คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 641 ช็อกทั้งโลกไซเบอร์ ฟาดหน้าไม่หยุด

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 641 ช็อกทั้งโลกไซเบอร์ ฟาดหน้าไม่หยุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 641 ช็อกทั้งโลกไซเบอร์ ฟาดหน้าไม่หยุด

สภาพอากาศของฟลอเรนซ์ในเดือนพฤษภาคมกำลังดี ไม่ร้อนและไม่หนาว

อิ๋งจื่อจินสวมเสื้อยืดสีขาวเรียบกับกางเกงยีนส์สีอ่อน

ดวงตาหงส์คู่สวยมีประกายแวววาวเล็กน้อย ชั่วขณะที่เหลือบตาขึ้นมีมนต์เสน่ห์ล้นเหลือ

เธอไม่ต้องพูดอะไร ความสวยก็เป็นบัตรผ่านที่เพียงพอ

ช่วงสองปีนี้ในวงการบันเทิงมีการจัดโหวตอยู่หลายครั้ง

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่คะแนนโหวตของเธอก็ลอยลำเสมอ

โฉมงามอันดับหนึ่ง ทิ้งคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น

“ขอบคุณทุกท่านที่รับชมไลฟ์สดในครั้งนี้นะคะ” อิ๋งจื่อจินมองกล้องแล้วพยักหน้าส่งรอยยิ้ม

“สูตรนี้ฉันคิดค้นขึ้นมาเองค่ะ และฉันก็จะเป็นตัวทดลองแทนทุกคนเอง”

ผู้เชี่ยวชาญหันไป จงใจดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้าง

เขามองห้องออกอากาศสดที่ยังคงเงียบสงบ ถอนหายใจยาว

คิดในใจว่า คงไม่ได้มีแค่เขาที่ช็อกสินะ

ตอนนี้รู้สึกสบายใจแล้ว

เป็นแบบนั้นอยู่หนึ่งนาทีเต็มๆ ในที่สุดก็มีเครื่องหมายสัญลักษณ์ลอยผ่าน

[…!!!]

[ทุกคน ฉันนี่ช็อกไปเลยจ้า]

[ฉันด้วย]

[คอมเมนต์ก่อนหน้า ทำไมความคิดที่กล้าหาญของเธอถึงตรงเผงเลยล่ะ]

[โอ้โห นับตั้งแต่ปีที่แล้วที่รู้ว่าซีอีโอของชูกวงมีเดียคือเทพอิ๋ง ฉันก็เดามาตลอดว่าเทพอิ๋งยังมีตัวตนอื่นอีกเท่าไร แต่อันนี้ฉันไม่ได้เดาไว้เลย]

ใครที่ได้ยินคำเรียกว่าหมอเทวดาก็ย่อมคิดว่าเป็นคนแก่ที่ผมขาวหนวดยาว

อย่างไรเสียการเรียนแพทย์ก็คือสงครามที่ยาวนาน

คนในวัยอิ๋งจื่อจินที่เรียนแพทย์ก็ล้วนแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ที่เพิ่งเริ่มเรียนทฤษฎีกันอยู่

แต่ความปกติทุกอย่างใช้กับอิ๋งจื่อจินไม่ได้

เธอมีความสามารถที่เหนือกว่าคนวัยเดียวกันไปไกลมาก แต่กลับทำเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร

ผู้เชี่ยวชาญจัดวางอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อย “ผมจะให้ความร่วมมือกับคุณอิ๋ง ตรวจสอบส่วนผสมเหล่านี้ว่ามีปัญหาหรือไม่ครับ”

อิ๋งจื่อจินหยิบขวดสารเคมีแล้วเริ่มผสมเซรั่มสำหรับทำมาร์คหน้า

กล้องเลื่อนไปจับที่มือของเธอ

นิ้วของเธอเรียวยาว ปลายนิ้วขาวผ่องดุจหยกสลัก

คำกำกับที่อยู่ข้างสารแต่ละชนิดล้วนระบุว่า “ปลอดภัย”

[แค่มือนี้ฉันก็ขอบูชาแล้ว!]

[เอาแค่มือนี้ฉันก็อยากซื้อฮวาเสี่ยงหรงแล้ว ได้ยินเพื่อนบอกว่าครีมทามือก็ใช้ดีมาก พวกเนื้อด้านหายไปหมด]

ไม่นานอิ๋งจื่อจินก็ทำมาร์คหน้าเสร็จสองแผ่น ยื่นแผ่นหนึ่งให้ผู้เชี่ยวชาญ

เธอล้างหน้าให้ผู้ชมไลฟ์สดเห็นแล้วเอาแผ่นมาร์ควางทาบลงไป

คราวนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่มีปัญหาใดๆ ยังเป็นการการันตีหน้าสดของอิ๋งจื่อจินด้วย

ขนาดคิ้วยังไม่ต้องเขียน

สิบห้านาทีต่อมาเธอก็ดึงแผ่นมาร์คหน้าออก

“มาร์คหน้าขาวใสจะเห็นผลในเจ็ดวัน แต่ถ้าผิวขาวอยู่แล้วผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้จะช้ามากค่ะ” อิ๋งจื่อจินเช็ดหน้าเสร็จก็พูดขึ้น “ฉันขอแนะนำผู้หญิงที่ผิวขาวให้ซื้อมาร์คหน้าแบบเติมความชุ่มชื่นจะเห็นผลกว่าค่ะ”

[เคล็ดลับวันปกติของเทพอิ๋ง]

[จะไปสั่งเดี๋ยวนี้เลยจ้า!]

[คนสร้างข่าวลือมันใจดำ]

ทางด้านนี้ผลตรวจก็ออกมาแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญมองกล้อง โชว์ให้ทุกคนเห็นคำว่าปลอดภัยที่อยู่ด้านล่างเอกสาร

“แน่นอนค่ะว่าต่อให้จะเป็นการยืนยันแล้วว่าส่วนผสมของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้จะไม่แพ้” อิ๋งจื่อจินพูด “มีผู้ใช้ทั้งหมดสามสิบสองคนที่บอกว่าตัวเองแพ้ ฉันจะทยอยตรวจสอบทีละคนค่ะ”

การไลฟ์สดจบลงที่ตรงนี้

ชาวเน็ตยังไม่ทันตั้งสติได้มือก็กดเอาผลิตภัณฑ์ของฮวาเสี่ยงหรงเข้ารถเข็นไปแล้ว จากนั้นก็กดซื้อ

จนกระทั่งมีเวยปั๋วโพสต์ใหม่ที่ทำเอาฮือฮา

[แอทซังเย่าจือ : ในเมื่อคุณอิ๋งเป็นฝ่ายเปิดเผยตัวตนแล้ว ผมก็ขอเล่าให้ทุกคนฟังนะครับ

เมื่อสองปีกว่าที่แล้วผมเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ผู้จัดการส่วนตัวเตรียมจัดงานศพให้ผมแล้ว แต่บอสก็ช่วยชีวิตผมกลับมาได้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นพวกเราไม่ได้รู้จักกันเท่าไรเลยครับ

เธอคู่ควรกับคำว่าหมอเทวดาแล้วครับ]

เรื่องที่ซังเย่าจือ ‘ฟื้นจากความตาย’ ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสิบปาฏิหาริย์ของวงการบันเทิง ควบคู่ไปกับเรื่องที่แฮชแท็กด้านลบของฉินหลิงอวี๋อันตรธานหายไปอย่างไม่มีสาเหตุ

หลายคนต่างรู้ว่ามีหมอเทวดาช่วยชีวิตเขาไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าหมอเทวดาคนนั้นคือใคร

[น้ำตาไหล ร้องไห้แล้ว!]

[ขอบคุณคุณอิ๋งที่ช่วยพาพี่ชายฉันมาจากท่านยมบาล]

[เทพอิ๋งของพวกเราเป็นคนจิตใจดีจริงๆ]

อิ๋งจื่อจินมองคอมเมนต์นี้แล้วเงียบไปชั่วขณะ

ไม่ เธอเคยฆ่าคนมามาก

เธอไม่ใช่คนดีอะไร

เรียกว่า ‘จิตใจดี’ ไม่ได้

อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือออกแล้วออกจากห้องทดลอง

รับสายจากเลขาสาวที่ด้านนอก “บอสคะ วันนี้เช้าโรงพยาบาลเซ่าเหรินเพิ่งออกจดหมายจากทนายค่ะ ส่งให้ซังอวี่ เธอก็อยู่ที่ฟลอเรนซ์ เป็นคนกุข่าวคนแรก”

“เรื่องบังเอิญก็คือ เธอเป็นดาราในสังกัดชูกวงมีเดียของเรา”

“ซังอวี่เหรอ ฉันจำได้” อิ๋งจื่อจินนึก “ดูเหมือนฉันจะเคยเจอเธอที่ฟลอเรนซ์”

“ครั้งนี้เหรอคะบอส” เลขาสาวคุยโทรศัพท์พลางกดส่งรูปที่แคปจากหน้าเวยปั๋วให้ “ฉันส่งรูปเธอให้ดูค่ะบอส แต่เห็นแค่หน้าด้านข้าง”

อิ๋งจื่อจินเป็นบอสสาวอันดับหนึ่งของวงการบันเทิง อีกทั้งความสามารถยังกินขาดในหลายวงการ แฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วน

มักมีนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูที่บังเอิญเจอเธอแอบถ่ายรูปไปลงในเน็ต

ขอแค่ไม่มีเจตนาร้ายก็ไม่เป็นไร

อิ๋งจื่อจินดูแล้วพยักหน้า “ใช่ เธออยู่ในสังกัดสาขาเมืองนอก”

“ค่ะ” เลขาสาวพูด “สาขาที่เมืองนอกเพิ่งตั้งได้สองเดือน รีบร้อนหาคน ได้ยินผู้จัดการทางนั้นบอกว่าพวกเขาได้ดาวรุ่งหลายคนที่ความสามารถถึงขั้นเข้ายูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สได้สบาย”

บริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สเป็นบริษัทภาพยนตร์อันดับหนึ่งของโลก มีการคัดเลือกนักแสดงที่เข้มงวดมาก

ซังอวี่สามารถผ่านสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สได้ก็แสดงว่ามีทักษะการแสดงที่สูงมาก

ไม่ถึงกับเด่นกว่าทุกคน แต่โดดเด่นกว่าคนวัยเดียวกันไปมาก

เลขาสาวขมวดคิ้ว “บอสคะ เธอกุข่าวลือเล่นงานมาถึงบอสขนาดนี้ จะปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในบริษัทเราไม่ได้แล้วนะคะ”

ใครจะไปรู้ว่าอีกหน่อยจะทำเรื่องที่เป็นภัยต่อชูกวงมีเดียหรือเปล่า

คนที่อยู่วงการบันเทิงมานานจะรู้ว่าผลกระทบจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์กับข่าวลือรุนแรงถึงขั้นทำให้คนคนหนึ่งตายไปจากสังคมได้

ต่อให้ต่อมาความจริงจะปรากฏแล้วก็ตาม

“เธอไม่ยอมรับว่ากุข่าวลือ ยืนกรานว่าตัวเองแพ้ผลิตภัณฑ์เข้าใจผิดว่าโรงพยาบาลเซ่าเหรินขายสินค้าปลอม” อิ๋งจื่อจินพูด “อีกอย่างคุณเลขา คุณก็พูดแล้วว่าสาขาเมืองนอกเพิ่งตั้ง พวกนักแสดงเมืองนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่มีทางรู้เรื่องภายในประเทศจีน”

“การไล่เธอออกโดยตรงนักแสดงคนอื่นจะคิดว่าชูกวงมีเดียไม่มีความน่าเชื่อถือ”

เลขาสาวลังเล “งั้นควรทำไงดีคะ”

ก็จริง

ถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการสกัดกั้นการเข้าสู่ตลาดสากลของชูกวงมีเดีย

“หาหลักฐาน” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “พวกคุณหยุดกระแสวิจารณ์ในเน็ตให้ได้ก็พอ แล้วคนอื่นๆ ที่บอกว่าแพ้สืบได้อะไรบ้าง”

“ค่ะ สืบมาได้หมดแล้วค่ะ” เลขาสาวตอบ “พบว่าก่อนวันนี้คนเหล่านี้มีเงินเข้าบัญชีจำนวนหนึ่ง โดยถูกโอนมาจากทางแบรนด์ที่ชื่อเหยียนหรูอวี้ค่ะ”

“อืม เข้าใจแล้ว คุณช่วยโทรบอกผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้หน่อย” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “เอาคนพวกนี้ขึ้นบัญชีดำของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไว้ ในเมื่อพวกเขาไม่อยากซื้อ ต่อไปก็ไม่ต้องให้ซื้อแล้ว”

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของฮวาเสี่ยงหรงไม่ได้มีแค่มาร์คหน้าขาวใส ก็แค่เอาเป็นตัวชูโรงเท่านั้น

เลขาสาวพูด “ค่ะบอส”

เวลาห้าโมงเย็น

เนื่องจากซังอวี่ต้องเข้าค่ายฝึกแบบปิดทั้งวัน อุปกรณ์สื่อสารทุกอย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ต้องถูกยึดไว้ จึงไม่ได้ดูไลฟ์สด

พอเธอกลับถึงบ้านก็พักผ่อน ขณะที่กำลังหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมเข้าเน็ตติดตามข่าวสารใหม่ๆ ก็มีสายเข้าเสียก่อน

เป็นเบอร์โทรศัพท์จากประเทศจีน

ซังอวี่ขมวดคิ้ว กดรับ “ฮัลโหล”

“สวัสดีครับคุณซัง โทรจากโรงพยาบาลเซ่าเหรินนะครับ”

“โรงพยาบาลเซ่าเหรินเหรอคะ” ซังอวี่ทำเสียงหึ

“ทำไมคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่กลัวรับจดหมายทนาย ฉันเป็นลูกค้า ไม่มีสิทธิ์สงสัยในสินค้าเหรอคะ”

“คือแบบนี้ครับคุณซัง ไม่ใช่เรื่องจดหมายทนายครับ พวกเรารู้ว่าคุณอยู่ที่ฟลอเรนซ์ บังเอิญว่าคุณหมอเทวดาก็อยู่ที่นั่นด้วย เตรียมจะไปหาคุณด้วยตัวเองครับ กำลังไปครับ”

ซังอวี่หรี่ตา “หมอเทวดาก็อยู่ที่ฟลอเรนซ์เหรอ”

บังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ

“ครับ คุณซังรอสักครู่นะครับ”

หลังคุยเสร็จ ซังอวี่วางโทรศัพท์มือถือลง ขึ้นไปเคาะประตูห้องพ่อแม่

เนื่องจากแม่ซังแน่นหน้าอก จึงยังนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว “อวี่เอ๋อร์ ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมลูก”

“แน่นอนค่ะแม่ ลูกค้าคือพระเจ้า” ซังอวี่ยิ้ม “หนูจะมาบอกแม่ว่าเดี๋ยวคุณหมอเทวดาจะมาบ้านเราค่ะ”

พ่อซังตะลึง “จริงเหรอ”

ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ เชิญหมอเทวดามาได้แล้ว

แม่ซังดีใจมาก “อวี่เอ๋อร์ เก่งมากลูกแม่”

“แน่สิคะ” ซังอวี่ประคองแม่พาเดินลงไปชั้นล่าง

เสียงกริ่งประตูดังขึ้นในเวลานี้

“หมอเทวดาที่จะรักษาแม่มาแล้วค่ะ” ซังอวี่ยิ้ม “หนูบอกแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่กล้าส่งจดหมายทนายมาให้พวกเรา กลับจะส่งหมอเทวดามาขอโทษด้วยซ้ำ”

แม่ซังมีรอยยิ้มแบบที่เห็นได้ยาก

ซังอวี่พาแม่ไปนั่งที่โซฟาเสร็จถึงเดินไปเปิดประตู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด