คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 716 คณะโอบอุ้มเทพอิ๋ง ลงมือ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 716 คณะโอบอุ้มเทพอิ๋ง ลงมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 716 คณะโอบอุ้มเทพอิ๋ง ลงมือ

พอได้ยินแบบนี้เท้าของฉางซานก็ชะงัก ถามด้วยความสงสัย “เลือดมีคุณสมบัติพิเศษเหรอ”

“อืม” จูซาหยิบถ้วยชาขึ้นมาเป่า ยิ้มพลางตอบ “ตอนนั้นเลือดของผู้หญิงคนนั้นสามารถถอนพิษได้สารพัด เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอ มีความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมนี้”

“ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” ฉางซานขมวดคิ้ว พยักหน้า “ได้ พี่จะระวัง เธอต้องการเลือดของเขาเหรอ”

“เอามาวิจัย” จูซาไม่ปิดบัง “เมื่อก่อนฉันเคยอยู่คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์มาเดือนสองเดือน สนใจเรื่องการทดลองพอสมควร”

ฉางซานนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขากลับไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม “น้องพี่ เธอเก่งขนาดนี้ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ทั้งยังเคยคลุกคลีกับท่านจักรพรรดินี”

“ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมอวี้เซ่าอวิ๋นถึงได้ตาบอดไปชอบผู้หญิงธรรมดาได้ ทั้งยังพาลูกชายกลับมาเหยียบหัวเธอ เธอทนได้เหรอ”

เขาไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับฟู่หลิวอิ๋ง จำได้เพียงลางๆ ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก

แต่ความสวยไร้ประโยชน์ที่สุดในสถานที่ที่มองความสามารถเป็นหลักและผู้แข็งแกร่งย่อมกลืนกินผู้อ่อนแออย่างเมืองแห่งโลก

ฟู่หลิวอิ๋งไม่มีแม้แต่ฝีมือต่อสู้

เอาแค่จุดนี้เธอก็ไม่มีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งนายหญิงตระกูลอวี้แล้ว

อารมณ์ของจูซาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ยังคงยิ้ม “ทนได้หรือไม่ได้ก็ผ่านมาได้ตั้งยี่สิบปีแล้ว”

“เอาเถอะ รู้ว่าเธอใจกว้าง” ฉางซานยืนขึ้น “พี่กลับไปที่หน่วยอัศวินก่อน อีกสักระยะพี่เตรียมจะท้าสู้ชิงตำแหน่งผู้บัญชาการ”

“รอพี่ได้ตำแหน่งผู้บัญชาการเมื่อไรจะจัดการไอ้หนุ่มแซ่ฟู่นั่นซะ”

เรื่องที่ฉางซานไม่พอใจยิ่งกว่าคือ ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์ไม่ค่อยอยู่ในที่ทำการหน่วยอัศวิน

เป็นแค่ผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน แต่กลับทำตัวเหิมเกริมยิ่งกว่าผู้วิเศษ

ตระกูลอวี้เป็นหนึ่งในตระกูลชั้นยอดที่สุดของเมืองแห่งโลก ความร่ำรวยก็มหาศาลมาก

แม้การเป็นอัศวินจะดูสูงส่ง แต่เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนก็สู้ตระกูลใหญ่ไม่ได้

ฉางซานสีหน้าอึมครึม

อะไรที่มาถึงมือแล้วจะปล่อยให้หลุดไปไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง

ภายในโรงแรม

ฟู่อวิ๋นเซินสวมหูฟังหนึ่งข้าง

สองมือของเขาประสานกัน มองหน้าจอเงียบๆ ดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์โดยกำเนิดดูเย็นชาและเคว้งคว้าง

สายตาเย็นชา คมดุจมีด

นี่คือหน้าจอสามมิติ บนหน้าจอเป็นภาพห้องพักผู้ป่วยของจูซา

การแสดงอารมณ์ทางใบหน้าของเธอและทุกคำพูดของฉางซานล้วนถูกส่งขึ้นมาบนหน้าจอปรากฏอย่างชัดเจน

มีรอยยิ้มตลอดการพูดคุย เป็นอสรพิษสาวแสนสวยอย่างสิ้นเชิง

แต่จูซาคงไม่คาดคิดว่าหลายวันนี้เธอจะถูกจับตาดูอยู่ตลอด

อิ๋งจื่อจินเดินเข้ามาวางชาร้อนลงตรงหน้าเขา เงยหน้าขึ้น “เลือดของคุณป้าก็มีคุณสมบัติพิเศษเหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพิงเก้าอี้ ลูบศีรษะเธอ ยิ้มพลางพูด “คุณปู่เคยเล่าว่า เมื่อก่อนตอนที่คุณแม่ปรุงน้ำหอมกอบกู้อวี้เซียงฟัง มีส่วนผสมอย่างหนึ่งก็คือเลือดของตัวเอง”

“เลือดของคุณแม่มีสรรพคุณดีกว่าสมุนไพรหายากบางชนิด เมื่อผสมเข้าไปจะช่วยให้จิตใจสงบ บำรุงม้าม บำรุงกระเพาะ”

อวี้เซียงฟังพลิกฟื้นกลับมาได้เป็นเพราะฟู่หลิวอิ๋ง

อิ๋งจื่อจินสายตาจับจ้อง “ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดึงดูดความสนใจของใครหลายคน”

ต่อให้ฟู่หลิวอิ๋งจะไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความขัดแย้งใดๆ คนอื่นก็ยังจะอยากเอาตัวเธอกลับไปชำแหละวิจัย เพื่อดูว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้นหรือเปล่า

แต่บนโลกก็มีกรณีแบบนี้

บางคนมีภูมิคุ้มกันมาแต่กำเนิด ป้องกันโรคระบาดได้หลายโรค ภูมิคุ้มกันดีกว่าคนทั่วไป

“แต่คนที่ฆ่าคุณแม่ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ แต่ตัวเธอก็มีเบาะแสอยู่ไม่น้อย” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง น้ำเสียงเย็นชา “เก็บไว้ก่อน รอสืบต่อ”

สัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำถูกซ่อนไว้ลึกเหลือเกิน

ถึงขั้นที่แม้แต่ซิวกับนอร์ตันที่เป็นผู้วิเศษเหมือนกันก็ยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในสำนักผู้วิเศษ

อิ๋งจื่อจินเอนตัวพิงเขา เหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อเธอชอบพักอยู่ที่โรงพยาบาลขนาดนี้ งั้นก็ปล่อยให้อยู่ไป อะ ผู้บัญชาการ”

เธอยื่นขวดยาให้ฟู่อวิ๋นเซิน

ฟู่อวิ๋นเซินจับตาดูจูซาได้ง่ายขนาดนี้ แค่ให้ยาเพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้

มีสองข้อความจากนอร์ตันและซิว

ซิว : [ท่านเทพพยากรณ์ จักรพรรดินีอ่านประวัติของคุณหมดแล้ว ผมล่ะกลัวใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอไหวๆ ไม่งั้นผู้วิเศษสายบุ๋นอย่างผมคงไม่รู้จะทำไงดี]

นอร์ตัน : [ซาโรต์ วิคตอเรียขอข้อมูลของบอสไป แต่ก็ยังมองไม่ออก]

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “มีอะไรเหรอ”

“ผู้วิเศษจักรพรรดินีเอาประวัติฉันไป” อิ๋งจื่อจินหาว “แต่สืบไม่พบอะไร”

ตอนเข้าเมืองแห่งโลกเธอได้สร้างตัวตนหลอกขึ้นมา

ข้อมูลของตัวตนหลอกนี้ได้กระจายไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตโดยผ่านเว็บดับบลิว ไม่มีช่องโหว่อะไร

ตราบใดที่ยังต้องพึ่งพาอินเตอร์เน็ต แม้จะเป็นผู้วิเศษก็ไม่มีทางพบความผิดปกติ

อิ๋งจื่อจินก้มหน้า เปิดข้อความของนอร์ตันอีกครั้ง หรี่ตาลงเล็กน้อย

ผู้วิเศษจักรพรรดินี ซาโรห์ วิคตอเรีย

เธอมองชื่อนี้ รู้สึกเหมือนเคยรู้จักอย่างบอกไม่ถูก

“ซาโรห์ วิคตอเรีย…” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น แววตาเย็นชา “วางใจได้ ต่อให้สืบพบ พี่ชายจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาทำอะไรได้”

เขาลุกขึ้นขณะพูด โน้มตัวลง ดวงตาดอกท้อโค้งมน “เด็กน้อย เดี๋ยวไปส่งกลับสำนักวิจัย พี่ชายจะกลับที่ทำการหน่วยอัศวิน”

อิ๋งจื่อจินนึกถึงคำพูดที่ฉางซานพูดกับจูซาก่อนหน้านี้ เธอชักสนใจ “ฉันก็อยากใช้กำลังบ้าง”

เธอยังไม่เคยทดสอบฝีมือของอัศวินในเมืองแห่งโลก นานแล้วที่เธอไม่ได้ใช้กำลัง

ไม่รู้ว่าสนุกหรือเปล่า

“เด็กดี ไม่เอาน่า” ฟู่อวิ๋นเซินใจเย็น น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเกลี้ยกล่อมเด็ก “เยาเยา เชื่อฟังนะ”

“…”

คณะวิศวกรรมศาสตร์

การทดลองบินปลายเดือนที่แล้วทำให้อิ๋งจื่อจินก้าวกระโดดเป็นคนดังของคณะวิศวกรรมศาสตร์

กอปรกับติดอันดับคำค้นยอดนิยมของเว็บดับบลิวอยู่สามวันต่อเนื่อง ชื่อเสียงของบิลเสียหายไปไม่น้อย

โดยเฉพาะท่าทีที่เธอดูถูกคนธรรมดายิ่งชวนให้เป็นที่รังเกียจ

เมื่อเทียบกันแล้ว คนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มเอนเอียงมาทางอิ๋งจื่อจินแล้ว

โปรเจ็กต์ถัดไปของอิ๋งจื่อจินยังไม่ออกมาก็มีนักศึกษาหลายคนแย่งกันมาลงชื่ออยากสมัคร

“เฮ้อ รุ่นน้องอิ๋ง ตอนนี้เธอเนื้อหอมใหญ่แล้วนะ” เยี่ยซือชิงถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าต่อไปพวกเรายังจะได้ทำโปรเจ็กต์ด้วยกันอีกไหม”

“ได้สิ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ทำโปรเจ็กต์กับพวกรุ่นพี่ ฉันพอขี้เกียจได้หน่อย”

แค่ใช้สมองก็พอแล้ว

“แค่กๆๆ!” เยี่ยซือชิงสำลัก “รุ่นน้องอิ๋ง ขี้เกียจของเธอมันแตกต่างจากขี้เกียจของคนอื่นมากเลยนะ”

วาดแบบทุกส่วนออกมาหมด ส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญก็ประกอบเอง

นี่เรียกขี้เกียจได้เหรอ!

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วตอบ “ฉันมักถูกบอกว่าขี้เกียจ”

จั่วหลีแทบอยากขังเธอไว้ในห้องมืด ให้เธอเขียนวันละแปดบทความ

“ใครกัน นิสัยแย่ขนาดนี้” เยี่ยซือชิงเงยหน้า ทันใดนั้นก็ร้องด้วยความตกใจ “อาจารย์ชิงจิ่ว?”

อิ๋งจื่อจินหันไป

ชิงจิ่วเดินเข้ามา “นักศึกษาอิ๋ง นักศึกษาเยี่ย อยู่กันทั้งคู่เลยเหรอ”

ถ้ามั่วเฟิงเป็นอาจารย์อันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชิงจิ่วก็คืออันดับสอง

แต่เนื่องจากเรื่องของบิล มั่วเฟิงก็ติดร่างแหไปไม่น้อย

โดยเฉพาะการที่สวีจิ่งซานอย่างมากก็แค่ทำโปรเจ็กต์ล้มเหลว แต่กลับถูกมั่วเฟิงไล่ออก ตอนนี้พวกนักศึกษาต่างเดินเลี่ยงมั่วเฟิง

“นักศึกษาอิ๋ง นักศึกษาเยี่ย” ชิงจิ่วยิ้ม “ครั้งนี้พวกเธอทดลองบินประสบความสำเร็จ ทางคณะดีใจกันมาก นี่เป็นของรางวัลของพวกเธอในครั้งนี้จ้ะ”

อิ๋งจื่อจินรับกล่องมา พยักหน้า “ขอบคุณค่ะอาจารย์ชิงจิ่ว”

“ในนั้นเป็นบัตรงานประมูลลอเรนท์” ชิงจิ่วพูดต่อ “งานประมูลครั้งนี้จะมีแร่หายากอยู่ไม่น้อย และยังมีพวกหินจากดาวดวงอื่น เป็นวัสดุชั้นดีสำหรับการทำโปรเจ็กต์ทั้งนั้น”

“ถ้ามีชิ้นไหนที่พวกเธอต้องการก็บอกทางคณะได้เลยนะจ๊ะ ทางคณะจะช่วยประมูลมาให้”

เทคโนโลยีการบินและอวกาศของเมืองแห่งโลกเจริญก้าวหน้ามาก ขนสินค้าจากดาวดวงอื่นกลับมาที่เมืองได้แล้ว

อิ๋งจื่อจินเปิดกล่อง

ในนั้นเป็นบัตรโซนบีสิบใบ

เอาบัตรโซนบีให้นักศึกษาได้ก็เพียงพอให้มองออกถึงระดับความสำคัญที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มีให้

อย่างไรเสียในครั้งก่อนๆ บัตรโซนบีแบ่งให้แค่พวกอาจารย์

ชิงจิ่วก็ได้บัตรโซนบีเหมือนกัน

อิ๋งจื่อจินนึกถึงเมื่อเดือนที่แล้ว บังเอิญได้ยินชิงจิ่วปกป้องเธอต่อหน้ามั่วเฟิง

“อาจารย์ชิงจิ่วคะ” อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรสีทองออกมาหนึ่งใบแล้วยัดใส่มือชิงจิ่ว “ของตอบแทนค่ะ”

“เด็กคนนี้นี่ จะให้ทำไม” ชิงจิ่วยิ้ม “ได้ อาจารย์จะรับไว้ ไว้เจอกันที่งานประมูลนะจ๊ะเด็กๆ”

เธอเดินออกไปถึงเปิดกระดาษสีทองใบนั้นออก

วินาทีถัดมาเหมือนถูกฟ้าผ่า ชิงจิ่วยืนช็อก ยังไม่ได้สติกลับมา

สมองมีเพียงอักษร ‘เอ’

“รุ่นน้องอิ๋ง ยัดอะไรให้อาจารย์ชิงจิ่วเหรอ” เยี่ยซือชิงมองชิวจิ่วที่ยืนแข็งเป็นรูปปั้นอยู่ด้านนอก

อิ๋งจื่อจินตอบสั้นๆ “บัตรเบอร์หนึ่งโซนเอ”

เยี่ยซือชิง “…”

ที่นั่งเบอร์หนึ่งโซนเอเป็นที่นั่งตรงกลาง แม้จะสู้โซนวีไอพีไม่ได้ แต่ก็ประมูลของได้ฟรีหนึ่งชิ้น

มิน่าล่ะ

เยี่ยซือชิงคล้องแขนอิ๋งจื่อจิน “รุ่นน้องอิ๋ง ขอพี่กอดเธอแน่นๆ พึ่งใบบุญเธอเยอะๆ”

รุ่นน้องที่เทพขนาดนี้ต้องเอาใจให้มากหน่อย!

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินสวมหมวกเบสบอล ไม่ปฏิเสธ “ฉันจะออกไปซื้อขนม รุ่นพี่ไปด้วยกันไหมคะ”

“ไปๆๆ” เยี่ยซือชิงดีใจมาก “แค่ขนมพี่จ่ายไหว รุ่นน้องอิ๋งกินเยอะแค่ไหนจัดไปเลย”

ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกัน

ห่างจากสำนักวิจัยออกไปสองกิโลเมตรมีถนนเส้นของกิน เดินทะลุซอยไปก็ถึง

ทันใดนั้นหูของอิ๋งจื่อจินก็ขยับ ยกมือขึ้น “รอเดี๋ยวค่ะ”

เยี่ยซือชิงแอบงง “หา?”

วินาทีถัดมาก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดแรง มีริ้วเงา

จากนั้นเบื้องหน้าของเยี่ยซือชิงก็มัวไปชั่วขณะ

เมื่อเธอกลับมามองเห็นชัดอีกครั้งก็เห็นชายชุดดำแปดคนอยู่ในซอย

แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ กำยำมีพลัง

ซอยนี้เป็นซอยแคบๆ พอมีคนปรากฏตัวทีเดียวหลายคนแบบนี้บรรยากาศก็ดูอึมครึมขึ้นมาทันที

ชายชุดดำคนที่เป็นหัวโจกหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูรูปแล้วมองอิ๋งจื่อจิน

เขาพยักหน้า พูดเสียงเย็นชา “ถูกต้อง คนนี้แหละ อิ๋งจื่อจิน เด็กใหม่คณะวิศวะปีนี้”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตามอง

“รบกวนหน่อย มีคนออเดอร์เอาชีวิตของเธอ ค่าหัวร้อยล้าน” ชายชุดดำสองมือไพล่หลัง จากนั้นก็เหลือบมองเยี่ยซือชิง “พวกเราทำตามออเดอร์ ส่วนเธอไปได้ ต้องไว้ชีวิตเธอ”

เยี่ยซือชิงเครียดขึ้นมาทันที แต่ก็รีบเอาตัวไปขวางหน้าอิ๋งจื่อจินไว้ สีหน้าเคร่งขรึม “รุ่นน้องอิ๋ง พี่จะถ่วงเวลาไว้ เธอกลับไปเรียกคนคุ้มกันของคณะมา”

แม้เธอจะไม่เคยฝึกต่อสู้ แต่ก็มองออกตั้งแต่แวบแรกว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนพวกนักศึกษาระดับสูงคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ที่ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินอัดจนน่วม

คนชุดดำพวกนี้มีวิชาต่อสู้อย่างแท้จริง

กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ขาใหญ่กว่าพวกเธอเสียอีก

เมื่อกี้ที่พวกเขากระโดดจากกำแพงมาล้อมพวกเธอไว้ ความเร็วก็เกินกว่าขีดจำกัดร่างกายของมนุษย์ทั่วไป

เกรงว่าจะผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้ว

ใช่ว่าคนที่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวมาจะสู้ได้

ก็ไม่รู้ว่าใครที่ต้องการชีวิตของอิ๋งจื่อจิน ถึงได้จ้างคนพวกนี้มา

เยี่ยซือชิงร้อนใจมาก “รุ่นน้องอิ๋ง ไปสิ เธอสำคัญกว่าพี่เยอะนะ”

อิ๋งจื่อจินเป็นถึงเสาหลักในอนาคตของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแบบนั้นจะยิ่งยุ่ง

แต่เธอไม่เป็นไร

นักศึกษาคณะวิศวะที่เป็นแบบเธอมีเยอะแยะ เสียแล้วก็เสียไป

“สาวน้อย มีน้ำใจน่าดูเลยนะ” ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกได้ฟังก็หัวเราะ “ในเมื่อเธอไม่อยากไป งั้นก็อยู่ด้วยกัน ได้คนไปเพิ่มพวกเราก็ขอเงินได้มากหน่อย”

เด็กสาวสองคนยังอยากช่วยเหลือกันเอง

ก็ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน

คิดว่าพวกเขาฝีมือกระจอกเหรอ

ถ้าไม่ติดว่าเงินดี เขาไม่มีทางรับงานแบบนี้หรอก

เยี่ยซือชิงเหงื่อแตกบนหน้าผาก

ชายชุดดำพวกนี้เป็นใครกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนสำคัญของคณะวิศวะก็ยังจะทำตัวเหิมเกริมหมายเอาชีวิตได้ขนาดนี้

เวลานี้มีมือมาจับบ่าเธอไว้

เสียงที่ชวนให้อบอุ่นใจดังขึ้น สุขุมมีพลัง “ไม่ต้อง”

เยี่ยซือชิงอึ้ง

เธอหันไป เห็นอิ๋งจื่อจินมัดผมเป็นทรงหางม้าสูง จากนั้นก็พับแขนเสื้อขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด