คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ

ไม่ต้องสงสัยเรื่องหน้าตาของหลินชิงจยาที่สวยงามมาก

เดิมทีอันโหรวจิ่นก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว ไหนจะเวินเฟิงเหมียน ลูกที่เกิดมาย่อมหน้าตาดีเป็นธรรมดา

หลินชิงจยาเหมือนอันโหรวจิ่นสามสิบเปอร์เซ็นต์ เหมือนเวินเฟิงเหมียนเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

หน้าตาของเธอไม่ได้ดูอ่อนแอหรือน่าสงสารแบบอันโหรวจิ่น แต่มีความอ่อนโยนสง่างาม

แค่มองแวบแรกอิ๋งจื่อจินไม่ต้องพยากรณ์ก็รู้ว่าหลินชิงจยาคือลูกสาวแท้ๆ ของเวินเฟิงเหมียน และก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเวินทิงหลาน

เท้าของเธอหยุดชะงัก

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา เขาก็เห็นแล้ว ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “ลูกคุณลุงเหรอ”

“ใช่” อิ๋งจื่อจินไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร “ดูท่าคนที่อันโหรวจิ่นแต่งงานด้วยจะเป็นนายใหญ่ตระกูลหลิน มิน่าตอนนั้นถึงทำแบบนั้นกับเสี่ยวหลาน”

ตอนนี้เธอพอจะเดาออกแล้ว

อันโหรวจิ่นกลับไปอีกครั้งตอนเวินทิงหลานอายุห้าขวบ จากนั้นก็ขังเขาไว้ในห้องมืดสนิท ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้อาการของเขาหนักขึ้น

ทำแบบนั้นก็เพื่อป้องกันเวินเฟิงเหมียนกลับเข้าตระกูลจี้อีก ไม่ให้เขาไปปรากฏตัวในตี้ตู

ใครก็รู้ว่าเด็กออทิสติกกับคนที่มีความผิดปกติทางจิตใจจะรักษายากมากเมื่อเทียบกับวิทยาการทางการแพทย์ในสมัยนี้

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอวี้เสวี่ยเซิงที่เป็นนักสะกดจิตอันดับสองของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

ไม่อย่างนั้นเวินทิงหลานก็ยังคงไม่หายดี

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย “อันโหรวจิ่นแต่งเข้าตระกูลหลินได้ก็เพราะลูกสาว จะตายไปก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะคนที่ไม่มีความสามารถย่อมมีสถานะไม่สูงในโลกจอมยุทธ์ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”

หลินชิงจยามีพรสวรรค์สูงมาก ใครๆ ก็รู้ สูงถึงขั้นที่ทำให้หลินจิ่นอวิ๋นยอมแต่งอันโหรวจิ่นเข้าตระกูล

พวกผู้นำตระกูลกับผู้อาวุโสของตระกูลหลินให้ความสำคัญกับหลินชิงจยา ตระกูลเซี่ยก็ไม่กล้าแตะต้อง แต่อันโหรวจิ่นที่เป็นนายหญิงตระกูลหลินก็แค่แจกันประดับ

เหมือนกับพ่อบ้านหลินในตอนนั้นที่จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้

แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลหลินก็ทำแบบนี้ตลอด

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “รอเสี่ยวหลานเรียบจบเทอมนี้ก่อนค่อยถามเขาว่าอยากทำยังไง”

เรื่องบางอย่างเธอต้องถามความคิดเห็นของเวินทิงหลาน

อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอันโหรวจิ่น

เวินทิงหลานอยากให้ทำอย่างไรเธอก็ทำแบบนั้น

เธอยังสามารถไลฟ์สดให้เวินทิงหลานได้ด้วย

ตรงทางเข้าชั้นหนึ่ง สายตาของหลินชิงจยาไม่ได้หยุดลง เธอค่อยๆ มองลงไป

เธอย่อตัวนั่งลงมองคนที่กำลังชักไม่หยุดบนพื้น ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นคะ”

คนที่ส่งเสียงร้องขึ้นมาก่อนเป็นจอมยุทธ์ที่มากับคนที่ชักอยู่ ตอบด้วยความร้อนใจ “ไม่รู้ครับ เขากินๆ อยู่ก็ล้มลง คุณชิงจยาช่วยเขาด้วยนะครับ”

“ผมจะให้ค่าตอบแทนแน่นอน!”

คราวนี้ดึงดูดสายตาพวกแขกในงานให้มองมามากขึ้น

บรรดาแพทย์แผนโบราณที่บารมีสูงก็หันมามอง

พวกเขาเชื่อในฝีมือการรักษาของหลินชิงจยา

ความสามารถทางด้านแพทย์แผนโบราณของหลินชิงจยาสูงกว่าวรยุทธ์ของเธอ

อีกทั้งเธอก็ไม่เหมือนแพทย์แผนโบราณคนอื่นที่วางมาดใหญ่โต ยังต้องดูด้วยว่าคนไข้ควรค่าให้พวกเขาช่วยหรือเปล่า

“ไม่ต้องห่วงค่ะ” หลินชิงจยาลองจับชีพจรคนป่วย ล้วงเข็มเงินในแขนเสื้อออกมาสามเล่ม “อาการของเขาไม่หนัก”

ขณะพูดเธอก็ปักเข็มลงในจุดลมปราณของคนนั้น

คนที่อยู่โดยรอบแทบหยุดหายใจ จ้องตาไม่กะพริบ

วิธีปักเข็มแบบนี้…

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าพลางครุ่นคิด

เข็มเงินสอดจุดปราณ

เข็มเงินสอดจุดปราณเป็นฉบับย่อของการรักษาด้วยเข็มทอง จะสูญเสียพลังลมปราณน้อยกว่าการรักษาด้วยเข็มทอง

ตอนนั้นที่เธอรักษาให้เซิ่งชิงถังใช้การรักษาด้วยเข็มทอง ร่างกายก็เลยเสียพลังไปมาก

แพทย์แผนโบราณรักษาคนป่วย บางครั้งใช้กำลังภายในมากกว่าจอมยุทธ์ออกไปต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยซ้ำ

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ดู แต่เห็นอิ๋งจื่อจินเอาแต่จ้อง “สนใจเหรอ”

อิ๋งจื่อจินตอบเสียงเนือย “นิดหน่อย”

เธอสนใจสำนักวิชาของหลินชิงจยามาก

แพทย์แผนโบราณก็เจริญก้าวหน้าไปไม่น้อย แยกออกไปเป็นหลายสำนัก

ขอแค่มีการเริ่ม ความสามารถในการรังสรรค์ของมนุษย์ย่อมไม่สิ้นสุด

ฟู่อวิ๋นเซินยกมือเล่นผมเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาโชยมาจากหลังหูของเธอ ลมหายใจแผ่วเบา “เด็กน้อย”

“หืม?”

“เธอแต่งตัวเป็นชายแบบนี้ พี่ชายกอดไม่สะดวก”

“ก็เอาไว้ป้องกันคุณ”

“…”

ทั้งสองคนพูดเบามาก คนที่วรยุทธ์สูงส่งกว่าคนแถวนั้นก็ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

ฟู่อวิ๋นเซินอดหัวเราะไม่ได้ หน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย รู้สึกจนปัญญา “อืม ยอมแล้ว”

เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกะทันหัน งานประมูลจึงหยุดพักชั่วคราว

แต่ละตระกูลใหญ่ที่อยู่ชั้นสองก็สังเกตเห็นแล้ว

ภายในห้องหอหยกงาม

ชายวัยกลางคนเพ่งตามอง “นั่นน่ะเหรอลูกสาวของนายใหญ่ตระกูลหลิน”

“ใช่แล้วครับ” หลินจิ่นอวิ๋นตอบ “ฝีมือการรักษาของเธอธรรมดามาก ทำขายหน้านายใหญ่เทเลอร์แล้วครับ”

“ถ้าแบบนี้ยังเรียกธรรมดาก็คงไม่มีใครกล้าพูดว่ารักษาคนเป็นแล้วครับ” ชายวัยกลางคนไม่ค่อยรู้เรื่องแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนโบราณมากนัก

แต่เขาเห็นหลังจากที่หลินชิงจยาฝังเข็มสามเล่มลงไป สีหน้าเจ็บปวดของคนป่วยก็เริ่มดีขึ้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าฝีมือการรักษาของหลินชิงจยาไม่ธรรมดา

ต้องยอมรับเลยว่า พอรวมโลกแพทย์แผนโบราณเข้าไปด้วย ฝีมือการรักษาของยุโรปยังล้าหลังกว่าประเทศจีน

แน่นอนว่าต้องตัดพวกนักปรุงยาพิษออก

เพียงแต่น่าเสียดายที่เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของนักปรุงยาพิษล้วนไปมาอย่างไร้ร่องรอย นิสัยก็พิลึกมาก

พวกเขาชอบวางยาพิษ ไม่ใช่ช่วยชีวิตคน

เดิมทีนักปรุงยาพิษอันดับสามยังพอมีร่องรอยอยู่บ้าง ปรากฏว่าก่อนหน้านี้เขากลับหายจากชายหาดที่เป็นของตระกูลเบวินไปโผล่ที่ศูนย์ไวรัสสากล

คนของศูนย์ไวรัสสากลงานยุ่งมาก เชิญตัวยากเข้าไปใหญ่

ชายวัยกลางคนครุ่นคิดอยู่นาน “นายใหญ่หลิน ไม่รู้ว่าผมจะขอเชิญเธอไปที่ยุโรปได้หรือเปล่า รักษาเพื่อนเก่าของผมให้หน่อย คนที่นู่นไม่มีใครรักษาได้ นักปรุงยาพิษอันดับสามก็ไม่ไหว”

หลินจิ่นอวิ๋นขมวดคิ้ว “ก็ต้องถามความสมัครใจของเธอแล้วครับ”

ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเทเลอร์คิดจะลักพาตัวหลินชิงจยาเพื่อข่มขู่ตระกูลหลินหรือเปล่า

“นายใหญ่หลินวางใจได้ พวกเราจะทำร้ายหมอได้ยังไง” ชายวัยกลางคนย่อมรู้ความกังวลของหลินจิ่นอวิ๋น ยิ้มพลางพูด “หมอมีหัวใจดุจพ่อแม่ ต่อให้เป็นการทำสงครามสมัยก่อนก็ห้ามลงมือกับหมอ”

ใครบ้างที่ชีวิตนี้จะไม่ป่วยเลย

ถ้าพวกเขากล้าทำร้ายหลินชิงจยา อย่าว่าแต่ผู้นำตระกูลหลินจะออกมาเองแล้วตามไปฆ่าถึงยุโรป แม้แต่โลกแพทย์แผนโบราณก็จะเอาเรื่องด้วย

หลินจิ่นอวิ๋นยังคงไม่รับปาก “อีกเดี๋ยวผมจะให้เธอขึ้นมา นายใหญ่เทเลอร์ลองถามเธอดูนะครับ”

ที่ชั้นล่าง

“เสร็จแล้วค่ะ” หลินชิงจยารักษาเสร็จ เช็ดเหงื่อแล้วหยิบกระดาษกับปากกาข้างๆ ขึ้นมาเขียนชื่อสมุนไพร “กินยาให้ตรงเวลา หนึ่งเดือนก็หายค่ะ”

จอมยุทธ์คนนั้นรับกระดาษมาแล้วพยุงเพื่อนขึ้น พูดด้วยความดีใจ “ขอบคุณคุณชิงจยามากครับ ขอบคุณมากครับ”

แพทย์แผนโบราณคนหนึ่งที่อายุมากแล้วลูบเครา “ฝีมือการรักษาของคุณชิงจยาก้าวหน้าขึ้นทุกวัน”

“นั่นสิ” แพทย์แผนโบราณอีกคนหนึ่งพูด “คนในวัยเดียวกันไม่มีใครสู้เธอได้”

“วงการแพทย์แผนโบราณมีคนสืบทอดต่อ แค่นี้ผมก็วางใจแล้ว”

“คุณชายฟู่ ไม่เจอกันนานนะคะ” หลินชิงจยาเดินเข้าไปท่ามกลางสายตาคนมากมาย “ช่วงนี้สุขภาพเป็นไงบ้างคะ ให้ช่วยอะไรไหม”

พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หันไปมอง “ไม่รู้จัก”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขาแล้วเลิกคิ้วใส่

น้ำเสียงเหมือนร้อนตัวแบบนี้มันเรื่องอะไร

ชั้นหนึ่งเงียบสงัด เกิดบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วน

หลินชิงจยายังไม่ทันพูดต่อก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดประชดขึ้นมา “ฟู่อวิ๋นเซิน คุณชิงจยาเธอถามดีๆ ทำไมทำท่าทางแบบนั้น”

“อย่าคิดว่าสยบตระกูลเมิ่งได้ก็มีอำนาจล้นฟ้าแล้ว และก็อย่าคิดว่าวรยุทธ์ของตัวเองล้ำเลิศกว่าคนวัยเดียวกันจนคิดจะทำอะไรก็ได้ ตระกูลหลินของเราคนมีฝีมือเยอะแยะ หรือจะให้เชิญผู้นำตระกูลออกมาสู้กับนายสักคนดีล่ะ”

รอยยิ้มที่มุมปากของหลินชิงจยาหายไป “หยุดนะ!”

เด็กหนุ่มหยุดทันที แต่ยังคงแสยะยิ้ม

ตอนนั้นที่ฟู่อวิ๋นเซินอยู่โลกจอมยุทธ์ แทบจะฝึกวรยุทธ์จนต้องแลกด้วยชีวิต

อยู่ระหว่างความเป็นความตายหลายครั้ง วรยุทธ์ของฟู่อวิ๋นเซินก็เลยสูงมาก เรื่องนี้พวกเขารู้กันหมด

อย่างน้อยก็มีวรยุทธ์ห้าสิบปีขึ้นไป ในบรรดาคนวัยเดียวกัน เกรงว่าก็มีแค่เย่ว์ฝูอีกับพวกคนมีพรสวรรค์จอมยุทธ์ไม่กี่คนที่ทำได้

แต่ขณะเดียวกันภายในร่างกายของฟู่อวิ๋นเซินก็มีแผลหลบในอยู่ไม่น้อย

แผลหลบในแบบนี้ถึงแก่ชีวิตได้สำหรับจอมยุทธ์

เมื่อมันปะทุ ผลที่ตามมาก็มีแต่ลมปราณแตกซ่าน ชีพจรขาดสะบั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ ฟู่อวิ๋นเซินไม่มีใครในโลกจอมยุทธ์หนุนหลัง

ถ้าเบื้องหลังของเขามีจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สักสองร้อยปีก็อาจควรค่าให้ความสำคัญหน่อย

เด็กหนุ่มรู้ว่าหลินชิงจยาก็แค่เป็นคนนิสัยดี หมอมีจิตใจดุจพ่อแม่ ถึงได้ถามไปแบบนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้เข้าตาเธอหรอก

“ปากไม่มีหูรูด กลับไปรับการลงโทษ” หลินชิงจยามองเด็กหนุ่มพลางพูดอย่างเย็นชา “ขออภัยคุณชายฟู่ด้วยค่ะ”

เธอเดินตามเด็กหนุ่มขึ้นชั้นบน ไม่มองฟู่อวิ๋นเซินอีก ไปหาหลินจิ่นอวิ๋น

เหตุการณ์วุ่นวายจบลง งานประมูลดำเนินต่อ

แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยยังมองฟู่อวิ๋นเซินอยู่พลางซุบซิบ

“เขานี่แหละที่ตอนนั้นทำทายาทสายตรงของตระกูลเมิ่งจนนอนเป็นผัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นเลย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาดีฉันก็จำไม่ได้หรอก”

“หน้าตาดีมีประโยชน์อะไร ถ้าไปมีเรื่องอีก สักวันได้ถูกฆ่าตาย…”

อิ๋งจื่อจินเดินออกไป “คุณดังพอสมควรเลยนะ”

มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า “เคยมีเรื่องกับคนมาเยอะ ชื่อเสียงไม่ค่อยดีหรอก”

“…”

คำพูดแบบนี้ ตอนนี้เธอไม่เชื่อแม้แต่น้อยแล้ว

“พี่ชายไม่รู้จักเธอจริงๆ แค่เคยเจอในโลกแพทย์แผนโบราณตอนเจ็บหนัก พี่ชายหวงตัว ไม่ชอบให้คนต่างเพศแตะเนื้อต้องตัว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบอกเสื้อ “ก็เลยไม่ได้ให้เธอรักษา”

เนื่องจากกำลังภายในของแพทย์แผนโบราณนุ่มนวล กำลังภายในของจอมยุทธ์ดิบเถื่อน แพทย์แผนโบราณจึงเป็นผู้หญิงเสียเยอะ จอมยุทธ์ก็มีผู้ชายเยอะกว่า นี่เป็นหลักการที่รู้กัน

ใช่ว่าแพทย์แผนโบราณจะไม่มีผู้ชาย ก็แค่มีน้อย อีกทั้งพื้นที่ในการพัฒนาฝีมือการรักษาก็ไม่มากเท่าผู้หญิง

อิ๋งจื่อจินหันมา “ฉันก็ต่างเพศ”

“อืม เธอได้” ฟู่อวิ๋นเซินเหมือนคิดอะไรอยู่

จากนั้นเขาก็ยกมือค่อยๆ ปลดกระดุมออกสองเม็ด เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า “ลองได้ตามสบาย พี่ชายจะช่วยเธอเอง”

“…”

ที่ชั้นบน

หลินชิงจยากำมือคารวะหลินจิ่นอวิ๋น “คุณพ่อ”

“มาแล้วเหรอ” หลินจิ่นอวิ๋นวางแก้วลง “นายใหญ่เทเลอร์มีเรื่องอยากขอให้ลูกช่วย”

หลินชิงจยามองชายวัยกลางคน

“ผมอยากให้คุณชิงจยาไปที่ยุโรปหน่อยครับ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าคุณชิงจยาเคยได้ยินไหมว่าอาการป่วยของนายใหญ่เบวินทรุดลงอีกแล้ว”

หลินชิงจยาตอบ “ไม่เคยได้ยินค่ะ”

ชายวัยกลางคนก็ไม่โกรธ “โรคที่นายใหญ่เบวินเป็นมันแปลกมาก นักปรุงยาพิษอันดับสามก็รักษาไม่ได้ เดิมทีดีขึ้นมากแล้ว ใครจะไปรู้อยู่ๆ ช่วงนี้ก็เกิดปัญหา เลยอยากลองการรักษาแผนโบราณดู”

“โรครักษายากเหรอคะ” หลินชิงจยาเริ่มสนใจ “งั้นฉันจะไปดูหน่อยค่ะ”

“เยี่ยม” ชายวัยกลางคนดีใจ “งั้นคุณชิงจยาพักผ่อนสักสองสามวันผมค่อยพาคุณไปยุโรปครับ”

ขอแค่เขาเชิญหลินชิงจยาไปได้ ถ้ารักษานายใหญ่เบวินหาย นายใหญ่เบวินจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณของเขาแน่ ตระกูลเทเลอร์ก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างหนัก

งานประมูลลากยาวไปจนถึงบ่ายของวันที่สาม

หลังจบงานพวกหลิงฉงโหลวก็กลับบ้าน

พวกคนรับใช้เริ่มเตรียมงานเลี้ยงตอนเย็น

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้โยกอาบแดดอยู่ในสวนหย่อม

ตระกูลหลิงติดไวไฟและตัวปล่อยสัญญาณไว้ทุกที่ในบ้าน ยกเว้นเรือนที่เป็นที่พักของพวกผู้นำตระกูลที่เก็บตัวเงียบ

เลยสะดวกมาก

อิ๋งจื่อจินรับสายจากริต้า เบวิน

เธอฟังริต้าพูดจบสีหน้าก็ชะงักเล็กน้อย “ทรุดหนักอีกแล้วเหรอ”

ไม่น่านะ

ตอนที่ริต้าไปจากประเทศจีน เธอได้รู้เรื่องอาการของนายใหญ่เบวิน และก็ได้ให้ยากับริต้าไปหนึ่งขวด

ปริมาณยาเท่านั้นกินได้สามเดือน หลังสามเดือน หากว่ากันตามเหตุผลนายใหญ่เบวินก็สามารถฟื้นตัวได้แล้ว

นี่มันก็เกือบปีแล้ว ทำไมอยู่ๆ ก็อาการทรุดลงได้

“ใช่ ทรุดลงอีกแล้ว” ริต้าข่มความร้อนใจไว้ “ฉันทำตามที่เธอบอก เอาให้คุณพ่อกินทุกวัน คุณพ่อก็แข็งแรงขึ้นมาก จนมาเดือนที่แล้วที่ร่างกายทรุดลงไปเร็วมาก”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “โจรในบ้านยากจะป้องกัน มีคนลงมือ”

“ฉันก็คิดแบบนั้น” ริต้าสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอว่างมายุโรปหน่อยไหม ฉันให้ค่าตอบแทนเพียงพอแน่ ทองร้อยหีบก็ได้…อีวาน แย่งโทรศัพท์ฉันไปทำไม!”

“ริต้า เธออย่าเที่ยวไปเชิญหมอเถื่อนที่เธอรู้จักในประเทศจีนมา ถ้าเป็นนักปรุงยาพิษบนชาร์ตเอ็นโอเคฉันจะไม่ว่าอะไรเลย” ปลายสายมีเสียงชายหนุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงตักเตือน “คุณอาเทเลอร์เชิญหมอแผนโบราณได้แล้ว หมอแผนโบราณหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก ถ้าเธอไปล่วงเกินเข้า เกิดไม่มีคนรักษาให้คุณพ่อล่ะจะทำยังไง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 490 เชิญหมอเทวดา อันโหรวจิ่นตายก็ตายไปสิ

ไม่ต้องสงสัยเรื่องหน้าตาของหลินชิงจยาที่สวยงามมาก

เดิมทีอันโหรวจิ่นก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว ไหนจะเวินเฟิงเหมียน ลูกที่เกิดมาย่อมหน้าตาดีเป็นธรรมดา

หลินชิงจยาเหมือนอันโหรวจิ่นสามสิบเปอร์เซ็นต์ เหมือนเวินเฟิงเหมียนเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

หน้าตาของเธอไม่ได้ดูอ่อนแอหรือน่าสงสารแบบอันโหรวจิ่น แต่มีความอ่อนโยนสง่างาม

แค่มองแวบแรกอิ๋งจื่อจินไม่ต้องพยากรณ์ก็รู้ว่าหลินชิงจยาคือลูกสาวแท้ๆ ของเวินเฟิงเหมียน และก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเวินทิงหลาน

เท้าของเธอหยุดชะงัก

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา เขาก็เห็นแล้ว ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “ลูกคุณลุงเหรอ”

“ใช่” อิ๋งจื่อจินไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร “ดูท่าคนที่อันโหรวจิ่นแต่งงานด้วยจะเป็นนายใหญ่ตระกูลหลิน มิน่าตอนนั้นถึงทำแบบนั้นกับเสี่ยวหลาน”

ตอนนี้เธอพอจะเดาออกแล้ว

อันโหรวจิ่นกลับไปอีกครั้งตอนเวินทิงหลานอายุห้าขวบ จากนั้นก็ขังเขาไว้ในห้องมืดสนิท ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้อาการของเขาหนักขึ้น

ทำแบบนั้นก็เพื่อป้องกันเวินเฟิงเหมียนกลับเข้าตระกูลจี้อีก ไม่ให้เขาไปปรากฏตัวในตี้ตู

ใครก็รู้ว่าเด็กออทิสติกกับคนที่มีความผิดปกติทางจิตใจจะรักษายากมากเมื่อเทียบกับวิทยาการทางการแพทย์ในสมัยนี้

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอวี้เสวี่ยเซิงที่เป็นนักสะกดจิตอันดับสองของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

ไม่อย่างนั้นเวินทิงหลานก็ยังคงไม่หายดี

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย “อันโหรวจิ่นแต่งเข้าตระกูลหลินได้ก็เพราะลูกสาว จะตายไปก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะคนที่ไม่มีความสามารถย่อมมีสถานะไม่สูงในโลกจอมยุทธ์ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”

หลินชิงจยามีพรสวรรค์สูงมาก ใครๆ ก็รู้ สูงถึงขั้นที่ทำให้หลินจิ่นอวิ๋นยอมแต่งอันโหรวจิ่นเข้าตระกูล

พวกผู้นำตระกูลกับผู้อาวุโสของตระกูลหลินให้ความสำคัญกับหลินชิงจยา ตระกูลเซี่ยก็ไม่กล้าแตะต้อง แต่อันโหรวจิ่นที่เป็นนายหญิงตระกูลหลินก็แค่แจกันประดับ

เหมือนกับพ่อบ้านหลินในตอนนั้นที่จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้

แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลหลินก็ทำแบบนี้ตลอด

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “รอเสี่ยวหลานเรียบจบเทอมนี้ก่อนค่อยถามเขาว่าอยากทำยังไง”

เรื่องบางอย่างเธอต้องถามความคิดเห็นของเวินทิงหลาน

อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอันโหรวจิ่น

เวินทิงหลานอยากให้ทำอย่างไรเธอก็ทำแบบนั้น

เธอยังสามารถไลฟ์สดให้เวินทิงหลานได้ด้วย

ตรงทางเข้าชั้นหนึ่ง สายตาของหลินชิงจยาไม่ได้หยุดลง เธอค่อยๆ มองลงไป

เธอย่อตัวนั่งลงมองคนที่กำลังชักไม่หยุดบนพื้น ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นคะ”

คนที่ส่งเสียงร้องขึ้นมาก่อนเป็นจอมยุทธ์ที่มากับคนที่ชักอยู่ ตอบด้วยความร้อนใจ “ไม่รู้ครับ เขากินๆ อยู่ก็ล้มลง คุณชิงจยาช่วยเขาด้วยนะครับ”

“ผมจะให้ค่าตอบแทนแน่นอน!”

คราวนี้ดึงดูดสายตาพวกแขกในงานให้มองมามากขึ้น

บรรดาแพทย์แผนโบราณที่บารมีสูงก็หันมามอง

พวกเขาเชื่อในฝีมือการรักษาของหลินชิงจยา

ความสามารถทางด้านแพทย์แผนโบราณของหลินชิงจยาสูงกว่าวรยุทธ์ของเธอ

อีกทั้งเธอก็ไม่เหมือนแพทย์แผนโบราณคนอื่นที่วางมาดใหญ่โต ยังต้องดูด้วยว่าคนไข้ควรค่าให้พวกเขาช่วยหรือเปล่า

“ไม่ต้องห่วงค่ะ” หลินชิงจยาลองจับชีพจรคนป่วย ล้วงเข็มเงินในแขนเสื้อออกมาสามเล่ม “อาการของเขาไม่หนัก”

ขณะพูดเธอก็ปักเข็มลงในจุดลมปราณของคนนั้น

คนที่อยู่โดยรอบแทบหยุดหายใจ จ้องตาไม่กะพริบ

วิธีปักเข็มแบบนี้…

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าพลางครุ่นคิด

เข็มเงินสอดจุดปราณ

เข็มเงินสอดจุดปราณเป็นฉบับย่อของการรักษาด้วยเข็มทอง จะสูญเสียพลังลมปราณน้อยกว่าการรักษาด้วยเข็มทอง

ตอนนั้นที่เธอรักษาให้เซิ่งชิงถังใช้การรักษาด้วยเข็มทอง ร่างกายก็เลยเสียพลังไปมาก

แพทย์แผนโบราณรักษาคนป่วย บางครั้งใช้กำลังภายในมากกว่าจอมยุทธ์ออกไปต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยซ้ำ

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ดู แต่เห็นอิ๋งจื่อจินเอาแต่จ้อง “สนใจเหรอ”

อิ๋งจื่อจินตอบเสียงเนือย “นิดหน่อย”

เธอสนใจสำนักวิชาของหลินชิงจยามาก

แพทย์แผนโบราณก็เจริญก้าวหน้าไปไม่น้อย แยกออกไปเป็นหลายสำนัก

ขอแค่มีการเริ่ม ความสามารถในการรังสรรค์ของมนุษย์ย่อมไม่สิ้นสุด

ฟู่อวิ๋นเซินยกมือเล่นผมเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาโชยมาจากหลังหูของเธอ ลมหายใจแผ่วเบา “เด็กน้อย”

“หืม?”

“เธอแต่งตัวเป็นชายแบบนี้ พี่ชายกอดไม่สะดวก”

“ก็เอาไว้ป้องกันคุณ”

“…”

ทั้งสองคนพูดเบามาก คนที่วรยุทธ์สูงส่งกว่าคนแถวนั้นก็ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

ฟู่อวิ๋นเซินอดหัวเราะไม่ได้ หน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย รู้สึกจนปัญญา “อืม ยอมแล้ว”

เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกะทันหัน งานประมูลจึงหยุดพักชั่วคราว

แต่ละตระกูลใหญ่ที่อยู่ชั้นสองก็สังเกตเห็นแล้ว

ภายในห้องหอหยกงาม

ชายวัยกลางคนเพ่งตามอง “นั่นน่ะเหรอลูกสาวของนายใหญ่ตระกูลหลิน”

“ใช่แล้วครับ” หลินจิ่นอวิ๋นตอบ “ฝีมือการรักษาของเธอธรรมดามาก ทำขายหน้านายใหญ่เทเลอร์แล้วครับ”

“ถ้าแบบนี้ยังเรียกธรรมดาก็คงไม่มีใครกล้าพูดว่ารักษาคนเป็นแล้วครับ” ชายวัยกลางคนไม่ค่อยรู้เรื่องแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนโบราณมากนัก

แต่เขาเห็นหลังจากที่หลินชิงจยาฝังเข็มสามเล่มลงไป สีหน้าเจ็บปวดของคนป่วยก็เริ่มดีขึ้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าฝีมือการรักษาของหลินชิงจยาไม่ธรรมดา

ต้องยอมรับเลยว่า พอรวมโลกแพทย์แผนโบราณเข้าไปด้วย ฝีมือการรักษาของยุโรปยังล้าหลังกว่าประเทศจีน

แน่นอนว่าต้องตัดพวกนักปรุงยาพิษออก

เพียงแต่น่าเสียดายที่เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของนักปรุงยาพิษล้วนไปมาอย่างไร้ร่องรอย นิสัยก็พิลึกมาก

พวกเขาชอบวางยาพิษ ไม่ใช่ช่วยชีวิตคน

เดิมทีนักปรุงยาพิษอันดับสามยังพอมีร่องรอยอยู่บ้าง ปรากฏว่าก่อนหน้านี้เขากลับหายจากชายหาดที่เป็นของตระกูลเบวินไปโผล่ที่ศูนย์ไวรัสสากล

คนของศูนย์ไวรัสสากลงานยุ่งมาก เชิญตัวยากเข้าไปใหญ่

ชายวัยกลางคนครุ่นคิดอยู่นาน “นายใหญ่หลิน ไม่รู้ว่าผมจะขอเชิญเธอไปที่ยุโรปได้หรือเปล่า รักษาเพื่อนเก่าของผมให้หน่อย คนที่นู่นไม่มีใครรักษาได้ นักปรุงยาพิษอันดับสามก็ไม่ไหว”

หลินจิ่นอวิ๋นขมวดคิ้ว “ก็ต้องถามความสมัครใจของเธอแล้วครับ”

ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเทเลอร์คิดจะลักพาตัวหลินชิงจยาเพื่อข่มขู่ตระกูลหลินหรือเปล่า

“นายใหญ่หลินวางใจได้ พวกเราจะทำร้ายหมอได้ยังไง” ชายวัยกลางคนย่อมรู้ความกังวลของหลินจิ่นอวิ๋น ยิ้มพลางพูด “หมอมีหัวใจดุจพ่อแม่ ต่อให้เป็นการทำสงครามสมัยก่อนก็ห้ามลงมือกับหมอ”

ใครบ้างที่ชีวิตนี้จะไม่ป่วยเลย

ถ้าพวกเขากล้าทำร้ายหลินชิงจยา อย่าว่าแต่ผู้นำตระกูลหลินจะออกมาเองแล้วตามไปฆ่าถึงยุโรป แม้แต่โลกแพทย์แผนโบราณก็จะเอาเรื่องด้วย

หลินจิ่นอวิ๋นยังคงไม่รับปาก “อีกเดี๋ยวผมจะให้เธอขึ้นมา นายใหญ่เทเลอร์ลองถามเธอดูนะครับ”

ที่ชั้นล่าง

“เสร็จแล้วค่ะ” หลินชิงจยารักษาเสร็จ เช็ดเหงื่อแล้วหยิบกระดาษกับปากกาข้างๆ ขึ้นมาเขียนชื่อสมุนไพร “กินยาให้ตรงเวลา หนึ่งเดือนก็หายค่ะ”

จอมยุทธ์คนนั้นรับกระดาษมาแล้วพยุงเพื่อนขึ้น พูดด้วยความดีใจ “ขอบคุณคุณชิงจยามากครับ ขอบคุณมากครับ”

แพทย์แผนโบราณคนหนึ่งที่อายุมากแล้วลูบเครา “ฝีมือการรักษาของคุณชิงจยาก้าวหน้าขึ้นทุกวัน”

“นั่นสิ” แพทย์แผนโบราณอีกคนหนึ่งพูด “คนในวัยเดียวกันไม่มีใครสู้เธอได้”

“วงการแพทย์แผนโบราณมีคนสืบทอดต่อ แค่นี้ผมก็วางใจแล้ว”

“คุณชายฟู่ ไม่เจอกันนานนะคะ” หลินชิงจยาเดินเข้าไปท่ามกลางสายตาคนมากมาย “ช่วงนี้สุขภาพเป็นไงบ้างคะ ให้ช่วยอะไรไหม”

พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หันไปมอง “ไม่รู้จัก”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขาแล้วเลิกคิ้วใส่

น้ำเสียงเหมือนร้อนตัวแบบนี้มันเรื่องอะไร

ชั้นหนึ่งเงียบสงัด เกิดบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วน

หลินชิงจยายังไม่ทันพูดต่อก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดประชดขึ้นมา “ฟู่อวิ๋นเซิน คุณชิงจยาเธอถามดีๆ ทำไมทำท่าทางแบบนั้น”

“อย่าคิดว่าสยบตระกูลเมิ่งได้ก็มีอำนาจล้นฟ้าแล้ว และก็อย่าคิดว่าวรยุทธ์ของตัวเองล้ำเลิศกว่าคนวัยเดียวกันจนคิดจะทำอะไรก็ได้ ตระกูลหลินของเราคนมีฝีมือเยอะแยะ หรือจะให้เชิญผู้นำตระกูลออกมาสู้กับนายสักคนดีล่ะ”

รอยยิ้มที่มุมปากของหลินชิงจยาหายไป “หยุดนะ!”

เด็กหนุ่มหยุดทันที แต่ยังคงแสยะยิ้ม

ตอนนั้นที่ฟู่อวิ๋นเซินอยู่โลกจอมยุทธ์ แทบจะฝึกวรยุทธ์จนต้องแลกด้วยชีวิต

อยู่ระหว่างความเป็นความตายหลายครั้ง วรยุทธ์ของฟู่อวิ๋นเซินก็เลยสูงมาก เรื่องนี้พวกเขารู้กันหมด

อย่างน้อยก็มีวรยุทธ์ห้าสิบปีขึ้นไป ในบรรดาคนวัยเดียวกัน เกรงว่าก็มีแค่เย่ว์ฝูอีกับพวกคนมีพรสวรรค์จอมยุทธ์ไม่กี่คนที่ทำได้

แต่ขณะเดียวกันภายในร่างกายของฟู่อวิ๋นเซินก็มีแผลหลบในอยู่ไม่น้อย

แผลหลบในแบบนี้ถึงแก่ชีวิตได้สำหรับจอมยุทธ์

เมื่อมันปะทุ ผลที่ตามมาก็มีแต่ลมปราณแตกซ่าน ชีพจรขาดสะบั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ ฟู่อวิ๋นเซินไม่มีใครในโลกจอมยุทธ์หนุนหลัง

ถ้าเบื้องหลังของเขามีจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สักสองร้อยปีก็อาจควรค่าให้ความสำคัญหน่อย

เด็กหนุ่มรู้ว่าหลินชิงจยาก็แค่เป็นคนนิสัยดี หมอมีจิตใจดุจพ่อแม่ ถึงได้ถามไปแบบนั้น

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้เข้าตาเธอหรอก

“ปากไม่มีหูรูด กลับไปรับการลงโทษ” หลินชิงจยามองเด็กหนุ่มพลางพูดอย่างเย็นชา “ขออภัยคุณชายฟู่ด้วยค่ะ”

เธอเดินตามเด็กหนุ่มขึ้นชั้นบน ไม่มองฟู่อวิ๋นเซินอีก ไปหาหลินจิ่นอวิ๋น

เหตุการณ์วุ่นวายจบลง งานประมูลดำเนินต่อ

แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยยังมองฟู่อวิ๋นเซินอยู่พลางซุบซิบ

“เขานี่แหละที่ตอนนั้นทำทายาทสายตรงของตระกูลเมิ่งจนนอนเป็นผัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นเลย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาดีฉันก็จำไม่ได้หรอก”

“หน้าตาดีมีประโยชน์อะไร ถ้าไปมีเรื่องอีก สักวันได้ถูกฆ่าตาย…”

อิ๋งจื่อจินเดินออกไป “คุณดังพอสมควรเลยนะ”

มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า “เคยมีเรื่องกับคนมาเยอะ ชื่อเสียงไม่ค่อยดีหรอก”

“…”

คำพูดแบบนี้ ตอนนี้เธอไม่เชื่อแม้แต่น้อยแล้ว

“พี่ชายไม่รู้จักเธอจริงๆ แค่เคยเจอในโลกแพทย์แผนโบราณตอนเจ็บหนัก พี่ชายหวงตัว ไม่ชอบให้คนต่างเพศแตะเนื้อต้องตัว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบอกเสื้อ “ก็เลยไม่ได้ให้เธอรักษา”

เนื่องจากกำลังภายในของแพทย์แผนโบราณนุ่มนวล กำลังภายในของจอมยุทธ์ดิบเถื่อน แพทย์แผนโบราณจึงเป็นผู้หญิงเสียเยอะ จอมยุทธ์ก็มีผู้ชายเยอะกว่า นี่เป็นหลักการที่รู้กัน

ใช่ว่าแพทย์แผนโบราณจะไม่มีผู้ชาย ก็แค่มีน้อย อีกทั้งพื้นที่ในการพัฒนาฝีมือการรักษาก็ไม่มากเท่าผู้หญิง

อิ๋งจื่อจินหันมา “ฉันก็ต่างเพศ”

“อืม เธอได้” ฟู่อวิ๋นเซินเหมือนคิดอะไรอยู่

จากนั้นเขาก็ยกมือค่อยๆ ปลดกระดุมออกสองเม็ด เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า “ลองได้ตามสบาย พี่ชายจะช่วยเธอเอง”

“…”

ที่ชั้นบน

หลินชิงจยากำมือคารวะหลินจิ่นอวิ๋น “คุณพ่อ”

“มาแล้วเหรอ” หลินจิ่นอวิ๋นวางแก้วลง “นายใหญ่เทเลอร์มีเรื่องอยากขอให้ลูกช่วย”

หลินชิงจยามองชายวัยกลางคน

“ผมอยากให้คุณชิงจยาไปที่ยุโรปหน่อยครับ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าคุณชิงจยาเคยได้ยินไหมว่าอาการป่วยของนายใหญ่เบวินทรุดลงอีกแล้ว”

หลินชิงจยาตอบ “ไม่เคยได้ยินค่ะ”

ชายวัยกลางคนก็ไม่โกรธ “โรคที่นายใหญ่เบวินเป็นมันแปลกมาก นักปรุงยาพิษอันดับสามก็รักษาไม่ได้ เดิมทีดีขึ้นมากแล้ว ใครจะไปรู้อยู่ๆ ช่วงนี้ก็เกิดปัญหา เลยอยากลองการรักษาแผนโบราณดู”

“โรครักษายากเหรอคะ” หลินชิงจยาเริ่มสนใจ “งั้นฉันจะไปดูหน่อยค่ะ”

“เยี่ยม” ชายวัยกลางคนดีใจ “งั้นคุณชิงจยาพักผ่อนสักสองสามวันผมค่อยพาคุณไปยุโรปครับ”

ขอแค่เขาเชิญหลินชิงจยาไปได้ ถ้ารักษานายใหญ่เบวินหาย นายใหญ่เบวินจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณของเขาแน่ ตระกูลเทเลอร์ก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างหนัก

งานประมูลลากยาวไปจนถึงบ่ายของวันที่สาม

หลังจบงานพวกหลิงฉงโหลวก็กลับบ้าน

พวกคนรับใช้เริ่มเตรียมงานเลี้ยงตอนเย็น

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้โยกอาบแดดอยู่ในสวนหย่อม

ตระกูลหลิงติดไวไฟและตัวปล่อยสัญญาณไว้ทุกที่ในบ้าน ยกเว้นเรือนที่เป็นที่พักของพวกผู้นำตระกูลที่เก็บตัวเงียบ

เลยสะดวกมาก

อิ๋งจื่อจินรับสายจากริต้า เบวิน

เธอฟังริต้าพูดจบสีหน้าก็ชะงักเล็กน้อย “ทรุดหนักอีกแล้วเหรอ”

ไม่น่านะ

ตอนที่ริต้าไปจากประเทศจีน เธอได้รู้เรื่องอาการของนายใหญ่เบวิน และก็ได้ให้ยากับริต้าไปหนึ่งขวด

ปริมาณยาเท่านั้นกินได้สามเดือน หลังสามเดือน หากว่ากันตามเหตุผลนายใหญ่เบวินก็สามารถฟื้นตัวได้แล้ว

นี่มันก็เกือบปีแล้ว ทำไมอยู่ๆ ก็อาการทรุดลงได้

“ใช่ ทรุดลงอีกแล้ว” ริต้าข่มความร้อนใจไว้ “ฉันทำตามที่เธอบอก เอาให้คุณพ่อกินทุกวัน คุณพ่อก็แข็งแรงขึ้นมาก จนมาเดือนที่แล้วที่ร่างกายทรุดลงไปเร็วมาก”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “โจรในบ้านยากจะป้องกัน มีคนลงมือ”

“ฉันก็คิดแบบนั้น” ริต้าสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอว่างมายุโรปหน่อยไหม ฉันให้ค่าตอบแทนเพียงพอแน่ ทองร้อยหีบก็ได้…อีวาน แย่งโทรศัพท์ฉันไปทำไม!”

“ริต้า เธออย่าเที่ยวไปเชิญหมอเถื่อนที่เธอรู้จักในประเทศจีนมา ถ้าเป็นนักปรุงยาพิษบนชาร์ตเอ็นโอเคฉันจะไม่ว่าอะไรเลย” ปลายสายมีเสียงชายหนุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงตักเตือน “คุณอาเทเลอร์เชิญหมอแผนโบราณได้แล้ว หมอแผนโบราณหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก ถ้าเธอไปล่วงเกินเข้า เกิดไม่มีคนรักษาให้คุณพ่อล่ะจะทำยังไง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+