คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 267 ซิวเหยียนตะลึง มักจะโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวเสมอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 267 ซิวเหยียนตะลึง มักจะโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อศตวรรษก่อนเทคโนโลยีของประเทศจีนล้าหลังกว่าใครมาตลอด เทียบไม่ได้กับประเทศที่เจริญแล้วแม้แต่น้อย

ในด้านวิชาการก็เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนมากออกไปเรียนรู้จากต่างประเทศ เมื่อเรียนจนประสบความสำเร็จแล้วก็กลับประเทศบ้านเกิด

แต่เมื่อย่างเข้าศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าของประเทศจีนก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านทรัพยากรบุคคล

ปีที่แล้วการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี เทคโนโลยีสารสนเทศ ทีมนักเรียนที่ประเทศจีนส่งไปก็ล้วนได้รับเหรียญทองทั้งหมด คะแนนรวมประเภททีมก็ยังเป็นอันดับหนึ่ง

แต่นอกจากพวกเถิงอวิ้นเมิ่งสามคนแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ ที่ได้รางวัลต่างก็เข้ามหาวิทยาลัยไปหมดแล้ว จึงเข้าแข่งขันไอเอสซีไม่ได้

โดยเฉพาะการจัดอันดับชาร์ตรวมในวันแรกของไอเอสซี อันดับหนึ่งของพื้นที่ประเทศจีนเพิ่งจะอยู่อันดับสิบของชาร์ตรวม

ซึ่งก็ทำให้คนชาติอื่นที่เคยถูกกดไว้ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

คอมเมนต์แย่ๆ ของชาวเน็ตต่างชาติปรากฏเยอะมาก

[บอกแล้วว่าไอเอสซีไม่ได้ทดสอบแค่ทฤษฎี ยังทดสอบความสามารถเชิงปฏิบัติด้วย วันนี้น้องสาวที่เป็นญาติฉันยังได้โจทย์จำลองการทดลอง พวกนักเรียนของประเทศจีนด้อยกว่าพวกเราเยอะในด้านปฏิบัติ]

[รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคือใคร อัจฉริยะของอเมริกาที่เพิ่งเข้ามาปีนี้ ถ้ามีเธอคนนี้อยู่รับรองที่หนึ่งไม่มีทางตกไปอยู่ในมือคนอื่น]

[ฉันจำได้ว่านักเรียนของประเทศจีนที่ปีที่แล้วได้เหรียญทอง พวกคนคะแนนสูงๆ เข้ามหา’ลัยหมดแล้วหรือเปล่า จึ๊ๆ น่าเสียดาย ดูท่านักเรียนมอปลายรุ่นนี้ของประเทศจีนจะไม่เก่งเท่าไร]

[อย่าว่าแต่จะสามารถสร้างหน้าประวัติศาสตร์ได้อีกหรือเปล่าเลย เอาแค่จะขายหน้าไหมก็ยังเป็นปัญหา ขอถามหน่อยถ้าทางคณะกรรมการไม่แบ่งโควตาให้ ประเทศจีนจะมีนักเรียนสักกี่คนที่เข้ารอบสุดท้ายของไอเอสซีได้ด้วยความสามารถของตัวเอง(อีโมชันยิ้ม)]

การท้าทายระดับชาติแบบนี้ ไม่มีใครทนไหว

ถึงแม้คนในประเทศส่วนใหญ่จะท่องเว็บนอกไม่ได้ แต่ก็มีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ชาวเน็ตต่างชาติคุยเรื่องนี้กันอย่างออกอรรถรส ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเหยียบย่ำ

ไม่นานก็มีตัวแทนด่าด้วยความฉุนเฉียว

[พวกบ้า! คำพูดคำจาบ่งบอกอายุสมอง ฉันไม่อยากเสียเวลาด่าด้วยภาษาของพวกแกหรอก รอดูเลย ไม่เกินสามวัน อย่าว่าแต่ติดสามอันดับแรกของชาร์ตรวมเลย แม้แต่อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมก็ต้องเปลี่ยนคน!]

แต่คอมเมนต์นี้ก็ถูกกลืนหายไปท่ามกลางคอมเมนต์เยาะเย้ยจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

เดิมทีในประเทศไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกระทั่งคอมเมนต์เหล่านี้ของชาวเน็ตต่างชาติถูกแคปเอามาลงเวยปั๋ว มีคนที่ด่าชาวเน็ตต่างชาติ และก็มีคนที่มุดวีพีเอ็นออกไปด่าในเว็บนอก ความโด่งดังของไอเอสซีได้พุ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะสงครามคีย์บอร์ดครั้งนี้ ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจด้านวิชาการก็ยังรู้ว่ามีงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติแบบนี้อยู่ด้วย

ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ยอดคนสมัครเข้าร่วมไอเอสซีในโซนพื้นที่ประเทศจีนก็ได้พุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวจนถึงเก้าแสนคน

ตัวเลขระดับนี้ หลายประเทศในยุโรปรวมกันก็ยังสู้ไม่ได้

ไม่เคยมีงานแข่งขันระดับนานาชาติที่ไหนที่มีคนสมัครเข้าร่วมเยอะขนาดนี้

ก็แค่ไอเอสซีกำหนดไว้ว่ารับแต่นักเรียนมัธยมปลาย ไม่อย่างนั้นจะมีคนสมัครเข้าร่วมเยอะกว่านี้

วันต่อมา

ระหว่างกินข้าวเช้าภายในค่ายติวก็คุยกันเรื่องนี้

“น่าโมโหเป็นบ้า” เถิงอวิ้นเมิ่งโกรธมาก “เฟิงเย่ว์ พวกเราสมัครเข้าร่วมรอบคัดเลือกเดี๋ยวนี้เลย ก็แค่สามอันดับแรกของชาร์ตรวมไม่ใช่เหรอ ทำไมจะทำไม่ได้”

เมื่อวานเธออ่านคอมเมนต์ในเวยปั๋วอยู่หนึ่งชั่วโมง เกือบโมโหจนทึ้งผมหมดหัว

“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นก่อน” เฟิงเย่ว์ก็โมโหไม่แพ้กัน เขากระซิบ “พวกเราไม่มีกำลังเหลือไปทุ่มเทให้รอบคัดเลือกแล้ว เป้าหมายของพวกเราคือรอบนานาชาติ”

“อย่างไรซะพวกเราก็ไม่เหมือนโรงเรียนเอลานหรือโรงเรียนอื่นๆ ของต่างประเทศที่มีตัวเลือกจำนวนมาก พวกเขาส่งนักเรียนเก่งๆ ไปเข้าร่วมรอบคัดเลือกได้อีกแต่พวกเราไม่ใช่”

เถิงอวิ้นเมิ่งเงียบ เธอไม่ปฏิเสธเรื่องนี้

ถึงแม้ตอนนี้ประเทศจีนจะถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกในด้านวิชาการ แต่คนที่เก่งจริงๆ ก็มีอยู่ไม่เท่าไร

อย่างโรงเรียนเอลาน พวกเขามีโควตานักเรียนสิบคนที่สามารถทะลุเข้ารอบนานาชาติได้ทันที แถมยังมีนักเรียนหัวกะทิเหลืออีกห้าหกคน

นักเรียนหัวกะทิเหล่านี้ไม่ได้โควตาทะลุเข้ารอบนานาชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาความสามารถไม่ถึง เป็นเพราะโควตามีน้อยต่างหาก

ความสามารถของพวกเขาด้อยกว่าเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์เพียงเล็กน้อย

การที่โรงเรียนเอลานให้เด็กหัวกะทิเหล่านี้ไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกเท่ากับเป็นการทรมานนักเรียนจากที่อื่นชัดๆ

“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นๆ” เฟิงเย่ว์ทำเสียงฮึดฮัด “ก็แค่รอบคัดเลือก ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาติ เดี๋ยวจะทำให้พวกเขาเห็นความร้ายกาจของประเทศจีน”

ด้วยความสามารถของเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่ง ถ้าไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่นั้นยังไม่ชัวร์ แต่ติดห้าอันดับแรกคงไม่มีพลาด

“แต่นักเรียนจากอเมริกาที่อยู่อันดับหนึ่งก็เก่งจริงๆ” เฟิงเย่ว์เปิดเวยปั๋วดูอันดับคะแนนรวมในตอนนี้

“เมิ่งเมิ่ง พวกเราก็เคยทำโจทย์แนวนี้ ฉันว่าฉันทำคะแนนขนาดนี้ในวันเดียวไม่ได้หรอก”

คะแนนของอันดับหนึ่งในชาร์ตรวมคือ

อันดับที่หนึ่ง : อแมนด้า สหรัฐอเมริกา หนึ่งร้อยสามสิบสี่คะแนน

“คะแนนเท่านี้ควรจะเข้ารอบนานาชาติไปเลยมากกว่า” เถิงอวิ้นเมิ่งดื่มน้ำผลไม้พลางขมวดคิ้ว

“ดูท่าครั้งนี้คู่แข่งจะเก่งกว่าที่เราคิด”

ขณะพูดเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอิ๋งจื่อจินกำลังเดินหาวมาทางนี้

เถิงอวิ้นเมิ่งโบกมือให้ “จื่อจิน ทางนี้”

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินเข้าไปพร้อมนมหนึ่งแก้ว ยังคงหาวอยู่ ง่วงเสียจนเหมือนมีอะไรมาทับเปลือกตาไว้ งัวเงียมองไม่ชัด

เธอเห็นสีหน้าของเถิงอวิ้นเมิ่งไม่ค่อยดี “มีอะไรเหรอ”

เถิงอวิ้นเมิ่งไม่บอก แต่กลับถอนหายใจ “เปล่า ผมฉันร่วงเยอะแยะเลย”

อิ๋งจื่อจินหน้าตาของทีมพวกเขาสติปัญญาล้ำเลิศ ไม่มีทางลงแข่งรอบคัดเลือกแน่

แต่เฟิงเย่ว์พูดถูกรอบคัดเลือกไม่เท่าไรหรอก ไว้ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาตินั่นต่างหากเป็นรอบชี้วัด

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนละสายตาอย่างเงียบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอสังเกตอิ๋งจื่อจินมาหลายวันแล้ว ก็คือตั้งแต่วันนั้นที่อิ๋งจื่อจินถูกอาจารย์เมิ่งเรียกไปทำโจทย์ข้างหน้า

ปกติถ้ามีงานกลุ่มอะไรก็จะเป็นเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งทำ อิ๋งจื่อจินนั่งมองอยู่ข้างๆ

เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ซิวเหยียนเกิดความสงสัยว่าน่าจะเป็นเหมือนในประวัติส่วนตัวที่ระบุไว้ว่า อิ๋งจื่อจินก็แค่เก่งบางครั้งบางคราว

เธอเลยไม่ได้เก็บเอาอิ๋งจื่อจินมาใส่ใจอีก

แต่พอรายการเก่งแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!

ของสถานีโทรทัศน์กลางออกอากาศไป อิ๋งจื่อจินก็ขโมยซีนของเธอหมด ถึงขั้นที่เธอเริ่มมีแอนตี้แฟนกลุ่มเล็กๆ เพิ่มเข้ามา

ซิวเหยียนซดโจ๊ก คิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม

นักเรียนหญิงโรงเรียนเดียวกันที่นั่งข้างๆ ดึงแขนเสื้อเธอ “เหยียนเหยียน ตอนนี้เธอคะแนนเท่าไรเหรอ”

พวกเธอสองคนมาจากโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อ ค่าเทอมปีๆ หนึ่งหลายแสน และยังไม่รวมค่าชุดนักเรียน

นักเรียนที่เข้าไปเรียนได้จะต้องมีฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมาก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเรียนไม่เก่ง มู่อวี่ซีก็อยู่โรงเรียนนี้เช่นกัน สอบกลางภาคปีนี้ยังได้อันดับเก้าของเมือง

นักเรียนหญิงคนนี้กับซิวเหยียนถูกโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อส่งมาเข้าค่ายติว แต่พวกเธอไม่ได้ได้โควตาเข้ารอบนานาชาติ เลยต้องทำโจทย์รอบคัดเลือก

ซิวเหยียนหุบยิ้ม “เมื่อวานยุ่งมาก ขนาดโจทย์ปกติสิบข้อฉันยังทำไม่เสร็จเลย”

ในความเป็นจริงเธอทำแค่โจทย์ปกติ แถมยังผิดหนึ่งข้อทั้งหมดได้เก้าคะแนน

โจทย์ปกติยากน้อยกว่าโจทย์แข่งขันหรือก็คือระดับความยากเทียบเท่าการจำลองสอบปกติของนักเรียนมอปลายโรงเรียนดัง ไม่ถือว่ายากอะไรสำหรับซิวเหยียน

เพียงแต่เธอประกาศพักงานหนึ่งเดือน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในวงก็พลอยต้องหยุดพักงานไปด้วย

รายการวัยรุ่นสร้างฝันที่เฟ้นหาคนมีพรสวรรค์สุดท้ายได้เดบิวต์เป็นวงเก้าคน

ชื่อวงว่า ยูธเจเนอเรชั่น (Youth Generation)

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้สมาชิกคนที่เก้าอย่างลั่วจื่อเย่ว์ได้เข้าไปพัวพันกับคดีคัดลอกผลงานอย่างรุนแรง ทั้งยังล่วงเกินเซี่ยมั่นอวี่ราชินีภาพยนตร์ระดับโลก จึงทำให้วงยูธเจเนอเรชั่นเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมาก

ทางวงจึงให้ลั่วจื่อเย่ว์ถอนตัว ตอนนี้เหลือสมาชิกเพียงแปดคน

ซิวเหยียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าทางสถานีโทรทัศน์กลางจะทำรายการ เธอถึงได้มาทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง

เธอเป็นดารา และก็เป็นเด็กเรียนเก่งด้วยเช่นกัน

มนุษย์เป็นสัตว์ที่รับรู้ผ่านการมองเห็น มักจะให้ความสนใจกับของสวยๆ งามๆ

เรื่องเดียวที่ซิวเหยียนคาดไม่ถึงก็คืออิ๋งจื่อจิน เธอกินโจ๊กจนหมดเช็ดปากเสร็จ

“พรุ่งนี้ฉันไม่ออกไปกับพวกเธอแล้วนะ ฉันจะไปที่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันหน่อย”

เพื่อนร่วมโรงเรียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉา “เหยียนเหยียน เธอเก่งจัง เรียนดีหน้าตาก็สวย แถมยังเขียนอักษรพู่กันได้ยอดเยี่ยมอีก”

ซิวเหยียนไม่พูดอะไร เธอยกถาดเดินออกไป

สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนอยู่ถัดจากถนนใกล้วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยตี้ตูไปหนึ่งเส้น

วันหยุดสัปดาห์ทางสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนจะเอาภาพอักษรจำนวนหนึ่งออกมาวางให้บรรดานักท่องเที่ยวได้ชมกันเป็นการเฉพาะ

อิ๋งจื่อจินมาถึงตอนสิบโมงเช้า เธอเดินตามเซิ่งชิงถังไปเอาบัตรประจำตัวที่ประธานสมาคมคนปัจจุบัน

เซิ่งชิงถังใส่ชื่อเธอเป็นหนึ่งในกรรมการสมาคม บอกว่าเธอไม่ต้องทำงานอะไรในนั้นก็ได้

ถ้าสนใจและมีเวลาจะมาช่วยชี้แนะพวกคนใหม่ที่นี่ก็ได้เช่นกัน

“คุณหมอเทวดา ในที่สุดผมก็พาคุณหมอมาที่สมาคมของเราได้” เซิ่งชิงถังภาคภูมิใจ

“เอาให้ตาเบิร์กอกแตกตาย ยายแก่จั๋วหลานหันอีกคน”

ซิวเหยียนที่เดินอยู่ตรงประตูทางเข้าอยู่ๆ ก็หยุดลง รีบเงยหน้ามองไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 267 ซิวเหยียนตะลึง มักจะโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวเสมอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 267 ซิวเหยียนตะลึง มักจะโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อศตวรรษก่อนเทคโนโลยีของประเทศจีนล้าหลังกว่าใครมาตลอด เทียบไม่ได้กับประเทศที่เจริญแล้วแม้แต่น้อย

ในด้านวิชาการก็เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนมากออกไปเรียนรู้จากต่างประเทศ เมื่อเรียนจนประสบความสำเร็จแล้วก็กลับประเทศบ้านเกิด

แต่เมื่อย่างเข้าศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าของประเทศจีนก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านทรัพยากรบุคคล

ปีที่แล้วการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี เทคโนโลยีสารสนเทศ ทีมนักเรียนที่ประเทศจีนส่งไปก็ล้วนได้รับเหรียญทองทั้งหมด คะแนนรวมประเภททีมก็ยังเป็นอันดับหนึ่ง

แต่นอกจากพวกเถิงอวิ้นเมิ่งสามคนแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ ที่ได้รางวัลต่างก็เข้ามหาวิทยาลัยไปหมดแล้ว จึงเข้าแข่งขันไอเอสซีไม่ได้

โดยเฉพาะการจัดอันดับชาร์ตรวมในวันแรกของไอเอสซี อันดับหนึ่งของพื้นที่ประเทศจีนเพิ่งจะอยู่อันดับสิบของชาร์ตรวม

ซึ่งก็ทำให้คนชาติอื่นที่เคยถูกกดไว้ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

คอมเมนต์แย่ๆ ของชาวเน็ตต่างชาติปรากฏเยอะมาก

[บอกแล้วว่าไอเอสซีไม่ได้ทดสอบแค่ทฤษฎี ยังทดสอบความสามารถเชิงปฏิบัติด้วย วันนี้น้องสาวที่เป็นญาติฉันยังได้โจทย์จำลองการทดลอง พวกนักเรียนของประเทศจีนด้อยกว่าพวกเราเยอะในด้านปฏิบัติ]

[รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคือใคร อัจฉริยะของอเมริกาที่เพิ่งเข้ามาปีนี้ ถ้ามีเธอคนนี้อยู่รับรองที่หนึ่งไม่มีทางตกไปอยู่ในมือคนอื่น]

[ฉันจำได้ว่านักเรียนของประเทศจีนที่ปีที่แล้วได้เหรียญทอง พวกคนคะแนนสูงๆ เข้ามหา’ลัยหมดแล้วหรือเปล่า จึ๊ๆ น่าเสียดาย ดูท่านักเรียนมอปลายรุ่นนี้ของประเทศจีนจะไม่เก่งเท่าไร]

[อย่าว่าแต่จะสามารถสร้างหน้าประวัติศาสตร์ได้อีกหรือเปล่าเลย เอาแค่จะขายหน้าไหมก็ยังเป็นปัญหา ขอถามหน่อยถ้าทางคณะกรรมการไม่แบ่งโควตาให้ ประเทศจีนจะมีนักเรียนสักกี่คนที่เข้ารอบสุดท้ายของไอเอสซีได้ด้วยความสามารถของตัวเอง(อีโมชันยิ้ม)]

การท้าทายระดับชาติแบบนี้ ไม่มีใครทนไหว

ถึงแม้คนในประเทศส่วนใหญ่จะท่องเว็บนอกไม่ได้ แต่ก็มีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ชาวเน็ตต่างชาติคุยเรื่องนี้กันอย่างออกอรรถรส ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเหยียบย่ำ

ไม่นานก็มีตัวแทนด่าด้วยความฉุนเฉียว

[พวกบ้า! คำพูดคำจาบ่งบอกอายุสมอง ฉันไม่อยากเสียเวลาด่าด้วยภาษาของพวกแกหรอก รอดูเลย ไม่เกินสามวัน อย่าว่าแต่ติดสามอันดับแรกของชาร์ตรวมเลย แม้แต่อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมก็ต้องเปลี่ยนคน!]

แต่คอมเมนต์นี้ก็ถูกกลืนหายไปท่ามกลางคอมเมนต์เยาะเย้ยจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

เดิมทีในประเทศไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกระทั่งคอมเมนต์เหล่านี้ของชาวเน็ตต่างชาติถูกแคปเอามาลงเวยปั๋ว มีคนที่ด่าชาวเน็ตต่างชาติ และก็มีคนที่มุดวีพีเอ็นออกไปด่าในเว็บนอก ความโด่งดังของไอเอสซีได้พุ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะสงครามคีย์บอร์ดครั้งนี้ ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจด้านวิชาการก็ยังรู้ว่ามีงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติแบบนี้อยู่ด้วย

ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ยอดคนสมัครเข้าร่วมไอเอสซีในโซนพื้นที่ประเทศจีนก็ได้พุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวจนถึงเก้าแสนคน

ตัวเลขระดับนี้ หลายประเทศในยุโรปรวมกันก็ยังสู้ไม่ได้

ไม่เคยมีงานแข่งขันระดับนานาชาติที่ไหนที่มีคนสมัครเข้าร่วมเยอะขนาดนี้

ก็แค่ไอเอสซีกำหนดไว้ว่ารับแต่นักเรียนมัธยมปลาย ไม่อย่างนั้นจะมีคนสมัครเข้าร่วมเยอะกว่านี้

วันต่อมา

ระหว่างกินข้าวเช้าภายในค่ายติวก็คุยกันเรื่องนี้

“น่าโมโหเป็นบ้า” เถิงอวิ้นเมิ่งโกรธมาก “เฟิงเย่ว์ พวกเราสมัครเข้าร่วมรอบคัดเลือกเดี๋ยวนี้เลย ก็แค่สามอันดับแรกของชาร์ตรวมไม่ใช่เหรอ ทำไมจะทำไม่ได้”

เมื่อวานเธออ่านคอมเมนต์ในเวยปั๋วอยู่หนึ่งชั่วโมง เกือบโมโหจนทึ้งผมหมดหัว

“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นก่อน” เฟิงเย่ว์ก็โมโหไม่แพ้กัน เขากระซิบ “พวกเราไม่มีกำลังเหลือไปทุ่มเทให้รอบคัดเลือกแล้ว เป้าหมายของพวกเราคือรอบนานาชาติ”

“อย่างไรซะพวกเราก็ไม่เหมือนโรงเรียนเอลานหรือโรงเรียนอื่นๆ ของต่างประเทศที่มีตัวเลือกจำนวนมาก พวกเขาส่งนักเรียนเก่งๆ ไปเข้าร่วมรอบคัดเลือกได้อีกแต่พวกเราไม่ใช่”

เถิงอวิ้นเมิ่งเงียบ เธอไม่ปฏิเสธเรื่องนี้

ถึงแม้ตอนนี้ประเทศจีนจะถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกในด้านวิชาการ แต่คนที่เก่งจริงๆ ก็มีอยู่ไม่เท่าไร

อย่างโรงเรียนเอลาน พวกเขามีโควตานักเรียนสิบคนที่สามารถทะลุเข้ารอบนานาชาติได้ทันที แถมยังมีนักเรียนหัวกะทิเหลืออีกห้าหกคน

นักเรียนหัวกะทิเหล่านี้ไม่ได้โควตาทะลุเข้ารอบนานาชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาความสามารถไม่ถึง เป็นเพราะโควตามีน้อยต่างหาก

ความสามารถของพวกเขาด้อยกว่าเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์เพียงเล็กน้อย

การที่โรงเรียนเอลานให้เด็กหัวกะทิเหล่านี้ไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกเท่ากับเป็นการทรมานนักเรียนจากที่อื่นชัดๆ

“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นๆ” เฟิงเย่ว์ทำเสียงฮึดฮัด “ก็แค่รอบคัดเลือก ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาติ เดี๋ยวจะทำให้พวกเขาเห็นความร้ายกาจของประเทศจีน”

ด้วยความสามารถของเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่ง ถ้าไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่นั้นยังไม่ชัวร์ แต่ติดห้าอันดับแรกคงไม่มีพลาด

“แต่นักเรียนจากอเมริกาที่อยู่อันดับหนึ่งก็เก่งจริงๆ” เฟิงเย่ว์เปิดเวยปั๋วดูอันดับคะแนนรวมในตอนนี้

“เมิ่งเมิ่ง พวกเราก็เคยทำโจทย์แนวนี้ ฉันว่าฉันทำคะแนนขนาดนี้ในวันเดียวไม่ได้หรอก”

คะแนนของอันดับหนึ่งในชาร์ตรวมคือ

อันดับที่หนึ่ง : อแมนด้า สหรัฐอเมริกา หนึ่งร้อยสามสิบสี่คะแนน

“คะแนนเท่านี้ควรจะเข้ารอบนานาชาติไปเลยมากกว่า” เถิงอวิ้นเมิ่งดื่มน้ำผลไม้พลางขมวดคิ้ว

“ดูท่าครั้งนี้คู่แข่งจะเก่งกว่าที่เราคิด”

ขณะพูดเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอิ๋งจื่อจินกำลังเดินหาวมาทางนี้

เถิงอวิ้นเมิ่งโบกมือให้ “จื่อจิน ทางนี้”

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินเข้าไปพร้อมนมหนึ่งแก้ว ยังคงหาวอยู่ ง่วงเสียจนเหมือนมีอะไรมาทับเปลือกตาไว้ งัวเงียมองไม่ชัด

เธอเห็นสีหน้าของเถิงอวิ้นเมิ่งไม่ค่อยดี “มีอะไรเหรอ”

เถิงอวิ้นเมิ่งไม่บอก แต่กลับถอนหายใจ “เปล่า ผมฉันร่วงเยอะแยะเลย”

อิ๋งจื่อจินหน้าตาของทีมพวกเขาสติปัญญาล้ำเลิศ ไม่มีทางลงแข่งรอบคัดเลือกแน่

แต่เฟิงเย่ว์พูดถูกรอบคัดเลือกไม่เท่าไรหรอก ไว้ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาตินั่นต่างหากเป็นรอบชี้วัด

อีกด้านหนึ่ง

ซิวเหยียนละสายตาอย่างเงียบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอสังเกตอิ๋งจื่อจินมาหลายวันแล้ว ก็คือตั้งแต่วันนั้นที่อิ๋งจื่อจินถูกอาจารย์เมิ่งเรียกไปทำโจทย์ข้างหน้า

ปกติถ้ามีงานกลุ่มอะไรก็จะเป็นเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งทำ อิ๋งจื่อจินนั่งมองอยู่ข้างๆ

เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ซิวเหยียนเกิดความสงสัยว่าน่าจะเป็นเหมือนในประวัติส่วนตัวที่ระบุไว้ว่า อิ๋งจื่อจินก็แค่เก่งบางครั้งบางคราว

เธอเลยไม่ได้เก็บเอาอิ๋งจื่อจินมาใส่ใจอีก

แต่พอรายการเก่งแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!

ของสถานีโทรทัศน์กลางออกอากาศไป อิ๋งจื่อจินก็ขโมยซีนของเธอหมด ถึงขั้นที่เธอเริ่มมีแอนตี้แฟนกลุ่มเล็กๆ เพิ่มเข้ามา

ซิวเหยียนซดโจ๊ก คิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม

นักเรียนหญิงโรงเรียนเดียวกันที่นั่งข้างๆ ดึงแขนเสื้อเธอ “เหยียนเหยียน ตอนนี้เธอคะแนนเท่าไรเหรอ”

พวกเธอสองคนมาจากโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อ ค่าเทอมปีๆ หนึ่งหลายแสน และยังไม่รวมค่าชุดนักเรียน

นักเรียนที่เข้าไปเรียนได้จะต้องมีฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมาก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเรียนไม่เก่ง มู่อวี่ซีก็อยู่โรงเรียนนี้เช่นกัน สอบกลางภาคปีนี้ยังได้อันดับเก้าของเมือง

นักเรียนหญิงคนนี้กับซิวเหยียนถูกโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อส่งมาเข้าค่ายติว แต่พวกเธอไม่ได้ได้โควตาเข้ารอบนานาชาติ เลยต้องทำโจทย์รอบคัดเลือก

ซิวเหยียนหุบยิ้ม “เมื่อวานยุ่งมาก ขนาดโจทย์ปกติสิบข้อฉันยังทำไม่เสร็จเลย”

ในความเป็นจริงเธอทำแค่โจทย์ปกติ แถมยังผิดหนึ่งข้อทั้งหมดได้เก้าคะแนน

โจทย์ปกติยากน้อยกว่าโจทย์แข่งขันหรือก็คือระดับความยากเทียบเท่าการจำลองสอบปกติของนักเรียนมอปลายโรงเรียนดัง ไม่ถือว่ายากอะไรสำหรับซิวเหยียน

เพียงแต่เธอประกาศพักงานหนึ่งเดือน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในวงก็พลอยต้องหยุดพักงานไปด้วย

รายการวัยรุ่นสร้างฝันที่เฟ้นหาคนมีพรสวรรค์สุดท้ายได้เดบิวต์เป็นวงเก้าคน

ชื่อวงว่า ยูธเจเนอเรชั่น (Youth Generation)

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้สมาชิกคนที่เก้าอย่างลั่วจื่อเย่ว์ได้เข้าไปพัวพันกับคดีคัดลอกผลงานอย่างรุนแรง ทั้งยังล่วงเกินเซี่ยมั่นอวี่ราชินีภาพยนตร์ระดับโลก จึงทำให้วงยูธเจเนอเรชั่นเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมาก

ทางวงจึงให้ลั่วจื่อเย่ว์ถอนตัว ตอนนี้เหลือสมาชิกเพียงแปดคน

ซิวเหยียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าทางสถานีโทรทัศน์กลางจะทำรายการ เธอถึงได้มาทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง

เธอเป็นดารา และก็เป็นเด็กเรียนเก่งด้วยเช่นกัน

มนุษย์เป็นสัตว์ที่รับรู้ผ่านการมองเห็น มักจะให้ความสนใจกับของสวยๆ งามๆ

เรื่องเดียวที่ซิวเหยียนคาดไม่ถึงก็คืออิ๋งจื่อจิน เธอกินโจ๊กจนหมดเช็ดปากเสร็จ

“พรุ่งนี้ฉันไม่ออกไปกับพวกเธอแล้วนะ ฉันจะไปที่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันหน่อย”

เพื่อนร่วมโรงเรียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉา “เหยียนเหยียน เธอเก่งจัง เรียนดีหน้าตาก็สวย แถมยังเขียนอักษรพู่กันได้ยอดเยี่ยมอีก”

ซิวเหยียนไม่พูดอะไร เธอยกถาดเดินออกไป

สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนอยู่ถัดจากถนนใกล้วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยตี้ตูไปหนึ่งเส้น

วันหยุดสัปดาห์ทางสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนจะเอาภาพอักษรจำนวนหนึ่งออกมาวางให้บรรดานักท่องเที่ยวได้ชมกันเป็นการเฉพาะ

อิ๋งจื่อจินมาถึงตอนสิบโมงเช้า เธอเดินตามเซิ่งชิงถังไปเอาบัตรประจำตัวที่ประธานสมาคมคนปัจจุบัน

เซิ่งชิงถังใส่ชื่อเธอเป็นหนึ่งในกรรมการสมาคม บอกว่าเธอไม่ต้องทำงานอะไรในนั้นก็ได้

ถ้าสนใจและมีเวลาจะมาช่วยชี้แนะพวกคนใหม่ที่นี่ก็ได้เช่นกัน

“คุณหมอเทวดา ในที่สุดผมก็พาคุณหมอมาที่สมาคมของเราได้” เซิ่งชิงถังภาคภูมิใจ

“เอาให้ตาเบิร์กอกแตกตาย ยายแก่จั๋วหลานหันอีกคน”

ซิวเหยียนที่เดินอยู่ตรงประตูทางเข้าอยู่ๆ ก็หยุดลง รีบเงยหน้ามองไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+