คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด

อธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู!

นักศึกษาหญิงมือสั่น สมุดปฐมนิเทศในมือตกลงบนพื้น

นักศึกษาส่วนใหญ่เกรงกลัวตำแหน่งอธิการบดีมาก

ถึงแม้ในพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เฉินจวิ้นเซียนเป็นชายสูงวัยที่ดูใจดี อ่อนโยนกับพวกนักศึกษา แต่พวกเขาก็ยังกลัวอยู่ดี

ก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่ตั้งใจจำเบอร์มือถือของอธิการบดี เพราะไม่กล้าโทรอยู่แล้ว

“ว้าว สุดยอด” รูมเมทดวงตาเบิกโพลง “เทพอิ๋งสุดยอดไปเลย อัญเชิญอธิการบดีของพวกเรามาได้เลยเหรอ”

สถานะของเฉินจวิ้นเซียนในประเทศจีนพอๆ กับสถานะของเกอร์เวนในระดับโลก

ความรู้ของเขาสูงมาก ตีพิมพ์บทความไว้มากมาย หลายตระกูลใหญ่รวมถึงตระกูลจี้ต่างก็ให้ความเคารพ

แต่อิ๋งจื่อจินแค่โทรกริ๊งเดียวก็ขอความช่วยเหลือจากเฉินจวิ้นเซียนได้

มิน่าสีหน้าของเหยียนอันเหอถึงเปลี่ยนไปทันที

ข่าวลือในหอพักมหาวิทยาลัยไปเร็วเสมอ บอกต่อๆ กันไป

ในเวลาแค่ไม่กี่นาทีได้ปรากฏกระทู้ที่เกี่ยวข้องบนเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตู

[รู้กันแล้วใช่ไหมว่าวันนี้เบอร์ที่เทพอิ๋งให้เหยียนอันเหอโทรไปเป็นเบอร์ของใคร มีรูปประกอบ!]

ด้านล่างแนบมาหลายรูป เป็นรูปถ่ายเบอร์ติดต่อเฉินจวิ้นเซียนที่อยู่ในสมุดปฐมนิเทศ

ส่วนรูปอื่นๆ เป็นตอนเหยียนอันเหอหน้าซีดหลังโทรเสร็จ

ถ่ายจังหวะดีมาก ได้มุมตอนเหยียนอันเหอสีหน้าบิดเบี้ยวที่สุด

[อื้อหือ ขำเป็นบ้า เหยียนอันเหอเจอของแข็งเข้าแล้ว เดิมทีนางก็ชอบฟ้องพวกผู้บริหารระดับสูงอยู่แล้ว ทรมานคนมามาก ฉันต้องขอไปทำความรู้จักรุ่นน้องอิ๋งคนนี้หน่อยแล้ว ที่ช่วยล้างแค้นให้ปีสองของพวกเรา]

[เหยียนอันเหอคนคนนี้ จะบอกว่าเก่งนางก็เก่งจริงนะ ได้ทุนการศึกษาหลายหมื่นทุกปี แถมยังเป็นที่หนึ่งของคณะแพทย์ ได้คะแนนเต็ม แต่นางชอบวางอำนาจ อาจเพราะตัวเองเป็นรุ่นพี่ คิดว่าสูงส่ง เลยทำกับพวกน้องใหม่แบบนั้น]

[อะไรคือเพราะเป็นรุ่นพี่ พอเถอะ หลีหานเป็นรุ่นพี่ที่คณะฉัน ปีสามสาขาคอมพิวเตอร์ นั่นก็ที่หนึ่งของชั้นปีเหมือนกัน คะแนนเต็มเหมือนกัน แถมยังเป็นหัวหน้าชมรมโต้วาที รองหัวหน้าชมรมวิทยาศาสตร์ เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยตี้ตูออกไปร่วมแข่งโต้วาทีบ่อยๆ ได้เงินรางวัลตั้งเท่าไร อ้อ ก่อนหน้านี้บทความของรุ่นพี่หลีได้ตีพิมพ์ลงวารสารเอสซีไอด้วย ฉันว่าตอนนี้เหยียนอันเหอเหมือนจะยังไม่เคยลงบทความเลยเหรือเปล่า]

[รุ่นพี่หลีเหมือนเทพอิ๋ง ไม่ใช่คน จำปีที่แล้วที่รุ่นพี่หลีแข่งโต้วาทีกับทีมมหาวิทยาลัยเฮลก้าได้หรือเปล่า ได้ฉายานักโต้วาทีหญิงที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่เล่นๆ นะ]

[ซี้ด ฉันล่ะสงสัยจริงๆ เหยียนอันเหอจิตใจคับแคบขนาดนี้ ต่อไปเป็นหมอจะมีจรรยาบรรณแพทย์หรือเปล่า]

[กลัวแล้วๆ สั่นไปทั้งตัว]

รูมเมทของหลีหานอ่านคอมเมนต์พวกนี้ขณะที่มาร์คหน้าอยู่

“ว้าว หานหาน เธอตกเป็นประเด็นบนเว็บบอร์ดพร้อมเหยียนอันเหออีกแล้ว” ดวงตาเปล่งประกาย

“ครั้งนี้ชมเธอทั้งนั้น ไม่ง่ายเลยนะ ตอนปีหนึ่งเธอโดนด่าอยู่ตั้งนานเพราะเหยียนอันเหอ”

หลีหานขมวดคิ้ว กลุ้มใจ ไม่พูดอะไร

“หานหาน?” รูมเมทหันหน้าขาว “คิดอะไรอยู่”

“ก็ศาสตราจารย์เซวียนั่นแหละ บอกฉันว่า อยากให้ฉันดึงรุ่นน้องอิ๋งมาเข้าคณะเราให้ได้” หลีหานทำหน้าเซ็ง “เธอว่าฝีปากอย่างฉันที่ฝึกโต้วาทีมาสองปีจะโน้มน้าวรุ่นน้องอิ๋งได้หรือเปล่า”

เซวียกั๋วหวาศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์สาขาคอมพิวเตอร์ท่านนี้อยากแย่งตัวมาตลอด

“ไม่ได้หรอก” รูมเมทตอบโดยไม่ต้องคิด พูดอย่างแน่วแน่

“ฉันไปดูคลิปตัดต่อตอนแข่งไอเอสซีมาแล้ว รุ่นน้องอิ๋งอาจพูดแค่คำเดียวก็หยุดอาขยานของเธอได้”

“ฉันก็ว่างั้น” หลีหานเครียด

“อีกอย่างฉันโต้วาทีจนชินแล้ว บางครั้งห้ามตัวเองไม่ให้ย้อนถามอีกฝ่ายไม่ได้”

รูมเมท “…นี่ก็คือสาเหตุที่เธอหาแฟนไม่ได้ไงล่ะ”

โหดไป๊

เช้าวันต่อมา

อิ๋งจื่อจินไปมหาวิทยาลัยตี้ตูอีก

แต่เธอไม่ได้ไปเข้าเรียน ตรงไปห้องทดลองชั้นยอดที่มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างใหม่

ภายในห้องทดลองยังมีพวกศาสตราจารย์คนอื่นอีกนอกจากจั่วหลี

“นักศึกษาอิ๋ง ตอนนี้เธอมีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ของสาขาฟิสิกส์ อาจารย์ได้ยินมาว่าเธอได้ร่วมวิจัยกลศาสตร์ควอนตัมกับศาสตราจารย์เกอร์เวนด้วย” จั่วหลีดันเอกสารไปให้ “นี่เป็นหัวข้อที่ทางศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งมา เธอเลือกเขียนบทความสักหัวข้อนึงนะ”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงียบ

ผ่านไปสักพักเธอถึงพูดขึ้น “อยู่ๆ หนูก็อยากไปอยู่สาขาคอมพิวเตอร์แล้วค่ะ”

จั่วหลีกำลังคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมยังไงให้อิ๋งจื่อจินตีพิมพ์บทความเร็วที่สุด พอได้ยินแบบนี้เขาก็เอามือทาบอกทันที เกือบขิต

“ว่าไงนะ เธอบอกว่าอยากไปอยู่สาขาคอมพิวเตอร์เหรอ!”

สาขาคอมพิวเตอร์กับสาขาฟิสิกส์ของพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตเหมือนน้ำกับไฟ!

ไหนจะตาแก่เซวียกั๋วหวาที่ให้นักศึกษาของตัวเองออกมาช่วยแย่งตัว หน้าไม่อาย

“ค่ะ ไปดูพวกเขา…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย

“คิดค้นคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนคลื่นสมองออกมาเป็นข้อความได้”

จากนั้นเธอคิดอะไรคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นข้อความได้

จั่วหลี “…”

เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินขี้เกียจ นึกไม่ถึงว่าจะขี้เกียจได้ขนาดนี้

ถึงแม้เขาเองก็อยากได้คอมพิวเตอร์แบบนั้นด้วยก็ตาม

“ล้อเล่นค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ “หัวข้อพวกนี้หนูเขียนได้หมดค่ะ”

อย่างไรเสียพวกงานวิจัยวิชาการก็จะขาดบทความตีพิมพ์ไม่ได้

เธอต้องเจอสิ่งที่ฝืนใจยิ่งกว่าเขียนเรียงความตามคาด

“อ่อๆ” หัวใจของจั่วหลีกลับมาเต้นแล้ว “ช่วงนี้เธอยังยุ่งอยู่หรือเปล่า ทางตระกูลจี้เป็นไงบ้าง”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ยังขาดอีกหลายการทดลองค่ะ”

เวินเฟิงเหมียนก็จะสามารถติดสิบอันดับแรกของชาร์ตผลงานได้แล้ว

เนื่องจากการทดลองนั้นที่ทำบนเกาะมีเงื่อนไขเรื่องกำลังคนและทรัพยากรพอสมควร จึงยังไม่ได้เริ่มอีกครั้ง

“ได้ งั้นอาจารย์จะไม่เร่งเธอ” จั่วหลีพยักหน้า “เอาเป็นว่าเธอเขียนให้เสร็จก่อนเดือนกุมภาปีหน้าเป็นพอ วันนี้ไม่มีธุระอะไรแล้วใช่ไหม”

“มีค่ะ ไปใช้กำลัง”

จั่วหลี “?”

บ่ายสี่โมง อิ๋งจื่อจินออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตูไปศูนย์ฝึกของหน่วยอีจื้อ

แท้จริงแล้วที่นั่นเป็นสถานที่ฝึกของสมาชิกฝึกหัดเตรียมพร้อมเข้าหน่วยอีจื้อ

วันนี้เนี่ยอี้ไม่อยู่ ไปโลกจอมยุทธ คนที่รับผิดชอบการฝึกคือหัวหน้าทีมสองและหัวหน้าทีมสาม

พอเห็นอิ๋งจื่อจินมา หัวหน้าทีมสองกับหัวหน้าทีมสามก็เข้าไปหา “คุณอิ๋ง”

เนื่องจากครั้งก่อนแม้แต่ทีมชั้นยอดยังถูกเตือน พวกเขาจึงไม่กล้าให้อิ๋งจื่อจินใช้ใบหน้าจริงไปปรากฏตัวต่อหน้าสมาชิกฝึกหัด

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันเล่นได้หรือยัง”

หัวหน้าทีมสองแอบปาดเหงื่อ

“เล่นก็เล่นได้อยู่หรอกครับ แต่วันนี้หัวหน้าไม่อยู่ เลยอยากให้คุณอิ๋งสาธิตให้พวกเขาดูครับ”

อิ๋งจื่อจินไม่ปฏิเสธ “ได้”

สมาชิกฝึกหัดกลุ่มนี้ของหน่วยอีจื้อมีทั้งหมดแปดร้อยคน สุดท้ายคนที่เข้าหน่วยได้สำเร็จมีจำนวนหนึ่งในยี่สิบก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

พวกเขาก็รู้ว่าวันนี้จะมีผู้บัญชาการมาหนึ่งคน จึงรออยู่ในสนามฝึก

ตอนนี้เป็นเวลาพัก บ้างก็ไปดื่มน้ำ บ้างก็คุยกัน

“หัวหน้าหนิง พวกเราอิจฉานายจริงๆ” สมาชิกฝึกหัดคนหนึ่งพูดขึ้น “พวกเรายังโสดกันอยู่เลย แต่นายมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นสาวเก่งของมหาวิทยาลัยตี้ตูด้วย เป็นดาวมหา’ลัยด้วยหรือเปล่า”

พวกเขาอยู่ทีมเดียวกับหนิงอวี่เจ๋อ เคยเจอเหยียนอันเหออยู่สองสามครั้ง

หนิงอวี่เจ๋อขมวดคิ้ว “ไม่มีอะไรน่าอิจฉาหรอก”

สมาชิกฝึกหัดไปต่อไม่ถูกเลยเปลี่ยนเรื่องคุย “จะว่าไปพวกนายเคยเจอหัวหน้าของพวกเราไหม”

ทุกคนส่ายหน้า

หัวหน้าที่ว่านี้หมายถึงผู้บังคับบัญชาของหน่วยอีจื้อ

มีแค่สมาชิกที่เข้าหน่วยเป็นทางการแล้วถึงจะเจอได้

“ผู้บัญชาการที่มาวันนี้จะใช่หัวหน้าหรือเปล่า” มีคนด้อมๆ มองๆ ทันใดนั้นก็พูดเสียงหลง

“เป็นผู้หญิงเหรอ”

คนอื่นๆ เงยหน้ามองไป ตะลึงเล็กน้อย

จนถึงตอนนี้ภายในหน่วยอีจื้อยังไม่มีสมาชิกผู้หญิงแม้แต่คนเดียว

แต่พวกเขาเห็นหัวหน้าทีมสองดูนอบน้อมกับผู้หญิงคนนั้นมาก จึงพลอยเกรงกลัวไปด้วย

“แต่งตัวมิดชิดขนาดนั้นคงไม่กล้าเจอหน้าผู้คน” สมาชิกฝึกหัดคนเมื่อครู่พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาเป็นว่าสวยสู้แฟนของหัวหน้าหนิงไม่ได้แน่นอน”

“ฉันว่าเพราะสวยมากเลยต้องปิดบังใบหน้าหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเกิดโกลาหลขึ้นมาจะทำไง” สมาชิกฝึกหัดอีกคนค้าน “หัวหน้าหนิงคิดว่าไง”

หนิงอวี่เจ๋อส่ายหน้า ไม่ได้สนใจมาก

เขากำลังส่งข้อความปลอบใจเหยียนอันเหอ

ส่งไปไม่กี่ประโยคก็หมดเวลาพักแล้ว

ต้องคืนโทรศัพท์มือถือแล้วกลับเข้าประจำที่

“พวกนายทุกคน ภารกิจแรกของวันนี้ก็คือยิงเป้า” หัวหน้าทีมสองเอามือไพล่หลัง

“เนื่องจากวันนี้เป็นการฝึก ผลคะแนนฉันจะไม่ตั้งเงื่อนไขอะไรมาก ขอแค่เอาให้ได้ครึ่งของคุณผู้หญิงคนนี้ก็พอแล้ว”

“ผู้บัญชาการ จริงจังเหรอครับ” สมาชิกฝึกหัดคนหนึ่งพูดขึ้น “ยังไงพวกเราก็ต้องได้เกินครึ่งของคุณผู้หญิงคนนี้อยู่แล้วหรือเปล่าครับ”

ถ้าแม้แต่ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้ พวกเขาจะเข้าหน่วยอีจื้อได้ยังไง

แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกฝึกหัดมีความคิดแบบนี้ แม้แต่ยิงเป้าพวกเขายังมีประสบการณ์สิบปีขึ้นไป

ผู้หญิงคนนี้ดูรูปร่างผอมบาง แขนจะรับแรงดีดของปืนได้หรือเปล่าเถอะ

ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนใช้เส้นเข้ามา

หน่วยอีจื้อมีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หัวหน้าทีมสองไม่พูดอะไร ยื่นปืนพกสีเงินให้อิ๋งจื่อจิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 513 เจอของแข็งเข้าแล้ว! เทพอิ๋งสุดยอด

อธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู!

นักศึกษาหญิงมือสั่น สมุดปฐมนิเทศในมือตกลงบนพื้น

นักศึกษาส่วนใหญ่เกรงกลัวตำแหน่งอธิการบดีมาก

ถึงแม้ในพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เฉินจวิ้นเซียนเป็นชายสูงวัยที่ดูใจดี อ่อนโยนกับพวกนักศึกษา แต่พวกเขาก็ยังกลัวอยู่ดี

ก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่ตั้งใจจำเบอร์มือถือของอธิการบดี เพราะไม่กล้าโทรอยู่แล้ว

“ว้าว สุดยอด” รูมเมทดวงตาเบิกโพลง “เทพอิ๋งสุดยอดไปเลย อัญเชิญอธิการบดีของพวกเรามาได้เลยเหรอ”

สถานะของเฉินจวิ้นเซียนในประเทศจีนพอๆ กับสถานะของเกอร์เวนในระดับโลก

ความรู้ของเขาสูงมาก ตีพิมพ์บทความไว้มากมาย หลายตระกูลใหญ่รวมถึงตระกูลจี้ต่างก็ให้ความเคารพ

แต่อิ๋งจื่อจินแค่โทรกริ๊งเดียวก็ขอความช่วยเหลือจากเฉินจวิ้นเซียนได้

มิน่าสีหน้าของเหยียนอันเหอถึงเปลี่ยนไปทันที

ข่าวลือในหอพักมหาวิทยาลัยไปเร็วเสมอ บอกต่อๆ กันไป

ในเวลาแค่ไม่กี่นาทีได้ปรากฏกระทู้ที่เกี่ยวข้องบนเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตู

[รู้กันแล้วใช่ไหมว่าวันนี้เบอร์ที่เทพอิ๋งให้เหยียนอันเหอโทรไปเป็นเบอร์ของใคร มีรูปประกอบ!]

ด้านล่างแนบมาหลายรูป เป็นรูปถ่ายเบอร์ติดต่อเฉินจวิ้นเซียนที่อยู่ในสมุดปฐมนิเทศ

ส่วนรูปอื่นๆ เป็นตอนเหยียนอันเหอหน้าซีดหลังโทรเสร็จ

ถ่ายจังหวะดีมาก ได้มุมตอนเหยียนอันเหอสีหน้าบิดเบี้ยวที่สุด

[อื้อหือ ขำเป็นบ้า เหยียนอันเหอเจอของแข็งเข้าแล้ว เดิมทีนางก็ชอบฟ้องพวกผู้บริหารระดับสูงอยู่แล้ว ทรมานคนมามาก ฉันต้องขอไปทำความรู้จักรุ่นน้องอิ๋งคนนี้หน่อยแล้ว ที่ช่วยล้างแค้นให้ปีสองของพวกเรา]

[เหยียนอันเหอคนคนนี้ จะบอกว่าเก่งนางก็เก่งจริงนะ ได้ทุนการศึกษาหลายหมื่นทุกปี แถมยังเป็นที่หนึ่งของคณะแพทย์ ได้คะแนนเต็ม แต่นางชอบวางอำนาจ อาจเพราะตัวเองเป็นรุ่นพี่ คิดว่าสูงส่ง เลยทำกับพวกน้องใหม่แบบนั้น]

[อะไรคือเพราะเป็นรุ่นพี่ พอเถอะ หลีหานเป็นรุ่นพี่ที่คณะฉัน ปีสามสาขาคอมพิวเตอร์ นั่นก็ที่หนึ่งของชั้นปีเหมือนกัน คะแนนเต็มเหมือนกัน แถมยังเป็นหัวหน้าชมรมโต้วาที รองหัวหน้าชมรมวิทยาศาสตร์ เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยตี้ตูออกไปร่วมแข่งโต้วาทีบ่อยๆ ได้เงินรางวัลตั้งเท่าไร อ้อ ก่อนหน้านี้บทความของรุ่นพี่หลีได้ตีพิมพ์ลงวารสารเอสซีไอด้วย ฉันว่าตอนนี้เหยียนอันเหอเหมือนจะยังไม่เคยลงบทความเลยเหรือเปล่า]

[รุ่นพี่หลีเหมือนเทพอิ๋ง ไม่ใช่คน จำปีที่แล้วที่รุ่นพี่หลีแข่งโต้วาทีกับทีมมหาวิทยาลัยเฮลก้าได้หรือเปล่า ได้ฉายานักโต้วาทีหญิงที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่เล่นๆ นะ]

[ซี้ด ฉันล่ะสงสัยจริงๆ เหยียนอันเหอจิตใจคับแคบขนาดนี้ ต่อไปเป็นหมอจะมีจรรยาบรรณแพทย์หรือเปล่า]

[กลัวแล้วๆ สั่นไปทั้งตัว]

รูมเมทของหลีหานอ่านคอมเมนต์พวกนี้ขณะที่มาร์คหน้าอยู่

“ว้าว หานหาน เธอตกเป็นประเด็นบนเว็บบอร์ดพร้อมเหยียนอันเหออีกแล้ว” ดวงตาเปล่งประกาย

“ครั้งนี้ชมเธอทั้งนั้น ไม่ง่ายเลยนะ ตอนปีหนึ่งเธอโดนด่าอยู่ตั้งนานเพราะเหยียนอันเหอ”

หลีหานขมวดคิ้ว กลุ้มใจ ไม่พูดอะไร

“หานหาน?” รูมเมทหันหน้าขาว “คิดอะไรอยู่”

“ก็ศาสตราจารย์เซวียนั่นแหละ บอกฉันว่า อยากให้ฉันดึงรุ่นน้องอิ๋งมาเข้าคณะเราให้ได้” หลีหานทำหน้าเซ็ง “เธอว่าฝีปากอย่างฉันที่ฝึกโต้วาทีมาสองปีจะโน้มน้าวรุ่นน้องอิ๋งได้หรือเปล่า”

เซวียกั๋วหวาศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์สาขาคอมพิวเตอร์ท่านนี้อยากแย่งตัวมาตลอด

“ไม่ได้หรอก” รูมเมทตอบโดยไม่ต้องคิด พูดอย่างแน่วแน่

“ฉันไปดูคลิปตัดต่อตอนแข่งไอเอสซีมาแล้ว รุ่นน้องอิ๋งอาจพูดแค่คำเดียวก็หยุดอาขยานของเธอได้”

“ฉันก็ว่างั้น” หลีหานเครียด

“อีกอย่างฉันโต้วาทีจนชินแล้ว บางครั้งห้ามตัวเองไม่ให้ย้อนถามอีกฝ่ายไม่ได้”

รูมเมท “…นี่ก็คือสาเหตุที่เธอหาแฟนไม่ได้ไงล่ะ”

โหดไป๊

เช้าวันต่อมา

อิ๋งจื่อจินไปมหาวิทยาลัยตี้ตูอีก

แต่เธอไม่ได้ไปเข้าเรียน ตรงไปห้องทดลองชั้นยอดที่มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งสร้างใหม่

ภายในห้องทดลองยังมีพวกศาสตราจารย์คนอื่นอีกนอกจากจั่วหลี

“นักศึกษาอิ๋ง ตอนนี้เธอมีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ของสาขาฟิสิกส์ อาจารย์ได้ยินมาว่าเธอได้ร่วมวิจัยกลศาสตร์ควอนตัมกับศาสตราจารย์เกอร์เวนด้วย” จั่วหลีดันเอกสารไปให้ “นี่เป็นหัวข้อที่ทางศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งมา เธอเลือกเขียนบทความสักหัวข้อนึงนะ”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงียบ

ผ่านไปสักพักเธอถึงพูดขึ้น “อยู่ๆ หนูก็อยากไปอยู่สาขาคอมพิวเตอร์แล้วค่ะ”

จั่วหลีกำลังคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมยังไงให้อิ๋งจื่อจินตีพิมพ์บทความเร็วที่สุด พอได้ยินแบบนี้เขาก็เอามือทาบอกทันที เกือบขิต

“ว่าไงนะ เธอบอกว่าอยากไปอยู่สาขาคอมพิวเตอร์เหรอ!”

สาขาคอมพิวเตอร์กับสาขาฟิสิกส์ของพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตเหมือนน้ำกับไฟ!

ไหนจะตาแก่เซวียกั๋วหวาที่ให้นักศึกษาของตัวเองออกมาช่วยแย่งตัว หน้าไม่อาย

“ค่ะ ไปดูพวกเขา…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย

“คิดค้นคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนคลื่นสมองออกมาเป็นข้อความได้”

จากนั้นเธอคิดอะไรคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นข้อความได้

จั่วหลี “…”

เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินขี้เกียจ นึกไม่ถึงว่าจะขี้เกียจได้ขนาดนี้

ถึงแม้เขาเองก็อยากได้คอมพิวเตอร์แบบนั้นด้วยก็ตาม

“ล้อเล่นค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ “หัวข้อพวกนี้หนูเขียนได้หมดค่ะ”

อย่างไรเสียพวกงานวิจัยวิชาการก็จะขาดบทความตีพิมพ์ไม่ได้

เธอต้องเจอสิ่งที่ฝืนใจยิ่งกว่าเขียนเรียงความตามคาด

“อ่อๆ” หัวใจของจั่วหลีกลับมาเต้นแล้ว “ช่วงนี้เธอยังยุ่งอยู่หรือเปล่า ทางตระกูลจี้เป็นไงบ้าง”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ยังขาดอีกหลายการทดลองค่ะ”

เวินเฟิงเหมียนก็จะสามารถติดสิบอันดับแรกของชาร์ตผลงานได้แล้ว

เนื่องจากการทดลองนั้นที่ทำบนเกาะมีเงื่อนไขเรื่องกำลังคนและทรัพยากรพอสมควร จึงยังไม่ได้เริ่มอีกครั้ง

“ได้ งั้นอาจารย์จะไม่เร่งเธอ” จั่วหลีพยักหน้า “เอาเป็นว่าเธอเขียนให้เสร็จก่อนเดือนกุมภาปีหน้าเป็นพอ วันนี้ไม่มีธุระอะไรแล้วใช่ไหม”

“มีค่ะ ไปใช้กำลัง”

จั่วหลี “?”

บ่ายสี่โมง อิ๋งจื่อจินออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตูไปศูนย์ฝึกของหน่วยอีจื้อ

แท้จริงแล้วที่นั่นเป็นสถานที่ฝึกของสมาชิกฝึกหัดเตรียมพร้อมเข้าหน่วยอีจื้อ

วันนี้เนี่ยอี้ไม่อยู่ ไปโลกจอมยุทธ คนที่รับผิดชอบการฝึกคือหัวหน้าทีมสองและหัวหน้าทีมสาม

พอเห็นอิ๋งจื่อจินมา หัวหน้าทีมสองกับหัวหน้าทีมสามก็เข้าไปหา “คุณอิ๋ง”

เนื่องจากครั้งก่อนแม้แต่ทีมชั้นยอดยังถูกเตือน พวกเขาจึงไม่กล้าให้อิ๋งจื่อจินใช้ใบหน้าจริงไปปรากฏตัวต่อหน้าสมาชิกฝึกหัด

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันเล่นได้หรือยัง”

หัวหน้าทีมสองแอบปาดเหงื่อ

“เล่นก็เล่นได้อยู่หรอกครับ แต่วันนี้หัวหน้าไม่อยู่ เลยอยากให้คุณอิ๋งสาธิตให้พวกเขาดูครับ”

อิ๋งจื่อจินไม่ปฏิเสธ “ได้”

สมาชิกฝึกหัดกลุ่มนี้ของหน่วยอีจื้อมีทั้งหมดแปดร้อยคน สุดท้ายคนที่เข้าหน่วยได้สำเร็จมีจำนวนหนึ่งในยี่สิบก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

พวกเขาก็รู้ว่าวันนี้จะมีผู้บัญชาการมาหนึ่งคน จึงรออยู่ในสนามฝึก

ตอนนี้เป็นเวลาพัก บ้างก็ไปดื่มน้ำ บ้างก็คุยกัน

“หัวหน้าหนิง พวกเราอิจฉานายจริงๆ” สมาชิกฝึกหัดคนหนึ่งพูดขึ้น “พวกเรายังโสดกันอยู่เลย แต่นายมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นสาวเก่งของมหาวิทยาลัยตี้ตูด้วย เป็นดาวมหา’ลัยด้วยหรือเปล่า”

พวกเขาอยู่ทีมเดียวกับหนิงอวี่เจ๋อ เคยเจอเหยียนอันเหออยู่สองสามครั้ง

หนิงอวี่เจ๋อขมวดคิ้ว “ไม่มีอะไรน่าอิจฉาหรอก”

สมาชิกฝึกหัดไปต่อไม่ถูกเลยเปลี่ยนเรื่องคุย “จะว่าไปพวกนายเคยเจอหัวหน้าของพวกเราไหม”

ทุกคนส่ายหน้า

หัวหน้าที่ว่านี้หมายถึงผู้บังคับบัญชาของหน่วยอีจื้อ

มีแค่สมาชิกที่เข้าหน่วยเป็นทางการแล้วถึงจะเจอได้

“ผู้บัญชาการที่มาวันนี้จะใช่หัวหน้าหรือเปล่า” มีคนด้อมๆ มองๆ ทันใดนั้นก็พูดเสียงหลง

“เป็นผู้หญิงเหรอ”

คนอื่นๆ เงยหน้ามองไป ตะลึงเล็กน้อย

จนถึงตอนนี้ภายในหน่วยอีจื้อยังไม่มีสมาชิกผู้หญิงแม้แต่คนเดียว

แต่พวกเขาเห็นหัวหน้าทีมสองดูนอบน้อมกับผู้หญิงคนนั้นมาก จึงพลอยเกรงกลัวไปด้วย

“แต่งตัวมิดชิดขนาดนั้นคงไม่กล้าเจอหน้าผู้คน” สมาชิกฝึกหัดคนเมื่อครู่พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาเป็นว่าสวยสู้แฟนของหัวหน้าหนิงไม่ได้แน่นอน”

“ฉันว่าเพราะสวยมากเลยต้องปิดบังใบหน้าหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเกิดโกลาหลขึ้นมาจะทำไง” สมาชิกฝึกหัดอีกคนค้าน “หัวหน้าหนิงคิดว่าไง”

หนิงอวี่เจ๋อส่ายหน้า ไม่ได้สนใจมาก

เขากำลังส่งข้อความปลอบใจเหยียนอันเหอ

ส่งไปไม่กี่ประโยคก็หมดเวลาพักแล้ว

ต้องคืนโทรศัพท์มือถือแล้วกลับเข้าประจำที่

“พวกนายทุกคน ภารกิจแรกของวันนี้ก็คือยิงเป้า” หัวหน้าทีมสองเอามือไพล่หลัง

“เนื่องจากวันนี้เป็นการฝึก ผลคะแนนฉันจะไม่ตั้งเงื่อนไขอะไรมาก ขอแค่เอาให้ได้ครึ่งของคุณผู้หญิงคนนี้ก็พอแล้ว”

“ผู้บัญชาการ จริงจังเหรอครับ” สมาชิกฝึกหัดคนหนึ่งพูดขึ้น “ยังไงพวกเราก็ต้องได้เกินครึ่งของคุณผู้หญิงคนนี้อยู่แล้วหรือเปล่าครับ”

ถ้าแม้แต่ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้ พวกเขาจะเข้าหน่วยอีจื้อได้ยังไง

แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกฝึกหัดมีความคิดแบบนี้ แม้แต่ยิงเป้าพวกเขายังมีประสบการณ์สิบปีขึ้นไป

ผู้หญิงคนนี้ดูรูปร่างผอมบาง แขนจะรับแรงดีดของปืนได้หรือเปล่าเถอะ

ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนใช้เส้นเข้ามา

หน่วยอีจื้อมีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

หัวหน้าทีมสองไม่พูดอะไร ยื่นปืนพกสีเงินให้อิ๋งจื่อจิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+