คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 573 อิ๋งจื่อจิน ‘อยากเจอฉาเซิ่งเหรอ งั้นก็เจอสิ’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 573 อิ๋งจื่อจิน ‘อยากเจอฉาเซิ่งเหรอ งั้นก็เจอสิ’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 573 อิ๋งจื่อจิน ‘อยากเจอฉาเซิ่งเหรอ งั้นก็เจอสิ’

อันหลิงก็ได้ยินเรื่องการสอบสวนของสามฝ่ายในสมาพันธ์โอสถเมื่อหลายวันก่อน ทั้งยังรู้อีกว่าแม้แต่ฝูซีก็ยังออกโรงเพราะเรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณ

เขาจึงไม่แปลกใจเท่าไรที่ฝูเฉินมากับอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินเป็นอัจฉริยะจริงๆ ก็แค่ตอนนี้สถานะยังไม่สูงพอในโลกแพทย์แผนโบราณ

“ไม่มีอะไรแล้วจะพูดทำไม” ฝูเฉินตบหัวอันหลิงไปหนึ่งที “ฉันอุตส่าห์ตื่นเต้น”

มีเหรอที่เขาจะพูดความลับเรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นอาจารย์ของฝูซีออกไป

เดิมทีในโลกแพทย์แผนโบราณก็มีหลายคนที่อยากตามหาอาจารย์ของฝูซี เพื่อขอให้เธอช่วยตรวจรักษาให้

“ไม่ๆ มีสิ” อันหลิงมองอิ๋งจื่อจินที่เดินไปไกล จากนั้นถึงพูดขึ้น “ทางตระกูลหลินในโลกจอมยุทธ์ส่งข่าวมาว่าฉาเซิ่งเตรียมออกจากเขาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ฉาเซิ่งจะมาร่วมงานล่าสัตว์ฤดูหนาวด้วย”

“จะออกจากเขาจริงเหรอ” ฝูเฉินตกใจพอสมควร “งั้นก็เรื่องดีสิ”

มีแพทย์แผนโบราณคนไหนบ้างไม่อยากเจอฉาเซิ่ง

นั่นเท่ากับคลังสมุนไพรครอบจักรวาลเลยนะ

แบบที่ว่าเบิกมาใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด

อันหลิงพยักหน้า “พี่ฝู เรื่องนี้พูดออกไปไม่ได้นะ”

“รู้แล้วๆ” ฝูเฉินส่ายมือ พอหันไปก็พบว่าอิ๋งจื่อจินไม่อยู่แล้ว จึงรีบตามไปทันที “ท่านประ…คุณอิ๋ง รอผมด้วย”

อันหลิงมองแล้วส่ายหน้า “ดูท่าคุณจื่อจินคนนี้คงตัดสินใจเข้าตระกูลฝูแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ฝูคงไม่พาเธอมาด้วย ตระกูลฝูจะมีแม่ทัพใหญ่มาเพิ่มอีกแล้ว”

ที่ด้านหน้า

ฝูเฉินตามอิ๋งจื่อจินไป “ท่านปรมาจารย์ ทำไมทิ้งผมไว้ล่ะครับ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินยังคงมองพุ่มไม้ที่อยู่ไกลๆ ครุ่นคิดพลางพูด “เมื่อกี้ฉันเห็นจิ้งจอกแดงตัวนึง สวยทีเดียว”

ฝูเฉินพยักหน้า “ตรงนี้เป็นป่าดึกดำบรรพ์ ไม่เคยถูกรุกราน สัตว์เลยเยอะพอสมควรครับ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

สัตว์บางชนิดที่ถูกฟันธงแน่แล้วว่าสูญพันธุ์ อันที่จริงยังมีอยู่จำนวนไม่น้อยในโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ

เธอเดินเล่นเสร็จก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “อยากเจอฉาเซิ่งเหรอ”

“ใครไม่อยากบ้างล่ะครับ” ฝูเฉินถอนหายใจ

“ถึงผมจะไม่ชอบทำงาน แต่สมุนไพรบางชนิดได้พบได้เจอบ้างก็ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์”

ตั้งกี่ปีมาแล้ว คนที่ปลูกสมุนไพรในโลกแพทย์แผนโบราณมีเยอะก็จริง แต่ยังไม่มีใครสู้ฉาเซิ่งได้

อิ๋งจื่อจินกระชับเสื้อโค้ท “งั้นก็ลองไปเจอดูแล้วกัน”

ฝูเฉินอึ้ง “อะไรคืองั้นก็”

เจอฉาเซิ่ง มันง่ายเหรอ

เขามองอิ๋งจื่อจินเดินเข้าบ้านไม้ด้วยความงุนงง

ภายในบ้านไม้มีเตาย่าง

ฝูเฉินรอไม่นานคนที่อยากเจอก็มาถึง

เขาเงยหน้ามองไป

ตรงนั้นมีหญิงชราคนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด เดินมาด้วยท่าทางผึ่งผาย

คนจำนวนมากไม่เคยเจอฉาเซิ่งมาก่อน รู้แค่ว่าฉาเซิ่งเป็นหญิงชรา

แต่เนื่องจากฝูซีเคยติดต่อพูดคุยกับฉาเซิ่ง ที่ฝูซีจึงมีภาพเหมือนของฉาเซิ่ง

ฝูเฉินเคยเห็น เขาจำได้ทันที

เขาลุกพรวด พูดด้วยความตะลึง “ผู้อาวุโสฉาเซิ่ง?”

หญิงชราไม่สนใจเขา เข้ามาถึงก็หาของกิน

จนกระทั่งเธอเห็นอีกคนหนึ่งในบ้านไม้ สีหน้าก็ชะงัก “เจ้าหนุ่ม ทำไมมาอยู่ที่นี่”

เธอไม่ได้เจอฟู่อวิ๋นเซินมานานมากแล้ว

เมื่อหลายปีก่อน ฟู่อวิ๋นเซินไปจากโลกแพทย์แผนโบราณนานมาก

ฟู่อวิ๋นเซินยื่นน้ำผลไม้อุ่นๆ ให้อิ๋งจื่อจิน “ไม่รู้จริงเหรอครับ”

“หึ” หญิงชรานั่งลง หยิบปลาย่างขึ้นมา สีหน้าเหมือนคาดไม่ถึง

“พี่ชายใหญ่” เด็กน้อยผู้ช่วยที่ตามเข้ามาฉีกยิ้มไร้เดียงสา

“อย่าเรียกพี่ชายใหญ่ เรียกคนหน้าไม่อายจอมกวนประสาทสิ”

ฟู่อวิ๋นเซินดึงโทรศัพท์มือถือมาจากในมือเด็กน้อยอย่างสบายๆ

“เรียกต่อหน้าสิ ไม่งั้นพี่ไม่ได้ยิน”

เด็กน้อยผู้ช่วย “…”

เขาลูบหัวโล้นๆ ของตัวเอง แอบน้อยใจ

ฝูเฉินที่อยู่ข้างๆ ตะลึงงัน

ฉาเซิ่งเลยนะ!

นั่งกินปลาย่างอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่สนภาพลักษณ์เลยสักนิด แถมยังคุยเล่นกับท่านปรมาจารย์ของเขาด้วย

ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว

การเจอฉาเซิ่งเป็นเรื่องสบายมากสำหรับอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินนั่งบนโซฟาตอบข้อความ

[รักแค่เงินรักบอสด้วย : บอส ห้องทดลองขาดคนไหม วันนี้ผมได้ยินลูกน้องรายงาน บอกว่ามีเด็กหนุ่มในตระกูลหลายคนเล่นพวกฟิสิกส์ สนใจผู้ช่วยไหม]

นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่เธอถูกโจมตีบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เธอก็ไม่ค่อยได้ล็อกอินไอดีเทพพยากรณ์อีกเลย

ไม่ล็อกอิน ต่อให้แฮกเกอร์เก่งแค่ไหนก็โจมตีเธอไม่ได้

เธอก็เลยเอาไอดีวีแชทให้ซีซาร์ พร้อมทั้งลบประวัติการสนทนาบนเว็บบอร์ดออกหมด

ด้วยเหตุนี้ซีซาร์เลยจำต้องเริ่มเรียนรู้วิธีใช้วีแชท

แต่เขาอยู่ในคฤหาสน์ตลอด ปกตินอกจากหาเงินก็เข้าเน็ตดูซีรีส์ ไม่เหมือนคนหัวโบราณคนอื่นๆ ที่ไม่เอาเทคโนโลยีสมัยใหม่กับของทันสมัย กลับเป็นคนตามยุคสมัยด้วยซ้ำ

ภายในคฤหาสน์ของตระกูลลอเรนท์ยังกองเต็มไปด้วยโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ มีหมดทุกรุ่น

มีเงินเสียอย่าง จะทำอะไรก็ได้

[อืม ส่งข้อมูลมาให้ฉันดูก่อนได้]

อิ๋งจื่อจินตอบเสร็จก็หยิบปีกไก่ย่างขึ้นมาหนึ่งไม้

ฟู่อวิ๋นเซินก็นั่งลง

ภายในบ้านมีแค่ฝูเฉินคนเดียวที่นั่งตัวเกร็ง

ฉาเซิ่งกินเสร็จก็ค่อยๆ เดินออกไปจนเกือบลืมพาเด็กน้อยผู้ช่วยไปด้วย

ฝูเฉินถึงได้ตั้งสติ เขากระชับเสื้อผ้า พูดเสียงเบาที่สุด

“ท่านปรมาจารย์ ฉาเซิ่งคงไม่ได้ก็เป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยหรอกนะ”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินหยิบปีกไก่ขึ้นมา “อายุของฉาเซิ่งเพิ่งพ้นหนึ่งร้อยปี”

“งั้นก็ดีๆ” ฝูเฉินตบหน้าอก ถอนหายใจโล่งอก “งั้นท่านปรมาจารย์ยังมีลูกศิษย์คนอื่นอีกไหมครับ”

อิ๋งจื่อจินชะงัก “ยังมีอีก แต่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม”

ฝูเฉินพยักหน้า

ฝูซีมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้เพราะมีวรยุทธ แต่คนอื่นๆ ก็ไม่แน่แล้ว

เขาเริ่มกินเนื้อย่างด้วยหัวใจที่ยังช็อกไม่หาย

ช่วงเวลาล่าสัตว์ในฤดูหนาวไม่ได้ยาวนานนัก ทั้งหมดห้าวัน

วันสุดท้าย หลายคนกำลังเฝ้ารอ

เพราะจะได้รับชมการแข่งขันที่น่าสนใจ

“ต่อไปถึงเวลาแข่งขันแล้วครับ” ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาพันธ์โอสถที่อยู่บนเวทีลูบเครา พูดขึ้น “กติกาเหมือนเดิม แข่งทีละสองคน จับฉลากเลือก”

“คงไม่ต้องพูดเรื่องกติกาให้มากแล้วนะครับ ให้แต่ละฝ่ายทำยาพิษและยาถอนพิษออกมาอย่างละหนึ่ง จากนั้นก็แลกกันกิน ใครที่ใช้เวลาทำพิษและถอนพิษได้สำเร็จโดยใช้เวลาสั้นที่สุด คนนั้นก็จะชนะ”

เป็นวิธีการแข่งขันที่ดิบเถื่อนมาก

แต่คนที่กล้าเข้าร่วมกลับมีไม่มาก

ถ้าฝีมือของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก เกิดให้ยาถอนพิษไม่ทันจนถึงขั้นเสียชีวิตจะทำยังไง

“แต่ของรางวัลครั้งนี้ค่อนข้างเป็นของหายากทีเดียว โสมหยกหิมะครับ” ผู้อาวุโสใหญ่พูดต่อ “เลยอยากให้ทุกคนมาร่วมแข่งขันกัน”

พอคำพูดนี้ออกมาก็เกิดเสียงฮือฮาตรงด้านล่าง

“โสมหยกหิมะเหรอ เอาโสมหยกหิมะมาเป็นของรางวัลแข่งขันเลยเหรอ”

“โลกแพทย์แผนโบราณของพวกเราครั้งนี้ลงทุนมากเลยนะ เมื่อก่อนถ้ามีสมุนไพรหายากอย่างโสมหยกหิมะ มีเหรอจะเอาออกมา”

“ต่อให้เป็นโสมหยกหิมะฉันก็ไม่มีทางลงแข่ง การแข่งขันเสี่ยงตายแบบนี้”

หูของอิ๋งจื่อจินขยับ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เธอก็ได้ยินคำว่า ‘โสมหยกหิมะ’ เหมือนกัน

เมื่อวานเย็นฉาเซิ่งยังพูดเรื่องสมุนไพรชนิดนี้กับเธอ และเป็นของจำเป็นในการรักษาบาดแผลหลบในของฟู่อวิ๋นเซิน

ภายในสวนสมุนไพรของฉาเซิ่งก็มี ก็แค่ยังไม่โตเต็มที่

สมุนไพรโสมหยกหิมะเป็นสมุนไพรที่ขึ้นตามธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งมีทีมค้นหาเก็บลงมาจากเขาสูงในโลกจอมยุทธ

ภูเขาสูงลูกนั้นไม่ค่อยมีคนขึ้นไป แถมโสมหยกหิมะยังมีไม่มาก พบเจอได้ยาก

จากการคาดคะเน โสมหยกหิมะต้นนี้ไม่เพียงแต่จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ยังมีอายุอย่างน้อยห้าร้อยปีด้วย

อีกทั้งยังขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าคนปลูก

ฟู่อวิ๋นเซินสังเกตเห็นว่าอิ๋งจื่อจินดูสนใจ มือของเขาลูบหัวเธอเบาๆ ยิ้มเล็กน้อย

“เยาเยา พี่ชายไม่เป็นไร แผลหลบในเหลือแค่นิดหน่อย แค่บำรุงก็ได้แล้ว ไม่ต้องไปเหนื่อยหรอก”

บาดแผลหลบในภายในร่างกายของเขาหลงเหลือมาจากเมื่อก่อน

อย่างไรเสียต่อให้จอมยุทธจะขยายขีดจำกัดของร่างกายได้ขนาดไหนก็ยังเป็นร่างกายของมนุษย์อยู่ดี กอปรกับเคยบาดเจ็บเกือบตายหลายครั้ง ย่อมมีบาดแผลหลบในหลงเหลือ

แต่ร่างกายของเขาฟื้นฟูได้เร็วมากมาตลอด ช่วงหลายปีมานี้ก็ฟื้นฟูได้เกือบสมบูรณ์แล้ว

อิ๋งจื่อจินเคยบำรุงรักษาเขา บาดแผลภายในร่างกายจึงไม่ส่งผลอะไรต่อเขาแล้ว

“ไม่ได้” อิ๋งจื่อจินตอบ เธอยืนกรานแบบที่เห็นได้ยาก “นั่นเป็นเพราะไม่มีสมุนไพร”

เธอเงยหน้ามองพวกเตาปรุงยาที่อยู่บนเวที ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้น

“ก็แค่แข่งถอนพิษ”

เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับเธอ

ตอนแรกสุดที่เธอคลุกคลีกับวิชาการแพทย์เป็นเพราะทำพิษแล้วสนุก

“แผลหลบในรักษาให้หายได้ วรยุทธของคุณก็จะก้าวหน้าขึ้นมาก ฝึกอีกหน่อยก็น่าจะได้ร้อยห้าสิบปีหรือเปล่า” อิ๋งจื่อจินหันหน้ามาเล็กน้อย เลิกคิ้ว “ไหนว่าจะปกป้องฉันไง”

ความเร็วในการฝึกแบบนี้ถือว่าเร็วมากจริงๆ

“เถียงไม่เคยชนะ” ฟู่อวิ๋นเซินจนปัญญา “แต่เธอต้องรู้ไว้นะว่าเธอสำคัญกว่า”

เพราะเคยเห็นการฆ่าฟันในโลกจอมยุทธมาจนชิน เขาถึงไม่เคยทำเรื่องอย่างชิงปล้นสมุนไพร

คนอื่นจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องของเขา แต่เรื่องเข้มงวดกับตัวเอง เขาต้องทำให้ได้

ทั้งสองคนคุยกันเสียงเบามาก

รอบตัวมีแต่แพทย์แผนโบราณ หูเหมือนคนปกติทั่วไป จึงไม่ได้ยิน

เมิ่งชิงเสวี่ยที่อยู่ไกลออกไปเห็นท่าทางของสองคนนี้ อดหงุดหงิดใจไม่ได้

แถมเธอยังคุมตัวเองไม่ให้หันไปมองก็ไม่ได้

อิ๋งจื่อจินหันไปมองฝูเฉิน “การแข่งขันนี้ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกไหม”

ฝูเฉินฟังจนจะหลับ ไม่ทันได้ตอบ

“อ๋อ นี่เป็นธรรมเนียมของโลกแพทย์แผนโบราณครับ” อันหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินพอดีจึงช่วยอธิบายให้ “หลักๆ ก็เพื่อฝึกให้พวกแพทย์แผนโบราณถอนพิษ กับฝึกความสามารถในการรับมือกับแพทย์ผิดจรรยาบรรณครับ”

“ตอนนี้คุณจื่อจินก็น่าจะรู้แล้ว เพราะแพทย์ผิดจรรยาบรรณเดินบนเส้นทางที่ผิดเพี้ยน จึงเก่งเรื่องใช้พิษกว่าแพทย์แผนโบราณ”

เมื่อก่อนโลกแพทย์แผนโบราณไม่มีกฎเป็นลายลักษณ์อักษรที่บอกว่าแพทย์แผนโบราณห้ามใช้ยาฆ่าคน แต่ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ

จนกระทั่งต่อมาก็มีแพทย์ผิดจรรยาบรรณปรากฏขึ้น โลกแพทย์แผนโบราณถึงได้ตั้งกฎข้อนี้ขึ้นมา

อิ๋งจื่อจินเคาะที่วางแขนบนเก้าอี้ “ไปลงชื่อเข้าร่วมได้เลยเหรอ”

“ครับ ลงชื่อได้เลย เดี๋ยวนะครับ…” ทันใดนั้นอันหลิงก็เอะใจ พูดด้วยความตะลึง

“คุณจะเข้าร่วมเหรอครับ”

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะเป็นอัจฉริยะด้านปรุงยา สอบได้อันดับหนึ่งของระดับสี่ในสมาพันธ์โอสถ

แต่ถ้าให้ปรุงยาจริงๆ มีเหรอจะสู้สมาชิกสายตรงของสามตระกูลใหญ่ที่ฝึกหัดกันมาตั้งแต่เด็กได้

แน่นอนว่าอันหลิงเชื่อว่า หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี อิ๋งจื่อจินอาจนำเมิ่งชิงเสวี่ยไม่ได้ แต่ถ้าสูสีก็เป็นเรื่องที่แน่นอน

แต่ตอนนี้?

ทั้งสองคนคุยกันโดยไม่ได้จงใจลดเสียงเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะเมิ่งชิงเสวี่ยที่มองมาทางอิ๋งจื่อจินอยู่ตลอด เธอจึงได้ยินด้วย

เข้าร่วมการแข่งครั้งนี้เหรอ

เมิ่งชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก

ก็ใช่ว่าจะลองดูไม่ได้

อันหลิงเริ่มร้อนใจ “พี่ฝู ห้ามเธอไว้สิ อย่าว่าแต่ชิงเสวี่ยเลย ต่อให้เป็นน้องสาวผมเธอก็สู้ไม่ได้หรอก”

ถึงแม้การแข่งขันครั้งนี้ผู้อาวุโสกว่าหนึ่งรุ่นจะไม่มีทางเข้ามาแทรกแซง มีแค่คนหนุ่มสาวที่เข้าร่วม

แต่แพทย์แผนโบราณหนุ่มสาวที่กล้าเข้าร่วมมีคนไหนบ้างที่ไม่ประสบการณ์โชกโชน

ไม่รู้ว่าฝูเฉินหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่ตอบ

อันหลิง “…”

เขาจนปัญญา หันไปพูด “คุณชายฟู่ครับ ไม่เตือนเธอหน่อยเหรอครับ”

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน “ฉันเชื่อฟังเธอ”

อันหลิง “…”

เขาจำต้องหันไปจับอันเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่ข้างๆ “ถ้าอีกเดี๋ยวเธอได้แข่งกับคุณจื่อจินก็ยอมๆ หน่อยนะ”

“อือๆ พี่ใหญ่ วางใจได้” อันเมี่ยวเมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

“ฉันจะยอมแพ้เลย ฉันไม่สนใจโสมหยกหิมะ”

ที่เธอเข้าร่วมแข่งขันก็เพื่อฝึกวิชา

อันเมี่ยวเมี่ยวพูดต่อ “แล้วก็ เรื่องของคนสวยพี่ไม่ต้องยุ่งให้มากหรอก”

อันหลิง “…”

ตระกูลอันของพวกเขาไม่ควรติดตั้งไวไฟกับตัวปล่อยสัญญาณเลยจริงๆ เล่นเน็ตบ้าบออะไรกัน

ศัพท์วัยรุ่นพวกนี้เขาไม่เห็นจะเข้าใจ

การลงชื่อสมัครก็คือไปสมัครตรงนั้น จับฉลากก็ตรงนั้นเลยเช่นกัน

มีคนสมัครไม่มาก สิบสองคนพอดี จับคู่ลงตัว

นอกจากอันเมี่ยวเมี่ยวกับเมิ่งชิงเสวี่ยแล้ว แพทย์แผนโบราณอายุน้อยคนอื่นๆ ต่างก็มีฝีมือที่ใกล้เคียงกัน

ผลการจับฉลากออกมาอย่างรวดเร็ว

“คุณชิงเสวี่ยแข่งกับ…” ผู้อาวุโสใหญ่มองผลจับฉลาก ขมวดคิ้วนิ่งไปสองวินาทีแล้วถึงพูดขึ้น “คุณอิ๋งจื่อจินครับ”

พูดจบเขาก็ชูกระดาษทั้งสองแผ่นให้ผู้ชมเห็น

เกิดความเงียบขึ้นมาทันที

อันหลิงนั่งพิงเก้าอี้ “แย่แล้ว”

เดิมทีเขาคิดว่าอิ๋งจื่อจินจะดวงซวยแค่ไหนอย่างมากก็จับได้อันเมี่ยวเมี่ยว

ปรากฏว่าตอนนี้ต้องไปแข่งกับเมิ่งชิงเสวี่ย

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเมิ่งชิงเสวี่ยถึงเข้าร่วมการแข่งปรุงยาในครั้งนี้ด้วย

เธอร่างกายอ่อนแอ ตระกูลเมิ่งประคบประหงมมาตลอด มีเหรอจะยอมให้เธอกินยาพิษด้วยตัวเอง

แต่ก็พอเข้าใจได้ ในบรรดาคนรุ่นนี้ วิชาการรักษาของเมิ่งชิงเสวี่ยเป็นที่หนึ่ง หลินชิงจยายังด้อยกว่าหน่อย

คราวนี้จะสู้กัอย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด