คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 543 จัดระเบียบตระกูลจี้ แพ้หมดรูป ยั่ว

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 543 จัดระเบียบตระกูลจี้ แพ้หมดรูป ยั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 543 จัดระเบียบตระกูลจี้ แพ้หมดรูป ยั่ว

นักวิจัยอันดับหนึ่ง

อย่าว่าแต่ห้องทดลองของเกอร์เวนเลย พวกห้องทดลองชั้นแนวหน้าระดับโลกก็ไม่มีนักวิจัยอันดับหนึ่งคนไหนที่อายุน้อยแบบนี้

อัจฉริยะนักวิจัยที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ

แต่ผู้อำนวยการก็รู้ว่า ถึงแม้โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลจะเปิดตัวให้ทั้งโลกได้รับรู้แล้ว แต่ข้อมูลการทดลองก็ยังคงถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีทางแพร่งพรายออกมาแม้แต่น้อย

เขาเองก็ไม่มีทางถามอะไรมาก

เกอร์เวนเป็นศาสตราจารย์ชั้นยอดที่สุดของวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ระดับโลก ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก

อย่างไรเสียก็มักมีศาสตราจารย์ที่ตายจาก ‘อุบัติเหตุ’

ทั้งตระกูลจี้ต้องปกป้องอิ๋งจื่อจิน จำเป็นต้องกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด

ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องอย่างที่เหยียนรั่วเสวี่ยเอาศูนย์วิจัยไปขายแบบนี้เกิดขึ้นได้อีก

ราวกับถูกฟ้าผ่า เหยียนอันเหอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ริมฝีปากสั่น “กะ…เกอร์เวนเหรอ”

ถึงแม้เธอจะไม่ได้เรียนสาขาฟิสิกส์ แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของเกอร์เวน

อิ๋งจื่อจินเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลองเกอร์เวนเหรอ

สีหน้าของเหยียนอันเหอซีดลงทีละนิด รู้สึกร่างกายหนาวเย็น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเกียรติอันสูงสุดที่ชีวิตนี้เธอไม่มีทางไปถึง

ตอนนั้นทำไมเธอถึงจะต้องเหยียบย่ำคนอื่นให้ได้เหมือนที่เคยทำ

มีแค่ครั้งนี้ที่ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เธอไม่ใช่ผู้ชนะ แต่เป็นผู้แพ้หมดรูป แพ้อย่างสิ้นเชิง

ผู้อำนวยการไม่พูดกับเหยียนอันเหอให้มากความอีก ให้คนคุ้มกันคุมตัวเธอไปด้านใน

อีกเดี๋ยวจะมีนักสะกดจิตเฉพาะทางมาล้างความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจี้ของคนพวกนี้ให้หมด

เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งก็จะไม่มีทางหลุดออกไป

ในเวลาเดียวกันที่ยุโรป

สำนักงานใหญ่ห้องทดลองมานูเอล

ตระกูลแพชช์กับตระกูลเทเลอร์ต่างส่งทหารรับจ้างมาเฝ้าที่นี่ไว้ ทั้งยังได้จ้างแฮกเกอร์จำนวนมากเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการทดลองจะไม่หลุดออกไป

ตอนที่ดุ๊กโทรมา นายใหญ่เทเลอร์กำลังตรวจดูความคืบหน้าการทดลองของมานูเอล

ดุ๊กยังพูดไม่ทันจบสายก็ตัด นายใหญ่เทเลอร์รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

“ดูท่าเหยียนรั่วเสวี่ยจะแพ้แล้ว” นายใหญ่เทเลอร์หรี่ตาลง “ดุ๊กถูกจับตัวไปแล้ว”

ตระกูลจี้มีต้นกำเนิดจากโลกจอมยุทธ์ มีอิทธิพลประมาณหนึ่งในระดับโลก พวกเขาจะใช้ไม้แข็งไม่ได้

คราวก่อนพวกเขาก็สงสัยว่าจะเป็นจอมยุทธของตระกูลจี้หรือเปล่า

แต่พอได้ไปโลกจอมยุทธมาหนึ่งครั้งก็ตัดข้อสงสัยนี้ทันที

ตระกูลจี้เพิ่งก่อตั้งมาร้อยกว่าปี ไม่มีวิทยายุทธของตัวเอง และก็ไม่มีทรัพยากรที่จะบ่มเพาะคนเก่งอายุน้อยออกมาได้

เรื่องนี้จนถึงตอนนี้ได้กลายเป็นปริศนา

ดุ๊กถูกตระกูลจี้จับตัวไว้ ไม่ถือเป็นความเสียหายอะไรต่อตระกูลเทเลอร์ แต่ก็เป็นการท้าทายตระกูลเทเลอร์

นายใหญ่เทเลอร์ไม่ต้องไปสืบก็รู้ได้ว่าเกอร์เวนเข้าแทรกแซงเรื่องของตระกูลจี้แล้ว

กอปรกับมีตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ป ตระกูลเทเลอร์อยากแตะก็แตะไม่ได้

“ศาสตราจารย์มานูเอล น่าเสียดายนะครับ” นายใหญ่เทเลอร์ถอนหายใจ

“เอาข้อมูลวิจัยของทางตระกูลจี้มาให้ศาสตราจารย์ไม่ได้แล้วครับ”

มานูเอลก็เป็นชายวัยกลางคนที่อายุย่างเข้าห้าสิบแล้ว แต่ผมกลับขาวโพลนทั้งหัว

เขาสวมแว่นกรอบดำ พอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทดลอง ส่ายมือแล้วถึงพูดขึ้น

“คุณเทเลอร์เกรงใจเกินไปแล้วครับ เอามาได้จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ”

นายใหญ่เทเลอร์พยักหน้า “ศาสตราจารย์มานูเอลวางใจได้ ขอแค่งานวิจัยพวกนี้ของคุณสำเร็จก่อนโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลของเกอร์เวน เขาก็สู้สถานะของคุณในวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ระดับโลกไม่ได้”

มานูเอลไม่ตอบอะไร แค่ทำเสียงฮึดฮัดทางจมูก ถือเป็นการตอบ

เขารู้ดีว่า ในสายตาของนักวิจัย โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลยังยากกว่าที่คนทั่วไปคาดคิด

เพราะมีแค่นักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่รู้ว่าโปรเจ็กต์นี้ต้องใช้กำลังคน และทรัพยากรมากขนาดไหน ต้องขจัดอุปสรรคตั้งเท่าไร

ออกจากระบบสุริยะไปสู่อีกกาแล็กซีหนึ่งได้ก็เก่งมากแล้ว ยังคิดจะไปจักรวาลอื่นอีกเหรอ

สำหรับเส้นผ่าศูนย์กลางของเอกภพที่โลกตั้งอยู่นั้น นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ได้เพียง หนึ่งแสนหกหมื่นล้านปีแสง ซึ่งมันอาจใหญ่กว่านั้นก็ได้

อย่าว่าแต่สิบปีเลย ต่อให้เป็นห้าสิบปี เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก็ไม่มีทางล้ำหน้าได้ขนาดนั้น

ยานอวกาศข้ามจักรวาลบ้าบออะไร เพ้อเจ้อทั้งนั้น

สามวันต่อมา เรื่องภายในตระกูลจี้ก็เรียบร้อย

เหยียนรั่วเสวี่ยกับพวกคนที่ทรยศได้รับการลงโทษขั้นหนัก

เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ผู้อำนวยการถอยลงมาอยู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัย และอำนาจในตระกูลจี้ทั้งหมดอยู่ในมือของเวินเฟิงเหมียน

ในเวลาเดียวกันก็มีข่าวมาจากโลกจอมยุทธ

ตระกูลจี้ในโลกจอมยุทธพ่ายแพ้อีกตระกูลหนึ่งในระหว่างแย่งอาณาเขตชายแดน ผู้อาวุโสสามคนถูกฆ่าตาย

จอมยุทธ์ที่เป็นผู้นำอาวุโสและคนในรุ่นผู้นำต่างปรากฏตัว แต่ก็ยังคงหนีไม่พ้นจุดจบที่ความตาย

ตระกูลจี้แตกฉานซ่านเซ็น ถูกตระกูลที่ชนะยึดครองอาณาเขต

ตระกูลจี้ที่เพิ่งได้เป็นตระกูลขนาดกลางจึงดับสูญไปทั้งแบบนี้

ประจวบเหมาะกับที่ศาลสถิตยุติธรรมกำลังยุ่งเรื่องการทดสอบ อีกทั้งอาณาเขตของตระกูลจี้ก็อยู่ห่างจากศาลสถิตยุติธรรมมากเกินไป

ศาลสถิตยุติธรรมไม่ได้ส่งทีมคุ้มกันไปขัดขวาง

อิ๋งจื่อจินรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

หากไม่มีตระกูลเดิม ตระกูลจี้ที่อยู่ในตี้ตูกลับจะยิ่งปลอดภัยด้วยซ้ำ

แต่ตระกูลในโลกจอมยุทธ์ที่เหมือนตระกูลจี้มีเยอะมาก เกือบพันตระกูลได้ หายก็หายไป ไม่มีใครแคร์นัก

เดิมทีโลกจอมยุทธ์ก็สนับสนุนการต่อสู้อยู่แล้ว ความสามารถในการต่อสู้จะพัฒนาขึ้นได้ก็ต้องหมั่นต่อสู้เท่านั้น

อิ๋งจื่อจินออกมาจากศูนย์วิจัยเพื่อกลับบ้าน โทรศัพท์มือถือดัง “ติ๊ง” หนึ่งทีในเวลานี้

เธอก้มมอง

เป็นข้อความสั้น

แจ้งเตือนมีเงินเข้าบัญชีสามร้อยล้าน

ความรู้สึกเวลามีเงินมันช่างดีจริงๆ

เวินเฟิงเหมียนยังคงยุ่งอยู่ในศูนย์ใน

นำโปรเจ็กต์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนกลับมาทำอีกครั้งต้องเปลืองแรงอยู่ไม่น้อย

ภายในร้านอาหารเตรียมกับข้าวไว้เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว มาครบทั้งรูปรสกลิ่น

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โต๊ะ จัดวางตะเกียบไว้ เหลือบตาขึ้นอย่างขี้เกียจ “ไปล้างมือ”

อิ๋งจื่อจินล้างมือเสร็จออกมากินน้ำซุปหนึ่งคำแล้วเริ่มกินข้าว

ช่วงไม่กี่วันมานี้เธอช่วยจัดการเรื่องในตระกูลจี้มาตลอด เหนื่อยมากจริงๆ

เธอกินเร็วมาก แต่ไม่มูมมาม

กิริยาท่าทางสง่างาม

ครึ่งชั่วโมงอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง

ฟู่อวิ๋นเซินหิ้วตูตูที่ทำเสียงอู๊ดๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างใจเย็น

“เยาเยา ดูเสีย มันเรียกเธอว่าแม่อยู่”

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “…”

เธอไม่ยินดีเป็นแม่เท่าไร

แต่วันนี้เธอก็กินไปเยอะพอสมควร

หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสองคนก็นั่งดูทีวีที่โซฟา

ดูละครเรื่องใหม่ล่าสุดของซังเย่าจือ แนวจอมยุทธ

บทหนังหรือบทละครดีๆ มีไม่มาก เมื่อมาถึงระดับซังเย่าจือจะเลือกรับงานสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้

ในหนึ่งปีมากสุดรับงานละครหรือภาพยนตร์ได้แค่เรื่องเดียว

เป้าหมายที่ชูกวงมีเดียตั้งให้ซังเย่าจือคือราชาภาพยนตร์ระดับโลก ต้องการชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

“อวิ๋นซานบอกว่าเธอไปทดสอบที่สมาพันธ์โอสถมา” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้สนใจละครเท่าไร เขาเอามือหยิกแก้มเธอ “ระดับหนึ่งด้วยเหรอ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินขยับเข้าไปซบอกเขา เป็นหมอนข้างที่แสนสบายจริงๆ

“มีสมุนไพรให้ฟรีทุกเดือน ไม่เอาเสียดายแย่”

แต่สมาชิกระดับหนึ่งถึงสามไม่มีสิทธิพิเศษแบบนี้

ระดับสี่ขึ้นไปสามารถขอรับสมุนไพรที่กำหนดได้จากสมาพันธ์โอสถโดยแจกให้ตามระดับ

โควตาสมุนไพรของสมาชิกระดับเจ็ดในหนึ่งเดือนให้แค่ห้าสิบล้าน

ห้าสิบล้านที่ว่านี้คือเงินตราในโลกจอมยุทธ์ เท่ากับสิบเท่าของโลกภายนอก

อย่างไรเสียการทดสอบเหล่านี้ก็ไม่ได้ยากสำหรับเธอ สบายๆ

เอาเปรียบได้ไม่เอาเปรียบ แบบนั้นเรียกโง่

“งกขนาดนี้เลยเหรอเด็กน้อย” มือของฟู่อวิ๋นเซินกอดเอวเธอกระชับเข้ามาแล้วเอาศีรษะเกย อดยิ้มไม่ได้ “คิดว่าพี่ชายซื้อสมุนไพรให้เธอไม่ไหวเหรอ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น สายตาเย็นชา “คนล้างผลาญ ฉันอยากประหยัดเงินต่างหาก”

วีนัสกรุ๊ปมีบริษัทในเครือที่ต้องดำเนินกิจการเยอะมาก และยังมีพวกห้องทดลอง ค่าใช้จ่ายมหาศาล

ทรัพย์สินหลายอย่างเป็นหุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ เงินหมุนเวียนเป็นส่วนที่น้อยมาก

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดพล่ามทำเพลงโยกเงินสองแสนล้านไปลงทุนโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล เธอไม่อยากให้เขาเสียเงินอีกแล้ว

อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้ออกแบบเครื่องประดับหนึ่งชุดยังขายบ้านในตี้ตูไปตั้งหลายหลัง

“อืม รู้แล้ว ช่วยพี่ชายประหยัด” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว เอียงศีรษะเล็กน้อยก้มจูบริมฝีปากเธอ พูดเสียงทุ้มต่ำ “พี่ชายมีความสุขมาก”

ปลายนิ้วของเขาเย็นนิดหน่อย ตอนลูบแก้มของเธอแตกต่างกับอุณหภูมิบนริมฝีปากเธออย่างเห็นได้ชัด

ชวนให้ขนลุกนิดหน่อย

เปลือกตาของอิ๋งจื่อจินสั่นไหว

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่บนโซฟา สองขาไขว่ห้าง ดวงตาสีอำพันวูบไหว ฉายแววอ่อนโยน

หลังจูบเสร็จริมฝีปากของเขาแดงสด ใบหน้าที่เดิมทีเหมือนมีมนต์สะกดยิ่งดูเย้ายวนเข้าไปใหญ่

ยามที่เขามองใครคนหนึ่ง สายตาก็มีเพียงเธอคนเดียว

“ขอเตือนเลยนะ อย่ามาปล่อย…”

อิ๋งจื่อจินชะงัก รู้สึกคำว่ากระแสไฟฟ้าไม่ค่อยเหมาะ

เธอเบือนหน้าหนี ดูทีวีต่อ

ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็หาคำที่เหมาะสมได้

ยั่ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด