คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 696 ปกป้อง เปิดเผยตัวตนเป็นปกติ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 696 ปกป้อง เปิดเผยตัวตนเป็นปกติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 696 ปกป้อง เปิดเผยตัวตนเป็นปกติ

บาร์แห่งนี้ใหญ่มาก ด้านข้างมีตู้วางเหล้าเจ็ดแปดตู้ เก็บเหล้าไว้อย่างน้อยก็ร่วมพันขวด

แต่กลับระเบิดหมดในชั่วพริบตา

อีกทั้งเห็นๆ อยู่ว่าไม่มีกระสุนหรืออาวุธใดๆ

ใจกลางเมืองย่อมไม่อนุญาตให้พกพาอาวุธโดยพลการ

ถ้าถูกจับได้จะถูกส่งไปขึ้นศาลตัดสินที่ขึ้นตรงกับสำนักผู้วิเศษ

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

พวกลูกค้ามองขวดที่แตกเต็มพื้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้สติกลับมา

คุณชายจอมอวดดีคนนั้นหมดสติอยู่บนพื้น ลูกน้องของเขาก็ยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้น ลืมเข้าไปช่วยเสียสนิท

แม้แต่ฉินหลิงอวี๋ก็ยังยืนอยู่กับที่ด้วยความตะลึง

เมื่อครู่เธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าฟู่อวิ๋นเซินเข้ามาอย่างไร

ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เช็ดหยดเลือดที่กระเด็นโดนมือเขา ปลายนิ้วเย็นชา สั่นเล็กน้อย จากนั้นถึงจับใบหน้าของอิ๋งจื่อจิน

พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ปลอดภัยใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินจับมือเขา สายตาจับจ้อง “คุณตัวเย็นมาก”

เธอสัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลในตัวเขา

ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของเธอตอนนี้ ไม่มีศัตรูคนไหนสู้เธอได้ยกเว้นสำนักผู้วิเศษ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายธรรมดาๆ คนนี้เลย

แต่เขาก็ยังคงไม่สบายใจ

ถึงขั้นที่มือเย็นได้ขนาดนี้

เขาเป็นจอมยุทธ์ ไม่ควรเป็นแบบนี้

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินตอบสั้นๆ เขาจับบ่าเธอ “พวกเราเปลี่ยนร้านกัน ไปเดอะไลท์”

เดอะไลท์เป็นบาร์ที่ใหญ่มากอีกแห่งหนึ่งของเมืองแห่งโลก พลเมืองชั้นหนึ่งก็มักไปที่นั่น

ใช้ระบบจองโต๊ะล่วงหน้า แต่ละวันจำกัดจำนวนลูกค้า

อิ๋งจื่อจินหันไป “ตอนแรกฉันกับหลิงอวี๋ก็จะไปที่นั่น แต่จองไม่ได้”

ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ “พี่ชายซื้อกิจการแล้วระหว่างที่มาหาเธอ ตอนนี้ไม่มีคน”

อยู่ในอาณาเขตของตัวเองให้ความอุ่นใจมากกว่า

อิ๋งจื่อจิน “…”

ล้าง ผลาญ

บาร์เดอะไลท์

ฉินหลิงอวี๋ย่อมไม่มีทางรบกวนฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจิน

เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ สั่งเหล้ามาหลายขวด จากนั้นก็เปิดไลฟ์สด

ไลฟ์สดของฉินหลิงอวี๋ในคืนนี้ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แค่ดื่มเหล้าเฉยๆ

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ความนิยมของช่องไลฟ์ก็ยังคงสูงเหมือนเดิม

ภายในห้องส่วนตัว

อิ๋งจื่อจินปิดประตู เพิ่งเริ่มพูด “วันนี้คุณ…”

ยังไม่ทันพูดจบเธอก็ถูกดันไปติดกำแพง ริมฝีปากถูกประกบ

กำแพงเย็นเฉียบ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของฟู่อวิ๋นเซินแผ่ทะลุเสื้อผ้า

ลมหายใจอุ่น

มีเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น

“เยาเยา หลับตา”

จูบของเขารุกเร้า เดินหน้าหนักหน่วง ไม่ยอมปล่อยแม้แต่น้อย

แต่สองมือของเขากลับประคองศีรษะและโอบเอวของเธอไว้

ความอ่อนโยนที่ปะทุออก

ชวนให้แทบแบกรับไม่ไหว จมปลักอยู่ในนั้น

หลังจากการจูบอย่างดุเดือดก็ตามมาด้วยการปลอบประโลมที่อ่อนโยน

ผ่านไปนานมากกว่าเขาจะยอมปล่อยเธอ

มือของอิ๋งจื่อจินจับบ่าของเขา หายใจหอบเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น “ฝันร้ายมาเหรอ”

“อืม ฝันร้าย” มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินยันศีรษะ ยิ้มพลางพูด “เป็นฝันที่แย่มาก”

เหงื่อหลายหยดร่วงหล่นจากปลายผม ตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเขาแล้วหายไป

“ฝันร้ายเหรอ” อิ๋งจื่อจินเอามือแตะหน้าผากของเขา ขมวดคิ้ว “ฝันว่าอะไร”

ฟู่อวิ๋นเซิน “ฝันเห็นสงคราม มีคนตายเยอะมาก รวมถึง…”

เขาไม่พูดต่อ แต่อิ๋งจื่อจินก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร

รวมถึงเธอ

มันเป็นฝันที่แย่มากจริงๆ

อิ๋งจื่อจินยกมือ เดิมทีจะหยิบไพ่ทาโรต์ออกมา

จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยให้ฟู่อวิ๋นเซินจับไพ่ ปรากฏว่าเขาจับได้ไพ่เปล่าสามใบ

ทำนายได้ความเงียบเหงา

เธอไม่มีทางให้เขาจับไพ่อีกแล้ว

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอตัดสินใจไม่ใช้อุปกรณ์ ลูบศีรษะของเขาที่ก้มอยู่ “แฟนหนุ่ม แฟนสาวที่น่ารักของคุณจะทำนายฝันให้ ในฝันสงครามจบหรือยัง”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินตาปรือ รู้สึกเหนื่อยล้า “อืม จบแล้ว”

“สงครามสิ้นสุดลงก็แสดงว่าปัญหาที่เผชิญอยู่ในชีวิตจริงกำลังจะจบลง” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดพลางพูด “สมัครสมานปรองดอง ครอบครัวเป็นสุข ปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายแล้ว”

“คุณยังฝันเห็นคนตาย คนตายหมายถึงทุกอย่างกำลังจะสูญสลายไป มันหมายความว่าคุณจะได้เข้าสู่ชีวิตใหม่ อดีตที่มีแต่ทุกข์จะหายไป เดินออกจากความวุ่นวายทั้งปวง”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่เคยได้ยินทำนายฝันแบบนี้ ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ยังมีคำทำนายแบบนี้ด้วยเหรอ เยาเยา?”

“มีสิ” อิ๋งจื่อจินหาว เลิกคิ้ว “ไปถามคุณอวี้ได้เลย เขาเรียนจิตวิทยา เขาวิเคราะห์ความฝันเป็นแน่นอน คำตอบที่เขาให้คงไม่ต่างจากฉัน”

“ได้ พอเธอพูดแบบนี้พี่ชายรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งที่โซฟา มือข้างหนึ่งลูบศีรษะเธอ ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “เยาเยา พี่ชายคิดอยู่นาน”

“หืม?”

“อนาคตไม่มีลูกดีกว่า”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “ผู้บัญชาการ เปลี่ยนเรื่องไวไปหน่อยหรือเปล่า”

เธอไม่รู้ว่าความคิดของเขากระโดดข้ามไปได้อย่างไร

“ทำไมล่ะ”

“ไม่อยากให้เธอเจ็บ” ฟู่อวิ๋นเซินก้มมองเธอ ดวงตาสีอำพันฉายแววอ่อนโยน พูดเสียงเบา “ทนเห็นไม่ไหว”

เขาไม่รู้ว่าตอนนั้นฟู่หลิวอิ๋งตั้งท้องด้วยความรู้สึกแบบไหน อีกทั้งข้ามผ่านอุปสรรคจนคลอดเขาออกมาได้อย่างไร

ต่อมาประสบเรื่องราวต่างๆ ถึงได้รู้ว่า นั่นคือความกล้าของคนเป็นแม่

สตรีผู้แข็งแกร่ง

การตายของฟู่หลิวอิ๋งเป็นเรื่องที่เขาให้อภัยอวี้เซ่าอวิ๋นไม่ได้

ไม่มีทางปล่อยวางไปตลอดชีวิต

ฟู่อวิ๋นเซินโน้มตัวลง ตั้งใจมองใบหน้าของเธอ “เยาเยา เจ็บหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินหันมามองค้อนใส่เขา “หุบปากได้แล้วนะ”

พูดจาเพ้อเจ้ออยู่ได้

เธอไม่ใช่กระจกเปราะบางเสียหน่อย

“อืม ไม่พูดแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเบา หัวเราะเรื่อยเปื่อย “ไม่แกล้งแล้ว”

แม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่ก็ยังคงเล่นผมเธอ เอามือเข้าไปเกาะแกะไม่หยุด

ต้องพูดเลยว่า แกล้งแฟนเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลก

เวลาเช้ามืด

โรงพยาบาล

คุณชายค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาบนเตียงผู้ป่วย

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเมืองแห่งโลก บาดแผลของคุณชายหายดีแล้ว ไม่เหลือรอยแผลเป็นไว้แม้แต่น้อย

แต่พวกขวดเหล้าที่ฟู่อวิ๋นเซินทำแตกได้หล่นใส่หัวเขาไม่เบาเลยทีเดียว

คุณชายยังรู้สึกปวดหัวพอสมควร เขาร้องด้วยความทุกข์ทรมาน

“อีวาน!” ชายวัยกลางคนที่รออยู่ข้างเตียงพอเห็นเขาฟื้นก็ดีใจมาก “อีวาน ในที่สุดก็ฟื้นสักที”

เขารีบมาทันทีหลังจากได้รับแจ้ง ยังแอบไม่เชื่อด้วยซ้ำ

ใครกล้าทำลูกชายเขาจนมีสภาพแบบนี้ได้

“พ่อ?” อีวานอึ้งไปหลายวินาทีถึงได้สติ เขาร้องโวยวาย “พ่อ ผมถูกซ้อม”

“พ่อรู้แล้ว” ชายวัยกลางคนพูดเสียงขรึม “ใช่คนนี้ไหม”

เขาเปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดู

แสงไฟในบาร์ไม่ค่อยสว่าง แต่เมืองแห่งโลกเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า ทำให้เห็นใบหน้าของฟู่อวิ๋นเซินได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าหล่อเหลาได้รูป สองขาสูงยาว

ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้ม แต่สีหน้ากลับเย็นชาสุดขั้ว

แม้จะเป็นรูปถ่ายเพียงรูปเดียว แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ปกคลุมอยู่โดยรอบ

ชวนให้หวั่นเกรง

“มันนี่แหละ” อีวานจำได้ทันที “มันกล้าตีหัวผม!”

ถึงแม้อีวานจะพูดแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงเขาก็ไม่แน่ใจว่าฟู่อวิ๋นเซินลงมือกับเขาอย่างไร

ขวดเหล้าพวกนั้นถูกเอาไปตรวจสอบหลังเกิดเรื่อง พิสูจน์ได้ว่าแรงดันภายในขวดมากเกินไปก็เลยระเบิดออกเอง

อีวานยืนอยู่แถวชั้นวางเหล้าพอดีก็เลยหล่นใส่หัวอย่างแม่นยำ

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาเจ็บหนักขนาดนี้ ไม่มีทางเลิกราง่ายๆ เด็ดขาด

“พ่อ!” อีวานสีหน้าโกรธแค้น แยกเขี้ยวยิงฟัน “พ่อต้องช่วยผมเอามันให้ตายเลยนะ เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ผมถูกใจแฟนของมัน แต่มันกลับกล้าหือกับผม ทำร้ายผมจนมีสภาพแบบนี้”

ตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลคานอำนาจกันในเมืองแห่งโลก เป็นเจ้าของทรัพยากรชั้นเลิศ

แต่ตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลอื่นก็มีอยู่ไม่น้อย

อีวานอยู่ในตระกูลมอร์แกน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลอยู่พอสมควร

นายใหญ่ของตระกูลมอร์แกนเพิ่งได้รับเกียรติยศไปเมื่อไม่นานมานี้

พ่อของอีวานเป็นฝาแฝดกับนายใหญ่ ก็ย่อมมียศที่เหมือนกัน

เมืองแห่งโลกมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน พลเมืองชั้นหนึ่งสถานะสูงที่สุด

อีวานก็เลยมักไปสถานที่อย่างผับบาร์ คาราโอเกะ ก็แค่อยากเที่ยวให้หนำใจ

เขารู้ดีว่า ด้วยสถานะที่สูงส่งอย่างเขา คนธรรมดาพวกนั้นไม่กล้าล่วงเกิน จำต้องยอมทุกอย่าง

แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อวานเขากลับแพ้หมดท่าทั้งที่ยังไม่ได้สู้

อีวานโกรธแค้นมาก

เขาเคยฉุดผู้หญิงมาก็มาก ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิด

ถ้ารู้ว่าเมื่อวานจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาน่าจะพาลูกน้องมามากหน่อย

“อีวาน วางใจได้” ชายวัยกลางคนหน้าเครียด ให้คำสัญญา “พ่อไม่มีทางปล่อยคนที่มันทำร้ายลูกไปเป็นอันขาด พ่อให้คนไปสืบแล้ว ต้องเจอหมอนั่นแน่ จะจับมาให้ลูกล้างแค้น”

พอได้ยินแบบนี้อีวานก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขากัดฟันพูด “พ่อ มันยังมีแฟนด้วย ผมจะเอา!”

“ได้ๆๆ แค่ชาวบ้านธรรมดาสองคน พ่อจะเอามาให้ลูกทั้งคู่” เวลานี้ชายวัยกลางคนได้รับแจ้งข่าวจากลูกน้อง “อีวาน สองคนนั้นอยู่ที่ห้างฯ ใจกลางเมือง ลูกพักผ่อนอยู่ที่นี่ พ่อจะไปพาตัวกลับมาให้เดี๋ยวนี้”

“ผมไม่เป็นไรแล้ว” อีวานพยายามลงจากเตียง “ผมจะไปด้วย”

ทั้งสองคนออกจากห้องพักผู้ป่วย

ชายวัยกลางคนมองรูปถ่ายแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือ

เดินออกไปได้สองก้าวเขาก็อึ้ง

คนคนนี้หน้าตาคล้ายคนที่เขารู้จัก

แต่ชายวัยกลางคนนึกอยู่นานก็นึกไม่ออก

เลยเลิกคิด ขึ้นรถไปยังจุดหมายทันที

ภายในห้างสรรพสินค้า

อิ๋งจื่อจินกับฉินหลิงอวี๋ไปซื้อเสื้อผ้าแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินกับฉินหลิงเยี่ยนนั่งรอด้านนอก

ทั้งสองคนไม่ได้เล่นอย่างอื่น แต่เล่นโจมตีโทรศัพท์มือถือของกันและกัน

ไม่กี่นาทีต่อมา

“ให้ตายเหอะ ไม่เล่นแล้ว นายมันเทพเกิน” ฉินหลิงเยี่ยนโมโหโยนโทรศัพท์ทิ้ง “ทั้งๆ ที่ฉันเรียนเทคนิคใหม่ๆ มาจากตาแก่นั่นตั้งเยอะ ทำไมก็ยังสู้นายไม่ได้อีกนะ”

ฟู่อวิ๋นเซินรับโทรศัพท์ที่กำลังจะตกพื้นไว้ได้อย่างง่ายดาย “ฉันก็กำลังเรียนรู้เหมือนกัน”

“บ้าบอ ไม่เหลือทางรอดให้เลย” ฉินหลิงเยี่ยนพูดพึมพำ “เหล่าฟู่ ฉันขอถามเรื่องหนึ่ง นาย…”

มีเสียงตวาดดังขึ้น

“ไอ้สารเลว แกอยู่ที่นี่จริงด้วย!”

ฉินหลิงเยี่ยนเงยหน้า เห็นกลุ่มคนกำลังเดินหน้าตั้งมาทางนี้

บอดี้การ์ดชุดดำสิบกว่าคนเด่นสะดุดตา ลูกค้าที่อยู่แถวนั้นต่างเลี่ยงออก ตกใจเล็กน้อย

ฉินหลิงเยี่ยนตะลึง “เหล่าฟู่ ใครวะ”

เขาสังเกตเห็นแล้วว่า พอฟู่อวิ๋นเซินมาถึงเมืองแห่งโลกก็มีศัตรูโผล่มาเรื่อยๆ

ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองเล็กน้อย ถึงนึกออกว่าอีวานคือคุณชายคนเมื่อคืน

เขาทำตัวสบายๆ “เรื่องเล็ก”

“แกใช่ไหมที่ทำร้ายลูกชายของฉัน” ชายวัยกลางคนมองด้วยสายตาอาฆาตแค้น “เก่งนักเหรอ เป็นแค่พลเมืองชั้นสองกล้าลงมือกับคนชั้นสูง วันนี้ฉันจะเอาตัวแกส่งศาลตัดสิน แกหมดทางแถแล้ว!”

“สารเลว แกรู้หรือเปล่าว่าหัวหน้าตระกูลอวี้คือลูกพี่ใหญ่ของพ่อฉัน!” อีวานทำสีหน้าดูถูก “รู้จักตระกูลอวี้หรือเปล่า”

ในความเป็นจริงตระกูลมอร์แกนก็แค่ทำธุรกิจร่วมกับตระกูลอวี้อยู่นิดหน่อย

อีวานไม่เคยเจออวี้เซ่าอวิ๋น จงใจพูดโอ้อวดเกินจริง

สีหน้าของฉินหลิงเยี่ยนเปลี่ยนไป “ตระกูลอวี้เหรอ”

เขาเข้าเมืองแห่งโลกมานานขนาดนี้ย่อมเคยได้ยินข่าวของตระกูลอวี้อยู่ไม่น้อย

ประธานสมาพันธ์เคยบอกเขาว่า อย่าไปมีเรื่องกับสมาชิกสายตรงของตระกูลอวี้

พวกเขามีฝีมือการต่อสู้ที่สูงมาก ไม่ใช่แค่เรียนวิชาป้องกันตัวมาก็จะสู้ได้

“อย่าเสียเวลาพูด จับตัวกลับไป!” ชายวัยกลางคนบอกให้บอดี้การ์ดชุดดำเดินเข้าไป “ไปจับมา”

บอดี้การ์ดชุดดำได้รับคำสั่งก็ลงมือทันที

อีวานแสยะยิ้ม “แกรอตาย…”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีสีหน้าตื่นตกใจ

ฟู่อวิ๋นเซินเหยียบหลังบอดี้การ์ดชุดดำคนหนึ่ง หันหน้ามาเล็กน้อย ยิ้มพลางพูด “หืม?”

หลายปีมานี้เขารู้จักเก็บรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบตัวแล้ว

แต่ถ้าล้ำเส้นของเขา อย่างไรก็เอาไม่อยู่

ฉินหลิงเยี่ยนไม่กังวลเท่าไร

ฟู่อวิ๋นเซินเป็นจอมยุทธ์ เขารู้ความสามารถ

แม้ที่นี่จะเป็นเมืองแห่งโลก แต่คนที่สู้ฟู่อวิ๋นเซินได้น่าจะมีอยู่ไม่กี่คน

ฉินหลิงเยี่ยนนั่งดูอยู่ข้างๆ

เจ็บใจที่เขาไม่ได้เอาบะหมี่ถ้วยมาด้วย

“เข้าไปให้หมด!” ชายวัยกลางคนสีหน้าเย็นชา “มีกันอยู่ตั้งสิบกว่าคน เอาตัวไปให้ได้”

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้นในเวลานี้

“เหล่าฟู่ มือถือนายดัง” ฉินหลิงเยี่ยนหยิบขึ้นมาดู ตัวสั่นก่อน “ว้าก!”

เขาอึ้งอยู่สักพักถึงชูโทรศัพท์ขึ้น “เอ๊ะ ลูกพี่ใหญ่ของลุงโทรมาแน่ะ”

คำพูดนี้พูดกับชายวัยกลางคน

คนที่โทรมาคือ…

อวี้เซ่าอวิ๋น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด