คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 800 รังแก

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 800 รังแก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 800 รังแก

เริ่มแรกหลินจิงก็หกล้มลง จากนั้นถูกอ๋องหมิงเยาะเย้ยใส่ ก่อนจะถูกเผยอวี่หัวเราะเยาะอีกครั้ง สาวน้อยแทบไม่มีหน้ามองผู้ใดได้

นางไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ได้อีกต่อไป เสียงร่ำไห้ครั้งนี้ไม่เหมือนเสแสร้ง แต่เป็นเสียงร่ำไห้แท้จริงจากความโมโห แต่แม้ร่ำไห้ นางก็ไม่ลืมแสดงท่าทางอ่อนแอน่าสงสาร

“เผยอวี่ ข้าเปล่า เจ้าอย่าได้เข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้ล่อลวงว่าที่สามีเจ้า”

เผยอวี่นับว่าได้พบภาพลักษณ์ตัวตนใหม่ของหญิงผู้นี้อีกครั้ง นางบอกไปแล้วว่าเห็นหลินจิงล่อลวงองค์ชายรองกับตา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับ

เผยอวี่ไม่ได้คิดจะกล่าวอันใดกับนางอีก

“เอาละ เจ้าก็ค่อยๆ แสดงต่อไปที่นี่คนเดียวก็แล้วกัน ข้าไม่อยากขัดขวางการแสดงของเจ้าแล้ว”

กล่าวจบก็พาสาวใช้เดินออกไปไกล หลินจิงยังได้ยินสาวใช้เผยอวี่เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “คุณหนู อ๋องหมิงฉลาดมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าคุณหนูหลินเสแสร้ง ร้ายกาจมากจริงๆ”

หลินจิงคิดอยากตายขึ้นมาเลยทีเดียว นางไม่อาจระงับตนเองได้อีกต่อไป แผดเสียงร้องไห้ดังลั่นออกมาทันที

ตอนนี้นางคิดอยากพบเซียวเจิน อยากบอกกับเซียวเจินว่านางโดนรังแก อยากให้เขารู้ว่านางสละเกียรติตนเองเพื่อช่วยเขา

อ๋องจิ่นเซียวเจินเป็นโอรสองค์โตของฝ่าบาท ยังเป็นบุตรชายคนโตที่กำเนิดจากภรรยาเอก ฮ่องเต้ควรให้ความสำคัญต่อเขา ตามหลักควรตั้งเซียวเจินเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว ไม่ใช่ว่าแต่งตั้งไม่ได้ แต่เซียวอวี้พบว่าเซียวเจินถูกฮองเฮาอบรมจนมีจิตใจคับแคบ อีกอย่างความสามารถเซียวเจินก็ไม่อาจรับมือจวนจ้าวกั๋วกงกับกับบรรดาชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงได้

แคว้นต้าโจวก่อตั้งแผ่นดินมาร้อยปี ขุนนางราชสำนักวางรากฐานแน่นหนา อำนาจในมือชนชั้นสูงศักดิ์ยังมากยิ่งกว่าฮ่องเต้ ดังนั้นวันหน้าฮ่องเต้ทุกพระองค์ที่ก้าวขึ้นมาต้องมีความสามารถโดดเด่น ไม่อาจขาดอุบายในใจ พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับบัณฑิตยากจนอ่อนแอ สำแดงบารมีต่อชนชั้นสูงศักดิ์ เช่นนี้จึงจะสามารถรักษาแผ่นดินตระกูลเซียวไว้ได้

เพราะเซียวอวี้ต้องการฝึกฝนเซียวเจิน พร้อมกับฝึกฝนเซียวเหวินอวี๋ พวกเขาพี่น้องรอดพ้นจากอีกฝ่ายมาได้ จึงจะเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว และครองบัลลังก์ฮ่องเต้มั่นคงได้

ตอนนี้อ๋องจิ่นอภิเษก เซียวอวี้ยังคงให้ความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นพอฮองเฮาขอราชานุญาตออกจากวังมาดำเนินพิธีการอภิเษกให้กับอ๋องจิ่น เซียวอวี้จึงอนุญาตทันที

ดังนั้นวันนี้อ๋องจิ่นอภิเษก นอกจากเสนาบดีกรมพิธีการกับบรรดาขุนนางกรมพิธีการแล้ว ฮองเฮายังมาดำเนินพิธีด้วยตนเอง

ตอนฮองเฮาเสด็จมาถึง อ๋องจิ่นเพิ่งจะรับตัวพระชายามาถึง ทั้งสองคนยังไม่ทันได้กราบไหว้ฟ้าดิน

นอกประตูห้องโถงก็มีเสียงรายงานของขันทีดังเข้ามา

“ฮองเฮาเสด็จ”

ในห้องโถง ทุกคนพากันหันไปมองเห็นฮองเฮา นางเดินนำทุกคนเข้าประตูมา

อ๋องจิ่นนำพระชายาและบรรดาขุนนางมารับเสด็จฮองเฮา

“ถวายบังคมเสด็จแม่”

“ถวายบังคมฮองเฮา”

ฮองเฮากวาดตามองไป ผู้คนในห้องโถงละลานตาไปหมด ตอนนางเห็นลู่เจียวที่กำลังถวายบังคมนางอยู่ท่ามกลางฝูงชน สายตานางก็เย็นเยียบไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็เลื่อนสายตาผ่านไป

วันนี้บุตรชายนางแต่งงาน นางไม่คิดมีเรื่องกันในวันนี้ วันนี้ปล่อยลู่เจียวไปก่อน

แต่วันหน้านางจะไม่มีทางปล่อยลู่เจียวไปเป็นแน่

ฮองเฮาแอบเคียดแค้นในใจ แต่สีหน้ายังคงไม่แสดงออก โบกมือกล่าวว่า “ทุกคนลุกขึ้นได้”

ทุกคนพากันลุกขึ้น อ๋องจิ่นเดินเข้าไปประคองฮองเฮาเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว

ในห้องโถง บรรยากาศค่อนข้างเคร่งขรึมยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก พออ๋องจิ่นพาฮองเฮาไปนั่งแล้ว เสนาบดีกรมพิธีการก็ทูลต่อฮองเฮา “ฮองเฮา เริ่มพิธีตอนนี้เลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้”

วันนี้วันอภิเษกอ๋องจิ่น เสนาบดีกรมพิธีการมาทำหน้าที่ด้วยตนเอง เตรียมการพิธีไว้เรียบร้อยแล้ว

ได้ยินฮองเฮารับสั่งก็รีบเริ่มดำเนินพิธีอภิเษก จากนั้นฮองเฮาก็กล่าวอวยพรบ่าวสาว บรรดาขุนนางก็กล่าวถวายคำอวยพรบ่าวสาว สุดท้ายสองสามีภรรยาก็ดำเนินพิธีเสร็จ พอเสร็จพิธี อ๋องจิ่นก็ส่งพระชายากลับไปห้องหอก่อน

ในห้องโถง ไม่มีคนกล้าไปหยอกล้อห้องหอตามธรรมเนียมประเพณีปกติ อย่างไรก็เป็นถึงท่านอ๋อง

องค์ชายไปหยอกล้อห้องหอได้ แต่อ๋องหมิงไม่ถูกกับอ๋องจิ่นย่อมไม่คิดไป องค์หญิงหมิงจูเป็นองค์หญิง ย่อมไม่ควรไปหยอกล้อในห้องหอพี่ชาย สุดท้ายห้องหอก็เงียบเหงาไร้ความครึกครื้น

กลับกัน ในห้องโถงกลับครึกครื้นเป็นพิเศษ

ฮองเฮาอยู่วังหลังไม่ค่อยได้พบเจอขุนนางในราชสำนัก วันนี้ยากจะได้พบบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้ จึงไม่ละทิ้งโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้

แม้ว่าในใจฮองเฮาคับแค้นบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้มาก แต่ภายนอกก็ยังคงแสดงท่าทีสนิทสนม บุตรชายนางยังไม่ได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว ยังไม่ได้เป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว นางต้องเอาใจบรรดาขุนนางพวกนี้ไว้ก่อน ดังนั้นฮองเฮาจึงแสดงสีหน้าเป็นมิตรทักทายบรรดาขุนนางใหญ่และฮูหยินพวกเขา

“ใต้เท้าเผยคล้ายแลดูอิดโรยอยู่สักหน่อย ท่านเป็นเสาหลักของราชสำนัก ต้องรักษาสุขภาพตนเองให้ดี”

“อู่กั๋วกงสีหน้าดีมาก ดูแล้วหนุ่มกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน คนฝึกยุทธ์นี่ไม่เหมือนกันจริงๆ”

“ฮูหยินเกิ่งระยะนี้สีหน้าไม่เลว ก่อนหน้านี้เราได้ยินว่าท่านล้มป่วย ให้คนนำยาบำรุงจากในวังไปมอบให้ ท่านกินแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”

“ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวสีหน้าคล้ายไม่ค่อยดี เป็นอันใดไปหรือ”

ฮองเฮาสังเกตเห็นสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงไม่ค่อยดีนัก จึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย

ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไม่ทันได้พูดอะไร องค์หญิงหมิงจูที่นั่งอยู่ข้างนางก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่เพราะฮูหยินเซี่ยรังแกท่านยายหรอกหรือ”

องค์หญิงหมิงจูเอ่ยเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศในห้องโถงเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนพากันเงียบกริบ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนขึ้นคนแรก ทูลถามองค์หญิงหมิงจูทันที

“ไม่ทราบว่าฮูหยินกระหม่อมรังแกอันใดฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ขอองค์หญิงโปรดชี้แนะ กระหม่อมจะได้ให้ฮูหยินขอขมาต่อฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้นิสัยลู่เจียวดี นางจะไม่มีทางรังแกคนอื่น หากนางมีเรื่องกับผู้อื่น นั่นย่อมเป็นเพราะผู้อื่นมาหาเรื่องนางก่อน ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินองค์หญิงหมิงจูก็ก้าวออกมาทันที เขาอยู่ในชุดขุนนางระดับสอง แววตาเยียบเย็นยืนกลางในห้องโถงด้วยกิริยาท่าทางเย็นเยียบดุดันอย่างไม่อาจบรรยาย

องค์หญิงหมิงจูตกใจกับท่าทีของเขาเช่นนี้ พลันลืมว่าจะกล่าวอันใด

ลู่เจียวยืนขึ้นมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าได้กล่าวกับองค์หญิงเช่นนี้ เจ้ากล่าวเช่นนี้เรียกได้ว่ารังแกองค์หญิงหมิงจูแล้ว ในฐานะขุนนางและฮูหยินขุนนาง พวกเราต้องให้ความเคารพเชื้อพระวงศ์ ไม่เพียงแต่เชื้อพระวงศ์ แม้แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์ พวกเราก็ไม่อาจแสดงท่าทีไม่ดีนัก แม้ว่าพวกนางหาเรื่องลบหลู่พวกเรา พวกเราก็ต้องอดทน เพียงแค่เอ่ยแก้ตัว พวกเราก็ถือว่ารังแกผู้อื่นแล้ว”

ลู่เจียวกล่าวจบ บรรดาขุนนางในที่นั้นแม้ว่าไม่เข้าใจ แต่หลายคนก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น น่าจะฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงกล่าววาจาไม่ดีอันใด ฮูหยินเซี่ยตอบกลับไป จากนั้นก็องค์หญิงหมิงจูก็ว่าฮูหยินเซี่ยรังแกฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด