คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 726 ตบไปหนึ่งฉาด จูซาใจหายวาบ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 726 ตบไปหนึ่งฉาด จูซาใจหายวาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 726 ตบไปหนึ่งฉาด จูซาใจหายวาบ

เนื่องจากก่อนหน้านี้เรื่องที่ตระกูลมอร์แกนถูกตระกูลอวี้จัดการ เรื่องตระกูลอวี้รับคุณชายใหญ่กลับมา ได้ลือไปทั่วเว็บดับบลิวในเมืองแห่งโลกแล้ว

หลายคนจึงสงสัยเรื่องฟู่อวิ๋นเซิน

แต่มีการเก็บรักษาความลับดีมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรูปถูกโพสต์ลงในเน็ต

ชาวเมืองคิดว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นลูกที่หายไปโดยไม่ระวัง แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะเป็นลูกนอกคอกที่ไม่มีสถานะอะไร

[โมโห โมโห โมโห! คุณนายจูซาสร้างคุณูปการให้เมืองแห่งโลกตั้งเท่าไร ลดตัวลงมาแต่งเข้าตระกูลอวี้ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกเหรอ!]

[ฉันขอพูดตามตรงเลยนะ ไม่ว่าจะมีสถานะหรือเปล่า แต่ผู้หญิงนอกเมืองไม่คู่ควรมาเทียบชั้นกับคุณนายจูซา ผู้ช่วยคนเก่งของท่านจักรพรรดินี พวกสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่ก็เทียบไม่ได้]

เป็นถึงอดีตผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ จูซาย่อมโด่งดังมาก

และก็เป็นขวัญใจของชาวเมือง

ไม่เคยมีใครสงสัยในคำพูดของเธอว่าจริงหรือเท็จ

“ทุกท่านอย่าทะเลาะกันค่ะ” จูซาไอเล็กน้อย “ฉันจริงจังนะคะ ไม่ได้มาเรียกคะแนนสงสาร ยังไงซะฝืนไปก็ไม่ดี คุณชายใหญ่เป็นถึงว่าที่หัวหน้าตระกูล ต่อไปฉันจะเป็นอุปสรรคได้”

[? ลูกนอกคอกมีสิทธิ์อะไรมาสืบทอดตระกูลอวี้ ไม่เห็นด้วย!]

[ไม่เห็นด้วย+1!]

จูซาดื่มชาเพื่อปกปิดรอยยิ้มในดวงตาที่มีอยู่เล็กน้อย

กระแสวิพากษ์วิจารณ์มีพลังขนาดไหน เธอรู้ดี

ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่ได้พูดโกหกสักคำ

นักข่าวปาดเหงื่อ “คุณนายใหญ่ครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ระหว่างคุณกับคุณชายใหญ่มีเรื่องเข้าใจผิดกัน เราจะไปเชิญเขามา พอหายเข้าใจผิดเรื่องก็จบแล้วครับ”

“ฉันเชิญเขามาไม่ได้” จูซาถอนหายใจเบาๆ “รบกวนพวกคุณด้วยค่ะ”

พวกชาวเมืองที่ดูจูซาให้สัมภาษณ์ยังคงวิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน หัวข้อสนทนาก็เริ่มเพี้ยน

[เป็นคุณนายใหญ่เหมือนกัน คุณนายซู่เวิ่นกับคุณนายจูซา ใครเหนือกว่า]

[จึ๊ๆ ก็ต้องคุณนายจูซาอยู่แล้ว สามีกับลูกชายยังแข็งแรงดีอยู่ ครอบครัวชนะ ไม่เหมือนซู่เวิ่น สามีหายสาบสูญ ลูกสาวตายตั้งแต่เกิด ใครเห็นแล้วจะไม่พูดว่าน่าสงสารบ้างล่ะ]

[แล้วลูกนอกคอกที่อยู่ๆ ก็โผล่มานี่ ใครจะรับได้]

จูซายิ้ม กำลังจะพูดขึ้น

แต่ประตูถูกถีบออกในเวลานี้

ผู้ชายสีหน้าเคร่งขรึมถือดาบบุกเข้ามา ถีบกล้องไลฟ์สดที่อยู่ในมือนักข่าว

เป๊าะ เสียงอุปกรณ์แตกหัก

วินาทีถัดมาดาบยาวก็ถูกดึงออกจากฝัก แทงเข้าไปที่ไหล่ของจูซา

อวี้เซ่าอวิ๋นพูด “รนหาที่ตาย!”

จูซาตกใจ

เธอยังไม่ทันพูดอะไรก็กระอักเลือดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

พวกนักข่าวช็อกกันหมด

จูซาจับไหล่ พูดอย่างยากลำบาก “ท่านหัวหน้าตระกูล นึกไม่ถึงว่าแผนที่ฉันพยายามตั้งใจทำเพื่อตระกูลอวี้ ทั้งหมดกลับเป็นสิ่งที่ผิดในสายตาของท่านหัวหน้าตระกูลอย่างนั้นเหรอ”

“อวี้เซ่าอวิ๋น!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ที่รีบร้อนมาโมโหเกือบวูบ “แกมันบ้าไปแล้ว!”

ลงมือโหดเหี้ยมกับจูซาท่ามกลางสายตาคนมากมาย ตระกูลอวี้ไม่ขายหน้าแย่เหรอ

แต่ทว่าพวกนักข่าวที่รีบมาก็พากันกรูเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วย

“ท่านหัวหน้าตระกูล ตอนนั้นคุณถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณนายจูซาจริงเหรอครับ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความยินยอมของคุณใช่ไหมครับ”

“ท่านหัวหน้าตระกูลคะ ตอนนั้นที่คุณสมองตายสามปี เห็นๆ อยู่ว่าคนร้ายคือฟู่หลิวอิ๋ง ทำไมยังจะเข้าข้างเธออีกล่ะคะ”

เซ่าอวิ๋นขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“ไม่มีเรื่องแบบนั้น!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ตะโกนพูดขัดจังหวะ “ตอนนั้นที่แต่งงานเพราะสองคนรักกัน ผู้หญิงนอกเมืองคนนั้นต่างหากที่ไร้ยางอาย จงใจ…”

เธอยังไม่ทันพูดจบก็มีฝ่ามือหวดฝ่าอากาศมาที่ใบหน้าของเธอ

ผัวะ เกิดความเงียบขึ้นในห้องผู้ป่วยที่กว้างใหญ่ทันที

แม้แต่จูซายังชะงักไปหลายวินาที เงยหน้าขึ้น

มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินยันกำแพง

เขาเหลือบตาขึ้น สายตาเย็นชา ยิ้มพลางพูด “ว่าไงนะ”

พวกนักข่าวอึ้งกันอยู่สักพัก จากนั้นก็ถือไมโครโฟนเข้าไปยิงคำถามรัวๆ

“คุณคือคุณชายใหญ่ใช่ไหมครับ คุณคิดเห็นยังไงกับคำพูดของคุณนายจูซาครับ”

“คุณต้องการบีบเธอให้ลงจากตำแหน่งจริงเหรอคะ ต้องทราบก่อนนะคะว่าคุณเป็นลูกนอกสายเลือด คุณมีสิทธิ์อะไรคะ”

“เขาไม่ใช่” เซ่าอวิ๋นตะคอก “ไสหัวไปให้หมด!”

รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจากตัวเซ่าอวิ๋น

พวกนักข่าวตกใจตัวสั่น

ตระกูลอวี้ไม่เหมือนกับตระกูลเรนเกล เป็นตัวแทนของอำนาจต่อสู้ที่เด็ดขาด

พวกเขาไม่กล้าคาดคั้นแล้ว

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ถูกตบก็มึนงง ทันใดนั้นเธอทรุดลงไปนั่งบนพื้น ร้องไห้คร่ำครวญ “กล้าตบแม้กระทั่งย่าแท้ๆ ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ฉันจะไปร้องเรียนที่ศาลตัดสิน คนแบบนี้ห้ามเข้าตระกูลอวี้ของพวกเราเด็ดขาด!”

“ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง” จูซาอดทนต่อความเจ็บปวด คุกเข่าต่อหน้าทุกคน “ฉันยินดีรับโทษค่ะ”

“อยากรับเหรอ ได้” อวี้เซ่าอวิ๋นแสยะยิ้ม “ลากตัวเธอออกไป”

แต่กลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาที่ห้องผู้ป่วย

พวกเขาสวมเครื่องแบบ ด้านซ้ายมีตราสัญลักษณ์

ศาลตัดสินที่อยู่ภายใต้อำนาจของผู้วิเศษผู้พิพากษา!

เจ้าหน้าที่ที่นำมาเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ขวางหน้าฟู่อวิ๋นเซินไว้ “คุณชายฟู่ คุณเจตนาทำร้ายคุณนายจูซา ช่วยตามพวกเราไปด้วยครับ”

“ไม่ได้!” ดวงตาของเซ่าอวิ๋นฉายแววอาฆาต “อยากตายเหรอ!”

“ท่านหัวหน้าตระกูลอวี้ อย่าขวางพวกเราเลยครับ” เจ้าหน้าที่ไม่อ่อนให้ “เสียงส่วนใหญ่ย่อมมีผล ต่อให้เป็นท่านหัวหน้าตระกูลก็ต้านทานเสียงของชาวเมืองไม่ได้หรอกครับ”

จูซามีอิทธิพลมาก

และด้วยความที่เมืองแห่งโลกมีเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้า ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เดือดกันไปทั้งโลกไซเบอร์

นี่ก็หมายความว่าชาวเมืองแห่งโลกรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว

“งั้นฉันไปเอง” เซ่าอวิ๋นเม้มริมฝีปากแน่น” ฉันเป็นคนทำเธอบาดเจ็บ ไม่เกี่ยวกับเจ้าเจ็ด”

พวกเจ้าหน้าที่มองหน้ากัน ลำบากใจยิ่งกว่าเดิม “ท่านหัวหน้าตระกูลอวี้ คือ…”

“ศาลตัดสินเหรอ” นิ้วเรียวยาวของฟู่อวิ๋นเซินปัดอกเสื้อ พูดอย่างไม่แคร์ “งั้นก็ได้”

เซ่าอวิ๋นสีหน้าเปลี่ยน “เจ้าเจ็ด ศาลตัดสิน…”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา พูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “อย่าวุ่นวาย ผมไม่ยอมรับคุณ แต่ก็ไม่ได้อยากเห็นคุณเกิดเรื่อง”

“คิดว่าเรื่องมันง่ายขนาดนั้นเหรอ”

ไม่รอให้เซ่าอวิ๋นตอบ เขาตามเจ้าหน้าที่ออกจากห้องผู้ป่วยไป

พอเห็นฟู่อวิ๋นเซินออกไปแล้ว คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็เลิกคร่ำครวญ

เธอยืนขึ้นโดยมีพ่อบ้านประคอง วินาทีถัดมาก็กลับมามีท่าทีใจเย็น “หมอล่ะ รีบมารักษาจูซาเร็วเข้า!”

“ท่านหัวหน้าตระกูล นี่ไม่ใช่ความต้องการของฉันจริงๆ นะคะ” จูซาพูดด้วยเสียงอ่อนแรง “ฉันจะไปช่วยคุณชายใหญ่ออกมาจากศาลตัดสินเดี๋ยวนี้”

“ห้ามไป” คุณนายผู้เฒ่าอวี้พูดเสียงดุ “สมน้ำหน้าแล้ว”

กว่าจะกำจัดหนามยอกอกได้ไม่ใช่ง่ายๆ เธอมีเหรอจะปล่อยให้ฟู่อวิ๋นเซินออกมาอย่างปกติสุขได้

จูซายังอยากพูดอะไรต่อ แต่ถูกคุณนายผู้เฒ่าอวี้จับกดให้นอนบนเตียง “ซาเอ๋อร์ เลิกเป็นห่วงคนอื่นเถอะ คนอื่นไม่เห็นจะห่วงเธอเลย พักผ่อนให้ดีๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องที่เหลือแล้ว”

เรื่องที่ฟู่อวิ๋นเซินถูกเอาตัวไปขึ้นศาลตัดสินก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแห่งโลกในเวลาไม่กี่นาที

[สะใจโว้ย! ใช้กฎหมายเล่นงานให้หนักเลย!]

[เอาให้คนนอกเมืองรู้เลยว่า อย่าคิดจะรังแกพวกเราง่ายๆ ยังจะกล้าลงมือกับคุณนายจูซา ใจกล้าเหลือเกินนะ]

[ผู้บัญชาการจูซาสร้างคุณงามความดีให้เมืองแห่งโลก ห้ามทำให้พวกผู้บัญชาการขุ่นเคืองใจ]

ด้านล่างเต็มไปด้วยข้อความเฉลิมฉลอง

ซู่เวิ่นพับคอมพิวเตอร์ปิดดัง ปึก

หน้าจอสามมิติก็หายไปทันที

“เยาเยา ป้าจะไปศาลตัดสิน ประกันตัวอวิ๋นเซินออกมา” ซู่เวิ่นยืนขึ้น พูดเสียงขรึม “วางใจได้ เขาไม่มีทางเป็นอะไร”

เธอกับจูซาเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับลูเอล จูซาเป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ พักอยู่ในกองบัญชาการอัศวินมาตลอด

แค่คำพูดไม่กี่คำก็ส่งฟู่อวิ๋นเซินขึ้นศาลตัดสินได้แล้ว

ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

“คุณป้าวางใจได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

ซู่เวิ่นตะลึงไปชั่วขณะ เคร่งขรึมอยู่สักพักก็ยิ้มออกมา “ป้าเป็นห่วงมากเกินไป พวกเธอไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุเสียหน่อย”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินยิ้มบางพลางพยักหน้า “หนูเชื่อในตัวเขา และก็เตรียมพร้อมไว้แล้วค่ะ”

“ลำบากพวกเธอแล้ว” ซู่เวิ่นมีสีหน้าสบายใจขึ้น พูดเสียงเบา “ป้าทนเห็นเด็กอายุเท่าพวกเธอถูกรังแกไม่ได้จริงๆ”

เธอมองอิ๋งจื่อจินแล้วหลับตาลง

บางทีทั้งหมดอาจเป็นแค่ความดีใจเลื่อนลอยที่มาจากความใจร้อนก็ได้

อีกด้านหนึ่ง

ศาลตัดสิน

ภายในคุก

“เข้าไป!”

พัศดีกำลังจะผลักฟู่อวิ๋นเซินเข้าไป แต่พอมือแตะถูกเสื้อผ้าเขาก็คล้ายกับชนกำแพงเหล็ก ชาไปชั่วขณะ

แต่ความรู้สึกนี้ก็หายไปในชั่วพริบตา ราวกับคิดไปเอง

พัศดีก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กึก ทำการใส่กุญแจ

สองชั่วโมงต่อมาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“คุณนายจูซา” พัศดีเงยหน้ามอง พูดด้วยความนอบน้อม “ทำไมมาด้วยตัวเองล่ะครับ”

“ฉันมาเกลี้ยกล่อมเขา” จูซายิ้ม “เรื่องเกิดขึ้นเพราะฉัน คุณออกไปเถอะ”

พัศดีถอยออกไป

ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว

คุกอิเล็กทรอนิกส์ไม่มืดสนิท แสงไฟสว่างฉาบใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่อวิ๋นเซิน เป็นประกายแสงอ่อนๆ

“คุณฉลาดกว่าฟู่หลิวอิ๋งเยอะนะ” จูซาโน้มตัวลง ยิ้มพลางถอนหายใจ “แต่น่าเสียดาย ระยะเวลาที่คุณอยู่ในเมืองแห่งโลกสั้นไปหน่อย ต่อกรกับฉันไม่ได้หรอก”

ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เหลือบตาขึ้น

“อย่ามองฉันแบบนี้” จูซาถอยหลังหนึ่งก้าว ยิ้มอีกครั้ง “ทำอย่างกับว่าฉันทำอะไรคุณแล้ว การตายของฟู่หลิวอิ๋งไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด แต่ฉันดีใจสุดๆ”

ภัยคุกคามถูกกำจัดไป ใครบ้างไม่ดีใจ

“คุณชายฟู่ คุณก็บุ่มบ่ามเกินไป ทั้งๆ ที่คุณทนคำดูถูกได้” จูซาถอนหายใจอีกครั้ง “คนหนุ่มมักใจร้อน แต่ฉันก็เข้าใจได้ ใครละจะไม่โมโหตอนแม่ตัวเองถูกด่า”

จิตใจมนุษย์ถูกหลอกใช้ประโยชน์ได้ดีเสมอ

อ่อนแอ โจมตีง่าย

เธอชอบเล่นกับจิตใจมนุษย์มากที่สุด

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไร้การเปลี่ยนแปลง น้ำเสียงเย็นชา “แกนี่เอง”

“อยากหาจุดอ่อนฉันเหรอ” จูซายิ้ม “ฉันให้ก็ได้ ถูกต้อง ฟู่หลิวอิ๋งถูกไล่ออกจากเมือง ฉันเป็นคนตีคลื่นใต้น้ำเอง”

ลากฟู่อวิ๋นเซินมาเข้าคุกศาลตัดสินได้แล้ว เธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

“ฉันใช้ความเป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์บอกตระกูลอวี้ว่า ฟู่หลิวอิ๋งร่วมมือกับอิทธิพลมืด ต้องการเอาชีวิตอวี้เซ่าอวิ๋น” จูซาพูดอย่างใจเย็น “สำนักผู้วิเศษส่งหน่วยอัศวินไปได้ทันเวลา ถึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้”

“เดิมทีอวี้เซ่าอวิ๋นไม่ถึงกับสมองตาย แต่ฉันจงใจถ่วงเวลา”

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา “คนที่ช่วยไว้คือแม่ของฉัน”

“ใช่ เธอช่วยไว้” จูซาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มพลางพูด “เลือดของเธอมีสรรพคุณพิเศษ รักษาโรคได้สารพัด”

“ถ้าไม่ติดว่าเธอมีความสามารถช่วยชีวิตพ่อคุณได้ คงไม่ใช่แค่ถูกไล่ออกจากเมืองหรอก”

อวี้เซ่าอวิ๋นสมองตาย สำนักผู้วิเศษกับตระกูลอวี้โกรธมาก

ฟู่หลิวอิ๋งตัวคนเดียวในเมืองแห่งโลก ไม่มีที่พึ่ง จึงต้องถูกไล่ออกไป

เดิมทีจูซาอยากฆ่าฟู่หลิวอิ๋ง

แต่สำนักผู้วิเศษห้ามไว้หลังจากประชุมกันภายใน มีผู้วิเศษคัดค้าน หลังเกิดเรื่องจึงจบแค่ขับไล่ฟู่หลิวอิ๋ง

“น่าเสียดายมากใช่ไหมล่ะ” จูซาเอามือบังปาก รู้สึกเสียดาย “ถ้าเธออยู่ที่ฮู่เฉิงประเทศจีนดีๆ ไม่หลงเข้ามาในเมืองแห่งโลก มีเหรอจะตายเร็วแบบนี้”

“อีกทั้งคุณอาจยังไม่รู้ว่า เดิมทีตระกูลอวี้ยอมแล้ว พวกเขากำลังจะได้จัดงานแต่งงานกัน แต่ฉันขวางไว้”

“บุกเข้ามาในเมืองแห่งโลกโดยไม่รู้จักดูตัวเอง เพ้อฝันคิดจะแย่งชิงอำนาจที่แท้จริง แต่พวกคุณไม่มีความสามารถนั้นก็ทำได้เพียงตกเป็นเครื่องมือของอำนาจ”

จูซายืดตัวขึ้น ยิ้มพลางพูด “เอาล่ะ ฉันพูดกับคุณมามากแล้ว เข้าศาลตัดสินก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย ฉันจะมาส่งเป็นครั้งสุดท้าย”

ศาลตัดสินขึ้นตรงกับสำนักผู้วิเศษ ผู้พิพากษาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ ค่อนข้างสนิทกัน

ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ในเมืองแห่งโลกไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล จะทำอะไรได้

จูซารู้สึกสะใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ฟู่หลิวอิ๋ง เธอเห็นหรือยัง

เธอตายแล้ว ลูกชายของเธอก็เดินตามรอยเธอไป!

ส่วนความลับก็จะถูกฝังไปตลอดกาล

เธอยังคงเป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนับหน้าถือตา เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลอวี้

จูซายิ้มอ่อนโยนใจดี

เธอยกกระโปรงหันตัวเดินออกอย่างสง่างาม

ฟู่อวิ๋นเซินยังคงพิงกำแพง

เขาเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อยเช่นเคย “ได้ยินกันหมดแล้วใช่ไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด