คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู

แอคเคาท์นี้เป็นแอคเคาท์แนวให้ความรู้ ถูกขึ้นให้เป็นแอคเคาท์ยอดนิยม

คนที่กดเข้าคำค้นยอดนิยมจะสามารถเห็นได้หมด

[แอทรอบรู้ทันโลก : อาจมีคนไม่รู้ความเก่งของอิ๋งจื่อจิน จะขอแนะนำอย่างคร่าวๆ

บุคคลที่มีไอคิวสูงแบบเธอ ต่อไปจะเข้าไปอยู่สำนักวิจัยแห่งชาติได้โดยตรง

ถ้าเธอสามารถทะลุขึ้นไปติดสิบอันดับแรกของรอบตัดสินไอเอสซีระดับนานาชาติได้ก็จะถูกองค์กรอย่างศูนย์ฟิสิกส์สากลรับเข้าไปอยู่ในนั้น

ศูนย์ฟิสิกส์สากลเป็นสถานที่รวมบรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลก พวกเขาวิจัยเกี่ยวกับจักรวาลยานอวกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาอย่างพวกเราเข้าไม่ถึง

อนาคตของเธอรุ่งโรจน์มาก เวทีโลกคือเวทีของเธอ

ดังนั้นเธอไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับคนมายาแค่คนเดียว พูดตามตรงก็คือ อีกฝ่ายไม่คู่ควร]

คำว่าคนมายาทำให้เยี่ยซีแทบสติแตก

เธอเป็นถึงดารายอดนิยมคนใหม่ของวงการบันเทิง แต่กลับถูกมองอย่างด้อยค่าขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน

นี่เป็นการหยามเกียรติ!

“เฉินหลี เห็นหรือยัง” ลั่วเหวินปินตบโต๊ะอย่างแรง โมโหยิ่งกว่าเดิม

“บอกว่าเธอไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ไปใส่ร้ายเด็กเรียนเก่ง ประสงค์ร้ายต่ออัจฉริยบุคคลของประเทศ เรื่องใหญ่ขนาดไหน หา!”

สีหน้าของเฉินหลีซีดแล้วซีดอีก

ร่างกายของเยี่ยซีก็สั่นอีกครั้ง

ประสงค์ร้ายต่ออัจฉริยบุคคลของประเทศ คำกล่าวหานี้ใครก็แบกรับไม่ไหว

เดิมทีวงการบันเทิงก็มีแต่การแก่งแย่งชิงดี คู่แข่งของเธอไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้เล่นงานนี้ไป ถึงแม้ความทรงจำของชาวเน็ตจะมีเวลาคงอยู่แค่ไม่นาน แต่จุดด่างพร้อยของเธอก็ลบล้างไม่ออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

จะถูกขุดออกมาประชดประชันอยู่เรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งนับจากนี้ไปเธออาจไม่ได้ข้องเกี่ยวกับรางวัลต่างๆ อีก ทางสถานีโทรทัศน์กลางจัดงานอะไรก็จะไม่มีทางเชิญเธอ

“คุณคิดว่าชื่อตัวเองมีคำว่าหลี[1] สมองก็เลยกลายเป็นลูกสาลี่ด้วยใช่ไหม” ลั่วเหวินปินชี้เฉินหลีแล้วเริ่มด่าอีกรอบ

“คุณจะถูกหักโบนัสทั้งหมดของปีนี้ รวมถึงเงินเดือนครึ่งปี!”

เฉินหลีก็ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ไปขอโทษทางนั้นเดี๋ยวนี้” ลั่วเหวินปินยังไม่หายโมโห

“เขียนคำสำนึกผิดหรือยัง”

เยี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น “ขะ…เขียนแล้วค่ะ”

“งั้นก็รีบโพสต์!” ลั่วเหวินปินตบโต๊ะอีกครั้ง

“ไสหัวไป อย่าให้ผมเห็นหน้าพวกคุณสองคนอีก”

มีเหรอที่เฉินหลียังจะกล้าทำตัวอวดดีอีก เธอรีบพาเยี่ยซีออกไปทันที

ภายในห้องทำงาน

ลั่วเหวินปินยังคงโมโหเลือดขึ้นหน้า เขาโทรเรียกผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้ามา

เคาะโต๊ะเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “เรื่องนี้มีทางแก้ไขไหม”

“ทำได้เพียงเบี่ยงเบนความสนใจครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เช็ดเหงื่อ

“เรื่องลอกบทละครเมื่อคราวก่อน พวกเรามีหลักฐานที่เพียงพอแล้วครับ ต่อให้ทำให้ชูกวงมีเดียเสียหายหนักไม่ได้ แต่ก็เพียงพอให้ละครเรื่องลำนำใต้หล้าออกฉายไม่ได้ เงินทั้งหมดก็จะสูญเปล่าครับ”

ลำนำใต้หล้าเป็นละครย้อนยุค ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดัง ถือเป็นละครฟอร์มยักษ์

ผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่องนี้ก็มีแฟนคลับอยู่จำนวนมาก

ตอนนั้นเทียนสิงมีเดียก็อยากซื้อลิขสิทธิ์มาทำหนังทำละคร แต่ผู้ประพันธ์กลับไม่สนใจพวกเขา แต่ขายให้ชูกวงมีเดีย

ลำนำใต้หล้าเป็นละครที่ปีนี้ชูกวงมีเดียทุ่มทุนสร้าง จะลงฉายในเดือนพฤษภาคม ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะออกฉาย แต่ความร้อนแรงของลำนำใต้หล้าก็ครองอันดับหนึ่งไปอย่างมั่นคง อีกทั้งยังทิ้งห่างละครเรื่องอื่นไปอย่างชนิดไม่เห็นฝุ่น

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน” ลั่วเหวินปินกลับส่ายหน้า

“คุณคิดว่าครั้งนี้ที่รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 พลิกสถานการณ์ได้ ชูกวงมีเดียจะไม่ทำอะไรเลยอยู่เบื้องหลังเหรอ”

“ตอนนี้พวกเราจะใช้ไม้แข็งงัดข้อกับชูกวงมีเดียไม่ได้ รอฟังข่าวจากไทม์มีเดียก่อนค่อยว่ากัน”

“งั้น…งั้นก็ได้แค่ปล่อยข่าวฉาวแล้วครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เหงื่อออกบนหน้าผากอีกครั้ง

“ในบริษัทมีดาราสองคนนอกใจกันเองทั้งคู่ แต่พวกเขาถูกสร้างภาพลักษณ์เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันมากครับ”

ลั่วเหวินปินถามชื่อดาราสองคนนี้เสร็จก็สรุป “งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

ดาราสองคนนี้เป็นดาราระดับรองๆ ความนิยมลดลงไปนานแล้ว

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งสองคนไปออกรายการวาไรตี้สามีภรรยา จึงมีกระแสขึ้นมาอีกครั้ง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้าเสร็จก็ออกไปจัดการ

ตอนเที่ยง เยี่ยซีโพสต์เวยปั๋ว

[แอทเยี่ยซี : ต้องขอโทษที่เข้าใจผิดคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยค่ะ ฉันขอโทษ ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษมากๆ ฉันจะทบทวนความผิดของตัวเอง ฉันจะตั้งใจปรับปรุงตัวค่ะ]

ด้านล่างเป็นรูปภาพจดหมายสำนึกผิดจำนวนสามพันอักษร

[รู้ว่าผิดก็ปรับปรุง เป็นตัวอย่างที่ดี ซีซีเก่งที่สุด!]

[เลิกด่าๆ พวกเราผิดเอง ซีซีแค่ติดร่างแห]

[พูดตามตรง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับซีซี แฟนคลับทำเกินไปเอง พวกเราจะทบทวนความผิด พวกเรายอมรับผิดแล้ว]

พอได้ปลอบโยนแฟนคลับ เยี่ยซีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

แต่ทว่ายังไม่ทันได้หายใจหายคอก็มีแฮชแท็กยอดนิยมอันใหม่เกิดขึ้น

แฮชแท็กชูกวงมีเดียพ่อบุญทุ่ม

[แอทชูกวงมีเดีย : พ่อบุญทุ่มตัดสินใจลงทุนให้ แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อีกสี่ร้อยล้าน]

[แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 : ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับ!]

ชาวเน็ตเริ่มเปิดโหมดถากถางเสียดสีที่ด้านล่างเวยปั๋วสองโพสต์นี้

[ขำเป็นบ้า พ่อบุญทุ่มเห็นเยี่ยซีไม่อยู่ในรายการแล้ว ถึงได้เพิ่มเงินลงทุนใช่ไหม]

[จดหมายสำนึกผิดเยี่ยซีเขียนได้ห่วยมาก อย่างน้อยเธอก็จบจากสถาบันภาพยนตร์หรือเปล่า วาทศิลป์แย่ขนาดนี้เลยเรอะ]

[นับวันชูกวงมีเดียจะยิ่งมีบารมีมากขึ้นแล้ว ได้ยินว่าเปลี่ยนซีอีโอใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นใคร]

มีคนตั้งใจไปเสิร์ชหาโดยเฉพาะ แต่กลับพบว่าตรงชื่อผู้มีอำนาจทางกฎหมายของชูกวงมีเดียถูกเบลอทับด้วยอักษรอื่น

ส่วนตรงพวกผู้ถือหุ้นกลับไม่มีแตกต่างจากเมื่อก่อน

ภายในห้องเรียนของค่ายติวไอเอสซี

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินออกจากหน้าแอคเคาท์ของชูกวงมีเดียก็เปลี่ยนเป็นแอคเคาท์เล็กๆ ของตัวเองตามปกติ

ครั้งนี้เธอไม่ได้ดูถูกความหูตาไวของชาวเน็ต จึงแค่กดไลก์ ไม่โพสต์รูป แอคเคาท์นี้ของเธอก็เลยไม่ถูกขุดออกมา

เวลานี้จั่วหลีหอบเอกสารเดินเข้ามา ถามหยั่งเชิง

“นักเรียนอิ๋ง พรุ่งนี้ว่างไหม”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นมองเขา

“เปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” จั่วหลีถูกมองก็ขนลุก

“มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างห้องทดลองเสร็จ เลยอยากเชิญเธอไปดูหน่อย”

“พรุ่งนี้…” อิ๋งจื่อจินเปิดปฏิทิน “ว่าง ไปได้ค่ะ”

จั่วหลีพยักหน้า ทันใดนั้นดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“นักเรียนอิ๋ง ถ้าเจอคนของสาขาคอมพิวเตอร์เธอต้องหนีให้ไวเลยนะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “หืม ทำไมเหรอคะ”

“คนบ้าพวกนั้นแย่งคนเก่งมาก อาจารย์กลัวว่าพวกเขาจะมากระชากตัวเธอไป”

“…”

อีกด้านหนึ่ง

สมาคมโหราศาสตร์

วันนี้เป็นวันที่อิ๋งเทียนลี่ว์นัดอาจารย์เหวินเหรินไว้

เดิมทีเขากะพาผู้เฒ่าจงไปด้วยกันเผื่อจะดูดวงจากธาตุอะไรพวกนี้

แต่ผู้เฒ่าจงบอกว่าถ้าเขาอยากดูดวงไปดูกับอิ๋งจื่อจินก็พอแล้ว ไม่ไปหาพวกหมอดูกำมะลอหรอก

อิ๋งเทียนลี่ว์จนปัญญาก็เลยนั่งรถไปคนเดียว

อาจารย์เหวินเหรินมีชื่อเต็มว่าเหวินเหรินซาน พักอยู่ที่เรือนทางตะวันออกของสมาคมโหราศาสตร์

เขาจะรับลูกค้าแค่วันละสองคน อีกทั้งยังคิดเงินแพงมาก

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็มีลูกค้ามาดูดวงกับเขาตลอดไม่เคยขาด

ส่วนเซียวปั๋วประธานสมาคมโหราศาสตร์น่ะเหรอ

นั่นยิ่งไม่ใช่บุคคลที่ใครจะเข้าไปพบก็ได้ เซียวปั๋วไม่เคยเป็นฝ่ายเสนอตัวดูดวงให้ใครก่อน

ปีนี้เหวินเหรินซานอายุห้าสิบกว่า แต่ผมขาวโพลนเกือบหมดหัวแล้ว

พอเขาเห็นสีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์เปลี่ยนก็ยิ้มอย่างใจดี

“คุณอิ๋ง คนที่ทำงานล้วงความลับสวรรค์แบบพวกผมต่างต้องแลกด้วยบางอย่างทั้งนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลังชีวิต”

อิ๋งเทียนลี่ว์ฟังแล้วก็ตกใจ เขานั่งลง เม้มริมฝีปากแล้วพูดขึ้น

“อาจารย์เหวินเหรินครับ ผมอยากมาขอให้ช่วยแก้ความฝันหน่อยครับ”

“ขอผมดูก่อนนะ”

เหวินเหรินซานพยักหน้าเบาๆ เขาหรี่ตามองใบหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้น

“ผมดูจากโหงวเฮ้งบนใบหน้าของคุณอิ๋งก็กำลังดี หน้าผากอิ่มเอิบ เป็นคนมีความสามารถ อนาคตสดใส ชีวิตไร้อุปสรรค”

“แต่ช่วงนี้คุณอิ๋งวิตกกังวล กินยานอนหลับก็ยังหลับไม่สบาย ดูท่าจะเป็นเพราะความฝันรุมเร้า”

อิ๋งเทียนลี่ว์ยิ้มเศร้า “ครับ”

“ใช่ไหมล่ะครับ” เหวินเหรินซานหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ

“ความฝันของคุณอิ๋งเกี่ยวข้องกับ ‘ความตาย’ ด้วยใช่ไหมครับ”

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์หยุดชะงัก

“อาจารย์เหวินเหรินมองออกเลยเหรอครับ”

เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องทำนายดวงเท่าไร แต่ตอนนี้กลับจำต้องเชื่อแล้ว

“อย่าคิดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์อะไร” เหวินเหรินซานหลุดขำ

“นี่ก็แค่การทำนายจากโหงวเฮ้งเท่านั้นครับ ถ้าเป็นนักทำนายที่เก่งๆ อย่างแท้จริง”

“ขอเพียงแต่เขาอยากทำนาย เขาก็สามารถบรรยายความฝันของคุณออกมาได้ดีเสียยิ่งกว่าที่คุณจำได้” อิ๋งเทียนลี่ว์เกือบหยุดหายใจ “มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

เดิมทีความฝันเป็นภาพสะท้อนของจิตใต้สำนึก แม้คนที่ฝันเองก็ใช่ว่าจะจดจำรายละเอียดทั้งหมดได้ เหวินเหรินซานยื่นปากกาให้เขาหนึ่งด้าม

“เชิญครับ”

อิ๋งเทียนลี่ว์เขียนสองความฝันของตัวเองตามความทรงจำที่มีอยู่

ความฝันแรกคือความฝันที่เขาเคยเล่าให้อิ๋งจื่อจินฟัง แค่ความฝันที่สองไม่เคยเล่า

เพราะความฝันที่สองไม่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจิน แต่เป็นตัวเขาเอง

เขาฝันเห็นอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาพาเขากับอิ๋งเย่ว์เซวียนไปเที่ยวชานเมือง สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

อิ๋งเย่ว์เซวียนบาดเจ็บน้อยที่สุด เธอหนีออกจากรถอย่างรวดเร็ว วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

ในตอนท้ายทั้งสามคนก็ตายในรถ

แต่นี่ยังไม่จบ หลังจากเขาที่อยู่ในความฝันตาย อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

เขามองจากมุมของเทวดาที่อยู่ข้างบนเห็นเรื่องที่อิ๋งเย่ว์เซวียนทำหลังจากนั้นทั้งหมด

นี่จึงทำให้เขาต้องให้ความสำคัญ

เหวินเหรินซานอ่านจบก็เงียบไปสักพัก

ผ่านไปนานเขาถึงเอ่ยขึ้น “ความฝันของคุณอิ๋งไม่ใช่ความฝันธรรมดา พวกเราเรียกว่า ‘ลางบอกเหตุ’ ครับ”

อิ๋งเทียนลี่ว์สีหน้าเปลี่ยน “ลางบอกเหตุเหรอครับ”

“คนจำนวนไม่น้อยที่เคยเจอแบบนี้” เหวินเหรินซานพูด

“นักเรียนบางคนกลางคืนนอนฝันเห็นโจทย์ข้อสอบเพราะกังวลเรื่องการสอบของวันรุ่งขึ้นมากเกินไป”

“ปรากฏว่าตอนสอบเขาก็พบว่าโจทย์ข้อสำคัญก็คือโจทย์ที่เขาฝันเห็น”

อิ๋งเทียนลี่ว์ขมวดคิ้ว “งั้นผม…”

“เห็นได้ชัดเจนว่าความฝันแรกของคุณไม่เป็นจริงแล้ว” เหวินเหรินซานเงียบไปชั่วครู่

“นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ‘ลางบอกเหตุ’ ถูกทำลายแล้ว เหตุการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี”

“ส่วนความฝันที่สอง ยังไม่ถึงเวลา ผมไม่กล้ารับรองกับคุณอิ๋งได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”

เหวินเหรินซานครุ่นคิด ลุกไปหยิบถุงผ้าทออันเล็กออกมาจากลิ้นชักด้านหลัง

“คุณอิ๋งเก็บนี่ไว้ครับ อาจช่วยให้พ้นเคราะห์ได้”

อิ๋งเทียนลี่ว์ลังเล รับเอามา “รบกวนอาจารย์เหวินเหรินแล้วครับ”

เหวินเหรินซานพยักหน้า พออิ๋งเทียนลี่ว์ออกไปแล้วเขาก็ออกจากห้อง ไปหาเซียวปั๋วที่ห้องด้านหลัง

“ท่านประธาน” เหวินเหรินซานนอบน้อมมาก

“เมื่อครู่เกรงว่าลูกค้าคนนั้นจะไม่สู้ดีนัก น่าเสียดายที่ผมช่วยเขาให้พ้นเคราะห์ไม่ได้ ไม่ควรถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์เลยจริงๆ”

“พวกเราไม่ถือเป็นปรมาจารย์จริงๆ นั่นแหละ” เซียวปั๋วส่ายหน้า

“หากจะบอกว่าใครเป็นปรมาจารย์ ก็ต้องผู้อาวุโสตี้อู่ต่างหาก”

เหวินเหรินซานได้ยินเซียวปั๋วพูดถึงคนคนนี้บ่อยครั้ง จึงอดสงสัยไม่ได้ “ตระกูลตี้อู่เหรอครับ”

“ใช่…และก็ไม่ใช่” เซียวปั๋วถอนหายใจ

“เอาเป็นว่าไม่ใช่ตระกูลตี้อู่อย่างที่นายเข้าใจ”

ตอนนี้ตระกูลตี้อู่แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่คนส่วนใหญ่รู้จักคือพวกคนที่ทำธุรกิจ

“แต่เมื่อวานฉันเจอปรมาจารย์คนหนึ่ง” เซียวปั๋วพูดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าศรัทธาเลื่อมใส

“คนนั้นคือปรมาจารย์ตัวจริง”

เขาเตรียมหาโอกาสไปถามตี้อู่ชวนดูหน่อย

ตอนเย็น

บ้านตระกูลหยวน

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็มาถึงตี้ตูเมื่อวาน เมิ่งหรูไปรับเธอด้วยตัวเอง อีกทั้งยังให้เธอพักที่บ้านตระกูลหยวน

“เย่ว์เซวียน ศาสตราจารย์หลี่แจ้งข่าวดีมาเรื่องหนึ่ง” เธอดีใจ

“มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างห้องทดลองชั้นยอดแห่งใหม่เสร็จ มีเครื่องไม้เครื่องมือสารพัด เขาให้เธอตามเขาไปเยี่ยมชมด้วยนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ “ห้องทดลองชั้นยอดเหรอคะ”

ตอนที่เธออยู่ยุโรปเคยเข้าห้องทดลองชั้นยอดแค่ครั้งเดียว

เครื่องมือบางอย่างก็มีแค่ในเฉพาะห้องทดลองชั้นยอดเท่านั้น ปกติก็ไม่แม้แต่จะได้เข้าไปดู

“ใช่ เธอต้องพยายามเข้านะ” เมิ่งหรูยิ้ม

“คืนนี้นอนพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปส่งเธอ”

เช้าวันต่อมา

เมิ่งหรูนั่งรถไปส่งอิ๋งเย่ว์เซวียนที่มหาวิทยาลัยตี้ตูด้วยตัวเอง

เธอให้จอดรถริมถนน ดูเวลา

“ส่งตรงนี้นะ ฉันเข้าไปไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เธอเข้าไปแล้วก็ตามติดศาสตราจารย์หลี่ให้ดี อย่าให้คลาดกันล่ะ”

เธอกำชับอีกครั้ง “ยังมีศาสตราจารย์ของสาขาอื่นอีก อย่าลืมทักทายพวกเขาด้วยนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า ห้อยบัตรประจำตัวชั่วคราวที่ศาสตราจารย์หลี่ให้มา

อีกด้านหนึ่ง จั่วหลีพาอิ๋งจื่อจินเข้าไปด้วยท่าทางมีความสุข

[1]หลี อักษรหลีในชื่อของเฉินหลีแปลว่าสาลี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 ไม่คู่ควร เจออิ๋งจื่อจินในมหาวิทยาลัยตี้ตู

แอคเคาท์นี้เป็นแอคเคาท์แนวให้ความรู้ ถูกขึ้นให้เป็นแอคเคาท์ยอดนิยม

คนที่กดเข้าคำค้นยอดนิยมจะสามารถเห็นได้หมด

[แอทรอบรู้ทันโลก : อาจมีคนไม่รู้ความเก่งของอิ๋งจื่อจิน จะขอแนะนำอย่างคร่าวๆ

บุคคลที่มีไอคิวสูงแบบเธอ ต่อไปจะเข้าไปอยู่สำนักวิจัยแห่งชาติได้โดยตรง

ถ้าเธอสามารถทะลุขึ้นไปติดสิบอันดับแรกของรอบตัดสินไอเอสซีระดับนานาชาติได้ก็จะถูกองค์กรอย่างศูนย์ฟิสิกส์สากลรับเข้าไปอยู่ในนั้น

ศูนย์ฟิสิกส์สากลเป็นสถานที่รวมบรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลก พวกเขาวิจัยเกี่ยวกับจักรวาลยานอวกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาอย่างพวกเราเข้าไม่ถึง

อนาคตของเธอรุ่งโรจน์มาก เวทีโลกคือเวทีของเธอ

ดังนั้นเธอไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับคนมายาแค่คนเดียว พูดตามตรงก็คือ อีกฝ่ายไม่คู่ควร]

คำว่าคนมายาทำให้เยี่ยซีแทบสติแตก

เธอเป็นถึงดารายอดนิยมคนใหม่ของวงการบันเทิง แต่กลับถูกมองอย่างด้อยค่าขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน

นี่เป็นการหยามเกียรติ!

“เฉินหลี เห็นหรือยัง” ลั่วเหวินปินตบโต๊ะอย่างแรง โมโหยิ่งกว่าเดิม

“บอกว่าเธอไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ไปใส่ร้ายเด็กเรียนเก่ง ประสงค์ร้ายต่ออัจฉริยบุคคลของประเทศ เรื่องใหญ่ขนาดไหน หา!”

สีหน้าของเฉินหลีซีดแล้วซีดอีก

ร่างกายของเยี่ยซีก็สั่นอีกครั้ง

ประสงค์ร้ายต่ออัจฉริยบุคคลของประเทศ คำกล่าวหานี้ใครก็แบกรับไม่ไหว

เดิมทีวงการบันเทิงก็มีแต่การแก่งแย่งชิงดี คู่แข่งของเธอไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้เล่นงานนี้ไป ถึงแม้ความทรงจำของชาวเน็ตจะมีเวลาคงอยู่แค่ไม่นาน แต่จุดด่างพร้อยของเธอก็ลบล้างไม่ออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

จะถูกขุดออกมาประชดประชันอยู่เรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งนับจากนี้ไปเธออาจไม่ได้ข้องเกี่ยวกับรางวัลต่างๆ อีก ทางสถานีโทรทัศน์กลางจัดงานอะไรก็จะไม่มีทางเชิญเธอ

“คุณคิดว่าชื่อตัวเองมีคำว่าหลี[1] สมองก็เลยกลายเป็นลูกสาลี่ด้วยใช่ไหม” ลั่วเหวินปินชี้เฉินหลีแล้วเริ่มด่าอีกรอบ

“คุณจะถูกหักโบนัสทั้งหมดของปีนี้ รวมถึงเงินเดือนครึ่งปี!”

เฉินหลีก็ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ไปขอโทษทางนั้นเดี๋ยวนี้” ลั่วเหวินปินยังไม่หายโมโห

“เขียนคำสำนึกผิดหรือยัง”

เยี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น “ขะ…เขียนแล้วค่ะ”

“งั้นก็รีบโพสต์!” ลั่วเหวินปินตบโต๊ะอีกครั้ง

“ไสหัวไป อย่าให้ผมเห็นหน้าพวกคุณสองคนอีก”

มีเหรอที่เฉินหลียังจะกล้าทำตัวอวดดีอีก เธอรีบพาเยี่ยซีออกไปทันที

ภายในห้องทำงาน

ลั่วเหวินปินยังคงโมโหเลือดขึ้นหน้า เขาโทรเรียกผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้ามา

เคาะโต๊ะเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “เรื่องนี้มีทางแก้ไขไหม”

“ทำได้เพียงเบี่ยงเบนความสนใจครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เช็ดเหงื่อ

“เรื่องลอกบทละครเมื่อคราวก่อน พวกเรามีหลักฐานที่เพียงพอแล้วครับ ต่อให้ทำให้ชูกวงมีเดียเสียหายหนักไม่ได้ แต่ก็เพียงพอให้ละครเรื่องลำนำใต้หล้าออกฉายไม่ได้ เงินทั้งหมดก็จะสูญเปล่าครับ”

ลำนำใต้หล้าเป็นละครย้อนยุค ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดัง ถือเป็นละครฟอร์มยักษ์

ผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่องนี้ก็มีแฟนคลับอยู่จำนวนมาก

ตอนนั้นเทียนสิงมีเดียก็อยากซื้อลิขสิทธิ์มาทำหนังทำละคร แต่ผู้ประพันธ์กลับไม่สนใจพวกเขา แต่ขายให้ชูกวงมีเดีย

ลำนำใต้หล้าเป็นละครที่ปีนี้ชูกวงมีเดียทุ่มทุนสร้าง จะลงฉายในเดือนพฤษภาคม ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะออกฉาย แต่ความร้อนแรงของลำนำใต้หล้าก็ครองอันดับหนึ่งไปอย่างมั่นคง อีกทั้งยังทิ้งห่างละครเรื่องอื่นไปอย่างชนิดไม่เห็นฝุ่น

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน” ลั่วเหวินปินกลับส่ายหน้า

“คุณคิดว่าครั้งนี้ที่รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 พลิกสถานการณ์ได้ ชูกวงมีเดียจะไม่ทำอะไรเลยอยู่เบื้องหลังเหรอ”

“ตอนนี้พวกเราจะใช้ไม้แข็งงัดข้อกับชูกวงมีเดียไม่ได้ รอฟังข่าวจากไทม์มีเดียก่อนค่อยว่ากัน”

“งั้น…งั้นก็ได้แค่ปล่อยข่าวฉาวแล้วครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เหงื่อออกบนหน้าผากอีกครั้ง

“ในบริษัทมีดาราสองคนนอกใจกันเองทั้งคู่ แต่พวกเขาถูกสร้างภาพลักษณ์เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันมากครับ”

ลั่วเหวินปินถามชื่อดาราสองคนนี้เสร็จก็สรุป “งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

ดาราสองคนนี้เป็นดาราระดับรองๆ ความนิยมลดลงไปนานแล้ว

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งสองคนไปออกรายการวาไรตี้สามีภรรยา จึงมีกระแสขึ้นมาอีกครั้ง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้าเสร็จก็ออกไปจัดการ

ตอนเที่ยง เยี่ยซีโพสต์เวยปั๋ว

[แอทเยี่ยซี : ต้องขอโทษที่เข้าใจผิดคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยค่ะ ฉันขอโทษ ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษมากๆ ฉันจะทบทวนความผิดของตัวเอง ฉันจะตั้งใจปรับปรุงตัวค่ะ]

ด้านล่างเป็นรูปภาพจดหมายสำนึกผิดจำนวนสามพันอักษร

[รู้ว่าผิดก็ปรับปรุง เป็นตัวอย่างที่ดี ซีซีเก่งที่สุด!]

[เลิกด่าๆ พวกเราผิดเอง ซีซีแค่ติดร่างแห]

[พูดตามตรง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับซีซี แฟนคลับทำเกินไปเอง พวกเราจะทบทวนความผิด พวกเรายอมรับผิดแล้ว]

พอได้ปลอบโยนแฟนคลับ เยี่ยซีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

แต่ทว่ายังไม่ทันได้หายใจหายคอก็มีแฮชแท็กยอดนิยมอันใหม่เกิดขึ้น

แฮชแท็กชูกวงมีเดียพ่อบุญทุ่ม

[แอทชูกวงมีเดีย : พ่อบุญทุ่มตัดสินใจลงทุนให้ แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อีกสี่ร้อยล้าน]

[แอทวัยรุ่นสร้างฝัน 202 : ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับ!]

ชาวเน็ตเริ่มเปิดโหมดถากถางเสียดสีที่ด้านล่างเวยปั๋วสองโพสต์นี้

[ขำเป็นบ้า พ่อบุญทุ่มเห็นเยี่ยซีไม่อยู่ในรายการแล้ว ถึงได้เพิ่มเงินลงทุนใช่ไหม]

[จดหมายสำนึกผิดเยี่ยซีเขียนได้ห่วยมาก อย่างน้อยเธอก็จบจากสถาบันภาพยนตร์หรือเปล่า วาทศิลป์แย่ขนาดนี้เลยเรอะ]

[นับวันชูกวงมีเดียจะยิ่งมีบารมีมากขึ้นแล้ว ได้ยินว่าเปลี่ยนซีอีโอใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นใคร]

มีคนตั้งใจไปเสิร์ชหาโดยเฉพาะ แต่กลับพบว่าตรงชื่อผู้มีอำนาจทางกฎหมายของชูกวงมีเดียถูกเบลอทับด้วยอักษรอื่น

ส่วนตรงพวกผู้ถือหุ้นกลับไม่มีแตกต่างจากเมื่อก่อน

ภายในห้องเรียนของค่ายติวไอเอสซี

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินออกจากหน้าแอคเคาท์ของชูกวงมีเดียก็เปลี่ยนเป็นแอคเคาท์เล็กๆ ของตัวเองตามปกติ

ครั้งนี้เธอไม่ได้ดูถูกความหูตาไวของชาวเน็ต จึงแค่กดไลก์ ไม่โพสต์รูป แอคเคาท์นี้ของเธอก็เลยไม่ถูกขุดออกมา

เวลานี้จั่วหลีหอบเอกสารเดินเข้ามา ถามหยั่งเชิง

“นักเรียนอิ๋ง พรุ่งนี้ว่างไหม”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นมองเขา

“เปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” จั่วหลีถูกมองก็ขนลุก

“มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างห้องทดลองเสร็จ เลยอยากเชิญเธอไปดูหน่อย”

“พรุ่งนี้…” อิ๋งจื่อจินเปิดปฏิทิน “ว่าง ไปได้ค่ะ”

จั่วหลีพยักหน้า ทันใดนั้นดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“นักเรียนอิ๋ง ถ้าเจอคนของสาขาคอมพิวเตอร์เธอต้องหนีให้ไวเลยนะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “หืม ทำไมเหรอคะ”

“คนบ้าพวกนั้นแย่งคนเก่งมาก อาจารย์กลัวว่าพวกเขาจะมากระชากตัวเธอไป”

“…”

อีกด้านหนึ่ง

สมาคมโหราศาสตร์

วันนี้เป็นวันที่อิ๋งเทียนลี่ว์นัดอาจารย์เหวินเหรินไว้

เดิมทีเขากะพาผู้เฒ่าจงไปด้วยกันเผื่อจะดูดวงจากธาตุอะไรพวกนี้

แต่ผู้เฒ่าจงบอกว่าถ้าเขาอยากดูดวงไปดูกับอิ๋งจื่อจินก็พอแล้ว ไม่ไปหาพวกหมอดูกำมะลอหรอก

อิ๋งเทียนลี่ว์จนปัญญาก็เลยนั่งรถไปคนเดียว

อาจารย์เหวินเหรินมีชื่อเต็มว่าเหวินเหรินซาน พักอยู่ที่เรือนทางตะวันออกของสมาคมโหราศาสตร์

เขาจะรับลูกค้าแค่วันละสองคน อีกทั้งยังคิดเงินแพงมาก

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็มีลูกค้ามาดูดวงกับเขาตลอดไม่เคยขาด

ส่วนเซียวปั๋วประธานสมาคมโหราศาสตร์น่ะเหรอ

นั่นยิ่งไม่ใช่บุคคลที่ใครจะเข้าไปพบก็ได้ เซียวปั๋วไม่เคยเป็นฝ่ายเสนอตัวดูดวงให้ใครก่อน

ปีนี้เหวินเหรินซานอายุห้าสิบกว่า แต่ผมขาวโพลนเกือบหมดหัวแล้ว

พอเขาเห็นสีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์เปลี่ยนก็ยิ้มอย่างใจดี

“คุณอิ๋ง คนที่ทำงานล้วงความลับสวรรค์แบบพวกผมต่างต้องแลกด้วยบางอย่างทั้งนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลังชีวิต”

อิ๋งเทียนลี่ว์ฟังแล้วก็ตกใจ เขานั่งลง เม้มริมฝีปากแล้วพูดขึ้น

“อาจารย์เหวินเหรินครับ ผมอยากมาขอให้ช่วยแก้ความฝันหน่อยครับ”

“ขอผมดูก่อนนะ”

เหวินเหรินซานพยักหน้าเบาๆ เขาหรี่ตามองใบหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้น

“ผมดูจากโหงวเฮ้งบนใบหน้าของคุณอิ๋งก็กำลังดี หน้าผากอิ่มเอิบ เป็นคนมีความสามารถ อนาคตสดใส ชีวิตไร้อุปสรรค”

“แต่ช่วงนี้คุณอิ๋งวิตกกังวล กินยานอนหลับก็ยังหลับไม่สบาย ดูท่าจะเป็นเพราะความฝันรุมเร้า”

อิ๋งเทียนลี่ว์ยิ้มเศร้า “ครับ”

“ใช่ไหมล่ะครับ” เหวินเหรินซานหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ

“ความฝันของคุณอิ๋งเกี่ยวข้องกับ ‘ความตาย’ ด้วยใช่ไหมครับ”

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์หยุดชะงัก

“อาจารย์เหวินเหรินมองออกเลยเหรอครับ”

เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องทำนายดวงเท่าไร แต่ตอนนี้กลับจำต้องเชื่อแล้ว

“อย่าคิดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์อะไร” เหวินเหรินซานหลุดขำ

“นี่ก็แค่การทำนายจากโหงวเฮ้งเท่านั้นครับ ถ้าเป็นนักทำนายที่เก่งๆ อย่างแท้จริง”

“ขอเพียงแต่เขาอยากทำนาย เขาก็สามารถบรรยายความฝันของคุณออกมาได้ดีเสียยิ่งกว่าที่คุณจำได้” อิ๋งเทียนลี่ว์เกือบหยุดหายใจ “มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

เดิมทีความฝันเป็นภาพสะท้อนของจิตใต้สำนึก แม้คนที่ฝันเองก็ใช่ว่าจะจดจำรายละเอียดทั้งหมดได้ เหวินเหรินซานยื่นปากกาให้เขาหนึ่งด้าม

“เชิญครับ”

อิ๋งเทียนลี่ว์เขียนสองความฝันของตัวเองตามความทรงจำที่มีอยู่

ความฝันแรกคือความฝันที่เขาเคยเล่าให้อิ๋งจื่อจินฟัง แค่ความฝันที่สองไม่เคยเล่า

เพราะความฝันที่สองไม่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจิน แต่เป็นตัวเขาเอง

เขาฝันเห็นอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาพาเขากับอิ๋งเย่ว์เซวียนไปเที่ยวชานเมือง สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

อิ๋งเย่ว์เซวียนบาดเจ็บน้อยที่สุด เธอหนีออกจากรถอย่างรวดเร็ว วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

ในตอนท้ายทั้งสามคนก็ตายในรถ

แต่นี่ยังไม่จบ หลังจากเขาที่อยู่ในความฝันตาย อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

เขามองจากมุมของเทวดาที่อยู่ข้างบนเห็นเรื่องที่อิ๋งเย่ว์เซวียนทำหลังจากนั้นทั้งหมด

นี่จึงทำให้เขาต้องให้ความสำคัญ

เหวินเหรินซานอ่านจบก็เงียบไปสักพัก

ผ่านไปนานเขาถึงเอ่ยขึ้น “ความฝันของคุณอิ๋งไม่ใช่ความฝันธรรมดา พวกเราเรียกว่า ‘ลางบอกเหตุ’ ครับ”

อิ๋งเทียนลี่ว์สีหน้าเปลี่ยน “ลางบอกเหตุเหรอครับ”

“คนจำนวนไม่น้อยที่เคยเจอแบบนี้” เหวินเหรินซานพูด

“นักเรียนบางคนกลางคืนนอนฝันเห็นโจทย์ข้อสอบเพราะกังวลเรื่องการสอบของวันรุ่งขึ้นมากเกินไป”

“ปรากฏว่าตอนสอบเขาก็พบว่าโจทย์ข้อสำคัญก็คือโจทย์ที่เขาฝันเห็น”

อิ๋งเทียนลี่ว์ขมวดคิ้ว “งั้นผม…”

“เห็นได้ชัดเจนว่าความฝันแรกของคุณไม่เป็นจริงแล้ว” เหวินเหรินซานเงียบไปชั่วครู่

“นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ‘ลางบอกเหตุ’ ถูกทำลายแล้ว เหตุการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี”

“ส่วนความฝันที่สอง ยังไม่ถึงเวลา ผมไม่กล้ารับรองกับคุณอิ๋งได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”

เหวินเหรินซานครุ่นคิด ลุกไปหยิบถุงผ้าทออันเล็กออกมาจากลิ้นชักด้านหลัง

“คุณอิ๋งเก็บนี่ไว้ครับ อาจช่วยให้พ้นเคราะห์ได้”

อิ๋งเทียนลี่ว์ลังเล รับเอามา “รบกวนอาจารย์เหวินเหรินแล้วครับ”

เหวินเหรินซานพยักหน้า พออิ๋งเทียนลี่ว์ออกไปแล้วเขาก็ออกจากห้อง ไปหาเซียวปั๋วที่ห้องด้านหลัง

“ท่านประธาน” เหวินเหรินซานนอบน้อมมาก

“เมื่อครู่เกรงว่าลูกค้าคนนั้นจะไม่สู้ดีนัก น่าเสียดายที่ผมช่วยเขาให้พ้นเคราะห์ไม่ได้ ไม่ควรถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์เลยจริงๆ”

“พวกเราไม่ถือเป็นปรมาจารย์จริงๆ นั่นแหละ” เซียวปั๋วส่ายหน้า

“หากจะบอกว่าใครเป็นปรมาจารย์ ก็ต้องผู้อาวุโสตี้อู่ต่างหาก”

เหวินเหรินซานได้ยินเซียวปั๋วพูดถึงคนคนนี้บ่อยครั้ง จึงอดสงสัยไม่ได้ “ตระกูลตี้อู่เหรอครับ”

“ใช่…และก็ไม่ใช่” เซียวปั๋วถอนหายใจ

“เอาเป็นว่าไม่ใช่ตระกูลตี้อู่อย่างที่นายเข้าใจ”

ตอนนี้ตระกูลตี้อู่แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่คนส่วนใหญ่รู้จักคือพวกคนที่ทำธุรกิจ

“แต่เมื่อวานฉันเจอปรมาจารย์คนหนึ่ง” เซียวปั๋วพูดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าศรัทธาเลื่อมใส

“คนนั้นคือปรมาจารย์ตัวจริง”

เขาเตรียมหาโอกาสไปถามตี้อู่ชวนดูหน่อย

ตอนเย็น

บ้านตระกูลหยวน

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็มาถึงตี้ตูเมื่อวาน เมิ่งหรูไปรับเธอด้วยตัวเอง อีกทั้งยังให้เธอพักที่บ้านตระกูลหยวน

“เย่ว์เซวียน ศาสตราจารย์หลี่แจ้งข่าวดีมาเรื่องหนึ่ง” เธอดีใจ

“มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างห้องทดลองชั้นยอดแห่งใหม่เสร็จ มีเครื่องไม้เครื่องมือสารพัด เขาให้เธอตามเขาไปเยี่ยมชมด้วยนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ “ห้องทดลองชั้นยอดเหรอคะ”

ตอนที่เธออยู่ยุโรปเคยเข้าห้องทดลองชั้นยอดแค่ครั้งเดียว

เครื่องมือบางอย่างก็มีแค่ในเฉพาะห้องทดลองชั้นยอดเท่านั้น ปกติก็ไม่แม้แต่จะได้เข้าไปดู

“ใช่ เธอต้องพยายามเข้านะ” เมิ่งหรูยิ้ม

“คืนนี้นอนพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปส่งเธอ”

เช้าวันต่อมา

เมิ่งหรูนั่งรถไปส่งอิ๋งเย่ว์เซวียนที่มหาวิทยาลัยตี้ตูด้วยตัวเอง

เธอให้จอดรถริมถนน ดูเวลา

“ส่งตรงนี้นะ ฉันเข้าไปไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เธอเข้าไปแล้วก็ตามติดศาสตราจารย์หลี่ให้ดี อย่าให้คลาดกันล่ะ”

เธอกำชับอีกครั้ง “ยังมีศาสตราจารย์ของสาขาอื่นอีก อย่าลืมทักทายพวกเขาด้วยนะ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า ห้อยบัตรประจำตัวชั่วคราวที่ศาสตราจารย์หลี่ให้มา

อีกด้านหนึ่ง จั่วหลีพาอิ๋งจื่อจินเข้าไปด้วยท่าทางมีความสุข

[1]หลี อักษรหลีในชื่อของเฉินหลีแปลว่าสาลี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+