่

“แต่เถ้าแก่ที่ขายอะไหล่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย ทำไมเขาต้องเล่นงานฉันด้วย”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอหันไป “ดูเอาเองแล้วกัน”

เวลานี้จั่วหลีได้กดเปิดคลิปกล้องวงจรปิดที่อยู่ในแฟลชไดร์

โปรเจคเตอร์ฉายภาพขึ้นกระดาน ทุกคนในห้องเรียนใหญ่เห็นพร้อมกันหมด เป็นภาพภายในร้านขายอะไหล่ เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในร้าน

เดิมทีซิวเหยียนยังมีท่าทางใจเย็น จนกระทั่งเธอเห็นตัวเองอยู่ในคลิปนั้น

ต่อมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองกับเถ้าแก่ร้าน ได้ยินเข้าหูชัดเจนทุกประโยค

ซิวเหยียนแข้งขาหมดแรง เกือบล้มคาส้นสูง

“ซิวเหยียน!” เถิงอวิ้นเมิ่งอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที “เธอมันร้ายกาจจริงๆ”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าซิวเหยียนจะไปเตี๊ยมกับเถ้าแก่ร้านที่เธอจะไปซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ขายอะไหล่ที่มีปัญหาให้เธอ

อะไหล่ชนิดนี้ส่งตรงมาจากโรงงาน เป็นชิ้นส่วนแผ่นวงจร ถ้าไม่รื้อออกมาดูทีละชิ้นเถิงอวิ้นเมิ่งก็จะมองไม่ออกว่ามีปัญหาที่อะไหล่

เธอกับเฟิงเย่ว์ปรึกษากันไว้ว่าจะไปซื้อที่ร้านนั้น ซิวเหยียนคงได้ยินเข้า

คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก พากันหันไปมองซิวเหยียนรวมถึงนักเรียนหญิงที่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเธอ

“ซิวเหยียน ตอนแรกสุดที่เธอมาเข้าค่ายติว อาจารย์บอกเธอไว้ว่าอย่างไร” สีหน้าของจั่วหลีที่ใจดีมาตลอด เวลานี้กลับเคร่งขรึม เขาวางหนังสือในมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ

“ที่นี่คือค่ายติวของไอเอสซี ไม่ใช่วงการบันเทิง ถ้าเธอจะมาติวที่นี่ก็ต้องเก็บนิสัยความเคยชินในวงการบันเทิงเอาไว้ให้หมด!”

สีหน้าของซิวเหยียนเริ่มซีดลงทีละนิด เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

“ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เล่นงานเพื่อนนักเรียนด้วยกันเหรอ” จั่วหลีแสยะยิ้ม ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ขอใช้คำเปรียบเทียบที่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เธอคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาในละครวังหลวง ไม่อยากให้นางสนมคนอื่นตั้งท้องงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ตอนอายุสิบแปดปีเขาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้โดยผ่านการคัดเลือกพิเศษ ทั้งยังเป็นการเข้าเรียนระดับปริญญาเอกโดยตรง

หลังจากจบปริญญาเอกเขาก็ไปต่อยอดที่เมืองนอกหลายปีแล้วกลับมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตู

จั่วหลีเป็นคนที่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้จักว่าราชาภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าอย่างซังเย่าจือเป็นใคร

ก็แค่บางครั้งเคยเห็นตามป้ายโฆษณาข้างทาง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง

ส่วนซิวเหยียน ดารามีกระแสที่เพิ่งเดบิวต์ได้หนึ่งปีจั่วหลียิ่งไม่มีทางให้ความสนใจ และศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างจั่วหลี พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากรับเข้าไปทำงานด้วยทั้งนั้น

ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางใช้อิทธิพลของตระกูลซิวกดดันจั่วหลี

ตอนนั้นจั่วหลีไม่ค่อยอยากให้ซิวเหยียนเข้าค่ายติว กลัวว่าเธอจะทำตัวเหมือนอยู่วงการบันเทิง

เพียงแต่ผลการเรียนของซิวเหยียนก็ไม่ถือว่าขี้เหร่อีกทั้งทางโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อก็ส่งมาเอง และเธอยังรับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีทางทำตัวแย่เขาจึงอนุญาต

นี่เพิ่งติวได้ครึ่งเดือนก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว

โชคดีที่แค่อะไหล่ไหม้ ถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร

“เธอไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย” จั่วหลีปิดคลิปกล้องวงจรปิด “แล้วออกไปจากค่ายติวเดี๋ยวนี้”

พอได้ยินแบบนี้ซิวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที ริมฝีปากสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ศาสตราจารย์จั่ว”

“ไอเอสซีไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้าร่วม” ยิ่งไปกว่านั้นจั่วหลีไม่รู้จักการเห็นใจเด็กสาวหน้าตาดี

“เธอรีบกลับวงการบันเทิงของเธอไปเลยดีกว่า คนที่นี่รับมือกับเธอไม่ไหว”

ใช่ว่าจั่วหลีจะไม่เคยพบเจอการเล่นสกปรกเล็กน้อยแบบนี้ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่มีความเข้มงวดก็ยังเคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนที่รายชื่อคนได้โควตาเรียนต่อจะออก

ถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มีเหรอที่ซิวเหยียนจะทนอยู่ต่อได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องเรียนใหญ่

ก่อนไปยังได้เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินยังนึกถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเธอจะต้องรับมืออย่างจริงจังแล้ว

เธอปล่อยให้ซิวอวี่มีกองหนุนไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะส่งผลต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลซิว

“รายงานเรื่องนี้ไปทางคณะกรรมการ” จั่วหลีหันหน้าไปพูดกับอาจารย์อีกคนที่ตามมาด้วย

“ไม่ต้องให้เธอเข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว” อาจารย์คนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปติดต่อ

นักเรียนคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร

“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี” จั่วหลีไม่ได้โมโหต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องติวต่อ เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม”

พูดจบเขาก็กวักมือเรียกอิ๋งจื่อจินไปข้างๆ

“เอ่อ ศาสตราจารย์ของคณะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดต่อเธอมาใช่ไหม”

โดยทั่วไปกล้องวงจรปิดภายในร้านแบบนี้ เจ้าของร้านไม่มีทางให้คนนอก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวพันถึงเรื่องแบบนี้

จั่วหลีเดาได้เลยว่า อิ๋งจื่อจินคงไปแฮกระบบกล้องวงจรปิดของร้านแล้วเซฟคลิปส่วนนี้มา

อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่มีค่ะ”

“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีโล่งอก “คณะคอมพิวเตอร์มีศาสตราจารย์อาวุโสอยู่คนนึงที่คารมดีมาก อาจารย์กลัวเธอจะถูกเขาหลอกไป” จั่วหลีถือหนังสือเดินออกไป อารมณ์ดีพอสมควร

ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังเตรียมจะกลับไปนอน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นสายจากต่างประเทศ เธอไม่ค่อยอยากรับ แต่สุดท้ายก็ฝืนใจกดรับ

คนที่โทรมาคือเบิร์ก

“อาจารย์อิ๋ง ทำไมหนีไปลงแข่งวิชาการล่ะครับ” เขาเจ็บปวดใจ “ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เดิมทีคุณก็เป็นนักเรียนอยู่แล้ว แต่อาจารย์อิ๋งไปเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กัน แบบนี้ไม่ยุติธรรมหรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “รู้ได้อย่างไรคะ”

“ผมจะไม่รู้ได้เหรอ” พอพูดถึงเรื่องนี้เบิร์กก็อารมณ์ฉุนเฉียว “เมื่อวานตาแก่หัวดื้อนั่นอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาโม้ให้ผมฟัง ผมละอยากเอากระดานวาดรูปฟาดหน้า”

อิ๋งจื่อจินเริ่มคิดแล้วว่าเธอจะบล็อกวีแชทของเซิ่งชิงถังดีไหม ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน

“ฮัลโหลๆ อาจารย์อิ๋ง ผมบาร์ตนะครับอย่าไปฟังเขาวาดเวิดอะไรกัน เล่นเปียโนดีกว่าอาจารย์อิ๋งต้องเล่นเปียโนนะครับ แต่จะว่าไปก็น่าแปลกจริงๆ นะครับ คลิปการแสดงตอนนั้นของอาจารย์อิ๋งทำไมหาในเน็ตไม่เห็นมีเลยล่ะครับ”

ตอนนั้นบาร์ตฟังแล้วยังอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอัดคลิปวิดีโอ

ทำให้พอเขาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่ามีคนเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซ ได้ทั้งเพลง เพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่เชื่อ

เขาจึงคิดอยู่ว่าอยากให้อิ๋งจื่อจินมาอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปให้ได้ จะได้เล่นให้ฟังอีกครั้ง

คราวนี้อิ๋งจื่อจินตัดสายทิ้งทันที

ที่ไม่มีคลิปเพราะเธอให้แฮกเกอร์คนนั้นลบออกหมดแล้ว

ไม่อย่างนั้นมือถือเธอคงมีสายเข้าจนพังแน่

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนกลับบ้านตระกูลซิว

พอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะจากห้องรับแขก

คุณนายซิวกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

เธอแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีมานานมากแล้วก็ยังไม่แก้นิสัยนี้

เพื่อนเล่นไพ่พวกนี้ก็ไม่ใช่เศรษฐีไฮโซอะไร เป็นเพื่อนเล่นไพ่สมัยก่อนของคุณนายซิวทั้งนั้น

“แม่คะ” ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก “หนูกลับมาแล้วค่ะ”

หลังจากได้ยินเสียงของซิวเหยียน คุณนายซิวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มพลางพูด “เหยีนเหยียนเหรอ รอแม่เล่นตานี้เสร็จก่อนนะ”

พอซิวเหยียนเห็นสภาพเสียงดังเหมือนตลาดนัดแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดมาก

แต่แล้วคุณนายซิวกลับถามขึ้นว่า

“ลูกไปติวไม่ใช่เหรอ วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์เสียหน่อยทำไมกลับมาบ้านล่ะ”

ซิวเหยียนกำมือแน่น พอกำลังจะพูด “หนู…”

ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาจับมือถือพลางพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ เคออวิ๋น ทำไมในเน็ตบอกว่าเหยียนเหยียนถูกไล่ออกมาล่ะ”

มือของคุณนายซิวที่จับไพ่นกกระจอกหยุดชะงัก

เธอรับโทรศัพท์มาจากมือผู้หญิงคนนั้นแล้วดู

แอทค่ายติวไอเอสซีประเทศจีน : [จากการพิจารณาของศาสตราจารย์ทุกท่าน ดารานักเรียนที่เข้าร่วมค่ายติวครั้งนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำผิดกฎอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ออกจากค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้สมัครทุกท่านดูไว้เป็นกรณีศึกษา]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+