คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้ประกาศชื่อออกมาตรงๆ

แต่ใครก็ตามที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ไม่มีทางไม่รู้ว่าดาราคนที่ว่านี้คือใคร

มีแค่ซิวเหยียนคนเดียว

ตอนนั้นแฟนคลับของซิวเหยียนยังเที่ยวโม้ไปทั่วว่าทั้งวงการบันเทิงหาใครที่ฉลาดเท่าซิวเหยียนไม่ได้อีกแล้ว

ทางไอเอสซีประกาศขนาดนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกว่าซิวเหยียนใช้วิธีสกปรกแบบในวงการบันเทิงทำผิดกฎของวงการวิชาการ

ตอนนี้โครงการไอเอสซีได้รับความสนใจจากผู้คนหลากหลายวงการ แม้แต่ในหมู่คนที่ปกติไม่ค่อยเล่นเวยปั๋ว

[รายการวัยรุ่นสร้างฝัน101 เลือกใครเข้ามาเนี่ย ลั่วจื่อเย่ว์ไปคนนึงละ นี่ยังมีซิวเหยียนอีกคน แต่ละคนนิสัยไม่ได้เรื่อง]

[มีพรายกระซิบ ซิวเหยียนถูกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกไปเองเลยนะ ถามหน่อย อายไหมล่ะ]

[แฟนคลับยังจะมีหน้ามาโม้ ขืนยังโม้อีกภาพลักษณ์เด็กเรียนของหัวหน้าแก๊งพวกเธอได้ป่นปี้แน่]

[จึ๊ๆๆ ตอนนี้ชักเป็นห่วงวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไม่รู้ว่ายังจะดังได้อีกหรือเปล่า]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เป็นการเฟ้นหากลุ่มไอดอลหญิง ส่วนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นวงไอดอลชาย

ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแต่ละบริษัทได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้อยู่ในช่วงสัมภาษณ์พอดี เหมือนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 สุดท้ายจะคัดเอาผู้เข้ารอบจำนวน 101 คน

ต้นปีหน้าถึงจะเริ่มแข่งและเข้าหอพักอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากครั้งนี้ชูกวงมีเดียก็ส่งเด็กในสังกัดไปเข้าร่วมด้วย จึงถือโอกาสลงทุนนิดหน่อย

วันต่อมาหลังจากอิ๋งจื่อจินเสร็จธุระจากค่ายติวเธอก็แวะไปดูสนามสัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202

มีคนมารอสัมภาษณ์เยอะมาก เกือบหนึ่งพันคนได้

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เข้าไป แค่ยืนดูอยู่ข้างๆ

เธอยกมือชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย “ดูนั่น”

ฟู่อวิ๋นเซินมองไปตามทางที่เธอชี้ก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบแปด

เขาเลิกคิ้ว “ไหนบอกชอบดาราผู้หญิงสวยๆ ทำไม เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันกำลังประเมินว่าพวกเขามีมูลค่าเท่าไร”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

สมกับเป็นเธอ

“อายุน้อยดีจริงๆ” อิ๋งจื่อจินมองแล้วมองอีก “มีคอลลาเจน คุณลองไปสัมผัสดูได้นะ”

ฟังถึงตรงนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกมือเหมือนก่อนหน้านี้หลายครั้ง เอานิ้วจิ้มแก้มชมพูของเธออย่างไม่เคอะเขิน “เด็กน้อย ดูแบบนี้แก้มของเธอดีกว่าหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองมือของเขา ยังคงไม่พูดอะไร

ดูกันอยู่สักพักทั้งสองคนก็กลับไปที่รถ

อิ๋งจื่อจินรัดเข็มขัดนิรภัย หลับตาพิงหน้าต่างพักผ่อน อยู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้น

ล้วงไพ่ทาโรต์ที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางบนขา

เธอยังไม่เคยทำนายดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ตอนนี้เธออยู่ตี้ตูพอดี ที่เดียวกับตี้อู่เย่ว์ ลองทำนายดูแล้วกัน

ไพ่ใบที่หนึ่ง พระจันทร์ ลำดับที่สิบแปด เป็นไพ่ใบที่สิบเก้าในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

ไพ่ใบที่สอง เทวทูต ลำดับที่สิบสี่ เป็นไพ่ใบที่สิบห้าในสำรับใหญ่ กลับหัว

ไพ่ใบที่สาม หอคอย ลำดับที่สิบหก เป็นไพ่ใบที่สิบเจ็ดในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเห็นไพ่ใบที่สาม สายตาก็หยุดนิ่งเล็กน้อย

ได้ไพ่หอคอยอีกแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ไพ่หอคอยปรากฏเป็นตอนที่ทำนายให้ซังเย่าจือ

สรุปง่ายๆ ได้ว่า ไพ่หอคอยไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อย

เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏก็ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย

ส่วนไพ่ใบที่หนึ่งเป็นพระจันทร์ไม่กลับหัว หมายถึงตี้อู่เย่ว์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี

มือของอิ๋งจื่อจินที่จับไพ่หยุดชะงัก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เธอรุ่งเรือง การเปลี่ยนดวงชะตาเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ในสถานการณ์ที่ต้องตายสถานเดียว

แต่ตอนนี้ไม่ไหว

แต่ไพ่เทวทูตกลับหัวใบที่สองนี้กลับหมายถึงมีหนทางรอด ไม่ถึงกับต้องตาย

อิ๋งจื่อจินเก็บไพ่ เงียบไปสองวินาที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาตี้อู่เย่ว์

[ฉันจะไปหาเธอที่บ้านตอนนี้]

อีกฝ่ายตอบกลับทันที

[!!!]

[พี่สาว ฉันยังหาเงินได้ไม่ครบเลย (ร้องไห้โฮ) ยืดระยะเวลาชำระหนี้ไปก่อนได้ไหมคะ]

[ไม่ได้ไปทวงหนี้ แค่เจอหน้ากัน]

[จริงเหรอ งั้นก็เอาสิ ถนนซีจยามีร้านชานมพี่รู้จักไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวส่งพิกัดให้นะ]

วินาทีถัดมาก็มีพิกัดแผนที่ถูกส่งเข้ามา

สถานที่สัมภาษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อยู่ไกลจากร้านชานมที่ตี้อู่เย่ว์ส่งมา ขับรถไปใช้เวลาสี่สิบนาที

ก็พอดีสี่สิบนาทีนี้เพียงพอให้เธอแต่งหน้าเหมือนตอนที่เจอตี้อู่เย่ว์ครั้งนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินลงจากรถ “ให้รอไหม”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลง “ใช้เวลานาน เดี๋ยวฉันกลับเอง”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร “ถ้าเกินสองทุ่มโทรหาพี่ชายนะ”

เมืองตี้ตูคนเยอะ ตอนเย็นก็วุ่นวายพอสมควร

โดยเฉพาะที่นี่ แม้แต่วงการจอมยุทธ์ก็จะมีจอมยุทธ์ตัวจริงออกมาเพ่นพ่านบ้างอยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เด็กน้อยของเขาจะฝีมือร้ายกาจ แต่เขาก็ยังคงไม่วางใจ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ได้”

เธอโบกมือให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าร้านชานม

ตี้อู่เย่ว์นั่งริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีชานมสิบกว่าแก้ว

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาเธอก็โบกมือเรียกด้วยความดีใจ “พี่สาว ทางนี้”

ขณะพูดยังได้ดันข้าวหมากไปตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน “ฉันเลี้ยง”

อิ๋งจื่อจินไม่รับ นั่งพิงเก้าอี้ “ใช่ เธอเลี้ยง แต่ฉันจ่ายเงิน”

ตี้อู่เย่ว์ช็อก “…”

เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ดูท่าวิธีต้มตุ๋นที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาจะไม่ได้เจ๋งสักเท่าไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอถาม “ช่วงนี้เธอรู้สึกเวียนหัวบ้างหรือเปล่า บางครั้งไม่ค่อยอยากอาหาร แต่บางครั้งกลับกินตะกละตะกลาม”

ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “ก็นิดหน่อย”

เธอมีอาการแบบนี้หลังจากกลับมาถึงตี้ตู

แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียพวกคนที่ทำงานแบบเธอร่างกายก็ผิดปกติบ้างอยู่แล้ว

แน่นอนว่าเธอก็ไปหาหมอมา แต่หมอบอกว่าเกิดจากช่วงนี้ความเครียดสูง

ตี้อู่เย่ว์กะพริบตาปริบๆ “พี่สาว บอกฉันมาตามตรงเลยนะ พี่เกิดในตระกูลดูดวงอะไรพวกนี้หรือเปล่า”

ตระกูลดูดวงที่ยังอยู่ในปัจจุบันก็มีแค่ตระกูลตี้อู่ตระกูลเดียว ตระกูลอื่นหายสาบสูญไปหมดแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่ายังมีลูกหลานหลงเหลืออยู่

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ไม่พูดอะไร

ตอนนี้ความสามารถในการทำนายของตี้อู่เย่ว์ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำ

ก็แค่เอาไปใช้ไม่ถูกที่

อิ๋งจื่อจินเดาว่า อาจเป็นเพราะตี้อู่เซ่าเสียนเคยทำนายชะตาให้เธอ ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนอายุขัยของเขา แม้แต่ลูกหลานสายตรงของเขาก็พลอยติดร่างแหในบ่วงกรรมนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ตี้อู่เย่ว์ที่เป็นทายาทสายตรงก็จะมีอายุขัยสั้นเช่นกัน

พ่อของตี้อู่เย่ว์จากโลกนี้ไปหลังจากที่พวกเขาเกิดได้ไม่นาน

ปู่ของตี้อู่เย่ว์ ตี้อู่ฝาน นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คนปัจจุบันกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่เกรงว่าต้องแลกกับอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินปรับอารมณ์ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย “เธอคิดว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋นก็พอ”

“เฮ้อ ไม่เห็นเป็นไร” ตี้อู่เย่ว์ไม่แคร์แม้แต่น้อย โบกมือใหญ่ “ฉันก็เป็นหมอดูกำมะลอเหมือนกัน ครอบครัวฉันเป็นหมอดูกำมะลอกันทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “งั้นก็ไปที่บ้านเธอสักหน่อยแล้วกัน”

“ได้” หลังจากตี้อู่เย่ว์รู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้มาทวงหนี้ เธอก็ตอบด้วยความเต็มใจ “แต่ว่าบ้านฉันอยู่ไกลหน่อยนะ พี่สาว ค่ารถ…”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ “ฉันจ่าย”

ตี้อู่เย่ว์กดเรียกรถในแอปด้วยความดีใจ

นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ ดวงตาหลุบลงต่ำ

ไม่ว่าอย่างไรเธอจำเป็นต้องช่วยแก้ไขดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ทางด้านฮู่เฉิง

บ้านตระกูลอิ๋ง

นับตั้งแต่อิ๋งลู่เวยถูกจับเข้าคุก ร่างกายของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็ทรุดลงทุกวัน จำต้องไปใช้ชีวิตที่โรงพยาบาล

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ไม่ว่าโรงพยาบาลอันดับหนึ่งจะตรวจกี่รอบก็ตรวจไม่เจอว่าสมองของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้รับความเสียหายตรงไหนกันแน่

สมองของคนเราซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรใดๆ แม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถวิเคราะห์สมองออกมาได้อย่างถึงที่สุด

จงมั่นหวาร้อนใจนั่งไม่ติด

เธอได้ไปลงทะเบียนต่อคิวที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว

แต่ทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินบอกว่า หมอเทวดาจะรักษาคนไข้แค่อาทิตย์ละคน

คนรอต่อคิวเยอะมาก รวมถึงพวกเศรษฐีที่มาจากตี้ตู ต่อให้เป็นตระกูลอิ๋งก็แซงคิวไม่ได้

จงมั่นหวาทำได้เพียงรอ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เธอโทรหาโรงพยาบาลเซ่าเหรินชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

“ขอโทษด้วยค่ะ เดือนนี้คุณหมอเทวดาไม่อยู่ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบกำหนดการของเธอเหมือนกันค่ะ” พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าพูดอย่างสุภาพ “แต่ก่อนไปคุณหมอเทวดาบอกว่าให้โทรติดต่อเธอได้ค่ะ”

“ค่ะ” จงมั่นหวาโล่งอก “ติดต่อได้ก็พอแล้วค่ะ”

“เบอร์โทร 177XXXXXXX” พนักงานบอกเบอร์โทร จากนั้นก็กำชับอีกรอบ “แต่เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะคะ ใช่ว่าทุกคนที่ถึงคิวแล้วจะให้คุณหมอเทวดารักษาได้”

ถึงแม้ในหนึ่งเดือนจะมีคนไข้เพียงสี่คนที่ได้เจอหมอเทวดา แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจด้วยตัวเอง

“เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ” จงมั่นหวาเอาปากกาจด “ขอบคุณมากค่ะ”

จุดนี้จงมั่นหวาพอเดาได้

อย่างไรเสียก็เป็นหมอเทวดา การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่จงมั่นหวาไม่คิดว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจ

ตระกูลอิ๋งมีอำนาจมีอิทธิพล หมอเทวดาอยากได้อะไรพวกเขาก็ให้ได้

จงมั่นหวากดเบอร์ตามที่จดไว้

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่อยู่ข้างๆ มองไปมองมาก็รู้สึกคุ้นเบอร์นี้

เธอพยายามนึก ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “หนูว่าหนูเคยเห็นเบอร์นี้นะคะ”

มือของจงมั่นหวาชะงัก รู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ที่ไหน เสี่ยวเซวียน ลูกรู้จักเหรอ”

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จักกับหมอเทวดาคนนี้ แบบนั้นก็จะเชิญหมอเทวดาให้มาตรวจคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้ง่ายยิ่งขึ้น

“หนูรู้จัก แม่ก็รู้จักค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “น้องจื่อจิน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้ประกาศชื่อออกมาตรงๆ

แต่ใครก็ตามที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ไม่มีทางไม่รู้ว่าดาราคนที่ว่านี้คือใคร

มีแค่ซิวเหยียนคนเดียว

ตอนนั้นแฟนคลับของซิวเหยียนยังเที่ยวโม้ไปทั่วว่าทั้งวงการบันเทิงหาใครที่ฉลาดเท่าซิวเหยียนไม่ได้อีกแล้ว

ทางไอเอสซีประกาศขนาดนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกว่าซิวเหยียนใช้วิธีสกปรกแบบในวงการบันเทิงทำผิดกฎของวงการวิชาการ

ตอนนี้โครงการไอเอสซีได้รับความสนใจจากผู้คนหลากหลายวงการ แม้แต่ในหมู่คนที่ปกติไม่ค่อยเล่นเวยปั๋ว

[รายการวัยรุ่นสร้างฝัน101 เลือกใครเข้ามาเนี่ย ลั่วจื่อเย่ว์ไปคนนึงละ นี่ยังมีซิวเหยียนอีกคน แต่ละคนนิสัยไม่ได้เรื่อง]

[มีพรายกระซิบ ซิวเหยียนถูกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกไปเองเลยนะ ถามหน่อย อายไหมล่ะ]

[แฟนคลับยังจะมีหน้ามาโม้ ขืนยังโม้อีกภาพลักษณ์เด็กเรียนของหัวหน้าแก๊งพวกเธอได้ป่นปี้แน่]

[จึ๊ๆๆ ตอนนี้ชักเป็นห่วงวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไม่รู้ว่ายังจะดังได้อีกหรือเปล่า]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เป็นการเฟ้นหากลุ่มไอดอลหญิง ส่วนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นวงไอดอลชาย

ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแต่ละบริษัทได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้อยู่ในช่วงสัมภาษณ์พอดี เหมือนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 สุดท้ายจะคัดเอาผู้เข้ารอบจำนวน 101 คน

ต้นปีหน้าถึงจะเริ่มแข่งและเข้าหอพักอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากครั้งนี้ชูกวงมีเดียก็ส่งเด็กในสังกัดไปเข้าร่วมด้วย จึงถือโอกาสลงทุนนิดหน่อย

วันต่อมาหลังจากอิ๋งจื่อจินเสร็จธุระจากค่ายติวเธอก็แวะไปดูสนามสัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202

มีคนมารอสัมภาษณ์เยอะมาก เกือบหนึ่งพันคนได้

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เข้าไป แค่ยืนดูอยู่ข้างๆ

เธอยกมือชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย “ดูนั่น”

ฟู่อวิ๋นเซินมองไปตามทางที่เธอชี้ก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบแปด

เขาเลิกคิ้ว “ไหนบอกชอบดาราผู้หญิงสวยๆ ทำไม เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันกำลังประเมินว่าพวกเขามีมูลค่าเท่าไร”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

สมกับเป็นเธอ

“อายุน้อยดีจริงๆ” อิ๋งจื่อจินมองแล้วมองอีก “มีคอลลาเจน คุณลองไปสัมผัสดูได้นะ”

ฟังถึงตรงนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกมือเหมือนก่อนหน้านี้หลายครั้ง เอานิ้วจิ้มแก้มชมพูของเธออย่างไม่เคอะเขิน “เด็กน้อย ดูแบบนี้แก้มของเธอดีกว่าหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองมือของเขา ยังคงไม่พูดอะไร

ดูกันอยู่สักพักทั้งสองคนก็กลับไปที่รถ

อิ๋งจื่อจินรัดเข็มขัดนิรภัย หลับตาพิงหน้าต่างพักผ่อน อยู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้น

ล้วงไพ่ทาโรต์ที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางบนขา

เธอยังไม่เคยทำนายดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ตอนนี้เธออยู่ตี้ตูพอดี ที่เดียวกับตี้อู่เย่ว์ ลองทำนายดูแล้วกัน

ไพ่ใบที่หนึ่ง พระจันทร์ ลำดับที่สิบแปด เป็นไพ่ใบที่สิบเก้าในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

ไพ่ใบที่สอง เทวทูต ลำดับที่สิบสี่ เป็นไพ่ใบที่สิบห้าในสำรับใหญ่ กลับหัว

ไพ่ใบที่สาม หอคอย ลำดับที่สิบหก เป็นไพ่ใบที่สิบเจ็ดในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเห็นไพ่ใบที่สาม สายตาก็หยุดนิ่งเล็กน้อย

ได้ไพ่หอคอยอีกแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ไพ่หอคอยปรากฏเป็นตอนที่ทำนายให้ซังเย่าจือ

สรุปง่ายๆ ได้ว่า ไพ่หอคอยไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อย

เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏก็ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย

ส่วนไพ่ใบที่หนึ่งเป็นพระจันทร์ไม่กลับหัว หมายถึงตี้อู่เย่ว์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี

มือของอิ๋งจื่อจินที่จับไพ่หยุดชะงัก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เธอรุ่งเรือง การเปลี่ยนดวงชะตาเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ในสถานการณ์ที่ต้องตายสถานเดียว

แต่ตอนนี้ไม่ไหว

แต่ไพ่เทวทูตกลับหัวใบที่สองนี้กลับหมายถึงมีหนทางรอด ไม่ถึงกับต้องตาย

อิ๋งจื่อจินเก็บไพ่ เงียบไปสองวินาที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาตี้อู่เย่ว์

[ฉันจะไปหาเธอที่บ้านตอนนี้]

อีกฝ่ายตอบกลับทันที

[!!!]

[พี่สาว ฉันยังหาเงินได้ไม่ครบเลย (ร้องไห้โฮ) ยืดระยะเวลาชำระหนี้ไปก่อนได้ไหมคะ]

[ไม่ได้ไปทวงหนี้ แค่เจอหน้ากัน]

[จริงเหรอ งั้นก็เอาสิ ถนนซีจยามีร้านชานมพี่รู้จักไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวส่งพิกัดให้นะ]

วินาทีถัดมาก็มีพิกัดแผนที่ถูกส่งเข้ามา

สถานที่สัมภาษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อยู่ไกลจากร้านชานมที่ตี้อู่เย่ว์ส่งมา ขับรถไปใช้เวลาสี่สิบนาที

ก็พอดีสี่สิบนาทีนี้เพียงพอให้เธอแต่งหน้าเหมือนตอนที่เจอตี้อู่เย่ว์ครั้งนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินลงจากรถ “ให้รอไหม”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลง “ใช้เวลานาน เดี๋ยวฉันกลับเอง”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร “ถ้าเกินสองทุ่มโทรหาพี่ชายนะ”

เมืองตี้ตูคนเยอะ ตอนเย็นก็วุ่นวายพอสมควร

โดยเฉพาะที่นี่ แม้แต่วงการจอมยุทธ์ก็จะมีจอมยุทธ์ตัวจริงออกมาเพ่นพ่านบ้างอยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เด็กน้อยของเขาจะฝีมือร้ายกาจ แต่เขาก็ยังคงไม่วางใจ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ได้”

เธอโบกมือให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าร้านชานม

ตี้อู่เย่ว์นั่งริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีชานมสิบกว่าแก้ว

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาเธอก็โบกมือเรียกด้วยความดีใจ “พี่สาว ทางนี้”

ขณะพูดยังได้ดันข้าวหมากไปตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน “ฉันเลี้ยง”

อิ๋งจื่อจินไม่รับ นั่งพิงเก้าอี้ “ใช่ เธอเลี้ยง แต่ฉันจ่ายเงิน”

ตี้อู่เย่ว์ช็อก “…”

เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ดูท่าวิธีต้มตุ๋นที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาจะไม่ได้เจ๋งสักเท่าไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอถาม “ช่วงนี้เธอรู้สึกเวียนหัวบ้างหรือเปล่า บางครั้งไม่ค่อยอยากอาหาร แต่บางครั้งกลับกินตะกละตะกลาม”

ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “ก็นิดหน่อย”

เธอมีอาการแบบนี้หลังจากกลับมาถึงตี้ตู

แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียพวกคนที่ทำงานแบบเธอร่างกายก็ผิดปกติบ้างอยู่แล้ว

แน่นอนว่าเธอก็ไปหาหมอมา แต่หมอบอกว่าเกิดจากช่วงนี้ความเครียดสูง

ตี้อู่เย่ว์กะพริบตาปริบๆ “พี่สาว บอกฉันมาตามตรงเลยนะ พี่เกิดในตระกูลดูดวงอะไรพวกนี้หรือเปล่า”

ตระกูลดูดวงที่ยังอยู่ในปัจจุบันก็มีแค่ตระกูลตี้อู่ตระกูลเดียว ตระกูลอื่นหายสาบสูญไปหมดแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่ายังมีลูกหลานหลงเหลืออยู่

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ไม่พูดอะไร

ตอนนี้ความสามารถในการทำนายของตี้อู่เย่ว์ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำ

ก็แค่เอาไปใช้ไม่ถูกที่

อิ๋งจื่อจินเดาว่า อาจเป็นเพราะตี้อู่เซ่าเสียนเคยทำนายชะตาให้เธอ ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนอายุขัยของเขา แม้แต่ลูกหลานสายตรงของเขาก็พลอยติดร่างแหในบ่วงกรรมนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ตี้อู่เย่ว์ที่เป็นทายาทสายตรงก็จะมีอายุขัยสั้นเช่นกัน

พ่อของตี้อู่เย่ว์จากโลกนี้ไปหลังจากที่พวกเขาเกิดได้ไม่นาน

ปู่ของตี้อู่เย่ว์ ตี้อู่ฝาน นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คนปัจจุบันกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่เกรงว่าต้องแลกกับอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินปรับอารมณ์ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย “เธอคิดว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋นก็พอ”

“เฮ้อ ไม่เห็นเป็นไร” ตี้อู่เย่ว์ไม่แคร์แม้แต่น้อย โบกมือใหญ่ “ฉันก็เป็นหมอดูกำมะลอเหมือนกัน ครอบครัวฉันเป็นหมอดูกำมะลอกันทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “งั้นก็ไปที่บ้านเธอสักหน่อยแล้วกัน”

“ได้” หลังจากตี้อู่เย่ว์รู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้มาทวงหนี้ เธอก็ตอบด้วยความเต็มใจ “แต่ว่าบ้านฉันอยู่ไกลหน่อยนะ พี่สาว ค่ารถ…”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ “ฉันจ่าย”

ตี้อู่เย่ว์กดเรียกรถในแอปด้วยความดีใจ

นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ ดวงตาหลุบลงต่ำ

ไม่ว่าอย่างไรเธอจำเป็นต้องช่วยแก้ไขดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ทางด้านฮู่เฉิง

บ้านตระกูลอิ๋ง

นับตั้งแต่อิ๋งลู่เวยถูกจับเข้าคุก ร่างกายของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็ทรุดลงทุกวัน จำต้องไปใช้ชีวิตที่โรงพยาบาล

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ไม่ว่าโรงพยาบาลอันดับหนึ่งจะตรวจกี่รอบก็ตรวจไม่เจอว่าสมองของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้รับความเสียหายตรงไหนกันแน่

สมองของคนเราซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรใดๆ แม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถวิเคราะห์สมองออกมาได้อย่างถึงที่สุด

จงมั่นหวาร้อนใจนั่งไม่ติด

เธอได้ไปลงทะเบียนต่อคิวที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว

แต่ทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินบอกว่า หมอเทวดาจะรักษาคนไข้แค่อาทิตย์ละคน

คนรอต่อคิวเยอะมาก รวมถึงพวกเศรษฐีที่มาจากตี้ตู ต่อให้เป็นตระกูลอิ๋งก็แซงคิวไม่ได้

จงมั่นหวาทำได้เพียงรอ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เธอโทรหาโรงพยาบาลเซ่าเหรินชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

“ขอโทษด้วยค่ะ เดือนนี้คุณหมอเทวดาไม่อยู่ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบกำหนดการของเธอเหมือนกันค่ะ” พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าพูดอย่างสุภาพ “แต่ก่อนไปคุณหมอเทวดาบอกว่าให้โทรติดต่อเธอได้ค่ะ”

“ค่ะ” จงมั่นหวาโล่งอก “ติดต่อได้ก็พอแล้วค่ะ”

“เบอร์โทร 177XXXXXXX” พนักงานบอกเบอร์โทร จากนั้นก็กำชับอีกรอบ “แต่เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะคะ ใช่ว่าทุกคนที่ถึงคิวแล้วจะให้คุณหมอเทวดารักษาได้”

ถึงแม้ในหนึ่งเดือนจะมีคนไข้เพียงสี่คนที่ได้เจอหมอเทวดา แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจด้วยตัวเอง

“เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ” จงมั่นหวาเอาปากกาจด “ขอบคุณมากค่ะ”

จุดนี้จงมั่นหวาพอเดาได้

อย่างไรเสียก็เป็นหมอเทวดา การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่จงมั่นหวาไม่คิดว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจ

ตระกูลอิ๋งมีอำนาจมีอิทธิพล หมอเทวดาอยากได้อะไรพวกเขาก็ให้ได้

จงมั่นหวากดเบอร์ตามที่จดไว้

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่อยู่ข้างๆ มองไปมองมาก็รู้สึกคุ้นเบอร์นี้

เธอพยายามนึก ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “หนูว่าหนูเคยเห็นเบอร์นี้นะคะ”

มือของจงมั่นหวาชะงัก รู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ที่ไหน เสี่ยวเซวียน ลูกรู้จักเหรอ”

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จักกับหมอเทวดาคนนี้ แบบนั้นก็จะเชิญหมอเทวดาให้มาตรวจคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้ง่ายยิ่งขึ้น

“หนูรู้จัก แม่ก็รู้จักค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “น้องจื่อจิน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้ประกาศชื่อออกมาตรงๆ

แต่ใครก็ตามที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ไม่มีทางไม่รู้ว่าดาราคนที่ว่านี้คือใคร

มีแค่ซิวเหยียนคนเดียว

ตอนนั้นแฟนคลับของซิวเหยียนยังเที่ยวโม้ไปทั่วว่าทั้งวงการบันเทิงหาใครที่ฉลาดเท่าซิวเหยียนไม่ได้อีกแล้ว

ทางไอเอสซีประกาศขนาดนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกว่าซิวเหยียนใช้วิธีสกปรกแบบในวงการบันเทิงทำผิดกฎของวงการวิชาการ

ตอนนี้โครงการไอเอสซีได้รับความสนใจจากผู้คนหลากหลายวงการ แม้แต่ในหมู่คนที่ปกติไม่ค่อยเล่นเวยปั๋ว

[รายการวัยรุ่นสร้างฝัน101 เลือกใครเข้ามาเนี่ย ลั่วจื่อเย่ว์ไปคนนึงละ นี่ยังมีซิวเหยียนอีกคน แต่ละคนนิสัยไม่ได้เรื่อง]

[มีพรายกระซิบ ซิวเหยียนถูกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกไปเองเลยนะ ถามหน่อย อายไหมล่ะ]

[แฟนคลับยังจะมีหน้ามาโม้ ขืนยังโม้อีกภาพลักษณ์เด็กเรียนของหัวหน้าแก๊งพวกเธอได้ป่นปี้แน่]

[จึ๊ๆๆ ตอนนี้ชักเป็นห่วงวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไม่รู้ว่ายังจะดังได้อีกหรือเปล่า]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เป็นการเฟ้นหากลุ่มไอดอลหญิง ส่วนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นวงไอดอลชาย

ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแต่ละบริษัทได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้อยู่ในช่วงสัมภาษณ์พอดี เหมือนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 สุดท้ายจะคัดเอาผู้เข้ารอบจำนวน 101 คน

ต้นปีหน้าถึงจะเริ่มแข่งและเข้าหอพักอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากครั้งนี้ชูกวงมีเดียก็ส่งเด็กในสังกัดไปเข้าร่วมด้วย จึงถือโอกาสลงทุนนิดหน่อย

วันต่อมาหลังจากอิ๋งจื่อจินเสร็จธุระจากค่ายติวเธอก็แวะไปดูสนามสัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202

มีคนมารอสัมภาษณ์เยอะมาก เกือบหนึ่งพันคนได้

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เข้าไป แค่ยืนดูอยู่ข้างๆ

เธอยกมือชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย “ดูนั่น”

ฟู่อวิ๋นเซินมองไปตามทางที่เธอชี้ก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบแปด

เขาเลิกคิ้ว “ไหนบอกชอบดาราผู้หญิงสวยๆ ทำไม เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันกำลังประเมินว่าพวกเขามีมูลค่าเท่าไร”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

สมกับเป็นเธอ

“อายุน้อยดีจริงๆ” อิ๋งจื่อจินมองแล้วมองอีก “มีคอลลาเจน คุณลองไปสัมผัสดูได้นะ”

ฟังถึงตรงนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกมือเหมือนก่อนหน้านี้หลายครั้ง เอานิ้วจิ้มแก้มชมพูของเธออย่างไม่เคอะเขิน “เด็กน้อย ดูแบบนี้แก้มของเธอดีกว่าหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองมือของเขา ยังคงไม่พูดอะไร

ดูกันอยู่สักพักทั้งสองคนก็กลับไปที่รถ

อิ๋งจื่อจินรัดเข็มขัดนิรภัย หลับตาพิงหน้าต่างพักผ่อน อยู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้น

ล้วงไพ่ทาโรต์ที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางบนขา

เธอยังไม่เคยทำนายดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ตอนนี้เธออยู่ตี้ตูพอดี ที่เดียวกับตี้อู่เย่ว์ ลองทำนายดูแล้วกัน

ไพ่ใบที่หนึ่ง พระจันทร์ ลำดับที่สิบแปด เป็นไพ่ใบที่สิบเก้าในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

ไพ่ใบที่สอง เทวทูต ลำดับที่สิบสี่ เป็นไพ่ใบที่สิบห้าในสำรับใหญ่ กลับหัว

ไพ่ใบที่สาม หอคอย ลำดับที่สิบหก เป็นไพ่ใบที่สิบเจ็ดในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเห็นไพ่ใบที่สาม สายตาก็หยุดนิ่งเล็กน้อย

ได้ไพ่หอคอยอีกแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ไพ่หอคอยปรากฏเป็นตอนที่ทำนายให้ซังเย่าจือ

สรุปง่ายๆ ได้ว่า ไพ่หอคอยไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อย

เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏก็ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย

ส่วนไพ่ใบที่หนึ่งเป็นพระจันทร์ไม่กลับหัว หมายถึงตี้อู่เย่ว์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี

มือของอิ๋งจื่อจินที่จับไพ่หยุดชะงัก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เธอรุ่งเรือง การเปลี่ยนดวงชะตาเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ในสถานการณ์ที่ต้องตายสถานเดียว

แต่ตอนนี้ไม่ไหว

แต่ไพ่เทวทูตกลับหัวใบที่สองนี้กลับหมายถึงมีหนทางรอด ไม่ถึงกับต้องตาย

อิ๋งจื่อจินเก็บไพ่ เงียบไปสองวินาที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาตี้อู่เย่ว์

[ฉันจะไปหาเธอที่บ้านตอนนี้]

อีกฝ่ายตอบกลับทันที

[!!!]

[พี่สาว ฉันยังหาเงินได้ไม่ครบเลย (ร้องไห้โฮ) ยืดระยะเวลาชำระหนี้ไปก่อนได้ไหมคะ]

[ไม่ได้ไปทวงหนี้ แค่เจอหน้ากัน]

[จริงเหรอ งั้นก็เอาสิ ถนนซีจยามีร้านชานมพี่รู้จักไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวส่งพิกัดให้นะ]

วินาทีถัดมาก็มีพิกัดแผนที่ถูกส่งเข้ามา

สถานที่สัมภาษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อยู่ไกลจากร้านชานมที่ตี้อู่เย่ว์ส่งมา ขับรถไปใช้เวลาสี่สิบนาที

ก็พอดีสี่สิบนาทีนี้เพียงพอให้เธอแต่งหน้าเหมือนตอนที่เจอตี้อู่เย่ว์ครั้งนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินลงจากรถ “ให้รอไหม”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลง “ใช้เวลานาน เดี๋ยวฉันกลับเอง”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร “ถ้าเกินสองทุ่มโทรหาพี่ชายนะ”

เมืองตี้ตูคนเยอะ ตอนเย็นก็วุ่นวายพอสมควร

โดยเฉพาะที่นี่ แม้แต่วงการจอมยุทธ์ก็จะมีจอมยุทธ์ตัวจริงออกมาเพ่นพ่านบ้างอยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เด็กน้อยของเขาจะฝีมือร้ายกาจ แต่เขาก็ยังคงไม่วางใจ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ได้”

เธอโบกมือให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าร้านชานม

ตี้อู่เย่ว์นั่งริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีชานมสิบกว่าแก้ว

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาเธอก็โบกมือเรียกด้วยความดีใจ “พี่สาว ทางนี้”

ขณะพูดยังได้ดันข้าวหมากไปตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน “ฉันเลี้ยง”

อิ๋งจื่อจินไม่รับ นั่งพิงเก้าอี้ “ใช่ เธอเลี้ยง แต่ฉันจ่ายเงิน”

ตี้อู่เย่ว์ช็อก “…”

เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ดูท่าวิธีต้มตุ๋นที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาจะไม่ได้เจ๋งสักเท่าไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอถาม “ช่วงนี้เธอรู้สึกเวียนหัวบ้างหรือเปล่า บางครั้งไม่ค่อยอยากอาหาร แต่บางครั้งกลับกินตะกละตะกลาม”

ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “ก็นิดหน่อย”

เธอมีอาการแบบนี้หลังจากกลับมาถึงตี้ตู

แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียพวกคนที่ทำงานแบบเธอร่างกายก็ผิดปกติบ้างอยู่แล้ว

แน่นอนว่าเธอก็ไปหาหมอมา แต่หมอบอกว่าเกิดจากช่วงนี้ความเครียดสูง

ตี้อู่เย่ว์กะพริบตาปริบๆ “พี่สาว บอกฉันมาตามตรงเลยนะ พี่เกิดในตระกูลดูดวงอะไรพวกนี้หรือเปล่า”

ตระกูลดูดวงที่ยังอยู่ในปัจจุบันก็มีแค่ตระกูลตี้อู่ตระกูลเดียว ตระกูลอื่นหายสาบสูญไปหมดแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่ายังมีลูกหลานหลงเหลืออยู่

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ไม่พูดอะไร

ตอนนี้ความสามารถในการทำนายของตี้อู่เย่ว์ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำ

ก็แค่เอาไปใช้ไม่ถูกที่

อิ๋งจื่อจินเดาว่า อาจเป็นเพราะตี้อู่เซ่าเสียนเคยทำนายชะตาให้เธอ ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนอายุขัยของเขา แม้แต่ลูกหลานสายตรงของเขาก็พลอยติดร่างแหในบ่วงกรรมนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ตี้อู่เย่ว์ที่เป็นทายาทสายตรงก็จะมีอายุขัยสั้นเช่นกัน

พ่อของตี้อู่เย่ว์จากโลกนี้ไปหลังจากที่พวกเขาเกิดได้ไม่นาน

ปู่ของตี้อู่เย่ว์ ตี้อู่ฝาน นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คนปัจจุบันกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่เกรงว่าต้องแลกกับอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินปรับอารมณ์ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย “เธอคิดว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋นก็พอ”

“เฮ้อ ไม่เห็นเป็นไร” ตี้อู่เย่ว์ไม่แคร์แม้แต่น้อย โบกมือใหญ่ “ฉันก็เป็นหมอดูกำมะลอเหมือนกัน ครอบครัวฉันเป็นหมอดูกำมะลอกันทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “งั้นก็ไปที่บ้านเธอสักหน่อยแล้วกัน”

“ได้” หลังจากตี้อู่เย่ว์รู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้มาทวงหนี้ เธอก็ตอบด้วยความเต็มใจ “แต่ว่าบ้านฉันอยู่ไกลหน่อยนะ พี่สาว ค่ารถ…”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ “ฉันจ่าย”

ตี้อู่เย่ว์กดเรียกรถในแอปด้วยความดีใจ

นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ ดวงตาหลุบลงต่ำ

ไม่ว่าอย่างไรเธอจำเป็นต้องช่วยแก้ไขดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ทางด้านฮู่เฉิง

บ้านตระกูลอิ๋ง

นับตั้งแต่อิ๋งลู่เวยถูกจับเข้าคุก ร่างกายของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็ทรุดลงทุกวัน จำต้องไปใช้ชีวิตที่โรงพยาบาล

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ไม่ว่าโรงพยาบาลอันดับหนึ่งจะตรวจกี่รอบก็ตรวจไม่เจอว่าสมองของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้รับความเสียหายตรงไหนกันแน่

สมองของคนเราซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรใดๆ แม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถวิเคราะห์สมองออกมาได้อย่างถึงที่สุด

จงมั่นหวาร้อนใจนั่งไม่ติด

เธอได้ไปลงทะเบียนต่อคิวที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว

แต่ทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินบอกว่า หมอเทวดาจะรักษาคนไข้แค่อาทิตย์ละคน

คนรอต่อคิวเยอะมาก รวมถึงพวกเศรษฐีที่มาจากตี้ตู ต่อให้เป็นตระกูลอิ๋งก็แซงคิวไม่ได้

จงมั่นหวาทำได้เพียงรอ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เธอโทรหาโรงพยาบาลเซ่าเหรินชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

“ขอโทษด้วยค่ะ เดือนนี้คุณหมอเทวดาไม่อยู่ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบกำหนดการของเธอเหมือนกันค่ะ” พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าพูดอย่างสุภาพ “แต่ก่อนไปคุณหมอเทวดาบอกว่าให้โทรติดต่อเธอได้ค่ะ”

“ค่ะ” จงมั่นหวาโล่งอก “ติดต่อได้ก็พอแล้วค่ะ”

“เบอร์โทร 177XXXXXXX” พนักงานบอกเบอร์โทร จากนั้นก็กำชับอีกรอบ “แต่เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะคะ ใช่ว่าทุกคนที่ถึงคิวแล้วจะให้คุณหมอเทวดารักษาได้”

ถึงแม้ในหนึ่งเดือนจะมีคนไข้เพียงสี่คนที่ได้เจอหมอเทวดา แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจด้วยตัวเอง

“เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ” จงมั่นหวาเอาปากกาจด “ขอบคุณมากค่ะ”

จุดนี้จงมั่นหวาพอเดาได้

อย่างไรเสียก็เป็นหมอเทวดา การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่จงมั่นหวาไม่คิดว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจ

ตระกูลอิ๋งมีอำนาจมีอิทธิพล หมอเทวดาอยากได้อะไรพวกเขาก็ให้ได้

จงมั่นหวากดเบอร์ตามที่จดไว้

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่อยู่ข้างๆ มองไปมองมาก็รู้สึกคุ้นเบอร์นี้

เธอพยายามนึก ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “หนูว่าหนูเคยเห็นเบอร์นี้นะคะ”

มือของจงมั่นหวาชะงัก รู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ที่ไหน เสี่ยวเซวียน ลูกรู้จักเหรอ”

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จักกับหมอเทวดาคนนี้ แบบนั้นก็จะเชิญหมอเทวดาให้มาตรวจคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้ง่ายยิ่งขึ้น

“หนูรู้จัก แม่ก็รู้จักค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “น้องจื่อจิน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 274 หยิกแก้ม จงมั่นหวารู้ตัวตนของหมอเทวดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้ประกาศชื่อออกมาตรงๆ

แต่ใครก็ตามที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ไม่มีทางไม่รู้ว่าดาราคนที่ว่านี้คือใคร

มีแค่ซิวเหยียนคนเดียว

ตอนนั้นแฟนคลับของซิวเหยียนยังเที่ยวโม้ไปทั่วว่าทั้งวงการบันเทิงหาใครที่ฉลาดเท่าซิวเหยียนไม่ได้อีกแล้ว

ทางไอเอสซีประกาศขนาดนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกว่าซิวเหยียนใช้วิธีสกปรกแบบในวงการบันเทิงทำผิดกฎของวงการวิชาการ

ตอนนี้โครงการไอเอสซีได้รับความสนใจจากผู้คนหลากหลายวงการ แม้แต่ในหมู่คนที่ปกติไม่ค่อยเล่นเวยปั๋ว

[รายการวัยรุ่นสร้างฝัน101 เลือกใครเข้ามาเนี่ย ลั่วจื่อเย่ว์ไปคนนึงละ นี่ยังมีซิวเหยียนอีกคน แต่ละคนนิสัยไม่ได้เรื่อง]

[มีพรายกระซิบ ซิวเหยียนถูกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกไปเองเลยนะ ถามหน่อย อายไหมล่ะ]

[แฟนคลับยังจะมีหน้ามาโม้ ขืนยังโม้อีกภาพลักษณ์เด็กเรียนของหัวหน้าแก๊งพวกเธอได้ป่นปี้แน่]

[จึ๊ๆๆ ตอนนี้ชักเป็นห่วงวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ไม่รู้ว่ายังจะดังได้อีกหรือเปล่า]

รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 เป็นการเฟ้นหากลุ่มไอดอลหญิง ส่วนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นวงไอดอลชาย

ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแต่ละบริษัทได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้อยู่ในช่วงสัมภาษณ์พอดี เหมือนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 สุดท้ายจะคัดเอาผู้เข้ารอบจำนวน 101 คน

ต้นปีหน้าถึงจะเริ่มแข่งและเข้าหอพักอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากครั้งนี้ชูกวงมีเดียก็ส่งเด็กในสังกัดไปเข้าร่วมด้วย จึงถือโอกาสลงทุนนิดหน่อย

วันต่อมาหลังจากอิ๋งจื่อจินเสร็จธุระจากค่ายติวเธอก็แวะไปดูสนามสัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202

มีคนมารอสัมภาษณ์เยอะมาก เกือบหนึ่งพันคนได้

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เข้าไป แค่ยืนดูอยู่ข้างๆ

เธอยกมือชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย “ดูนั่น”

ฟู่อวิ๋นเซินมองไปตามทางที่เธอชี้ก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบแปด

เขาเลิกคิ้ว “ไหนบอกชอบดาราผู้หญิงสวยๆ ทำไม เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันกำลังประเมินว่าพวกเขามีมูลค่าเท่าไร”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

สมกับเป็นเธอ

“อายุน้อยดีจริงๆ” อิ๋งจื่อจินมองแล้วมองอีก “มีคอลลาเจน คุณลองไปสัมผัสดูได้นะ”

ฟังถึงตรงนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกมือเหมือนก่อนหน้านี้หลายครั้ง เอานิ้วจิ้มแก้มชมพูของเธออย่างไม่เคอะเขิน “เด็กน้อย ดูแบบนี้แก้มของเธอดีกว่าหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองมือของเขา ยังคงไม่พูดอะไร

ดูกันอยู่สักพักทั้งสองคนก็กลับไปที่รถ

อิ๋งจื่อจินรัดเข็มขัดนิรภัย หลับตาพิงหน้าต่างพักผ่อน อยู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้น

ล้วงไพ่ทาโรต์ที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางบนขา

เธอยังไม่เคยทำนายดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ตอนนี้เธออยู่ตี้ตูพอดี ที่เดียวกับตี้อู่เย่ว์ ลองทำนายดูแล้วกัน

ไพ่ใบที่หนึ่ง พระจันทร์ ลำดับที่สิบแปด เป็นไพ่ใบที่สิบเก้าในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

ไพ่ใบที่สอง เทวทูต ลำดับที่สิบสี่ เป็นไพ่ใบที่สิบห้าในสำรับใหญ่ กลับหัว

ไพ่ใบที่สาม หอคอย ลำดับที่สิบหก เป็นไพ่ใบที่สิบเจ็ดในสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินเห็นไพ่ใบที่สาม สายตาก็หยุดนิ่งเล็กน้อย

ได้ไพ่หอคอยอีกแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ไพ่หอคอยปรากฏเป็นตอนที่ทำนายให้ซังเย่าจือ

สรุปง่ายๆ ได้ว่า ไพ่หอคอยไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อย

เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏก็ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย

ส่วนไพ่ใบที่หนึ่งเป็นพระจันทร์ไม่กลับหัว หมายถึงตี้อู่เย่ว์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี

มือของอิ๋งจื่อจินที่จับไพ่หยุดชะงัก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เธอรุ่งเรือง การเปลี่ยนดวงชะตาเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ในสถานการณ์ที่ต้องตายสถานเดียว

แต่ตอนนี้ไม่ไหว

แต่ไพ่เทวทูตกลับหัวใบที่สองนี้กลับหมายถึงมีหนทางรอด ไม่ถึงกับต้องตาย

อิ๋งจื่อจินเก็บไพ่ เงียบไปสองวินาที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาตี้อู่เย่ว์

[ฉันจะไปหาเธอที่บ้านตอนนี้]

อีกฝ่ายตอบกลับทันที

[!!!]

[พี่สาว ฉันยังหาเงินได้ไม่ครบเลย (ร้องไห้โฮ) ยืดระยะเวลาชำระหนี้ไปก่อนได้ไหมคะ]

[ไม่ได้ไปทวงหนี้ แค่เจอหน้ากัน]

[จริงเหรอ งั้นก็เอาสิ ถนนซีจยามีร้านชานมพี่รู้จักไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวส่งพิกัดให้นะ]

วินาทีถัดมาก็มีพิกัดแผนที่ถูกส่งเข้ามา

สถานที่สัมภาษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อยู่ไกลจากร้านชานมที่ตี้อู่เย่ว์ส่งมา ขับรถไปใช้เวลาสี่สิบนาที

ก็พอดีสี่สิบนาทีนี้เพียงพอให้เธอแต่งหน้าเหมือนตอนที่เจอตี้อู่เย่ว์ครั้งนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินลงจากรถ “ให้รอไหม”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลง “ใช้เวลานาน เดี๋ยวฉันกลับเอง”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร “ถ้าเกินสองทุ่มโทรหาพี่ชายนะ”

เมืองตี้ตูคนเยอะ ตอนเย็นก็วุ่นวายพอสมควร

โดยเฉพาะที่นี่ แม้แต่วงการจอมยุทธ์ก็จะมีจอมยุทธ์ตัวจริงออกมาเพ่นพ่านบ้างอยู่บ่อยๆ

ถึงแม้เด็กน้อยของเขาจะฝีมือร้ายกาจ แต่เขาก็ยังคงไม่วางใจ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ได้”

เธอโบกมือให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าร้านชานม

ตี้อู่เย่ว์นั่งริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีชานมสิบกว่าแก้ว

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาเธอก็โบกมือเรียกด้วยความดีใจ “พี่สาว ทางนี้”

ขณะพูดยังได้ดันข้าวหมากไปตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน “ฉันเลี้ยง”

อิ๋งจื่อจินไม่รับ นั่งพิงเก้าอี้ “ใช่ เธอเลี้ยง แต่ฉันจ่ายเงิน”

ตี้อู่เย่ว์ช็อก “…”

เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ดูท่าวิธีต้มตุ๋นที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาจะไม่ได้เจ๋งสักเท่าไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอถาม “ช่วงนี้เธอรู้สึกเวียนหัวบ้างหรือเปล่า บางครั้งไม่ค่อยอยากอาหาร แต่บางครั้งกลับกินตะกละตะกลาม”

ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “ก็นิดหน่อย”

เธอมีอาการแบบนี้หลังจากกลับมาถึงตี้ตู

แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียพวกคนที่ทำงานแบบเธอร่างกายก็ผิดปกติบ้างอยู่แล้ว

แน่นอนว่าเธอก็ไปหาหมอมา แต่หมอบอกว่าเกิดจากช่วงนี้ความเครียดสูง

ตี้อู่เย่ว์กะพริบตาปริบๆ “พี่สาว บอกฉันมาตามตรงเลยนะ พี่เกิดในตระกูลดูดวงอะไรพวกนี้หรือเปล่า”

ตระกูลดูดวงที่ยังอยู่ในปัจจุบันก็มีแค่ตระกูลตี้อู่ตระกูลเดียว ตระกูลอื่นหายสาบสูญไปหมดแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่ายังมีลูกหลานหลงเหลืออยู่

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ไม่พูดอะไร

ตอนนี้ความสามารถในการทำนายของตี้อู่เย่ว์ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำ

ก็แค่เอาไปใช้ไม่ถูกที่

อิ๋งจื่อจินเดาว่า อาจเป็นเพราะตี้อู่เซ่าเสียนเคยทำนายชะตาให้เธอ ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนอายุขัยของเขา แม้แต่ลูกหลานสายตรงของเขาก็พลอยติดร่างแหในบ่วงกรรมนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ตี้อู่เย่ว์ที่เป็นทายาทสายตรงก็จะมีอายุขัยสั้นเช่นกัน

พ่อของตี้อู่เย่ว์จากโลกนี้ไปหลังจากที่พวกเขาเกิดได้ไม่นาน

ปู่ของตี้อู่เย่ว์ ตี้อู่ฝาน นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คนปัจจุบันกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่เกรงว่าต้องแลกกับอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินปรับอารมณ์ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย “เธอคิดว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋นก็พอ”

“เฮ้อ ไม่เห็นเป็นไร” ตี้อู่เย่ว์ไม่แคร์แม้แต่น้อย โบกมือใหญ่ “ฉันก็เป็นหมอดูกำมะลอเหมือนกัน ครอบครัวฉันเป็นหมอดูกำมะลอกันทั้งนั้น”

อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “งั้นก็ไปที่บ้านเธอสักหน่อยแล้วกัน”

“ได้” หลังจากตี้อู่เย่ว์รู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้มาทวงหนี้ เธอก็ตอบด้วยความเต็มใจ “แต่ว่าบ้านฉันอยู่ไกลหน่อยนะ พี่สาว ค่ารถ…”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ “ฉันจ่าย”

ตี้อู่เย่ว์กดเรียกรถในแอปด้วยความดีใจ

นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ ดวงตาหลุบลงต่ำ

ไม่ว่าอย่างไรเธอจำเป็นต้องช่วยแก้ไขดวงชะตาของตี้อู่เย่ว์

ทางด้านฮู่เฉิง

บ้านตระกูลอิ๋ง

นับตั้งแต่อิ๋งลู่เวยถูกจับเข้าคุก ร่างกายของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็ทรุดลงทุกวัน จำต้องไปใช้ชีวิตที่โรงพยาบาล

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ไม่ว่าโรงพยาบาลอันดับหนึ่งจะตรวจกี่รอบก็ตรวจไม่เจอว่าสมองของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้รับความเสียหายตรงไหนกันแน่

สมองของคนเราซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรใดๆ แม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถวิเคราะห์สมองออกมาได้อย่างถึงที่สุด

จงมั่นหวาร้อนใจนั่งไม่ติด

เธอได้ไปลงทะเบียนต่อคิวที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว

แต่ทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินบอกว่า หมอเทวดาจะรักษาคนไข้แค่อาทิตย์ละคน

คนรอต่อคิวเยอะมาก รวมถึงพวกเศรษฐีที่มาจากตี้ตู ต่อให้เป็นตระกูลอิ๋งก็แซงคิวไม่ได้

จงมั่นหวาทำได้เพียงรอ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เธอโทรหาโรงพยาบาลเซ่าเหรินชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

“ขอโทษด้วยค่ะ เดือนนี้คุณหมอเทวดาไม่อยู่ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบกำหนดการของเธอเหมือนกันค่ะ” พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าพูดอย่างสุภาพ “แต่ก่อนไปคุณหมอเทวดาบอกว่าให้โทรติดต่อเธอได้ค่ะ”

“ค่ะ” จงมั่นหวาโล่งอก “ติดต่อได้ก็พอแล้วค่ะ”

“เบอร์โทร 177XXXXXXX” พนักงานบอกเบอร์โทร จากนั้นก็กำชับอีกรอบ “แต่เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะคะ ใช่ว่าทุกคนที่ถึงคิวแล้วจะให้คุณหมอเทวดารักษาได้”

ถึงแม้ในหนึ่งเดือนจะมีคนไข้เพียงสี่คนที่ได้เจอหมอเทวดา แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจด้วยตัวเอง

“เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ” จงมั่นหวาเอาปากกาจด “ขอบคุณมากค่ะ”

จุดนี้จงมั่นหวาพอเดาได้

อย่างไรเสียก็เป็นหมอเทวดา การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่จงมั่นหวาไม่คิดว่าหมอเทวดาจะไม่ออกตรวจ

ตระกูลอิ๋งมีอำนาจมีอิทธิพล หมอเทวดาอยากได้อะไรพวกเขาก็ให้ได้

จงมั่นหวากดเบอร์ตามที่จดไว้

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่อยู่ข้างๆ มองไปมองมาก็รู้สึกคุ้นเบอร์นี้

เธอพยายามนึก ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “หนูว่าหนูเคยเห็นเบอร์นี้นะคะ”

มือของจงมั่นหวาชะงัก รู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ที่ไหน เสี่ยวเซวียน ลูกรู้จักเหรอ”

ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จักกับหมอเทวดาคนนี้ แบบนั้นก็จะเชิญหมอเทวดาให้มาตรวจคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งได้ง่ายยิ่งขึ้น

“หนูรู้จัก แม่ก็รู้จักค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “น้องจื่อจิน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+