คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 536 ตกม้าอีกครั้ง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 536 ตกม้าอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 536 ตกม้าอีกครั้ง

เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยตี้ตูดูแลโดยสภานักศึกษา แต่ก็มีแอดมินทางการที่เป็นของส่วนในมหาวิทยาลัย

นักศึกษาเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูเล่นแค่เว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่ค่อยสนใจโซเชียลอื่นๆ อย่างเช่นเวยปั๋ว

อย่างไรเสียคนดีคนเลวก็ปะปนกันไป วุ่นวายเละเทะ

ในเว็บบอร์ดนอกจากจะมีการคุยสัพเพเหระประจำวันทั่วไปแล้ว ที่มากกว่านั้นคือข้อมูลการเรียน

ปกติพวกนักศึกษาจะมาอวดคะแนนกัน คุยข่มทับกัน พบเจอกระทู้แฉแบบนี้ได้ยากมาก

ครั้นแล้วเมื่อรวมกับกระทู้ลงโทษที่เป็นทางการสองกระทู้ก็ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย

คอมเมนต์ 1 : [เจ้าของกระทู้รู้ข่าววงใน ขอโพสต์รูปให้ทุกคนดูก่อนแล้วกัน ตอนปีสองพันสิบเก้าที่เหยียนอันเหออยู่ปีหนึ่ง นี่เป็นรูปบันทึกการสนทนาที่นางไปอ่อยประธานสภานักศึกษาแล้วไปข่มขู่แฟนของเขา]

ด้านล่างเป็นรูปที่แคปหน้าจอมาหลายรูป

คอมเมนต์ 2 : [เหยียนอันเหอเข้ามหา’ลัยตอนปีสองพันสิบเก้า ประธานสภานักศึกษาในตอนนั้นตอนนี้ไปอยู่เมืองนอกแล้ว แต่ดูจากที่นางคุย ตอนนั้นนางไม่ได้คบกับหัวหน้าหนิงอวี่เจ๋ออยู่เหรอ]

คอมเมนต์ 3 : [จับปลาสองมือน่ะสิ บอกเลยนะ นางก็ไม่ได้ชอบประธานสภานักศึกษาคนนั้นหรอก ก็แค่เห็นเป็นบันไดให้เหยียบ ไม่งั้นพวกเธอคิดว่านางจะขึ้นเป็นประธานสภานักศึกษาตั้งแต่อยู่ปีสองได้ยังไง]

กฎของสภานักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นแบบนี้มาตลอด

นักศึกษาปีหนึ่งเป็นสมาชิกฝ่าย ปีสองเป็นหัวหน้าฝ่าย ปีสามถึงจะลงชิงเป็นประธานสภานักศึกษาได้

คอมเมนต์ 293 : [ในที่สุดก็มีคนแฉนังกะหรี่คนนี้แล้ว น่าขยะแขยงมาก แถมยังชอบแย่งแฟนคนอื่น บอกว่าแย่งมาถึงจะสนุก]

คอมเมนต์ 294 : [ยังมีอีกนะ นางแอบเล่นงานเพื่อนรุ่นเดียวกันด้วยเพื่อทุนการศึกษา สงสัยจะเล่นสกปรกจนชิน พอเห็นรุ่นน้องอิ๋งเลยอิจฉาขึ้นมาอีกสินะ วางแผนเล่นสกปรกอีก แต่ไม่รู้จักคิดว่ารุ่นน้องอิ๋งเป็นใคร]

คอมเมนต์ 295 : [คอมเมนต์บน เห็นได้ชัดว่าเทพอิ๋งไม่ใช่คน]

คอมเมนต์ 296 : [ขอรูปเยอะๆ เน็ตฉันไม่อั้น กดดูได้ตลอด]

นักศึกษาคนอื่นเข้ามาอ่านอย่างสนุกสนาน ไม่นานคอมเมนต์ก็ขึ้นหลักพัน

ส่วนบรรดานักศึกษาที่อยู่ในศูนย์กิจกรรมก็อ่านกระทู้พลางชี้มาที่เหยียนอันเหอ

โดยเฉพาะนักศึกษาปีหนึ่งและสอง ต่างรู้สึกตะลึง

พวกเขาไม่คาดคิดว่าเหยียนอันเหอจะเป็นคนแบบนี้

เหยียนอันเหอมือสั่น เริ่มจับโทรศัพท์มือถือไม่ไหว

เธอมือสั่นกดหาเบอร์ของหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์จากสมุดโทรศัพท์แล้วโทรออกทันที กัดฟันพูด “เร็วเข้า รีบลบกระทู้นั้นให้ฉันเดี๋ยวนี้! ใครอนุญาตให้มีกระทู้ของฉันขึ้นเว็บบอร์ด!”

สภานักศึกษายุ่งกับกระทู้ทางการไม่ได้ แต่กระทู้ที่นักศึกษาโพสต์เองแบบนี้ สภานักศึกษาบล็อกได้

“เหยียนอันเหอ อ่านประกาศที่ทางมหาวิทยาลัยโพสต์ไม่แตกเหรอ” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์แค้นมานาน พอได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้ม “เธอไม่ใช่ประธานสภานักศึกษาแล้ว ไม่มีสิทธิ์สั่งนั่นสั่งนี่”

เดิมทีสภานักศึกษาก็เป็นการก่อตั้งของนักศึกษาอยู่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยไม่มีทางเข้าไปยุ่ง

กอปรกับเหยียนอันเหอเสแสร้งจนชิน ชอบทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายต่อหน้าพวกผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย

“ลบกระทู้ ทำไมต้องลบด้วย” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดต่อ “นี่มันเรื่องที่เธอเคยทำทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”

เหยียนอันเหอโมโหจนขาดสติ ตะคอกใส่ “แบบนี้มันเป็นการคุกคามในโลกออนไลน์! ฉันจะฟ้องพวกเธอ!”

ต่อมาก็มีการเคลื่อนไหวในกระทู้นั้นอีก

คอมเมนต์ 1654 : [เหยียนอันเหอให้ลบกระทู้ บอกว่าถ้าไม่ลบมันคือการคุกคามในโลกออนไลน์ ขำเป็นบ้า]

คอมเมนต์นี้มีการโพสต์สติกเกอร์ที่ตัดต่อเอารูปเหยียนอันเหอมาแปะ

เหยียนอันเหอ ‘พวกเขาคุกคามฉัน!’

ชาวเน็ต ‘คุกคามยังไงเหรอ’

เหยียนอันเหอ ‘พวกเขาเอาเรื่องที่ฉันเคยทำมาเล่า’

คอมเมนต์ 1655 : [แบ่งๆ กันดูน่า]

เหยียนอันเหอไม่รู้ว่าตัวเองออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตูกลับถึงบ้านได้อย่างไร

เธอรู้สึกเพียงว่าเย็นเฉียบไปทั้งตัว ปากสั่นฟันกระทบกัน

จบสิ้นแล้ว

ชื่อเสียงที่เธอสั่งสมมาด้วยความลำบากพังหมดแล้ว

ตอนนี้เหยียนอันเหอลนลานขึ้นมาจริงๆ “ป้าคะ หนูจะทำไงดีคะ”

“ตอนนี้เธอถูกคุมประพฤติ แถมยังถูกพักการเรียน เทอมนี้ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว” เหยียนรั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ ตั้งใจเตรียมสอบเลื่อนระดับของสมาพันธ์โอสถ”

โลกแพทย์แผนโบราณปิดกั้นต่อโลกภายนอก และก็ไม่มีทางสนใจเรื่องการลงโทษของมหาวิทยาลัยตี้ตู

แต่เหยียนรั่วเสวี่ยก็ยังคงโมโหมาก

เธอทนไม่ไหว ตบเหยียนอันเหอไปหนึ่งทีพร้อมดุ “ไม่ได้เรื่อง เธอได้เป็นถึงประธานสภานักศึกษาแล้ว ตอนเล่นงานคนอื่นทำไมถึงไม่รู้จักระวังหน่อย”

ไม่ถูกจับได้ย่อมเป็นเรื่องดี

แต่พอถูกจับได้ก็จะพังพินาศทั้งหมด ทำเธอขายหน้าอีกต่างหาก

เหยียนอันเหอเอามือจับหน้า พูดเสียงสะอื้น “หนูไม่รู้ว่ายัยนั่นติดกล้องเอาไว้ด้วย และก็ไม่รู้ว่าเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนั้น…”

ยังไม่ทันที่เธอจะได้ลงมืออะไรมาก แผนก็ล่มก่อนแล้ว

เมื่อก่อนเธอก็เคยทำเรื่องแบบนี้ ใช้วิธีเดียวกัน บีบให้เพื่อนคณะแพทย์รุ่นเดียวกันถอนตัวได้สำเร็จ

เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ แถมเธอยังทำได้แนบเนียน ต่อมานักศึกษาหญิงคนนั้นก็เป็นโรคซึมเศร้าจนต้องลาออก

ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้เธอจะเจอของแข็งเข้าแล้ว

เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน แต่กลับแตกต่างมากขนาดนี้

“ประมาทเด็กคนนั้นเกินไป” เหยียนรั่วเสวี่ยหายใจแรง “เลี่ยงเจอเด็กคนนั้นก่อนที่ป้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลจี้ ได้ยินไหม”

เหยียนอันเหอพยักหน้าเงียบๆ

อย่างไรซะเธอก็จะไปสมาพันธ์โอสถแล้ว ไม่มีทางได้เจออิ๋งจื่อจิน

เนื่องจากอิ๋งจื่อจินมาพักเป็นครั้งที่สองแล้ว เย็นวันนี้ครอบครัวเยี่ยก็เลยจัดงานเลี้ยง

คนในครอบครัวเยี่ยก็พลอยได้กินดีไปหนึ่งมื้อ พวกเด็กๆ จึงรู้สึกดีกับอิ๋งจื่อจินมาก

ครั้งก่อนก็มีคนในตระกูลเยี่ยถาม นายใหญ่เยี่ยบอกแค่ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนในครอบครัวของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ตอนไปโลกปุถุชนครั้งก่อน

ตอนนี้ครอบครัวนั้นล้มไปแล้ว จึงส่งอิ๋งจื่อจินมา ฝากให้ช่วยดูแล

คำพูดนี้ไม่ได้โกหก ฟู่อวิ๋นเซินเคยช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ

ประวัติก่อตั้งตระกูลเยี่ยสั้นกว่าตระกูลจี้ มีแค่แปดสิบปี

นายใหญ่เยี่ยเป็นนายใหญ่รุ่นที่สอง ตระกูลเยี่ยเพิ่งสืบทอดได้ไม่กี่รุ่น ปัญหาจึงน้อย การแก่งแย่งชิงดีมีไม่มาก

บ้านตระกูลเยี่ยอยู่ห่างจากทางเข้าโลกจอมยุทธ์ไกลมาก สมาชิกในตระกูลบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอินเตอร์เน็ตคืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นไม่สนใจโลกภายนอก ย่อมไม่มีทางลงทุนไปสืบดู

“พี่สาว พี่สาว” เด็กน้อยตัวกลมวิ่งมาจากโต๊ะตรงข้าม ขาป้อมๆ เสียงออดอ้อน “พี่สาว ให้ลูกอม”

วันนี้เขาได้กินเนื้อแสนอร่อย เนื้อแบบนี้ปกติจะได้กินตอนปีใหม่เท่านั้น

แม่เขาบอกว่าได้กินเพราะพี่สาวคนนี้ เขาเลยอยากขอบคุณเธอ

เยี่ยหลิงตกใจ รีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “คุณอิ๋ง เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันเองค่ะ ยังเด็กมาก อย่าไปสนใจเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินรับลูกอมเม็ดนั้นมาแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มเด็กน้อย ครุ่นคิดพลางพูดขึ้น “น่ารักจัง”

นุ่มนิ่ม แตกต่างจากตอนจิ้มแก้มฟู่อวิ๋นเซิน

“เขารู้จักแต่กิน” เยี่ยหลิงปวดหัว เอาเนื้อของตัวเองให้น้องชาย “ป้าสะใภ้ฉันกลัวว่าวันไหนเขาจะถูกหลอกไป ไม่กล้าให้ออกไปไหนเลย”

เด็กน้อยถือเนื้อกลับไปด้วยความดีใจ

ลูกอมหนึ่งเม็ดแลกเนื้อได้หนึ่งจาน คุ้มจริงๆ

อวิ๋นซานที่อยู่ด้านหลังอิ๋งจื่อจินล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาเงียบๆ แอบถ่ายเด็กอ้วนคนนั้นสองแชะแล้วส่งให้ฟู่อวิ๋นเซิน

[รายงานคุณชายครับ! คุณอิ๋งบอกว่าเด็กน้อยน่ารัก!]

อวิ๋นซานส่งเสร็จก็คิดในใจ เขาช่างเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเสียจริง

นับตั้งแต่มาติดตามอิ๋งจื่อจิน เขาก็เปลี่ยนจากบอดี้การ์ดเป็นตากล้องเคลื่อนที่แล้ว

หลังจากงานเลี้ยงจบลง เยี่ยหลิงก็กลับเรือนพร้อมอิ๋งจื่อจิน

“ครั้งก่อนคุณอิ๋งบอกว่าเดิมทีแพทย์แผนโบราณกับจอมยุทธ์ก็มีรากเหง้าเดียวกัน ช่วงหลายเดือนมานี้ฉันลองฝึกดูแล้ว ดูเหมือนจะจับทางได้แล้วค่ะ” ระหว่างทางอยู่ๆ เยี่ยหลิงก็ประสานมือคารวะ “ขอบคุณคุณอิ๋งที่ชี้แนะค่ะ”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็เงยหน้าแล้วพยักหน้า “ฉันไม่ได้ชี้แนะ แต่ก็ยินดีด้วย”

“ไม่ว่ายังไงก็เป็นเพราะคุณอิ๋งที่ทำให้ฉันพบทางสว่าง” เยี่ยหลิงขอบคุณอีกครั้ง “พรุ่งนี้ฉันจะไปสมาพันธ์โอสถ น่าจะผ่านการทดสอบของระดับหนึ่งได้ค่ะ”

ถึงแม้เธอจะเข้าสมาพันธ์โอสถแล้ว แต่ก็เป็นแค่สมาชิกระดับหนึ่งที่ต่ำสุด

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ฉันไปด้วย อยากซื้อสมุนไพรบางอย่าง”

ระยะนี้ฟู่อวิ๋นเซินฝันร้ายบ่อยขึ้น สัปดาห์ละครั้งได้

ช่วงนี้อวี้เสวี่ยเซิงไม่อยู่ประเทศจีน ให้เขามาสะกดจิตรักษาไม่ได้

เธอเลยต้องซื้อพวกสมุนไพรหายากที่ช่วยในการนอนหลับ เอามาทำถุงหอมให้เขา

“ได้ค่ะ” เยี่ยหลิงไม่ถามอะไรมาก “ในเมื่อคุณอิ๋งไปด้วย ฉันจะไปขอทีมคุ้มกันจากคุณพ่อค่ะ”

ขณะที่ทั้งสองคนเดินอยู่ก็มีเงาของใครคนหนึ่งปรากฏตรงหน้า จ้องมาที่อิ๋งจื่อจินด้วยสายตาอาฆาต

พอเยี่ยหลิงเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ระแวง “เยี่ยหล่าง คิดจะทำอะไร นายไม่มีกำลังภายในแล้ว อย่าคิดจะโทษคุณอิ๋งนะ”

เยี่ยหล่างแสยะยิ้ม “ทำไมจะโทษไม่ได้ ก็ในเมื่อมันเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนี้!”

เกือบครึ่งปีแล้ว เขาก็ยังรับไม่ได้

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า จำไม่ได้ “เขาเป็นใครเหรอ”

อวิ๋นซานเองก็งง ลองเสนอความคิด “อาจเป็นไอ้โง่สักคนที่เคยถูกคุณอิ๋งสั่งสอนให้เป็นคนหรือเปล่าครับ”

เยอะเหลือเกิน เขาเองก็จำไม่ได้

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ไม่สนใจ เดินตรงเข้าเรือน

เยี่ยหลิงพูดเตือนอีกครั้ง “เยี่ยหล่าง อย่าได้คิดเล่นตุกติกเชียวนะ”

เยี่ยหล่างหน้าบึ้ง กลับเรือนตัวเองโดยไม่พูดอะไร

นับตั้งแต่ถูกอิ๋งจื่อจินสั่งสอนนอกสนามฝึกเมื่อเดือนมิถุนายน นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว จนถึงตอนนี้กำลังภายในของเขาก็ยังไม่ฟื้นกลับมา

ไม่ว่าจะไปโลกแพทย์แผนโบราณมากี่รอบ หมอแผนโบราณเหล่านั้นต่างก็บอกว่าเขาไม่มีพรสวรรค์จอมยุทธ์

เหลวไหลสิ้นดี!

เยี่ยหล่างแน่ใจได้ว่าเป็นอิ๋งจื่อจินที่ถอนกำลังภายในของเขา ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน

แต่จุดที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ ไม่มีใครเป็นพยานให้เขาได้

“พ่อครับ” เยี่ยหล่างเรียกเสียงขรึม “ผู้หญิงคนนั้นอุตส่าห์กลับมาที่โลกจอมยุทธ์อีกครั้งแล้ว ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงก็ห้ามปล่อยไปนะครับ”

“พ่อเข้าใจความหมายของแก” อารองเยี่ยถูกยึดอำนาจควบคุมทีมคุ้มกันไปก็อารมณ์ไม่สู้ดีนัก “ฉันจ้างพวกจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งไว้แล้ว”

“แต่ว่าเธอเป็นจอมยุทธ์จริงๆ นะครับ” เยี่ยหล่างพูดต่อ “ขนาดผมเธอยังถอนวรยุทธ์ได้ พ่อห้ามประมาทเด็ดขาด”

“วางใจเถอะ จอมยุทธ์ที่ฉันจ้างมีวรยุทธ์ยี่สิบปีขึ้นไป เด็กคนนั้นเพิ่งจะอายุเท่าไร ยังไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำ” อารองเยี่ยส่ายมือ “ได้ ฟังจากที่แกพูด ต่อให้เธอเก่งกาจแค่ไหน มีวรยุทธ์ยี่สิบปีได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”

จอมยุทธ์หลายคนโตเป็นผู้ใหญ่ถึงจะรวบรวมกำลังภายในได้

อายุยี่สิบปีมีวรยุทธ์สิบปีต่างถูกเรียกว่าเป็นคนเก่ง

อีกทั้งผู้หญิงที่ฝึกวรยุทธ์ก็อ่อนแอกว่าผู้ชายมาตลอด

คิดจริงเหรอว่าทุกคนจะเหมือนเซี่ยเนี่ยน เหมือนหลินชิงจยา เหมือนเย่ว์ฝูอี

ยีนและทรัพยากรของสามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย และเย่ว์ก็บ่มเพาะคนเก่งๆ ออกมาได้แค่ไม่กี่คน

อารองเยี่ยจึงไม่คิดแบบนั้น

“เมื่อกี้แกบอกว่าพรุ่งนี้เยี่ยหลิงจะพาอิ๋งจื่อจินไปสมาพันธ์โอสถด้วย” อารองเยี่ยหรี่ตา “ก็พอดี กำจัดทั้งคู่ไปเลย”

เมื่อเขากำจัดลูกของนายใหญ่ตระกูลเยี่ยหมด ตระกูลเยี่ยก็จะเป็นของเขาแล้ว

เช้าวันต่อมา

อวิ๋นซานตามอิ๋งจื่อจินไปที่สมาพันธ์โอสถ

อิ๋งจื่อจินไปซื้อยาที่คลังสมุนไพร หยิบป้ายอนุญาตที่ได้จากครั้งก่อนออกมา

เยี่ยหลิงเห็นคำว่า ‘สวรรค์’ บนนั้น

เธอเกือบสะดุ้งตกใจ “คุณอิ๋งมีป้ายระดับสวรรค์เลยเหรอคะ”

ป้ายอนุญาตระดับสวรรค์ของสมาพันธ์โอสถไม่ถือว่าหายาก และก็ไม่ได้มีเรียงลำดับ

ขอแค่ขายยาให้สมาพันธ์โอสถจำนวนหนึ่ง หรือใช้จ่ายในระดับหนึ่ง ก็จะสามารถครอบครองได้

เงื่อนไขหลังแค่มีเงินก็ได้มาแล้ว

อย่าว่าแต่ตระกูลใหญ่เลย ต่อให้เป็นตระกูลหลิงก็มีป้ายอนุญาตระดับสวรรค์อยู่สิบกว่าอัน

คนที่ได้มาแบบเงื่อนไขแรกค่อนข้างน้อย

แต่ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเยี่ยไม่มีทั้งยาและเงิน มีแค่ป้ายพิภพอันเดียว

ป้ายระดับสวรรค์มีอำนาจมากกว่า

สมุนไพรบางอย่างให้แค่ป้ายระดับสวรรค์ซื้อเท่านั้น

“อืม” อิ๋งจื่อจินโยนป้ายในมือเล่น “เก็บได้ข้างทางน่ะ”

เยี่ยหลิง “…”

อวิ๋นซานมองท้องฟ้าเงียบๆ

เขาชินแล้ว

ตรงจุดไม่ไกลออกไป

เหยียนอันเหอเดินอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เดินไปยิ้มไป

“นั่นสิ แค่คนโลกภายนอกที่รักษาคนได้ ก็แค่เคยได้ยินชื่อสมาพันธ์โอสถ คิดว่าจะเข้ามาที่นี่ได้เหรอ”

“คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงในโลกภายนอกก็ทำตัวผยองแล้ว หารู้ไม่ว่าโลกในสายตาตัวเองก็แค่เสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง”

ผู้หญิงคนนี้เป็นหมอโอสถ เห็นด้วยกับความคิดของเหยียนอันเหอ

“ไม่รู้จริงๆ ว่าภูมิใจอะไร” เหยียนอันเหอหันไป

พอเงยหน้าก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มคนที่ต่อแถวอยู่

พูดไม่ออก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด