คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’

ในนี้มีแฟนคลับของเยี่ยซีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น

เพราะอวิ๋นเหอเย่ว์เป็นคนมีความสามารถมาก ไม่มีใครเทียบได้

นี่เป็นครั้งแรกที่รายการเฟ้นหาไอดอลเกิดปรากฏการณ์แบบนี้

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้อันดับหนึ่งจะได้เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์ คะแนนโหวตสูงมาก แต่ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าคนอื่นมากนัก

หลังจากการแสดงต่อหน้าสาธารณชนในครั้งแรกจบลง เฟิงถงที่อยู่อันดับสองกลับถูกอวิ๋นเหอเย่ว์ทิ้งห่างคะแนนโหวตชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น

ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้มีการเชิญดารามาร่วมด้วย หวาอิ้นที่เฟิงถงเชิญมาเป็นดาราชายยอดนิยม ช่วยเพิ่มความเป็นที่รู้จักให้ ก็แทบไม่มีทางขึ้นมาสูสีอวิ๋นเหอเย่ว์ได้เลย

อวิ๋นเหอเย่ว์ก็มีแฟนคลับเยอะมาก แต่เนื่องจากไม่มีต้นสังกัดที่ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ได้ จึงไม่สามารถหยุดสงครามต่างๆ ที่สาดเทเข้ามา

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เพิ่งออกอากาศไปสองตอน เป็นเวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน แต่ก็มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนไม่น้อยที่ซื้อคำค้นยอดนิยมโจมตีอวิ๋นเหอเย่ว์ไปเป็นจำนวนมาก

แต่ติดตรงที่อวิ๋นเหอเย่ว์ทั้งร้องและเต้นเก่ง ดึงดูดแฟนคลับได้ไม่น้อย ไม่มีใครใส่ร้ายได้สำเร็จ

เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์ ต่างกันแค่ไม่กี่คำ แต่ความหมายต่างกันมาก สิ่งที่จะได้รับหลังจากนั้นก็ต่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว

อันที่จริงเฟิงถงไม่ได้เป็นคนเชิญหวาอิ้นมา แต่เทียนสิงมีเดียเชิญมาให้

จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้คะแนนโหวตของเฟิงถงนำอวิ๋นเหอเย่ว์ จนสุดท้ายได้เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์

[หึๆ ครั้งนี้รอดูว่าแฟนคลับของอวิ๋นเหอเย่ว์จะทำอย่างไร ไอดอลของพวกเธอไม่ได้เรื่อง]

อิ๋งจื่อจินอ่านคอมเมนต์พวกนี้เสร็จก็สีหน้าเรียบเฉย แววตาห่างเหิน ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

สวี่ถังโจวถามจบก็สังเกตสีหน้าของอิ๋งจื่อจิน และก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อยู่กับความเป็นจริง

ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นแค่เทพอิ๋ง สมัครใจมาเป็นผู้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์ระยะหนึ่ง เพราะทั้งสองคนสนิทกัน ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะมาช่วยเสริมทัพให้

แต่ปัญหาอยู่ที่อิ๋งจื่อจินยังเป็นบอสของชูกวงมีเดียด้วย

แม้แต่ซังเย่าจือก็เป็นดาราในสังกัดของเธอ แล้วเธอจะมาเสริมทัพให้ไอดอลที่ยังไม่ได้เดบิวต์ได้อย่างไร

“ขอโทษด้วยครับคุณอิ๋ง” สวี่ถังโจวถอนหายใจ พูดเสียงเบา “คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดนะครับ”

เขาชื่นชมในตัวอวิ๋นเหอเย่ว์จากใจจริง

วงการบันเทิงสมัยนี้ไม่ต่างจากยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์เท่าไรแล้ว ฉาบฉวยเกินไป คนมีศักยภาพจริงๆ มีอยู่น้อยมาก

เสียดายเมล็ดพันธุ์ชั้นดีอย่างอวิ๋นเหอเย่ว์

สวี่ถังโจวเองก็แอบสงสัยว่าทำไมชูกวงมีเดียถึงไม่จับอวิ๋นเหอเย่ว์เซ็นสัญญา

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เงยหน้าขึ้น เธอแค่พูดว่า “อาจารย์สวี่รอก่อนนะคะ”

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรูปโปรไฟล์ของเลขาสาว

[ดูให้หน่อยว่ารายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ทำเงินให้ฉันเท่าไรแล้ว]

สิบนาทีต่อมาเลขาสาวก็ตอบ

[บอสคะ ด้วยความทรงอิทธิพลของนางฟ้าของฉันกับลูกสาวของฉัน มีสิบกว่าประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ฉายรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไปแล้วค่ะ และยังมีอีกหลายแบรนด์สินค้าที่มาขอร่วมลงทุน คาดว่าหลังจากการแสดงครั้งที่สอง ผลกำไรที่โกยได้ทั้งโลกรวมกันน่าจะเกินห้าพันล้านค่ะ]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 มีทั้งหมดสิบตอน การแสดงต่อหน้าสาธารณชนครั้งที่สองคือสัปดาห์ที่สาม

เมื่อออกอากาศครบทั้งสิบตอน ผลกำไรก็จะยิ่งสูงขึ้น

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด

ถึงแม้เธอจะรับช่วงต่อชูกวงมีเดีย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องในวงการบันเทิงเท่าไร

แต่เธอรู้ว่า บริษัทบันเทิงเหล่านี้ล้วนมีระบบที่ประมาณการณ์ได้ว่าต่อไปจะได้รับความนิยมแค่ไหน

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง มองข้อมูลที่เลขาสาวส่งมาให้อีกครั้ง

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ถ้าเธอไปช่วยออกรายการให้ ความนิยมจะเพิ่มเป็นทวีคูณ

นี่ก็แสดงว่าเงินก็จะยิ่งมากขึ้น

เงินมากองตรงหน้าไม่เอาคือคนโง่

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “อาจารย์สวี่คะ ขอบคุณที่บอกค่ะ ฉันจะมาด้วย”

สวี่ถังโจวอึ้ง “ว่าไงนะครับ”

“ฉันจะไปบอกทีมงาน” อิ๋งจื่อจินหาว

“วันนี้ขอบคุณอาจารย์สวี่มากนะคะ”

เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณแล้วสวมหมวกเดินออกไป

สวี่ถังโจวไม่ได้ตามไป

เขาได้คลุกคลีกับอิ๋งจื่อจินแค่ชั่วโมงเดียว แต่กลับถูกสะกดเข้าแล้ว

อิ๋งจื่อจินมีเสน่ห์เฉพาะตัว เธอสุขุม เข้มแข็ง เหนือกว่าคนวัยเดียวกัน

แต่ก็มีนิสัยแบบเด็กสาว

นิสัยที่ดูขัดกันแบบนี้กลับยิ่งดึงดูดคน

เพียงแต่เด็กสาวแบบนี้ ไม่รู้ว่าต้องผู้ชายแบบไหนถึงจะคู่ควร

สวี่ถังโจวเหม่อลอยอยู่สักพักถึงส่ายหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ห้องซ้อม

ภายในห้องทำงานหลังเวที

ตอนที่โปรดิวเซอร์หลี่ได้ยินว่าอิ๋งจื่อจินจะมาร่วมรายการ มือก็สั่น เกือบทำแก้วเก็บอุณหภูมิของตัวเองตก

“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” เขาแทบอยากพุ่งเข้าไปกอดขา

“ต่อให้คุณไม่มาผมก็จะช่วยหาคนมาอยู่แล้วครับ”

ผู้กำกับมุมปากกระตุก มือที่จุดบุหรี่ก็สั่นเหมือนกัน

เขาสังหรณ์ใจว่า รายการตอนที่สามได้ดังระเบิดเถิดเทิงแน่

แต่พวกเขาก็รู้กาลเทศะ ไม่กล้าเปิดเผยออกไปว่าอิ๋งจื่อจินเป็นบอสของชูกวงมีเดีย

โปรดิวเซอร์หลี่รู้สึกโชคดีมาก การตัดสินใจของเขาถูกต้อง เลือกที่จะกอดขาชูกวงมีเดียไว้ให้มั่น

“ค่ะ งั้นก็ตามนี้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “อย่าลืมโพสต์เวยปั๋วนะคะ”

“แน่นอนครับแน่นอน” โปรดิวเซอร์หลี่รีบพยักหน้า

“เดี๋ยวโพสต์ตอนบ่ายเลยครับ วันมะรืนอัดรายการ มาได้ไหมครับ”

เดิมทีการแสดงต่อหน้าสาธารณชนต้องถ่ายทอดสด แต่เนื่องจากใกล้วันตรุษจีน ทำได้เพียงเปลี่ยนรูปแบบการออกอากาศ

แต่พอถึงเวลาก็จะมีแฟนคลับไปเยอะเช่นกัน

อิ๋งจื่อจินตอบ “ถ้าตอนเย็นไม่น่ามีปัญหาค่ะ”

“งั้นก็ดีครับงั้นก็ดี” โปรดิวเซอร์หลี่กระตือรือร้นเดินออกไปส่งอิ๋งจื่อจิน

“ผมจะไปติดต่อฝ่ายตัดต่อเดี๋ยวนี้เลยครับ”

พออิ๋งจื่อจินออกไปแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความหาอวิ๋นเหอเย่ว์

[(หมุนติ้วติ้ว)]

[ฉันเตรียมจะชวนพี่เสวี่ยเซิง แต่ถ้าพี่สาวมาย่อมดีกว่า พี่สาวได้เงินหรือเปล่าคะ]

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย

ถ้าดูแค่หน้าตากับบุคลิกของอวี้เสวี่ยเซิงก็พอจะสั่นสะเทือนวงการบันเทิงได้

แต่จะให้เขามาแสดงสะกดจิตผู้ชมเหรอ

ในเวลานี้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเหนือศีรษะของอิ๋งจื่อจิน

“คุณอิ๋ง ดูท่าผมจะมาเสียเที่ยวแล้วสินะครับ”

อิ๋งจื่อจินกดปิดโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้น

ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวสีขาว ชวนให้นึกถึงแสงแดดที่สะอาดสะอ้าน

“ถือว่าผมติดค้างน้ำใจคุณอิ๋ง” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้ม

“ต่อไปถ้าคุณอิ๋งโพสต์งานอะไรบนเอ็นโอเค ผมจะช่วยให้ฟรีๆ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เกรงใจแล้วค่ะ ฉันมาหาเงิน”

“หาเงินเหรอครับ” อวี้เสวี่ยเซิงอึ้ง “อวิ๋นเซินคงไม่ได้แม้แต่เงินค่าขนมก็ไม่ให้คุณนะครับ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา

“คุณไม่เข้าใจความสุขของการหาเงิน”

อวี้เสวี่ยเซิงหลุดขำนิดหน่อย

“ฉันยังมีธุระ ไปก่อนนะคะ”

อวี้เสวี่ยเซิงก็ไม่พูดอะไรอีก “ไว้เจอกันครับคุณอิ๋ง”

เขาหันตัว ยังไม่ทันเดินไปก็ชนกับฉินหลิงอวี๋ที่วิ่งตามอิ๋งจื่อจินออกมา

แต่ไหนแต่ไรมานักสะกดจิตมีร่างกายที่อ่อนแอ แต่อวี้เสวี่ยเซิงไม่ใช่

เขาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ฝีมือต่อสู้ก็ไม่ได้แย่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รับภารกิจไปที่ป่าฝนเขตร้อนคนเดียวจนถูกคนป่ากลุ่มหนึ่งไล่ฆ่า

ฉินหลิงอวี๋ชนเข้าแบบนี้ แรงกระแทกทำให้เธอเซถอยหลังจะล้ม

“ระวัง” พอสิ้นเสียงก็มีมือข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้

สัญชาตญาณของร่างกายทำให้ฉินหลิงอวี๋พึ่งแรงนั้นอย่างรวดเร็ว เธอถอยหลังหนึ่งก้าว สายตาเย็นชาเล็กน้อย

“ขอโทษครับ” อวี้เสวี่ยเซิงเอามือลง “เหตุสุดวิสัย”

เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมายื่นให้เธอ

ฉินหลิงอวี๋ชะงัก สุดท้ายก็รับมา “ไม่เป็นไรค่ะ”

อวี้เสวี่ยเซิงพยักหน้า สายตามองสำรวจร่างกายของฉินหลิงอวี๋ ขยับตัวเล็กน้อยแล้วเดินออก

ฉินหลิงอวี๋ขมวดคิ้ว

ในฐานะที่เป็นนักฆ่า ประสาทสัมผัสของเธอไวมาตลอด

ผู้ชายที่สวมชุดขาวคนนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย

ฉินหลิงอวี๋หันไปมองอีกรอบ

สีหน้าของชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน ใจเย็น และดูสะอาดสะอ้าน

ไม่มีกลิ่นคาวเลือดแม้แต่น้อย

ฉินหลิงอวี๋นวดขมับ หรือเธออาจจะประสาทสัมผัสไวเกินไปก็ได้ ดูท่าเธอต้องรับภารกิจมากหน่อยแล้ว สมองจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ

เช้าวันต่อมา

ณ ค่ายติวไอเอสซี

ภายในห้องทดลองชีววิทยา

จั่วหลีพาผู้หญิงวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาตบมือ

“นี่คือดอกเตอร์นอร่า วันนี้จะมาสอนคาบสุดท้ายของทุกคน จากนั้นพวกเธอก็จะได้กลับบ้านไปฉลองตรุษจีนแล้ว”

อย่างพวกนักเรียนอัจฉริยะที่อยู่ในค่ายติว ไม่จำเป็นต้องเรียนเสริมอะไร

ความรู้หลายอย่างแค่พวกเขาเห็นก็เข้าใจ แถมยังวิเคราะห์ต่อได้

เถิงอวิ้นเมิ่งส่งเสียงดีใจ ลากอิ๋งจื่อจินไปนั่งแถวหน้า

“ขอบคุณทุกคนที่ต้อนรับค่ะ” นอร่าพูด

“อาจารย์ได้พานักศึกษามาด้วยสองสามคน พวกเขาจะช่วยพวกคุณทำการทดลองร่วมกันค่ะ”

เธอพูดจบก็มีนักศึกษาสองคนถือกรงหลายอันเดินเข้ามา

ภายในกรงเป็นหนูขาวตัวเล็ก บางตัวก็กระโดดโลดเต้น บางตัวก็เหมือนตายไปแล้ว

หนึ่งในนักศึกษาชายพอวางกรงเสร็จอยู่ๆ ก็พูดขึ้น

“หมอแผนจีนไม่ไหวแล้วเหรอครับ ถึงต้องเชิญหมอแผนตะวันตกมาให้ได้ ดูท่าจะมีแต่ขยะจริงๆ”

คำพูดนี้ทำให้ห้องทดลองเกิดความเงียบ

นักเรียนทั้งหมดสีหน้าเปลี่ยน

เถิงอวิ้นเมิ่งโมโหมาก

ดูถูกหมอจีนมันจะต่างอะไรกับดูถูกวัฒนธรรมจีน

“ฉันไม่คิดว่าหมอแผนจีนด้อยกว่าหมอแผนตะวันตกค่ะ” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

“หมอแผนจีนเก่งกว่าที่พวกคุณคิดเยอะ”

หมอแผนจีนแตกออกมาจากหมอแผนโบราณ

วิชาที่พอเทียบชั้นกับแพทย์แผนโบราณได้ก็มีแค่วิชาเล่นแร่แปรธาตุ

แต่วิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นความลับ และก็มีแค่คนจำนวนน้อยที่ใช้เป็น

พอได้ยินแบบนี้นักศึกษาชายคนนั้นก็แสยะยิ้ม พูดดูถูก

“ถ้าหมอแผนจีนเก่งกว่าหมอแผนตะวันตก ทำไมพวกคุณต้องเชิญพวกเรามาด้วยล่ะครับ อยู่แต่กับการรักษาในแบบของพวกคุณไป อย่ามาเชิญพวกเราสิ”

นอร่าหน้าบึ้ง หันไปตวาดใส่ “หุบปาก!”

นักศึกษาชายเงียบทันที เขาหันขวับ “ดอกเตอร์!”

“ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันสั่งสอนไม่เข้มงวด นักเรียนคนนี้พูดถูก หมอแผนจีนเก่งมาก” นอร่ามองนักศึกษาชายด้วยสายตาเย็นชา

“ฉันชอบการรักษาแผนจีนมาก ถึงได้มาประเทศจีนบ่อยๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีพรสวรรค์เท่าไรในด้านการรักษาแผนจีน”

“ดอกเตอร์ ผมพูดไม่ผิดนะ” นักศึกษาชายยังคงไม่ยอม “ถ้าหมอแผนจีนเก่งจริง ทำไมประเทศจีนต้องนำเข้าหมอแผนตะวันตกอย่างพวกเราด้วยครับ”

“ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ผมแค่อยากถามว่า การรักษาแผนจีนสามารถทำให้หนูขาวตัวนี้กลับมากระโดดโลดเต้นได้ไหม”

เขาดูถูกประเทศจีนมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือดูถูกการรักษาแผนจีน

นอร่าโมโหสุดขีด “หุบปาก ถ้าอยากพูดอีกก็ออกไปแล้วก็พูดขอโทษด้วย!”

นักศึกษาชายหุบปาก แต่ไม่อยากพูดขอโทษแม้แต่คำเดียว

เฟิงเย่ว์ที่นั่งอยู่ด้านล่างโมโหมาก เขาพับแขนเสื้อ เตรียมขึ้นเวที

“เฟิงเย่ว์ โง่หรือไง” เถิงอวิ้นเมิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ จับเขาไว้ พูดเสียงเบา

“พวกเรามีแค่ความรู้ด้านชีวะ รักษาไม่เป็น”

พอได้ยินแบบนี้เฟิงเย่ว์ก็ใจเย็นลง

ลำพังแค่ความรู้ด้านชีววิทยายังไม่พอให้พวกเขารักษาหนูขาวได้

นักเรียนคนอื่นๆ ก็โกรธมากเหมือนกัน

นักศึกษาชายภูมิใจมาก อดผิวปากไม่ได้

เขารู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้ต้องเถียงเขาไม่ออก

แต่ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวยืนขึ้น เธอดันเก้าอี้ออก เดินขึ้นเวที

เถิงอวิ้นเมิ่งอึ้ง “จื่อจิน?”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง สวมถุงมือ หยิบหนูขาวที่สลบไปขึ้นมา “ดอกเตอร์คะ ขอฉันยืมใช้ตัวนี้นะคะ”

ถึงแม้นอร่าจะไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการทำอะไร แต่เธอก็ใจเย็นมาก

“เดิมทีก็เตรียมไว้ให้พวกเธออยู่แล้ว ใช้ได้เลยจ้ะ”

พูดจบเธอก็หันไปมองนักศึกษาชายที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยเสียงเย็นชา

“นายทำผิด เดี๋ยวกลับไปต้องโดนลงโทษ”

คราวนี้นักศึกษาชายไม่กล้าพูดแล้ว แต่ในใจกลับยังคงไม่แคร์

อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มเงินสามเล่มออกมาจากในแขนเสื้อ

สีหน้าของนอร่าตะลึง “เธอรักษาแผนจีนเป็นเหรอ”

แค่วิธีจับเข็มก็ดูแตกต่างแล้ว

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่เชิงค่ะ”

เธอรักษาเป็นแค่แผนโบราณ

นักเรียนคนอื่นๆ ก็ตกใจมาก พวกเขาต่างคาดไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะมีความรู้ด้านวิชาแพทย์ด้วย

นอร่าจ้องมือของอิ๋งจื่อจินเขม็ง มองเธอใช้เข็มเงินสามเล่มนั้นทยอยทิ่มลงบนหนูขาว

อิ๋งจื่อจินจงใจทำช้าๆ มือนิ่งมาก นอร่ายิ่งมองก็ยิ่งตะลึง

ถึงแม้เธอจะเรียนแพทย์แผนตะวันตก แต่แพทย์แผนตะวันตกหรือแผนจีนก็เป็นแพทย์ทั้งนั้น ย่อมมีจุดที่คล้ายกันบ้าง

เธอมองออกว่าอิ๋งจื่อจินรักษาเป็นจริงๆ อีกทั้งฝีมือยังไม่ธรรมดาด้วย

นักศึกษาชายแทบไม่อยากดู ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเบื่อหน่าย

ถ้าไม่ใช่เพราะดอกเตอร์นอร่าเอ่ยปาก เขาก็ไม่อยากช่วยพวกนักเรียนจีนกลุ่มนี้ทำการทดลองหรอก

แค่ปักเข็มลงไปแบบนั้นจะรักษาหนูขาวตัวนี้ได้จริงเหรอ

ขนาดหมอแผนตะวันตกอย่างพวกเขายังต้องใช้การผ่าตัดเลย

เหลวไหลสิ้นดี

นักศึกษาชายแสยะยิ้ม

เขาหมดความอดทนอย่างสิ้นเชิง เตรียมจะขัดจังหวะ ทันใดนั้น

“จี๊ด!”

เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนในห้องทดลองต่างตะลึง

อิ๋งจื่อจินวางเข็มเงินลง เหลือบตาขึ้น

“ยังต้องทำต่อไหมคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 371 ตบหน้า อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันเอง’

ในนี้มีแฟนคลับของเยี่ยซีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น

เพราะอวิ๋นเหอเย่ว์เป็นคนมีความสามารถมาก ไม่มีใครเทียบได้

นี่เป็นครั้งแรกที่รายการเฟ้นหาไอดอลเกิดปรากฏการณ์แบบนี้

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้อันดับหนึ่งจะได้เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์ คะแนนโหวตสูงมาก แต่ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าคนอื่นมากนัก

หลังจากการแสดงต่อหน้าสาธารณชนในครั้งแรกจบลง เฟิงถงที่อยู่อันดับสองกลับถูกอวิ๋นเหอเย่ว์ทิ้งห่างคะแนนโหวตชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น

ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้มีการเชิญดารามาร่วมด้วย หวาอิ้นที่เฟิงถงเชิญมาเป็นดาราชายยอดนิยม ช่วยเพิ่มความเป็นที่รู้จักให้ ก็แทบไม่มีทางขึ้นมาสูสีอวิ๋นเหอเย่ว์ได้เลย

อวิ๋นเหอเย่ว์ก็มีแฟนคลับเยอะมาก แต่เนื่องจากไม่มีต้นสังกัดที่ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ได้ จึงไม่สามารถหยุดสงครามต่างๆ ที่สาดเทเข้ามา

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เพิ่งออกอากาศไปสองตอน เป็นเวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน แต่ก็มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนไม่น้อยที่ซื้อคำค้นยอดนิยมโจมตีอวิ๋นเหอเย่ว์ไปเป็นจำนวนมาก

แต่ติดตรงที่อวิ๋นเหอเย่ว์ทั้งร้องและเต้นเก่ง ดึงดูดแฟนคลับได้ไม่น้อย ไม่มีใครใส่ร้ายได้สำเร็จ

เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์ ต่างกันแค่ไม่กี่คำ แต่ความหมายต่างกันมาก สิ่งที่จะได้รับหลังจากนั้นก็ต่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว

อันที่จริงเฟิงถงไม่ได้เป็นคนเชิญหวาอิ้นมา แต่เทียนสิงมีเดียเชิญมาให้

จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้คะแนนโหวตของเฟิงถงนำอวิ๋นเหอเย่ว์ จนสุดท้ายได้เดบิวต์เป็นเซ็นเตอร์

[หึๆ ครั้งนี้รอดูว่าแฟนคลับของอวิ๋นเหอเย่ว์จะทำอย่างไร ไอดอลของพวกเธอไม่ได้เรื่อง]

อิ๋งจื่อจินอ่านคอมเมนต์พวกนี้เสร็จก็สีหน้าเรียบเฉย แววตาห่างเหิน ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

สวี่ถังโจวถามจบก็สังเกตสีหน้าของอิ๋งจื่อจิน และก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อยู่กับความเป็นจริง

ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นแค่เทพอิ๋ง สมัครใจมาเป็นผู้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์ระยะหนึ่ง เพราะทั้งสองคนสนิทกัน ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะมาช่วยเสริมทัพให้

แต่ปัญหาอยู่ที่อิ๋งจื่อจินยังเป็นบอสของชูกวงมีเดียด้วย

แม้แต่ซังเย่าจือก็เป็นดาราในสังกัดของเธอ แล้วเธอจะมาเสริมทัพให้ไอดอลที่ยังไม่ได้เดบิวต์ได้อย่างไร

“ขอโทษด้วยครับคุณอิ๋ง” สวี่ถังโจวถอนหายใจ พูดเสียงเบา “คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดนะครับ”

เขาชื่นชมในตัวอวิ๋นเหอเย่ว์จากใจจริง

วงการบันเทิงสมัยนี้ไม่ต่างจากยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์เท่าไรแล้ว ฉาบฉวยเกินไป คนมีศักยภาพจริงๆ มีอยู่น้อยมาก

เสียดายเมล็ดพันธุ์ชั้นดีอย่างอวิ๋นเหอเย่ว์

สวี่ถังโจวเองก็แอบสงสัยว่าทำไมชูกวงมีเดียถึงไม่จับอวิ๋นเหอเย่ว์เซ็นสัญญา

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เงยหน้าขึ้น เธอแค่พูดว่า “อาจารย์สวี่รอก่อนนะคะ”

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรูปโปรไฟล์ของเลขาสาว

[ดูให้หน่อยว่ารายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ทำเงินให้ฉันเท่าไรแล้ว]

สิบนาทีต่อมาเลขาสาวก็ตอบ

[บอสคะ ด้วยความทรงอิทธิพลของนางฟ้าของฉันกับลูกสาวของฉัน มีสิบกว่าประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ฉายรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไปแล้วค่ะ และยังมีอีกหลายแบรนด์สินค้าที่มาขอร่วมลงทุน คาดว่าหลังจากการแสดงครั้งที่สอง ผลกำไรที่โกยได้ทั้งโลกรวมกันน่าจะเกินห้าพันล้านค่ะ]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 มีทั้งหมดสิบตอน การแสดงต่อหน้าสาธารณชนครั้งที่สองคือสัปดาห์ที่สาม

เมื่อออกอากาศครบทั้งสิบตอน ผลกำไรก็จะยิ่งสูงขึ้น

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด

ถึงแม้เธอจะรับช่วงต่อชูกวงมีเดีย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องในวงการบันเทิงเท่าไร

แต่เธอรู้ว่า บริษัทบันเทิงเหล่านี้ล้วนมีระบบที่ประมาณการณ์ได้ว่าต่อไปจะได้รับความนิยมแค่ไหน

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง มองข้อมูลที่เลขาสาวส่งมาให้อีกครั้ง

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ถ้าเธอไปช่วยออกรายการให้ ความนิยมจะเพิ่มเป็นทวีคูณ

นี่ก็แสดงว่าเงินก็จะยิ่งมากขึ้น

เงินมากองตรงหน้าไม่เอาคือคนโง่

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “อาจารย์สวี่คะ ขอบคุณที่บอกค่ะ ฉันจะมาด้วย”

สวี่ถังโจวอึ้ง “ว่าไงนะครับ”

“ฉันจะไปบอกทีมงาน” อิ๋งจื่อจินหาว

“วันนี้ขอบคุณอาจารย์สวี่มากนะคะ”

เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณแล้วสวมหมวกเดินออกไป

สวี่ถังโจวไม่ได้ตามไป

เขาได้คลุกคลีกับอิ๋งจื่อจินแค่ชั่วโมงเดียว แต่กลับถูกสะกดเข้าแล้ว

อิ๋งจื่อจินมีเสน่ห์เฉพาะตัว เธอสุขุม เข้มแข็ง เหนือกว่าคนวัยเดียวกัน

แต่ก็มีนิสัยแบบเด็กสาว

นิสัยที่ดูขัดกันแบบนี้กลับยิ่งดึงดูดคน

เพียงแต่เด็กสาวแบบนี้ ไม่รู้ว่าต้องผู้ชายแบบไหนถึงจะคู่ควร

สวี่ถังโจวเหม่อลอยอยู่สักพักถึงส่ายหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ห้องซ้อม

ภายในห้องทำงานหลังเวที

ตอนที่โปรดิวเซอร์หลี่ได้ยินว่าอิ๋งจื่อจินจะมาร่วมรายการ มือก็สั่น เกือบทำแก้วเก็บอุณหภูมิของตัวเองตก

“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” เขาแทบอยากพุ่งเข้าไปกอดขา

“ต่อให้คุณไม่มาผมก็จะช่วยหาคนมาอยู่แล้วครับ”

ผู้กำกับมุมปากกระตุก มือที่จุดบุหรี่ก็สั่นเหมือนกัน

เขาสังหรณ์ใจว่า รายการตอนที่สามได้ดังระเบิดเถิดเทิงแน่

แต่พวกเขาก็รู้กาลเทศะ ไม่กล้าเปิดเผยออกไปว่าอิ๋งจื่อจินเป็นบอสของชูกวงมีเดีย

โปรดิวเซอร์หลี่รู้สึกโชคดีมาก การตัดสินใจของเขาถูกต้อง เลือกที่จะกอดขาชูกวงมีเดียไว้ให้มั่น

“ค่ะ งั้นก็ตามนี้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “อย่าลืมโพสต์เวยปั๋วนะคะ”

“แน่นอนครับแน่นอน” โปรดิวเซอร์หลี่รีบพยักหน้า

“เดี๋ยวโพสต์ตอนบ่ายเลยครับ วันมะรืนอัดรายการ มาได้ไหมครับ”

เดิมทีการแสดงต่อหน้าสาธารณชนต้องถ่ายทอดสด แต่เนื่องจากใกล้วันตรุษจีน ทำได้เพียงเปลี่ยนรูปแบบการออกอากาศ

แต่พอถึงเวลาก็จะมีแฟนคลับไปเยอะเช่นกัน

อิ๋งจื่อจินตอบ “ถ้าตอนเย็นไม่น่ามีปัญหาค่ะ”

“งั้นก็ดีครับงั้นก็ดี” โปรดิวเซอร์หลี่กระตือรือร้นเดินออกไปส่งอิ๋งจื่อจิน

“ผมจะไปติดต่อฝ่ายตัดต่อเดี๋ยวนี้เลยครับ”

พออิ๋งจื่อจินออกไปแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความหาอวิ๋นเหอเย่ว์

[(หมุนติ้วติ้ว)]

[ฉันเตรียมจะชวนพี่เสวี่ยเซิง แต่ถ้าพี่สาวมาย่อมดีกว่า พี่สาวได้เงินหรือเปล่าคะ]

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย

ถ้าดูแค่หน้าตากับบุคลิกของอวี้เสวี่ยเซิงก็พอจะสั่นสะเทือนวงการบันเทิงได้

แต่จะให้เขามาแสดงสะกดจิตผู้ชมเหรอ

ในเวลานี้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเหนือศีรษะของอิ๋งจื่อจิน

“คุณอิ๋ง ดูท่าผมจะมาเสียเที่ยวแล้วสินะครับ”

อิ๋งจื่อจินกดปิดโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้น

ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวสีขาว ชวนให้นึกถึงแสงแดดที่สะอาดสะอ้าน

“ถือว่าผมติดค้างน้ำใจคุณอิ๋ง” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้ม

“ต่อไปถ้าคุณอิ๋งโพสต์งานอะไรบนเอ็นโอเค ผมจะช่วยให้ฟรีๆ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เกรงใจแล้วค่ะ ฉันมาหาเงิน”

“หาเงินเหรอครับ” อวี้เสวี่ยเซิงอึ้ง “อวิ๋นเซินคงไม่ได้แม้แต่เงินค่าขนมก็ไม่ให้คุณนะครับ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา

“คุณไม่เข้าใจความสุขของการหาเงิน”

อวี้เสวี่ยเซิงหลุดขำนิดหน่อย

“ฉันยังมีธุระ ไปก่อนนะคะ”

อวี้เสวี่ยเซิงก็ไม่พูดอะไรอีก “ไว้เจอกันครับคุณอิ๋ง”

เขาหันตัว ยังไม่ทันเดินไปก็ชนกับฉินหลิงอวี๋ที่วิ่งตามอิ๋งจื่อจินออกมา

แต่ไหนแต่ไรมานักสะกดจิตมีร่างกายที่อ่อนแอ แต่อวี้เสวี่ยเซิงไม่ใช่

เขาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ฝีมือต่อสู้ก็ไม่ได้แย่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รับภารกิจไปที่ป่าฝนเขตร้อนคนเดียวจนถูกคนป่ากลุ่มหนึ่งไล่ฆ่า

ฉินหลิงอวี๋ชนเข้าแบบนี้ แรงกระแทกทำให้เธอเซถอยหลังจะล้ม

“ระวัง” พอสิ้นเสียงก็มีมือข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้

สัญชาตญาณของร่างกายทำให้ฉินหลิงอวี๋พึ่งแรงนั้นอย่างรวดเร็ว เธอถอยหลังหนึ่งก้าว สายตาเย็นชาเล็กน้อย

“ขอโทษครับ” อวี้เสวี่ยเซิงเอามือลง “เหตุสุดวิสัย”

เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมายื่นให้เธอ

ฉินหลิงอวี๋ชะงัก สุดท้ายก็รับมา “ไม่เป็นไรค่ะ”

อวี้เสวี่ยเซิงพยักหน้า สายตามองสำรวจร่างกายของฉินหลิงอวี๋ ขยับตัวเล็กน้อยแล้วเดินออก

ฉินหลิงอวี๋ขมวดคิ้ว

ในฐานะที่เป็นนักฆ่า ประสาทสัมผัสของเธอไวมาตลอด

ผู้ชายที่สวมชุดขาวคนนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย

ฉินหลิงอวี๋หันไปมองอีกรอบ

สีหน้าของชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน ใจเย็น และดูสะอาดสะอ้าน

ไม่มีกลิ่นคาวเลือดแม้แต่น้อย

ฉินหลิงอวี๋นวดขมับ หรือเธออาจจะประสาทสัมผัสไวเกินไปก็ได้ ดูท่าเธอต้องรับภารกิจมากหน่อยแล้ว สมองจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ

เช้าวันต่อมา

ณ ค่ายติวไอเอสซี

ภายในห้องทดลองชีววิทยา

จั่วหลีพาผู้หญิงวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาตบมือ

“นี่คือดอกเตอร์นอร่า วันนี้จะมาสอนคาบสุดท้ายของทุกคน จากนั้นพวกเธอก็จะได้กลับบ้านไปฉลองตรุษจีนแล้ว”

อย่างพวกนักเรียนอัจฉริยะที่อยู่ในค่ายติว ไม่จำเป็นต้องเรียนเสริมอะไร

ความรู้หลายอย่างแค่พวกเขาเห็นก็เข้าใจ แถมยังวิเคราะห์ต่อได้

เถิงอวิ้นเมิ่งส่งเสียงดีใจ ลากอิ๋งจื่อจินไปนั่งแถวหน้า

“ขอบคุณทุกคนที่ต้อนรับค่ะ” นอร่าพูด

“อาจารย์ได้พานักศึกษามาด้วยสองสามคน พวกเขาจะช่วยพวกคุณทำการทดลองร่วมกันค่ะ”

เธอพูดจบก็มีนักศึกษาสองคนถือกรงหลายอันเดินเข้ามา

ภายในกรงเป็นหนูขาวตัวเล็ก บางตัวก็กระโดดโลดเต้น บางตัวก็เหมือนตายไปแล้ว

หนึ่งในนักศึกษาชายพอวางกรงเสร็จอยู่ๆ ก็พูดขึ้น

“หมอแผนจีนไม่ไหวแล้วเหรอครับ ถึงต้องเชิญหมอแผนตะวันตกมาให้ได้ ดูท่าจะมีแต่ขยะจริงๆ”

คำพูดนี้ทำให้ห้องทดลองเกิดความเงียบ

นักเรียนทั้งหมดสีหน้าเปลี่ยน

เถิงอวิ้นเมิ่งโมโหมาก

ดูถูกหมอจีนมันจะต่างอะไรกับดูถูกวัฒนธรรมจีน

“ฉันไม่คิดว่าหมอแผนจีนด้อยกว่าหมอแผนตะวันตกค่ะ” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

“หมอแผนจีนเก่งกว่าที่พวกคุณคิดเยอะ”

หมอแผนจีนแตกออกมาจากหมอแผนโบราณ

วิชาที่พอเทียบชั้นกับแพทย์แผนโบราณได้ก็มีแค่วิชาเล่นแร่แปรธาตุ

แต่วิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นความลับ และก็มีแค่คนจำนวนน้อยที่ใช้เป็น

พอได้ยินแบบนี้นักศึกษาชายคนนั้นก็แสยะยิ้ม พูดดูถูก

“ถ้าหมอแผนจีนเก่งกว่าหมอแผนตะวันตก ทำไมพวกคุณต้องเชิญพวกเรามาด้วยล่ะครับ อยู่แต่กับการรักษาในแบบของพวกคุณไป อย่ามาเชิญพวกเราสิ”

นอร่าหน้าบึ้ง หันไปตวาดใส่ “หุบปาก!”

นักศึกษาชายเงียบทันที เขาหันขวับ “ดอกเตอร์!”

“ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันสั่งสอนไม่เข้มงวด นักเรียนคนนี้พูดถูก หมอแผนจีนเก่งมาก” นอร่ามองนักศึกษาชายด้วยสายตาเย็นชา

“ฉันชอบการรักษาแผนจีนมาก ถึงได้มาประเทศจีนบ่อยๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีพรสวรรค์เท่าไรในด้านการรักษาแผนจีน”

“ดอกเตอร์ ผมพูดไม่ผิดนะ” นักศึกษาชายยังคงไม่ยอม “ถ้าหมอแผนจีนเก่งจริง ทำไมประเทศจีนต้องนำเข้าหมอแผนตะวันตกอย่างพวกเราด้วยครับ”

“ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ผมแค่อยากถามว่า การรักษาแผนจีนสามารถทำให้หนูขาวตัวนี้กลับมากระโดดโลดเต้นได้ไหม”

เขาดูถูกประเทศจีนมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือดูถูกการรักษาแผนจีน

นอร่าโมโหสุดขีด “หุบปาก ถ้าอยากพูดอีกก็ออกไปแล้วก็พูดขอโทษด้วย!”

นักศึกษาชายหุบปาก แต่ไม่อยากพูดขอโทษแม้แต่คำเดียว

เฟิงเย่ว์ที่นั่งอยู่ด้านล่างโมโหมาก เขาพับแขนเสื้อ เตรียมขึ้นเวที

“เฟิงเย่ว์ โง่หรือไง” เถิงอวิ้นเมิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ จับเขาไว้ พูดเสียงเบา

“พวกเรามีแค่ความรู้ด้านชีวะ รักษาไม่เป็น”

พอได้ยินแบบนี้เฟิงเย่ว์ก็ใจเย็นลง

ลำพังแค่ความรู้ด้านชีววิทยายังไม่พอให้พวกเขารักษาหนูขาวได้

นักเรียนคนอื่นๆ ก็โกรธมากเหมือนกัน

นักศึกษาชายภูมิใจมาก อดผิวปากไม่ได้

เขารู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้ต้องเถียงเขาไม่ออก

แต่ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวยืนขึ้น เธอดันเก้าอี้ออก เดินขึ้นเวที

เถิงอวิ้นเมิ่งอึ้ง “จื่อจิน?”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง สวมถุงมือ หยิบหนูขาวที่สลบไปขึ้นมา “ดอกเตอร์คะ ขอฉันยืมใช้ตัวนี้นะคะ”

ถึงแม้นอร่าจะไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการทำอะไร แต่เธอก็ใจเย็นมาก

“เดิมทีก็เตรียมไว้ให้พวกเธออยู่แล้ว ใช้ได้เลยจ้ะ”

พูดจบเธอก็หันไปมองนักศึกษาชายที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยเสียงเย็นชา

“นายทำผิด เดี๋ยวกลับไปต้องโดนลงโทษ”

คราวนี้นักศึกษาชายไม่กล้าพูดแล้ว แต่ในใจกลับยังคงไม่แคร์

อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มเงินสามเล่มออกมาจากในแขนเสื้อ

สีหน้าของนอร่าตะลึง “เธอรักษาแผนจีนเป็นเหรอ”

แค่วิธีจับเข็มก็ดูแตกต่างแล้ว

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่เชิงค่ะ”

เธอรักษาเป็นแค่แผนโบราณ

นักเรียนคนอื่นๆ ก็ตกใจมาก พวกเขาต่างคาดไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะมีความรู้ด้านวิชาแพทย์ด้วย

นอร่าจ้องมือของอิ๋งจื่อจินเขม็ง มองเธอใช้เข็มเงินสามเล่มนั้นทยอยทิ่มลงบนหนูขาว

อิ๋งจื่อจินจงใจทำช้าๆ มือนิ่งมาก นอร่ายิ่งมองก็ยิ่งตะลึง

ถึงแม้เธอจะเรียนแพทย์แผนตะวันตก แต่แพทย์แผนตะวันตกหรือแผนจีนก็เป็นแพทย์ทั้งนั้น ย่อมมีจุดที่คล้ายกันบ้าง

เธอมองออกว่าอิ๋งจื่อจินรักษาเป็นจริงๆ อีกทั้งฝีมือยังไม่ธรรมดาด้วย

นักศึกษาชายแทบไม่อยากดู ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเบื่อหน่าย

ถ้าไม่ใช่เพราะดอกเตอร์นอร่าเอ่ยปาก เขาก็ไม่อยากช่วยพวกนักเรียนจีนกลุ่มนี้ทำการทดลองหรอก

แค่ปักเข็มลงไปแบบนั้นจะรักษาหนูขาวตัวนี้ได้จริงเหรอ

ขนาดหมอแผนตะวันตกอย่างพวกเขายังต้องใช้การผ่าตัดเลย

เหลวไหลสิ้นดี

นักศึกษาชายแสยะยิ้ม

เขาหมดความอดทนอย่างสิ้นเชิง เตรียมจะขัดจังหวะ ทันใดนั้น

“จี๊ด!”

เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนในห้องทดลองต่างตะลึง

อิ๋งจื่อจินวางเข็มเงินลง เหลือบตาขึ้น

“ยังต้องทำต่อไหมคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+