คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 701 ซู่เวิ่น ‘นี่คือชื่อของลูกสาวฉัน’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 701 ซู่เวิ่น ‘นี่คือชื่อของลูกสาวฉัน’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 701 ซู่เวิ่น ‘นี่คือชื่อของลูกสาวฉัน’

เสียงนี้ไพเราะดุจดนตรี เจือไปด้วยพลังที่ปลอบประโลมจิตใจ

ทั้งๆ ที่เสียงไม่ได้ดัง แต่กลับได้ยินกันทุกคน

“…”

เกิดความเงียบขึ้นภายในศาลทันที

บรรดาอัศวินที่ยืนอยู่สองฝั่งต่างมองไป เห็นแล้วก็ตะลึง

ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามา

เธอไม่ได้สวมชุดที่สวยหรูหรา

สวมเพียงชุดกระโปรงสีเรียบที่แสนธรรมดา สายรัดเอวประดับอัญมณีได้รัดรูปร่างของเธอเห็นเป็นสัดส่วนที่สวยงาม

แต่เธอมีบุคลิกที่น่ายำเกรงเป็นพิเศษ ดูมีบารมี

อดีตหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองแห่งโลก ซู่เวิ่น!

ผ่านไปเกือบยี่สิบปี ใบหน้าของเธอไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

แต่กาลเวลาที่ผ่านไปได้ทำให้เธอยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้น มีออร่าของความเป็นแม่ที่ทรงพลัง

ผู้พิพากษายืนขึ้นทันที ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ “คุณนายซู่เวิ่น!”

ปีนี้ผู้พิพากษาอายุห้าสิบปี รุ่นเดียวกับซู่เวิ่น

คนในรุ่นพวกเขาไม่มีใครไม่รู้จักซู่เวิ่น

ตอนนั้นซู่เวิ่นเป็นสาวในฝันของผู้ชายทุกคน และก็เป็นที่รักของผู้อาวุโสจำนวนมาก

“ท่านผู้พิพากษาคะ” ซู่เวิ่นยิ้มพลางพยักหน้า “ร่างกายเพิ่งฟื้นกลับมา มาช้าไป ขออภัยด้วยค่ะ”

“มะมะมะ…ไม่เป็นไร” ผู้พิพากษาก็ตื่นเต้นจนพูดไม่ถูก “คุณนายซู่เวิ่น ฟื้นแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก!”

ข่าวนี้จะสะเทือนไปทั้งเมืองแห่งโลก!

ซู่เวิ่นเดินขึ้นหน้า จับมืออิ๋งจื่อจินไว้แล้วยิ้ม “นี่คือคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้ค่ะท่านผู้พิพากษา เด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่รักษาเก่งมาก เพราะได้เธอ ฉันถึงฟื้นขึ้นมาค่ะ”

อิ๋งจื่อจินก้มมองมือของซู่เวิ่น แววตาวูบไหวเล็กน้อย

มีความอบอุ่นแบบที่ทำให้เธอละโมบ

ไม่อยากผละออก

ด้านข้าง

คุณนายสามกับหมอหน้าเขียวอย่างสิ้นเชิง มีสีหน้าเหลือเชื่อ

ซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมาได้ยังไง

ไม่ใช่ว่าควรถูกพิษตายไปแล้วเหรอ!

ผู้พิพากษาพยายามควบคุมให้ใจเย็นลง “คุณนายซู่เวิ่น แสดงว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้เป็นอะไร”

“เปล่าค่ะ เป็นแน่นอน” ซู่เวิ่นหุบยิ้ม เธอหันไปมองหมอที่ตัวสั่นไม่หยุด “ตอนนั้นฉันพอรู้สึกตัวบ้างแล้ว ถึงจะยังขยับไม่ได้ แต่ก็ฟังเข้าใจ”

“คนคนนี้เป็นคนวางยาฉันค่ะ”

“ตุบ!”

เสียงของแข็งกระแทก หมอทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น ร่างกายแข็งทื่อ “คะ คุณนายซู่เวิ่น ผม ผมเปล่า ผมไม่ได้…”

ผู้พิพากษาหันไปจ้องหมอ

หมอรู้สึกว่าเลือดในกายเย็นเฉียบ เขาลนลานรีบเข้าไปดึงเสื้อคุณนายสาม “คุณนายสามครับ ผมทำตามที่คุณสั่ง! คุณนายจะไม่ช่วยผมไม่ได้นะครับ!”

“เหลวไหล!” คุณนายสามก็ตื่นตระหนก ถีบหมอออก “นี่พี่สะใภ้ของฉัน ทำไมฉันต้องสั่งให้คุณวางยาเธอด้วย”

เธอเงยหน้า มองดวงตาสุกใสของซู่เวิ่น ร่างกายเย็นเฉียบ

แย่แล้ว

ถ้าซู่เวิ่นได้ยิน งั้นก็ต้องได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับหมอด้วยสิ

แต่คุณนายสามก็ยังคงไม่เข้าใจว่าซู่เวิ่นฟื้นได้ยังไง!

“เอาตัวออกไป!” ผู้พิพากษาสั่งทันที “ไม่ต้องสอบสวนแล้ว ตัดสินโทษตายเดี๋ยวนี้”

ถ้าพิษปะทุออก ซู่เวิ่นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสถานะของซู่เวิ่นเป็นอันดับต้นๆ ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองแห่งโลก

การลงมือกับเธอ ไม่เพียงแต่จะเป็นศัตรูกับแวดวงชนชั้นสูง ยังเป็นการดูถูกอำนาจของสำนักผู้วิเศษอีกด้วย

โทษตายก็ยังเบาไป

“คุณนายสาม! คุณนายสามช่วยผมด้วย!” พอได้ยินคำตัดสินแบบนี้ หมอก็สติแตก ร้องเหมือนจะขาดใจ “คุณนายสาม คุณเคยบอกว่าถ้าได้กุมอำนาจตระกูลเรนเกล คุณยังจะช่วยเอ่ยชมผมต่อหน้าผู้วิเศษให้ด้วย”

“คุณนายสาม ผมไม่อยากตาย!”

สายตาทุกคู่มองไปที่คุณนายสาม ประหนึ่งหนามที่ทิ่มแทงอยู่ด้านหลัง

คุณนายสามแทบอยากฉีกปากหมอ แต่ซู่เวิ่นมองเธออยู่ เธอยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ

ให้ตายเหอะ ไอ้โง่นี่ ดึงเธอซวยไปด้วยแล้ว!

“ท่านผู้พิพากษาคะ ในเมื่อเรื่องคลี่คลายแล้ว ฉันขอกลับก่อน” ซู่เวิ่นละสายตา “นี่เป็นคนของตระกูลเรา ฉันจัดการเองได้ค่ะ”

ผู้พิพากษาพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม “คุณนายซู่เวิ่น ผมจะรายงานไปที่สำนักผู้วิเศษว่าคุณฟื้นแล้ว”

เขาไปส่งซู่เวิ่นกับอิ๋งจื่อจินกลับตระกูลเรนเกลด้วยตัวเอง จากนั้นถึงไปสำนักผู้วิเศษ

ซู่เวิ่นฟื้นแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่

ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองทั้งเมือง

ตระกูลเรนเกล

ภายในห้องโถงใหญ่

“พี่สะใภ้ใหญ่” พอแน่ใจแล้วว่าซู่เวิ่นไม่เป็นไร ซีนายก็โล่งอก “เมื่อกี้พี่…”

“เลือดเสียภายในร่างกาย” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ พูดขึ้น “ถ้าไม่อาเจียนออกมาจะส่งผลต่อหัวใจและอวัยวะอื่น”

“คือแบบนี้ พี่รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นมาก รู้สึกดีกว่าเมื่อก่อนอีกนะ” สีหน้าของซู่เวิ่นอ่อนโยนแต่จริงจัง มองอิ๋งจื่อจินพลางพูด “คุณหมอเทวดา ขอบคุณมากจริงๆ เย็นนี้ฉันจะเข้าครัวด้วยตัวเอง อยู่กินข้าวด้วยกันนะ”

อิ๋งจื่อจินมองดวงตาที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้น “ค่ะ”

“งั้นก็ตามนี้ ฉันยังมีเรื่องอยากคุยกับเธออีก” ซู่เวิ่นจับมืออิ๋งจื่อจินแล้วยิ้มอีกครั้ง “ฉันขอไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อน เธอไปเดินเล่นก่อนนะ”

พูดจบก็หันตัว ยกกระโปรงเดินขึ้นบัลลังก์

“อาอิ๋ง เดี๋ยวค่อยไปเดินเล่นนะ” ซีนายถอยไปด้านข้าง “พี่สะใภ้ใหญ่จะจัดการคนแล้ว”

อิ๋งจื่อจินมองซู่เวิ่นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ อดเหม่อเล็กน้อยไม่ได้

ซู่เวิ่นมองคุณนายสามที่คุกเข่าอยู่ หันไปสั่งคนคุ้มกัน “จับไปขังไว้ก่อน รอโมเชี่ยนกลับมาแล้วลงโทษตาย”

พอได้ยินแบบนี้คุณนายสามก็สีหน้าเปลี่ยน “มะ…ไม่ได้นะ! ขังฉันไม่ได้! จะลงโทษตายไม่ได้นะ!”

“หมอพูดไม่จริงทั้งนั้น ฉันจงรักภักดีต่อตระกูลเรนเกล! ฉันไม่มีทางคิดร้ายกับพี่สะใภ้ใหญ่เลยนะคะ!”

“หัวหน้าตระกูลไม่อยู่ คุณนายใหญ่มีอำนาจตัดสินชีวิตคนในตระกูลได้” ซีนายยิ้มอย่างเย็นชา “คุณนายสามคงไม่มีทางลืมจุดนี้”

ตอนนี้สำนักผู้วิเศษยังไม่ได้สั่งให้ตระกูลเรนเกลเลือกหัวหน้าตระกูลใหม่

อำนาจย่อมอยู่ในมือซู่เวิ่น

กำจัดสมาชิกสายตรงของตระกูลเรนเกล ความเป็นความตายของทุกคน แค่ซู่เวิ่นพูดมาคำเดียว

คุณนายสามหน้าซีดเหมือนกระดาษในทันที เธอตัวสั่นเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงอ่อนลง “คุณนายใหญ่…”

ทั้งๆ ที่ในแผนของเธอ เวลานี้ซู่เวิ่นต้องไปพบยมบาลแล้ว!

ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ ตัดสินลงโทษตายเธอได้

นิ้วของซู่เวิ่นเคาะที่เท้าแขนเบาๆ หลุบตาลง ยิ้มพลางพูด

“น้องสะใภ้สามแต่งเข้ามาช้ากว่า ไม่รู้ว่าฉันตัดสินโทษสไตล์ไหน ก็ไม่แปลกหรอก”

คุณนายสามคุกเข่าอยู่บนพื้น บนหน้าผากมีเหงื่อผุด เสื้อผ้าก็เปียกชุ่ม

สไตล์ของซู่เวิ่นเหรอ

อันที่จริงเธอก็เคยได้ยินก่อนแต่งเข้าตระกูลเรนเกล

ซู่เวิ่นเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาตลอด

เธอโดดเด่นสง่างาม เพียบพร้อมทั้งการงานและการเรือน

ผู้หญิงเรียนปักดอกไม้ชงชาเธอก็ทำเป็นหมด

ผู้ชายขี่ม้ายิงธนูเธอก็ทำได้

ซู่เวิ่นนิสัยอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

โมเชี่ยนเคยเล่าให้คุณนายสามฟังว่า

ปีที่ซู่เวิ่นเพิ่งแต่งกับลูเอล ตระกูลเรนเกลเกิดความวุ่นวาย

ไม่ต้องให้ลูเอลออกโรง ซู่เวิ่นยิงปืนไม่กี่นัดก็จัดการคนทรยศได้แล้ว

ผู้หญิงแบบนี้คือดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนาม รังแกได้ยาก

แต่ก็ต้องเจอกับตัวเองเท่านั้น คุณนายสามถึงจะรู้สึกว่าซู่เวิ่นน่ากลัว

“พี่สะใภ้ใหญ่ ฉันหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ!” คุณนายสามคำนับสุดชีวิต เริ่มอ้อนวอน

“พี่สะใภ้ใหญ่ ฉันขอร้อง ไว้ชีวิตฉันด้วย”

“ฉันแต่งงานกับโมเชี่ยนมาสิบกว่าปีแล้ว พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”

ซู่เวิ่นไม่หวั่นไหว พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาตัวไป”

คนคุ้มกันลากตัวคุณนายสามที่ร้องโวยวายออกไป ไม่ให้โอกาสเธอได้ดิ้นรนแม้แต่น้อย

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องโถงใหญ่

พวกคนรับใช้ก็ไม่กล้าพูดอะไร

พอซู่เวิ่นฟื้น สถานการณ์ตึงเครียดในตระกูลเรนเกลก็ถูกทำลาย

ทุกอย่างกลับมาล้างไพ่อีกครั้ง

ซู่เวิ่นเงียบไปนานถึงยืนขึ้น “ซีนาย ตามพี่ไปที่สุสานหน่อย”

ซีนายสายตาจับจ้อง “ได้ค่ะ”

ซู่เวิ่นยิ้ม “คุณหมอเทวดาก็มาด้วยได้ไหม”

ภายในสุสานขนาดใหญ่ที่เขาด้านหลัง

ที่แห่งนี้ได้ฝังสมาชิกสายตรงของตระกูลเรนเกลรุ่นก่อนๆ ไว้

อิ๋งจื่อจินตามซู่เวิ่นกับซีนายเข้าไป มองป้ายหน้าหลุมศพนับร้อยภายในสุสาน

ซู่เวิ่นเดินไปจนถึงด้านในสุดของสุสานแล้วหยุดลงที่หน้าหลุมศพขนาดเล็กมาก

เธอก้มหน้า ลูบป้ายหน้าหลุมศพ พูดเสียงเบา “นี่คือชื่อของลูกสาวฉัน”

ซีนายอึ้ง “พี่สะใภ้ใหญ่?”

อิ๋งจื่อจินอยู่ด้านหลัง มองเห็นชัด

หลุมศพถูกปกป้องเป็นอย่างดี แต่ถูกสายลมพายุกระทำไปตามกาลเวลา ตรงมุมมีส่วนที่เสียหายอยู่เล็กน้อย

ตั้งมาเกือบยี่สิบปีแล้ว

บนป้ายหน้าหลุมศพมีสลักชื่อ ทั้งยังมีหลายจุดที่เปื้อนเลือด

นี่ก็แสดงว่าซู่เวิ่นใช้มือของตัวเอง เขียนบนป้ายหยกขาวหน้าหลุมศพนี้

สุสานของถานซินผู้เป็นที่รัก

วันที่ 24 มีนาคม 2003

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด