คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นักเรียนพวกนั้นยังคงคุยต่อ มีทั้งชายและหญิง

“นายได้รูปของเทพอิ๋งมาหรือยัง ฉันไปแอบถ่ายแต่ถูกจับได้ เลยถูกยึดของกลางไปทั้งหมดเลย”

“เฮ้อ ฉันก็ไม่มี ฉันใช้ดินสอวาดเอาง่ายๆ แขวนไว้หน้าโต๊ะหนังสือ จุดไม้ขีดไฟหนึ่งก้านทุกวัน ใช้แทนธูป”

“…นายมันแน่ว่ะ”

“ไหว้เทพอิ๋งก่อนสอบ ฉันต้องได้คะแนนเพิ่มมายี่สิบคะแนนแน่นอน!”

พวกนักเรียนก็ปวดหัว นี่เป็นเรื่องที่จนปัญญา

พวกลูกน้องห้องสิบเก้าที่เดินตามหลังเจียงหรานแต่ละคนโหดมาก ไม่ให้พวกเขาถ่ายแม้แต่ด้านหลัง

ทำได้เพียงไหว้แก้ขัดแบบนี้

คราวนี้จงมั่นหวาได้ยินชัดแล้ว

เทพอิ๋งเหรอ

เธอนึกไม่ถึงว่านักเรียนชิงจื้อยังเรียกอิ๋งเย่ว์เซวียนแบบนี้ด้วย

ถึงขั้นที่อยากไหว้ก่อนสอบเพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ

ไม่มีรูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ

เธอเอาให้พวกเขาได้

นี่ก็แสดงว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นที่ชื่นชอบมากในบรรดานักเรียนด้วยกัน เธอดีใจที่เห็นแบบนี้

ครั้นแล้วจงมั่นหวาจึงเรียกนักเรียนชายที่บอกว่าตัวเองถูกยึดของกลางไป

“อยากได้รูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ น้าเอาให้ได้นะ”

นักเรียนชายรีบร้อนจะไปกินหม้อไฟเสียบไม้กับพวกเพื่อนๆ พอถูกขวางไว้แบบนี้ก็หงุดหงิด พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“ผมจะเอารูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนไปทำไม ผมไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อย ถ้าให้รูปของเจ๊อวี่ยังจะดีเสียกว่า”

เขาชอบซิวอวี่ผู้หญิงแบบที่ปกป้องเขาได้มากกว่า ให้เขาเป็นเด็กน้อย แต่เขาไม่กล้าเข้าหาเธอ

รอยยิ้มของจงมั่นหวาค้างเติ่ง สีหน้าเริ่มไม่พอใจ

“เธออยากไหว้เทพอิ๋งไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับ อยากได้รูปเทพอิ๋ง” นักเรียนชายเริ่มรำคาญ

“แต่เกี่ยวอะไรกับอิ๋งเย่ว์เซวียนด้วย”

จงมั่นหวาชักมีน้ำโห แต่สมบัติผู้ดีบอกเธอว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กไม่ได้ จึงฝืนระงับความไม่พอใจเอาไว้

“เด็กคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ เธอต้องการกราบไหว้อิ๋งเย่ว์เซวียน แต่เธอไม่มีรูป น้าอุตส่าห์หวังดีจะเอาให้ ทำไมทำท่าทางแบบนี้”

“ประสาทหรือเปล่า” นักเรียนชายรู้สึกเพียงว่าจงมั่นหวาน่ารำคาญ

“เทพอิ๋งคืออิ๋งจื่อจิน คุณคงไม่ได้คิดว่าสองคนนี้แซ่อิ๋งเหมือนกันเลยแทนกันได้ใช่ไหม”

พูดจบเขาก็ดึงตัวเพื่อนแล้วรีบเดินหนี ไม่อยากสนใจจงมั่นหวาอีก

ส่วนจงมั่นหวารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งอยู่กับที่ยังไม่ได้สติกลับมา

ผ่านไปสักพักเธอถึงเหมือนตื่นจากฝัน เรียกนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

“เทพอิ๋งที่พวกเธอว่าคือใครเหรอ ไม่ใช่อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ”

“อิ๋งจื่อจินค่ะ” นักเรียนหญิงตกใจมาก แต่ก็ยังคงตอบอย่างใจเย็น

“จะเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนได้อย่างไรกันคะ”

พูดจบเธอก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ค่อยถูก จึงพูดเสริมต่อ “อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เก่งเหมือนกัน แต่เธอคนละระดับกับเทพอิ๋งเลยล่ะค่ะ”

อิ๋งจื่อจินทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะได้คะแนนเต็ม ชิงจื้อตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน

จงมั่นหวาแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองได้ยินอะไร ริมฝีปากสั่น “คนละระดับเหรอ”

ถ้าบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนละระดับกับอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเชื่อ

แต่ถ้ากลับกัน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อยากเชื่อ

อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคุณหนูใหญ่ที่เธอเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี ศิลปะแขนงต่างๆ ก็เก่งหมด แถมยังมีพรสวรรค์ในด้านวิจัยวิทยาศาสตร์

เรื่องเดียวที่นึกเสียดายคือ อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ

แต่โชคดีที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธอเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องในภายหลัง

จงมั่นหวาเจตนาเลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจินมาตลอด ถึงขั้นที่ว่าแค่ได้ยินชื่ออิ๋งจื่อจินเธอก็จะเดินหนีอย่างรวดเร็ว จะเป็นเรื่องอะไรเธอก็ไม่อยากฟังแล้ว

เพราะเธอรู้สึกว่าฟังไปก็มีแต่เรื่องไม่ดี หลังจากอิ๋งจื่อจินไปจากตระกูลอิ๋ง เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ระยะหนึ่ง แต่ต่อมากลับอารมณ์ดีขึ้นมาก

ตระกูลอิ๋งไม่มีจุดด่างพร้อย เธอเองก็ไม่มีทางขายหน้า

แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินไม่ใช่รั้งท้ายของทั้งโรงเรียนเหรอ

จงมั่นหวาไม่รู้ว่าตัวเองกลับถึงบ้านมาอย่างไร รู้สึกเพียงว่าเหม่อลอยยิ่งกว่าเดิม ช่วงหลายวันมานี้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปพักกับเมิ่งหรูที่คอนโดใจกลางเมืองจึงไม่อยู่บ้าน จงมั่นหวารู้สึกโล่งอก ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากกับอิ๋งเย่ว์เซวียนอย่างไร

ตั้งแต่อิ๋งเจิ้นถิงกลับจากบริษัทก็เห็นจงมั่นหวานั่งเหม่ออยู่ สีหน้าก็ซีดมาก

เขาขมวดคิ้ว วางกระเป๋าเอกสารลงแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างเธอ

“มั่นหวา เป็นอะไรไป”

ถึงแม้ช่วงไม่กี่ปีมานี้พวกเขาจะแยกกันอยู่คนละที่เป็นส่วนใหญ่ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงดีมาก

“เจิ้นถิง…” จงมั่นหวารู้สึกตัวแบบงงๆ “วันนี้ฉันไปลาหยุดให้เสี่ยวเซวียนที่โรงเรียนมา ฉันได้ยิน…ได้ยินพวกนักเรียนเรียก เรียกจื่อจินว่าเทพอิ๋ง”

“เทพอิ๋งเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงไม่เข้าใจพวกเด็กวัยรุ่น และไม่รู้คำที่นิยมใช้กันในตอนนี้ “หมายความอย่างไร”

“พวกเขาบอกว่า จื่อจินเรียนเก่งกว่าเสี่ยวเซวียนมาก” จงมั่นหวาเม้มริมฝีปาก

“สาเหตุที่เสี่ยวเซวียนได้ที่หนึ่งเป็นเพราะจื่อจินไม่ได้ร่วมสอบ”

อิ๋งเจิ้นถิงฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว เขาแสยะยิ้ม “เหลวไหลสิ้นดี!”

อิ๋งจื่อจินมีความสามารถแค่ไหน เขาจะไม่รู้เลยเหรอ

ถ้าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่ง ตอนนั้นเขาจะต้องยัดเงินให้ชิงจื้อเพื่อส่งเธอเข้าไปเรียนด้วยเหรอ ยังจะเทียบกับอิ๋งเย่ว์เซวียน

สองคนนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เป็นเรื่องจริงนะคะ” จงมั่นหวาหยิบผลการเรียนกับรูปถ่ายข้อสอบที่ขอมาจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการออกมา

เธอบากหน้าเข้าไปขอ แถมยังถูกอาจารย์ฝ่ายวิชาการต่อว่าไปหนึ่งยก

อิ๋งเจิ้นถิงดูเสร็จ เป็นครั้งแรกที่เขาเงียบไป

“เจิ้น เจิ้นถิง พวกเรารับ รับจื่อจินกลับมาเถอะค่ะ” จงมั่นหวาจับแขนของเขา

“ผลการเรียนของจื่อจินดีกว่าเสี่ยวเซวียน รับกลับมาเถอะค่ะ”

“รับเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงตอบโดยไม่ต้องคิด

“เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นเด็กคนนั้นชักสีหน้าใส่พวกเราอย่างไร ยังจะให้ผมไปรับอีกเหรอ”

จงมั่นหวานึกถึงเรื่องตอนนั้นก็รู้สึกแย่เหมือนกัน ให้เธอไปขอร้องอิ๋งจื่อจิน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้

“ทางตระกูลหยวนพอใจในตัวเสี่ยวเซวียนมาก คุณไปรับเด็กคนนั้นกลับมา เสี่ยวเซวียนจะคิดยังไง เดิมทีเสี่ยวเซวียนก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเพราะเรื่องเทียนลี่ว์” อิ๋งเจิ้นถิงสีหน้าเย็นชา

“อีกอย่าง เด็กคนนั้นมีเส้นสายในตี้ตูบ้างหรือเปล่าล่ะ รู้จักตระกูลเนี่ย ตระกูลซิว ตระกูลมู่ไหมล่ะ”

“พวกเราก็ไม่ได้ร่วมงานกับวีนัสกรุ๊ปเสียหน่อย ไม่ได้ต้องการฟู่อวิ๋นเซิน”

เขาผูกมิตรกับบริษัทแห่งหนึ่งในยุโรปไว้ เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือใหญ่

เครือบริษัทนั้นเป็นคู่แข่งของวีนัสกรุ๊ปพอดี

อิ๋งเจิ้นถิงก็รู้ดีว่า ไม่ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะแค่เล่นๆ กับอิ๋งจื่อจินหรืออะไร แต่วีนัสกรุ๊ปก็กินรวบโซนเอเชียแปซิฟิกแล้ว

งั้นเขายิ่งไม่มีทางไปประจบ ไปก็มีแต่ผิดหวัง ไม่จำเป็นต้องเอาหน้าตัวเองไปขาย

อย่างไรเสียก็ยังมีทางอื่น จะปิดกั้นทุกเส้นทางได้เลยหรือไง

อิ๋งเจิ้นถิงพูดต่อ “ยังมีอีกข้อ เสี่ยวเซวียนรู้จักหมอเทวดาที่อยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้กำลังติดต่ออยู่ อยากรักษาคุณแม่ พวกเรายิ่งต้องทำดีกับเสี่ยวเซวียนหน่อย เด็กคนนั้นช่วยทำให้คุณแม่กลับมาหายดีได้หรือไง”

พวกเขาติดต่อหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่ได้ โรงพยาบาลอื่นก็จนปัญญา

ตระกูลอิ๋งทำธุรกิจ ไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับวงการแพทย์ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เพราะรู้จักกับเผยเทียนอี้ถึงได้รู้จักคนมากขึ้น อาการป่วยของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเข้าโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าอย่างมากคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็อยู่ได้อีกแค่หนึ่งปี

เว้นเสียแต่จะรักษาอาการปวดหัวของเธอได้

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกับอิ๋งเย่ว์เซวียน รวมถึงอนาคตของตระกูลอิ๋งย่อมสำคัญกว่าอิ๋งจื่อจิน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาอิ๋งเจิ้นถิงไม่ต้องการลูกสาวที่ไม่เชื่อฟัง

ฟังถึงตรงนี้จงมั่นหวาก็ไม่พูดอะไรอีก

ก็จริง!

อิ๋งจื่อจินตัดขาดกับพวกเขาไปแล้ว อยากกลับมาคืนดีกันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป อีกทั้งเธอก็ก้มหัวให้ไม่ลง มีเวลาคิดแบบนี้ไม่สู้หันไปทุ่มเทให้อิ๋งเย่ว์เซวียนมากขึ้น อย่างน้อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ช่วยเบิกทางให้ตระกูลอิ๋งเข้าสู่ตี้ตูได้ ผูกมิตรกับตระกูลมู่ตระกูลเนี่ย

จุดนี้อิ๋งจื่อจินทำไม่ได้ แค่เก่งยังไม่พอ ต้องมีอำนาจด้วย

“เอาล่ะมั่นหวา เรื่องก็เป็นแบบนี้ เลิกคิดเถอะ” อิ๋งเจิ้นถิงปลอบเธอ

“ไม่อย่างนั้นสภาพจิตใจของคุณจะแย่ลงไปอีก ผมไปเอายาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งมาให้คุณแล้ว อย่าลืมกินนะ”

จงมั่นหวาพยักหน้า แต่ก็ยังคงนึกเสียใจ

ถ้าตอนนั้นเธอไม่เลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับอิ๋งจื่อจิน ทำดีไว้ก่อน อิ๋งจื่อจินคงไม่มีทางไปจากตระกูลอิ๋ง เธอเองก็จะได้หน้ามากกว่านี้

ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

ที่พึ่งพาของเธอมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียน เธอต้องดีกับอิ๋งเย่ว์เซวียนให้มากขึ้น

จงมั่นหวาไปอุ่นนมที่ห้องครัวแล้วขึ้นชั้นบนพักผ่อน

อิ๋งจื่อจินจองตั๋วไปตี้ตูวันที่ยี่สิบเก้าธันวาคมหรือก็คือ วันมะรืน

เจียงฮว่าผิงกับหลิงฉงโหลวกลับตี้ตูไปแล้ว หลิงเหมียนซีอยู่ต่อ แอบตามเจียงหรานกับซิวอวี่เข้าไปในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

แน่นอนว่าได้รับอนุญาตจากผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนแล้ว อีกทั้งให้อยู่ได้แค่วันเดียว

ปีนี้หลิงเหมียนซีอายุสิบแปดปี ก่อนพิธีปักปิ่นตอนอายุสิบห้า เธออยู่ในโลกจอมยุทธ์มาตลอด เรียนก็เรียนโรงเรียนแบบดั้งเดิมของโลกจอมยุทธ์ ทุกวันมีแต่ฆ่าฟัน

หลิงเหมียนซียังไม่เคยมาโรงเรียนมัธยมแบบปกติ เธออยากรู้อยากเห็นมาก

เธอรู้สึกว่าชุดนักเรียนของชิงจื้อสวยเหลือเกิน จึงตั้งใจวิ่งไปขอซื้อสิบชุดจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจการออกแบบของเขาแล้ว จึงลดให้หลิงเหมียนซีเป็นพิเศษ

ลูกน้องทำหน้าจะร้องไห้ “พี่หราน เธอบอกว่าผมเตี้ยไป”

เจียงหรานเหลือบมองลูกน้อง ทำเสียงฮึดฮัด

ขนาดพี่หรานของนายหลิงเหมียนซียังกล้าอัด บอกว่านายเตี้ยยังถือว่าเล็กน้อย

อิ๋งจื่อจินกำลังพิงหน้าต่างพักผ่อน

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นักเรียนพวกนั้นยังคงคุยต่อ มีทั้งชายและหญิง

“นายได้รูปของเทพอิ๋งมาหรือยัง ฉันไปแอบถ่ายแต่ถูกจับได้ เลยถูกยึดของกลางไปทั้งหมดเลย”

“เฮ้อ ฉันก็ไม่มี ฉันใช้ดินสอวาดเอาง่ายๆ แขวนไว้หน้าโต๊ะหนังสือ จุดไม้ขีดไฟหนึ่งก้านทุกวัน ใช้แทนธูป”

“…นายมันแน่ว่ะ”

“ไหว้เทพอิ๋งก่อนสอบ ฉันต้องได้คะแนนเพิ่มมายี่สิบคะแนนแน่นอน!”

พวกนักเรียนก็ปวดหัว นี่เป็นเรื่องที่จนปัญญา

พวกลูกน้องห้องสิบเก้าที่เดินตามหลังเจียงหรานแต่ละคนโหดมาก ไม่ให้พวกเขาถ่ายแม้แต่ด้านหลัง

ทำได้เพียงไหว้แก้ขัดแบบนี้

คราวนี้จงมั่นหวาได้ยินชัดแล้ว

เทพอิ๋งเหรอ

เธอนึกไม่ถึงว่านักเรียนชิงจื้อยังเรียกอิ๋งเย่ว์เซวียนแบบนี้ด้วย

ถึงขั้นที่อยากไหว้ก่อนสอบเพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ

ไม่มีรูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ

เธอเอาให้พวกเขาได้

นี่ก็แสดงว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นที่ชื่นชอบมากในบรรดานักเรียนด้วยกัน เธอดีใจที่เห็นแบบนี้

ครั้นแล้วจงมั่นหวาจึงเรียกนักเรียนชายที่บอกว่าตัวเองถูกยึดของกลางไป

“อยากได้รูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ น้าเอาให้ได้นะ”

นักเรียนชายรีบร้อนจะไปกินหม้อไฟเสียบไม้กับพวกเพื่อนๆ พอถูกขวางไว้แบบนี้ก็หงุดหงิด พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“ผมจะเอารูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนไปทำไม ผมไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อย ถ้าให้รูปของเจ๊อวี่ยังจะดีเสียกว่า”

เขาชอบซิวอวี่ผู้หญิงแบบที่ปกป้องเขาได้มากกว่า ให้เขาเป็นเด็กน้อย แต่เขาไม่กล้าเข้าหาเธอ

รอยยิ้มของจงมั่นหวาค้างเติ่ง สีหน้าเริ่มไม่พอใจ

“เธออยากไหว้เทพอิ๋งไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับ อยากได้รูปเทพอิ๋ง” นักเรียนชายเริ่มรำคาญ

“แต่เกี่ยวอะไรกับอิ๋งเย่ว์เซวียนด้วย”

จงมั่นหวาชักมีน้ำโห แต่สมบัติผู้ดีบอกเธอว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กไม่ได้ จึงฝืนระงับความไม่พอใจเอาไว้

“เด็กคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ เธอต้องการกราบไหว้อิ๋งเย่ว์เซวียน แต่เธอไม่มีรูป น้าอุตส่าห์หวังดีจะเอาให้ ทำไมทำท่าทางแบบนี้”

“ประสาทหรือเปล่า” นักเรียนชายรู้สึกเพียงว่าจงมั่นหวาน่ารำคาญ

“เทพอิ๋งคืออิ๋งจื่อจิน คุณคงไม่ได้คิดว่าสองคนนี้แซ่อิ๋งเหมือนกันเลยแทนกันได้ใช่ไหม”

พูดจบเขาก็ดึงตัวเพื่อนแล้วรีบเดินหนี ไม่อยากสนใจจงมั่นหวาอีก

ส่วนจงมั่นหวารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งอยู่กับที่ยังไม่ได้สติกลับมา

ผ่านไปสักพักเธอถึงเหมือนตื่นจากฝัน เรียกนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

“เทพอิ๋งที่พวกเธอว่าคือใครเหรอ ไม่ใช่อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ”

“อิ๋งจื่อจินค่ะ” นักเรียนหญิงตกใจมาก แต่ก็ยังคงตอบอย่างใจเย็น

“จะเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนได้อย่างไรกันคะ”

พูดจบเธอก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ค่อยถูก จึงพูดเสริมต่อ “อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เก่งเหมือนกัน แต่เธอคนละระดับกับเทพอิ๋งเลยล่ะค่ะ”

อิ๋งจื่อจินทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะได้คะแนนเต็ม ชิงจื้อตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน

จงมั่นหวาแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองได้ยินอะไร ริมฝีปากสั่น “คนละระดับเหรอ”

ถ้าบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนละระดับกับอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเชื่อ

แต่ถ้ากลับกัน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อยากเชื่อ

อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคุณหนูใหญ่ที่เธอเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี ศิลปะแขนงต่างๆ ก็เก่งหมด แถมยังมีพรสวรรค์ในด้านวิจัยวิทยาศาสตร์

เรื่องเดียวที่นึกเสียดายคือ อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ

แต่โชคดีที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธอเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องในภายหลัง

จงมั่นหวาเจตนาเลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจินมาตลอด ถึงขั้นที่ว่าแค่ได้ยินชื่ออิ๋งจื่อจินเธอก็จะเดินหนีอย่างรวดเร็ว จะเป็นเรื่องอะไรเธอก็ไม่อยากฟังแล้ว

เพราะเธอรู้สึกว่าฟังไปก็มีแต่เรื่องไม่ดี หลังจากอิ๋งจื่อจินไปจากตระกูลอิ๋ง เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ระยะหนึ่ง แต่ต่อมากลับอารมณ์ดีขึ้นมาก

ตระกูลอิ๋งไม่มีจุดด่างพร้อย เธอเองก็ไม่มีทางขายหน้า

แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินไม่ใช่รั้งท้ายของทั้งโรงเรียนเหรอ

จงมั่นหวาไม่รู้ว่าตัวเองกลับถึงบ้านมาอย่างไร รู้สึกเพียงว่าเหม่อลอยยิ่งกว่าเดิม ช่วงหลายวันมานี้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปพักกับเมิ่งหรูที่คอนโดใจกลางเมืองจึงไม่อยู่บ้าน จงมั่นหวารู้สึกโล่งอก ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากกับอิ๋งเย่ว์เซวียนอย่างไร

ตั้งแต่อิ๋งเจิ้นถิงกลับจากบริษัทก็เห็นจงมั่นหวานั่งเหม่ออยู่ สีหน้าก็ซีดมาก

เขาขมวดคิ้ว วางกระเป๋าเอกสารลงแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างเธอ

“มั่นหวา เป็นอะไรไป”

ถึงแม้ช่วงไม่กี่ปีมานี้พวกเขาจะแยกกันอยู่คนละที่เป็นส่วนใหญ่ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงดีมาก

“เจิ้นถิง…” จงมั่นหวารู้สึกตัวแบบงงๆ “วันนี้ฉันไปลาหยุดให้เสี่ยวเซวียนที่โรงเรียนมา ฉันได้ยิน…ได้ยินพวกนักเรียนเรียก เรียกจื่อจินว่าเทพอิ๋ง”

“เทพอิ๋งเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงไม่เข้าใจพวกเด็กวัยรุ่น และไม่รู้คำที่นิยมใช้กันในตอนนี้ “หมายความอย่างไร”

“พวกเขาบอกว่า จื่อจินเรียนเก่งกว่าเสี่ยวเซวียนมาก” จงมั่นหวาเม้มริมฝีปาก

“สาเหตุที่เสี่ยวเซวียนได้ที่หนึ่งเป็นเพราะจื่อจินไม่ได้ร่วมสอบ”

อิ๋งเจิ้นถิงฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว เขาแสยะยิ้ม “เหลวไหลสิ้นดี!”

อิ๋งจื่อจินมีความสามารถแค่ไหน เขาจะไม่รู้เลยเหรอ

ถ้าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่ง ตอนนั้นเขาจะต้องยัดเงินให้ชิงจื้อเพื่อส่งเธอเข้าไปเรียนด้วยเหรอ ยังจะเทียบกับอิ๋งเย่ว์เซวียน

สองคนนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เป็นเรื่องจริงนะคะ” จงมั่นหวาหยิบผลการเรียนกับรูปถ่ายข้อสอบที่ขอมาจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการออกมา

เธอบากหน้าเข้าไปขอ แถมยังถูกอาจารย์ฝ่ายวิชาการต่อว่าไปหนึ่งยก

อิ๋งเจิ้นถิงดูเสร็จ เป็นครั้งแรกที่เขาเงียบไป

“เจิ้น เจิ้นถิง พวกเรารับ รับจื่อจินกลับมาเถอะค่ะ” จงมั่นหวาจับแขนของเขา

“ผลการเรียนของจื่อจินดีกว่าเสี่ยวเซวียน รับกลับมาเถอะค่ะ”

“รับเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงตอบโดยไม่ต้องคิด

“เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นเด็กคนนั้นชักสีหน้าใส่พวกเราอย่างไร ยังจะให้ผมไปรับอีกเหรอ”

จงมั่นหวานึกถึงเรื่องตอนนั้นก็รู้สึกแย่เหมือนกัน ให้เธอไปขอร้องอิ๋งจื่อจิน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้

“ทางตระกูลหยวนพอใจในตัวเสี่ยวเซวียนมาก คุณไปรับเด็กคนนั้นกลับมา เสี่ยวเซวียนจะคิดยังไง เดิมทีเสี่ยวเซวียนก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเพราะเรื่องเทียนลี่ว์” อิ๋งเจิ้นถิงสีหน้าเย็นชา

“อีกอย่าง เด็กคนนั้นมีเส้นสายในตี้ตูบ้างหรือเปล่าล่ะ รู้จักตระกูลเนี่ย ตระกูลซิว ตระกูลมู่ไหมล่ะ”

“พวกเราก็ไม่ได้ร่วมงานกับวีนัสกรุ๊ปเสียหน่อย ไม่ได้ต้องการฟู่อวิ๋นเซิน”

เขาผูกมิตรกับบริษัทแห่งหนึ่งในยุโรปไว้ เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือใหญ่

เครือบริษัทนั้นเป็นคู่แข่งของวีนัสกรุ๊ปพอดี

อิ๋งเจิ้นถิงก็รู้ดีว่า ไม่ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะแค่เล่นๆ กับอิ๋งจื่อจินหรืออะไร แต่วีนัสกรุ๊ปก็กินรวบโซนเอเชียแปซิฟิกแล้ว

งั้นเขายิ่งไม่มีทางไปประจบ ไปก็มีแต่ผิดหวัง ไม่จำเป็นต้องเอาหน้าตัวเองไปขาย

อย่างไรเสียก็ยังมีทางอื่น จะปิดกั้นทุกเส้นทางได้เลยหรือไง

อิ๋งเจิ้นถิงพูดต่อ “ยังมีอีกข้อ เสี่ยวเซวียนรู้จักหมอเทวดาที่อยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้กำลังติดต่ออยู่ อยากรักษาคุณแม่ พวกเรายิ่งต้องทำดีกับเสี่ยวเซวียนหน่อย เด็กคนนั้นช่วยทำให้คุณแม่กลับมาหายดีได้หรือไง”

พวกเขาติดต่อหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่ได้ โรงพยาบาลอื่นก็จนปัญญา

ตระกูลอิ๋งทำธุรกิจ ไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับวงการแพทย์ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เพราะรู้จักกับเผยเทียนอี้ถึงได้รู้จักคนมากขึ้น อาการป่วยของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเข้าโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าอย่างมากคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็อยู่ได้อีกแค่หนึ่งปี

เว้นเสียแต่จะรักษาอาการปวดหัวของเธอได้

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกับอิ๋งเย่ว์เซวียน รวมถึงอนาคตของตระกูลอิ๋งย่อมสำคัญกว่าอิ๋งจื่อจิน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาอิ๋งเจิ้นถิงไม่ต้องการลูกสาวที่ไม่เชื่อฟัง

ฟังถึงตรงนี้จงมั่นหวาก็ไม่พูดอะไรอีก

ก็จริง!

อิ๋งจื่อจินตัดขาดกับพวกเขาไปแล้ว อยากกลับมาคืนดีกันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป อีกทั้งเธอก็ก้มหัวให้ไม่ลง มีเวลาคิดแบบนี้ไม่สู้หันไปทุ่มเทให้อิ๋งเย่ว์เซวียนมากขึ้น อย่างน้อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ช่วยเบิกทางให้ตระกูลอิ๋งเข้าสู่ตี้ตูได้ ผูกมิตรกับตระกูลมู่ตระกูลเนี่ย

จุดนี้อิ๋งจื่อจินทำไม่ได้ แค่เก่งยังไม่พอ ต้องมีอำนาจด้วย

“เอาล่ะมั่นหวา เรื่องก็เป็นแบบนี้ เลิกคิดเถอะ” อิ๋งเจิ้นถิงปลอบเธอ

“ไม่อย่างนั้นสภาพจิตใจของคุณจะแย่ลงไปอีก ผมไปเอายาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งมาให้คุณแล้ว อย่าลืมกินนะ”

จงมั่นหวาพยักหน้า แต่ก็ยังคงนึกเสียใจ

ถ้าตอนนั้นเธอไม่เลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับอิ๋งจื่อจิน ทำดีไว้ก่อน อิ๋งจื่อจินคงไม่มีทางไปจากตระกูลอิ๋ง เธอเองก็จะได้หน้ามากกว่านี้

ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

ที่พึ่งพาของเธอมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียน เธอต้องดีกับอิ๋งเย่ว์เซวียนให้มากขึ้น

จงมั่นหวาไปอุ่นนมที่ห้องครัวแล้วขึ้นชั้นบนพักผ่อน

อิ๋งจื่อจินจองตั๋วไปตี้ตูวันที่ยี่สิบเก้าธันวาคมหรือก็คือ วันมะรืน

เจียงฮว่าผิงกับหลิงฉงโหลวกลับตี้ตูไปแล้ว หลิงเหมียนซีอยู่ต่อ แอบตามเจียงหรานกับซิวอวี่เข้าไปในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

แน่นอนว่าได้รับอนุญาตจากผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนแล้ว อีกทั้งให้อยู่ได้แค่วันเดียว

ปีนี้หลิงเหมียนซีอายุสิบแปดปี ก่อนพิธีปักปิ่นตอนอายุสิบห้า เธออยู่ในโลกจอมยุทธ์มาตลอด เรียนก็เรียนโรงเรียนแบบดั้งเดิมของโลกจอมยุทธ์ ทุกวันมีแต่ฆ่าฟัน

หลิงเหมียนซียังไม่เคยมาโรงเรียนมัธยมแบบปกติ เธออยากรู้อยากเห็นมาก

เธอรู้สึกว่าชุดนักเรียนของชิงจื้อสวยเหลือเกิน จึงตั้งใจวิ่งไปขอซื้อสิบชุดจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจการออกแบบของเขาแล้ว จึงลดให้หลิงเหมียนซีเป็นพิเศษ

ลูกน้องทำหน้าจะร้องไห้ “พี่หราน เธอบอกว่าผมเตี้ยไป”

เจียงหรานเหลือบมองลูกน้อง ทำเสียงฮึดฮัด

ขนาดพี่หรานของนายหลิงเหมียนซียังกล้าอัด บอกว่านายเตี้ยยังถือว่าเล็กน้อย

อิ๋งจื่อจินกำลังพิงหน้าต่างพักผ่อน

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 345 ได้รู้ความจริง จงมั่นหวานึกเสียใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นักเรียนพวกนั้นยังคงคุยต่อ มีทั้งชายและหญิง

“นายได้รูปของเทพอิ๋งมาหรือยัง ฉันไปแอบถ่ายแต่ถูกจับได้ เลยถูกยึดของกลางไปทั้งหมดเลย”

“เฮ้อ ฉันก็ไม่มี ฉันใช้ดินสอวาดเอาง่ายๆ แขวนไว้หน้าโต๊ะหนังสือ จุดไม้ขีดไฟหนึ่งก้านทุกวัน ใช้แทนธูป”

“…นายมันแน่ว่ะ”

“ไหว้เทพอิ๋งก่อนสอบ ฉันต้องได้คะแนนเพิ่มมายี่สิบคะแนนแน่นอน!”

พวกนักเรียนก็ปวดหัว นี่เป็นเรื่องที่จนปัญญา

พวกลูกน้องห้องสิบเก้าที่เดินตามหลังเจียงหรานแต่ละคนโหดมาก ไม่ให้พวกเขาถ่ายแม้แต่ด้านหลัง

ทำได้เพียงไหว้แก้ขัดแบบนี้

คราวนี้จงมั่นหวาได้ยินชัดแล้ว

เทพอิ๋งเหรอ

เธอนึกไม่ถึงว่านักเรียนชิงจื้อยังเรียกอิ๋งเย่ว์เซวียนแบบนี้ด้วย

ถึงขั้นที่อยากไหว้ก่อนสอบเพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ

ไม่มีรูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ

เธอเอาให้พวกเขาได้

นี่ก็แสดงว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นที่ชื่นชอบมากในบรรดานักเรียนด้วยกัน เธอดีใจที่เห็นแบบนี้

ครั้นแล้วจงมั่นหวาจึงเรียกนักเรียนชายที่บอกว่าตัวเองถูกยึดของกลางไป

“อยากได้รูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ น้าเอาให้ได้นะ”

นักเรียนชายรีบร้อนจะไปกินหม้อไฟเสียบไม้กับพวกเพื่อนๆ พอถูกขวางไว้แบบนี้ก็หงุดหงิด พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“ผมจะเอารูปของอิ๋งเย่ว์เซวียนไปทำไม ผมไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อย ถ้าให้รูปของเจ๊อวี่ยังจะดีเสียกว่า”

เขาชอบซิวอวี่ผู้หญิงแบบที่ปกป้องเขาได้มากกว่า ให้เขาเป็นเด็กน้อย แต่เขาไม่กล้าเข้าหาเธอ

รอยยิ้มของจงมั่นหวาค้างเติ่ง สีหน้าเริ่มไม่พอใจ

“เธออยากไหว้เทพอิ๋งไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับ อยากได้รูปเทพอิ๋ง” นักเรียนชายเริ่มรำคาญ

“แต่เกี่ยวอะไรกับอิ๋งเย่ว์เซวียนด้วย”

จงมั่นหวาชักมีน้ำโห แต่สมบัติผู้ดีบอกเธอว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กไม่ได้ จึงฝืนระงับความไม่พอใจเอาไว้

“เด็กคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ เธอต้องการกราบไหว้อิ๋งเย่ว์เซวียน แต่เธอไม่มีรูป น้าอุตส่าห์หวังดีจะเอาให้ ทำไมทำท่าทางแบบนี้”

“ประสาทหรือเปล่า” นักเรียนชายรู้สึกเพียงว่าจงมั่นหวาน่ารำคาญ

“เทพอิ๋งคืออิ๋งจื่อจิน คุณคงไม่ได้คิดว่าสองคนนี้แซ่อิ๋งเหมือนกันเลยแทนกันได้ใช่ไหม”

พูดจบเขาก็ดึงตัวเพื่อนแล้วรีบเดินหนี ไม่อยากสนใจจงมั่นหวาอีก

ส่วนจงมั่นหวารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งอยู่กับที่ยังไม่ได้สติกลับมา

ผ่านไปสักพักเธอถึงเหมือนตื่นจากฝัน เรียกนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

“เทพอิ๋งที่พวกเธอว่าคือใครเหรอ ไม่ใช่อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ”

“อิ๋งจื่อจินค่ะ” นักเรียนหญิงตกใจมาก แต่ก็ยังคงตอบอย่างใจเย็น

“จะเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนได้อย่างไรกันคะ”

พูดจบเธอก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ค่อยถูก จึงพูดเสริมต่อ “อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เก่งเหมือนกัน แต่เธอคนละระดับกับเทพอิ๋งเลยล่ะค่ะ”

อิ๋งจื่อจินทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะได้คะแนนเต็ม ชิงจื้อตั้งคลาสเด็กอัจฉริยะมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน

จงมั่นหวาแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองได้ยินอะไร ริมฝีปากสั่น “คนละระดับเหรอ”

ถ้าบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนละระดับกับอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเชื่อ

แต่ถ้ากลับกัน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อยากเชื่อ

อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคุณหนูใหญ่ที่เธอเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี ศิลปะแขนงต่างๆ ก็เก่งหมด แถมยังมีพรสวรรค์ในด้านวิจัยวิทยาศาสตร์

เรื่องเดียวที่นึกเสียดายคือ อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ

แต่โชคดีที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธอเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องในภายหลัง

จงมั่นหวาเจตนาเลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจินมาตลอด ถึงขั้นที่ว่าแค่ได้ยินชื่ออิ๋งจื่อจินเธอก็จะเดินหนีอย่างรวดเร็ว จะเป็นเรื่องอะไรเธอก็ไม่อยากฟังแล้ว

เพราะเธอรู้สึกว่าฟังไปก็มีแต่เรื่องไม่ดี หลังจากอิ๋งจื่อจินไปจากตระกูลอิ๋ง เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ระยะหนึ่ง แต่ต่อมากลับอารมณ์ดีขึ้นมาก

ตระกูลอิ๋งไม่มีจุดด่างพร้อย เธอเองก็ไม่มีทางขายหน้า

แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ผลการเรียนของอิ๋งจื่อจินไม่ใช่รั้งท้ายของทั้งโรงเรียนเหรอ

จงมั่นหวาไม่รู้ว่าตัวเองกลับถึงบ้านมาอย่างไร รู้สึกเพียงว่าเหม่อลอยยิ่งกว่าเดิม ช่วงหลายวันมานี้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปพักกับเมิ่งหรูที่คอนโดใจกลางเมืองจึงไม่อยู่บ้าน จงมั่นหวารู้สึกโล่งอก ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากกับอิ๋งเย่ว์เซวียนอย่างไร

ตั้งแต่อิ๋งเจิ้นถิงกลับจากบริษัทก็เห็นจงมั่นหวานั่งเหม่ออยู่ สีหน้าก็ซีดมาก

เขาขมวดคิ้ว วางกระเป๋าเอกสารลงแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างเธอ

“มั่นหวา เป็นอะไรไป”

ถึงแม้ช่วงไม่กี่ปีมานี้พวกเขาจะแยกกันอยู่คนละที่เป็นส่วนใหญ่ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงดีมาก

“เจิ้นถิง…” จงมั่นหวารู้สึกตัวแบบงงๆ “วันนี้ฉันไปลาหยุดให้เสี่ยวเซวียนที่โรงเรียนมา ฉันได้ยิน…ได้ยินพวกนักเรียนเรียก เรียกจื่อจินว่าเทพอิ๋ง”

“เทพอิ๋งเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงไม่เข้าใจพวกเด็กวัยรุ่น และไม่รู้คำที่นิยมใช้กันในตอนนี้ “หมายความอย่างไร”

“พวกเขาบอกว่า จื่อจินเรียนเก่งกว่าเสี่ยวเซวียนมาก” จงมั่นหวาเม้มริมฝีปาก

“สาเหตุที่เสี่ยวเซวียนได้ที่หนึ่งเป็นเพราะจื่อจินไม่ได้ร่วมสอบ”

อิ๋งเจิ้นถิงฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว เขาแสยะยิ้ม “เหลวไหลสิ้นดี!”

อิ๋งจื่อจินมีความสามารถแค่ไหน เขาจะไม่รู้เลยเหรอ

ถ้าอิ๋งจื่อจินเรียนเก่ง ตอนนั้นเขาจะต้องยัดเงินให้ชิงจื้อเพื่อส่งเธอเข้าไปเรียนด้วยเหรอ ยังจะเทียบกับอิ๋งเย่ว์เซวียน

สองคนนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เป็นเรื่องจริงนะคะ” จงมั่นหวาหยิบผลการเรียนกับรูปถ่ายข้อสอบที่ขอมาจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการออกมา

เธอบากหน้าเข้าไปขอ แถมยังถูกอาจารย์ฝ่ายวิชาการต่อว่าไปหนึ่งยก

อิ๋งเจิ้นถิงดูเสร็จ เป็นครั้งแรกที่เขาเงียบไป

“เจิ้น เจิ้นถิง พวกเรารับ รับจื่อจินกลับมาเถอะค่ะ” จงมั่นหวาจับแขนของเขา

“ผลการเรียนของจื่อจินดีกว่าเสี่ยวเซวียน รับกลับมาเถอะค่ะ”

“รับเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงตอบโดยไม่ต้องคิด

“เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นเด็กคนนั้นชักสีหน้าใส่พวกเราอย่างไร ยังจะให้ผมไปรับอีกเหรอ”

จงมั่นหวานึกถึงเรื่องตอนนั้นก็รู้สึกแย่เหมือนกัน ให้เธอไปขอร้องอิ๋งจื่อจิน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้

“ทางตระกูลหยวนพอใจในตัวเสี่ยวเซวียนมาก คุณไปรับเด็กคนนั้นกลับมา เสี่ยวเซวียนจะคิดยังไง เดิมทีเสี่ยวเซวียนก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเพราะเรื่องเทียนลี่ว์” อิ๋งเจิ้นถิงสีหน้าเย็นชา

“อีกอย่าง เด็กคนนั้นมีเส้นสายในตี้ตูบ้างหรือเปล่าล่ะ รู้จักตระกูลเนี่ย ตระกูลซิว ตระกูลมู่ไหมล่ะ”

“พวกเราก็ไม่ได้ร่วมงานกับวีนัสกรุ๊ปเสียหน่อย ไม่ได้ต้องการฟู่อวิ๋นเซิน”

เขาผูกมิตรกับบริษัทแห่งหนึ่งในยุโรปไว้ เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือใหญ่

เครือบริษัทนั้นเป็นคู่แข่งของวีนัสกรุ๊ปพอดี

อิ๋งเจิ้นถิงก็รู้ดีว่า ไม่ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะแค่เล่นๆ กับอิ๋งจื่อจินหรืออะไร แต่วีนัสกรุ๊ปก็กินรวบโซนเอเชียแปซิฟิกแล้ว

งั้นเขายิ่งไม่มีทางไปประจบ ไปก็มีแต่ผิดหวัง ไม่จำเป็นต้องเอาหน้าตัวเองไปขาย

อย่างไรเสียก็ยังมีทางอื่น จะปิดกั้นทุกเส้นทางได้เลยหรือไง

อิ๋งเจิ้นถิงพูดต่อ “ยังมีอีกข้อ เสี่ยวเซวียนรู้จักหมอเทวดาที่อยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้กำลังติดต่ออยู่ อยากรักษาคุณแม่ พวกเรายิ่งต้องทำดีกับเสี่ยวเซวียนหน่อย เด็กคนนั้นช่วยทำให้คุณแม่กลับมาหายดีได้หรือไง”

พวกเขาติดต่อหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่ได้ โรงพยาบาลอื่นก็จนปัญญา

ตระกูลอิ๋งทำธุรกิจ ไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับวงการแพทย์ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เพราะรู้จักกับเผยเทียนอี้ถึงได้รู้จักคนมากขึ้น อาการป่วยของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเข้าโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าอย่างมากคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็อยู่ได้อีกแค่หนึ่งปี

เว้นเสียแต่จะรักษาอาการปวดหัวของเธอได้

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกับอิ๋งเย่ว์เซวียน รวมถึงอนาคตของตระกูลอิ๋งย่อมสำคัญกว่าอิ๋งจื่อจิน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาอิ๋งเจิ้นถิงไม่ต้องการลูกสาวที่ไม่เชื่อฟัง

ฟังถึงตรงนี้จงมั่นหวาก็ไม่พูดอะไรอีก

ก็จริง!

อิ๋งจื่อจินตัดขาดกับพวกเขาไปแล้ว อยากกลับมาคืนดีกันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป อีกทั้งเธอก็ก้มหัวให้ไม่ลง มีเวลาคิดแบบนี้ไม่สู้หันไปทุ่มเทให้อิ๋งเย่ว์เซวียนมากขึ้น อย่างน้อยอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ช่วยเบิกทางให้ตระกูลอิ๋งเข้าสู่ตี้ตูได้ ผูกมิตรกับตระกูลมู่ตระกูลเนี่ย

จุดนี้อิ๋งจื่อจินทำไม่ได้ แค่เก่งยังไม่พอ ต้องมีอำนาจด้วย

“เอาล่ะมั่นหวา เรื่องก็เป็นแบบนี้ เลิกคิดเถอะ” อิ๋งเจิ้นถิงปลอบเธอ

“ไม่อย่างนั้นสภาพจิตใจของคุณจะแย่ลงไปอีก ผมไปเอายาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งมาให้คุณแล้ว อย่าลืมกินนะ”

จงมั่นหวาพยักหน้า แต่ก็ยังคงนึกเสียใจ

ถ้าตอนนั้นเธอไม่เลี่ยงเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับอิ๋งจื่อจิน ทำดีไว้ก่อน อิ๋งจื่อจินคงไม่มีทางไปจากตระกูลอิ๋ง เธอเองก็จะได้หน้ามากกว่านี้

ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

ที่พึ่งพาของเธอมีแค่อิ๋งเย่ว์เซวียน เธอต้องดีกับอิ๋งเย่ว์เซวียนให้มากขึ้น

จงมั่นหวาไปอุ่นนมที่ห้องครัวแล้วขึ้นชั้นบนพักผ่อน

อิ๋งจื่อจินจองตั๋วไปตี้ตูวันที่ยี่สิบเก้าธันวาคมหรือก็คือ วันมะรืน

เจียงฮว่าผิงกับหลิงฉงโหลวกลับตี้ตูไปแล้ว หลิงเหมียนซีอยู่ต่อ แอบตามเจียงหรานกับซิวอวี่เข้าไปในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

แน่นอนว่าได้รับอนุญาตจากผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนแล้ว อีกทั้งให้อยู่ได้แค่วันเดียว

ปีนี้หลิงเหมียนซีอายุสิบแปดปี ก่อนพิธีปักปิ่นตอนอายุสิบห้า เธออยู่ในโลกจอมยุทธ์มาตลอด เรียนก็เรียนโรงเรียนแบบดั้งเดิมของโลกจอมยุทธ์ ทุกวันมีแต่ฆ่าฟัน

หลิงเหมียนซียังไม่เคยมาโรงเรียนมัธยมแบบปกติ เธออยากรู้อยากเห็นมาก

เธอรู้สึกว่าชุดนักเรียนของชิงจื้อสวยเหลือเกิน จึงตั้งใจวิ่งไปขอซื้อสิบชุดจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจการออกแบบของเขาแล้ว จึงลดให้หลิงเหมียนซีเป็นพิเศษ

ลูกน้องทำหน้าจะร้องไห้ “พี่หราน เธอบอกว่าผมเตี้ยไป”

เจียงหรานเหลือบมองลูกน้อง ทำเสียงฮึดฮัด

ขนาดพี่หรานของนายหลิงเหมียนซียังกล้าอัด บอกว่านายเตี้ยยังถือว่าเล็กน้อย

อิ๋งจื่อจินกำลังพิงหน้าต่างพักผ่อน

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+