คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 788 เผยตัวพร้อมกัน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 788 เผยตัวพร้อมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 788 เผยตัวพร้อมกัน

คำพูดธรรมดา แต่ไชโลห์ฟังแล้วกลับเหมือนมีฟ้าผ่าอยู่ข้างหู

ตัวเธอทรุดลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลไม่หยุด

แย่แล้ว!

ผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเธอทั้งหมดแล้ว

ดวงเธอนี่มันยังไงกัน

ทำไมถึงได้บังเอิญเจอกันพอดี

“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ” ฉินหลิงอวี๋มองไชโลห์ที่ตัวสั่น เลิกคิ้วพลางพูด “มีอะไรก็พูดต่อหน้าได้เลย แบบนั้นไม่สื่อสารง่ายกว่าเหรอ”

พอได้ยินแบบนี้ไชโลห์ก็ตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม พูดด้วยความลนลาน “ฉันไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินท่านพระจันทร์นะคะ!”

“ก็แค่ ทะ ท่านพระจันทร์ ช่วงนี้ท่านจักรพรรดินีอารมณ์ไม่คงที่ พักผ่อนก็ไม่ค่อยดี ฉันแค่อยากปลอบท่านจักรพรรดินีค่ะ แต่ปากฉันมันไม่รู้จักใช้คำ พูดออกไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ท่านพระจันทร์กับท่านเหยียนโปรดอภัยให้ด้วยค่ะ”

พูดจบเธอก็คำนับให้ฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงด้วยความระมัดระวังสามที

“อ่อ ยัยนั่นน่ะเหรอ น่าเวทนาสิ้นดี ถูกอัดเสียน่วม ยังจะทำมาเป็นวางมาดจักรพรรดินี” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “ไม่แปลกที่จะนอนไม่หลับ ก็ต้องปลอบใจหน่อยล่ะนะ”

ไชโลห์ตัวสั่น ตะลึงงันพูดไม่ออก

ซาโรห์ วิคตอเรียถูกทำร้ายเหรอ แถมยังสาหัสด้วย

ใครกันที่เก่งขนาดนั้น

ไม่สิ ควรถามว่า ใครกันที่กล้าลองดีขนาดนั้น!

ความคิดของไชโลห์ตีกันไปหมด

ผู้วิเศษสองคนตรงหน้าก็แผ่ซ่านบารมีอันน่ายำเกรง เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

“อีกไม่นานก็จะคัดเลือกหัวหน้าตระกูลแล้ว” ฉินหลิงอวี๋ยิ้มอีกครั้ง “ขอให้โชคดีนะ”

ไชโลห์อึ้ง จากนั้นก็ดีใจมาก คำนับต่อ “ท่านพระจันทร์มีเมตตา ขอบคุณท่านพระจันทร์ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้ท่านพระจันทร์ผิดหวังแน่นอนค่ะ!”

ฉินหลิงอวี๋กลับไม่สนใจไชโลห์อีก

อวี้เสวี่ยเซิงโอบเอวฉินหลิงอวี๋ ทั้งสองคนหายไปอย่างรวดเร็ว

สิบนาทีต่อมาสองขาของไชโลห์ถึงพอจะเริ่มมีแรงขึ้นมาบ้าง

เธอจับราวรั้วที่อยู่ข้างตัว ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ถอนหายใจโล่งอก

ดูท่าไม่ต้องให้เธอเข้าหาเอง เดี๋ยวถึงเวลาผู้วิเศษพระจันทร์ก็จะลงคะแนนให้เธอ

อีกด้านหนึ่ง

ตระกูลเรนเกล

“คุณนายใหญ่ครับ ท่านเขยของพวกเราน่าสงสารจริงๆ” พ่อบ้านเช็ดน้ำตา “น่าสงสารเหมือนคุณหนูใหญ่ ทำไมตอนเด็กๆ ถึงได้ลำบากขนาดนั้น”

“เอาแค่จุดนี้คุณหนูใหญ่กับท่านเขยก็เหมาะสมกันมากแล้ว เหมาะสมเหลือเกิน”

ซู่เวิ่นงง “พ่อบ้านไปอ่านนิยายอะไรมา”

พ่อบ้านชะงัก สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “คุณนายใหญ่ ผมเปล่าครับ ผมก็แค่ระบายความรู้สึก”

เขาแค่เผลอเข้าไปอ่านบทความที่ชาวเน็ตเขียน

ซู่เวิ่นพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรอีก พูดต่อ “เมื่อวานฉันเชิญนักออกแบบมาลองออกแบบเรือนหอให้เยาเยากับคุณชายเจ็ด”

เธอหยิบม้วนกระดาษออกมา ชี้จุดหนึ่งบนนั้น “มีบ้านหลายหลังที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร ฉันซื้อไว้ทั้งหมดแล้วพร้อมทุบให้เชื่อมติดกัน ก็แค่พื้นที่รวมมีแค่หนึ่งร้อยห้าสิบเฮกตาร์[1] ไม่รู้ว่าพอใช้หรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินที่เพิ่งกลับมาได้ยินพอดี “…”

หนึ่งร้อยห้าสิบเฮกตาร์ ให้ม้าวิ่งยังรู้สึกว่าใหญ่โตเกินไป

“แม่คะ” เธอเดินเข้าไป สองมือจับบ่าซู่เวิ่น ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกค่ะ พวกเราคิดไว้ว่าเดี๋ยวถึงเวลาจะรับแม่กับคุณพ่อไปที่ประเทศจีน”

“ประเทศจีนเหรอ” ซู่เวิ่นถูกย้ำเตือนขึ้นมาจึงเงียบไปชั่วขณะ “เยาเยา ลูกคิดว่าพ่อเขา…”

“ไอบีไอไล่เช็กไปได้หนึ่งในสามของประเทศจีนแล้วค่ะ” สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “ต้องเจอแน่นอนค่ะ”

เธอยังได้ให้ไอบีไอตรวจสอบดูคนที่นอนเป็นผักในช่วงยี่สิบปีนี้ด้วย

ลูเอลกลับมาไม่ได้นานขนาดนี้ ไม่แน่อาจสลบอยู่

“งั้นก็ไปประเทศจีนจ้ะ” ซู่เวิ่นยิ้ม “ยังไงซะแม่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงในเมืองแห่งโลก พวกลูกอยู่ที่ไหนแม่ก็อยู่ที่นั่น”

“ประเทศจีนเป็นสถานที่ที่ดี อุดมสมบูรณ์ผู้คนเป็นมิตร”

อิ๋งจื่อจินนั่งลง หยิบขนมขึ้นมากัด

ซู่เวิ่นเห็นอิ๋งจื่อจินตั้งใจกินมากจึงถามด้วยความเป็นห่วง “เพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงกลับมาไม่ใช่เหรอจ๊ะ ลูกไม่ได้กินข้าวเหรอ”

“มัวแต่ดูละครค่ะ” อิ๋งจื่อจินรับน้ำผลไม้มาจากพ่อบ้าน เลิกคิ้วพลางพูด “ไม่ค่อยได้กินอะไร อาหารที่คุณแม่ทำก็อร่อยกว่าด้วยค่ะ”

“จ้ะ อร่อยงั้นก็กินเยอะๆ เลยนะ” ซู่เวิ่นยังคงรู้สึกผิดอยู่ในใจ เธอเช็ดน้ำตาแล้วถามต่อ “คุณชายเจ็ดล่ะ เขาก็ไม่ได้กินข้าวเหมือนกันหรือเปล่า ให้แม่เตรียมไหม”

“ไม่ต้องค่ะ เขาไปศาลตัดสินแล้ว” อิ๋งจื่อจินหาว “เดี๋ยวก็กลับมาค่ะ”

เธอไม่เคยบอกซู่เวิ่นว่า จอมยุทธ์ที่อยู่ระดับพวกเธอแล้ว ไม่กินข้าวหนึ่งเดือนก็ยังไม่เป็นไร

เธอก็แค่อยากให้ซู่เวิ่นมีความสุข

“จ้ะ” ซู่เวิ่นพยักหน้า ลุกไปทางห้องครัว “งั้นแม่ไปทำของกินอีกหน่อย”

“คุณหนูใหญ่ ดูนี่สิครับ!” เวลานี้พ่อบ้านหยิบป้ายออกมาหลายอันจากด้านหลัง ประหนึ่งเป็นนักมายากล

เป็นพวกป้ายเชียร์ที่มีข้อความต่างๆ

คุณหนูใหญ่สู้ๆ!

หนึ่งในนั้นมีป้ายที่เขียนว่า

คุณคือดวงดาวในตาฉัน และเป็นคนที่อยู่ในใจ

อิ๋งจื่อจินตกอยู่ในห้วงความเงียบ “เอามาทำอะไรคะ”

“คุณหนูใหญ่ไม่เข้าใจ” พ่อบ้านพูดอย่างจริงจัง “ถ้ามีท่านเขยให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง คุณหนูใหญ่จะต้องมีแรงฮึดสู้แน่นอน ผมก็เลยตั้งใจทำป้ายเชียร์พวกนี้ไงครับ”

เขาพูดเสียงเบา “ข้อความพวกนี้รวบรวมมาจากกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นของพวกคุณเลยนะครับ”

พ่อบ้านเอามือไพล่หลัง พูดด้วยความภูมิใจ

เป็นแฟนคลับคู่จิ้นที่ได้มาตรฐาน

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอลองพิจารณานิสัยของฟู่อวิ๋นเซิน

เกรงว่าเขาก็น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ

แต่สำหรับเธอแล้ว นั่นเป็นเรื่องขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน

อิ๋งจื่อจินเก็บพวกป้ายเชียร์ไปจากมือพ่อบ้านด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เธอไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

พ่อบ้านมีสีหน้างุนงง “?”

กลางดึก ณ ศาลตัดสิน

ผู้พิพากษามองคนตระกูลอวี้ที่เข้ามาคนแล้วคนเล่าด้วยความปวดหัว

แต่เรื่องที่คุณนายผู้เฒ่าอวี้ใช้ยาควบคุมคนเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกว่าจูซา เพราะเกี่ยวพันถึงผู้วิเศษ

หลังจากผู้พิพากษาสั่งให้เอาตัวคุณนายผู้เฒ่าอวี้ไปขังเสร็จก็รวบรวมเอกสาร เตรียมรายงานขึ้นไปที่สำนักผู้วิเศษก่อน

คุณนายผู้เฒ่าอวี้อยู่ในคุกอิเล็กทรอนิกส์ แววตาเหม่อลอย สีหน้าซีดเซียว

จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เป็นผู้ชายถือดาบ สีหน้าเย็นชา

“เซ่าอวิ๋น!” ดวงตาของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ฉายแววมีความหวัง “เซ่าอวิ๋น รีบช่วยแม่เร็วเข้า แม่เป็นแม่ของลูกนะ แม่คลอดลูกออกมา เลี้ยงดูมาจนโต”

พอได้ยินแบบนี้อวี้เซ่าอวิ๋นกลับหัวเราะ

‘ฉันเป็นแม่ของแก แกต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง’

‘ฉันเป็นแม่ของแก ถ้าแกไม่เลิกกับฟู่หลิวอิ๋ง ฉันจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงต่อหน้าแก’

‘ฉันเป็นแม่ของแก แกต้องการบีบให้ฉันตายหรือไง!’

แค่คำพูดพวกนี้ก็แทบกักขังเขาทั้งชีวิตแล้ว

“ผมก็แค่มาดูคุณแม่หน่อย” เซ่าอวิ๋นพูด “ขอให้คุณแม่มีชีวิตในบั้นปลายที่สงบสุขนะครับ”

เขาหันตัวเดินออกจากคุกอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่สนใจเสียงร้องคร่ำครวญของคุณนายผู้เฒ่าอวี้อีก

คุณนายผู้เฒ่าอวี้หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม ตะโกนออกไป “อวี้เซ่าอวิ๋น แกคิดจะทรยศแม่เหรอ!”

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ถึงมีรอยยิ้มได้ใจอีกครั้ง

เธอรู้อยู่แล้วว่าอวี้เซ่าอวิ๋นต้องอยู่ในความควบคุมของเธอเท่านั้น หนีไปไหนไม่พ้น

“หนวกหูจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เดินเข้าไป มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ดวงตาดอกท้อกวาดมอง “ชาติที่แล้วเป็นนกหวีดเหรอ”

สีหน้าของคุณนายผู้เฒ่าอวี้เย็นชาลงทันที กัดฟันพูด “แกมาทำไม ฉันไม่มีหลานชายอย่างแก!”

“อย่าเที่ยวนับญาติส่งเดช” ฟู่อวิ๋นเซินโน้มตัวเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก “ย่าผมชื่อเหยียนเย่ว์หวา ปู่ชื่อฟู่อี้ชาง คุณเป็นใคร”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้แสยะยิ้ม “ตระกูลฟู่เหรอ ก็แค่ตระกูลเล็กๆ ดูสถานการณ์ไม่เป็นหรือไง”

“ถ้าแกแต่งงานกับคุณไชโลห์ได้ แกก็จะได้ใกล้ชิดผู้วิเศษ ไม่เข้าใจหรือไง”

พวกโลกทัศน์คับแคบ กบในกะลา

ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของตระกูลอวี้แล้ว ยังจะมีหน้าพูดถึงตระกูลฟู่อีก

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ

สีหน้าของเขาเรียบเฉย เปิดขวดยา

นี่คือยาพิษที่ผู้เฒ่าฟู่เคยถูกจับกรอก

ตอนนั้นหลังจากที่อิ๋งจื่อจินถอนพิษให้ผู้เฒ่าฟู่ได้แล้วก็ศึกษาส่วนประกอบจนทำออกมาได้

ยาพิษชนิดนี้ทรมานผู้เฒ่าฟู่มายี่สิบปี

ทำให้ขุนศึกที่ต่อสู้ในสนามรบอย่างเอาเป็นเอาตายต้องมากลายเป็นคนป่วยที่ร่างกายอ่อนแอ

ถ้าไม่ใช่เพราะกัดฟันทนรอเขาเติบโต ผู้เฒ่าฟู่อาจตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

ตอนนี้คุณนายผู้เฒ่าอวี้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า เวลาฟู่อวิ๋นเซินโหดขึ้นมาน่ากลัวขนาดไหน เธอเริ่มส่งเสียงร้องโวยวาย “ที่นี่คือศาลตัดสิน แกคิดจะทำอะไร!”

“แก…แกลบหลู่อำนาจของผู้วิเศษ แกต้องถูกผู้วิเศษลงโทษ!”

“ศาลตัดสินแล้วยังไง เมื่อก่อนผู้วิเศษผู้พิพากษาก็เคยร่วมงานกับพวกเรา” มีเสียงหัวเราะ “ทำไม พวกเรารวมตัวมาดูคุณกินยาไม่ได้เหรอ”

มีเงาของหลายคนเดินเลี้ยวมา

เมื่อบรรดาผู้วิเศษจงใจปลอมตัวก็แนบเนียนเสียยิ่งกว่าเนียน

แต่บุคลิกและความน่าเกรงขามที่มีเฉพาะในตัวผู้วิเศษก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเลียนแบบกันได้

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เงยหน้าตัวสั่น ชะงักไปทั้งตัว

หลิงเหมียนซีกอดอก กะพริบตา ยิ้มพลางพูด “แบบนี้ดูให้เกียรติมากเลยใช่ไหมล่ะ”

[1] 1 เฮกตาร์ เท่ากับ 6.25 ไร่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด