คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 831 สงครามชั้นยอด! หัวใจของอิ๋งจื่อจิน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 831 สงครามชั้นยอด! หัวใจของอิ๋งจื่อจิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 831 สงครามชั้นยอด! หัวใจของอิ๋งจื่อจิน

“…”

บรรยากาศโดยรอบเงียบยิ่งกว่าเดิม

การกระทำของอัลไคด์ทำให้เย่ว์ฝูอีขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอคือผู้วิเศษวันพิพากษา เธอไม่ต้องการความรักความผูกพันใดๆ

สาเหตุที่เธอเปิดคลิปผู้วิเศษยมทูตก่อนตายให้คนพวกนี้ดูเป็นเพราะต้องการให้พวกเขาสติแตก

โดยเฉพาะอัลไคด์กับฟู่อวิ๋นเซิน

แต่เย่ว์ฝูอีก็คาดไม่ถึงว่าอัลไคด์จะตอบสนองรุนแรงขนาดนี้

สละพลังของตัวเอง ยอมดับสูญอย่างสิ้นเชิง

“โง่จริงๆ” เย่ว์ฝูอีสีหน้าเย็นชา ไร้ความสงสาร “ใช้วิธีฆ่าตัวตายชดเชยความผิดอันโง่เขลาของตัวเอง มันก็แค่การกระทำของคนอ่อนแอ”

ผู้วิเศษพวกนี้สมควรถูกเปลี่ยนได้แล้ว

“ใช่ จุดยืนต่างกัน” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ย่อตัวนั่งลง ยื่นมือออกไปปิดเปลือกตาให้อัลไคด์

ฝ่ามือยังคงอุ่นอยู่

ฝ่ามือของฉินหลิงอวี๋ที่กอดอัลไคด์เริ่มกอดแน่นขึ้น หัวใจเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง “น้องพี่ ต้องทำขนาดนี้ด้วยเหรอ…”

เธอรู้ว่าอัลไคด์ดิ้นรนอะไรอยู่ในใจ

เรื่องที่ทำให้อัลไคด์รับไม่ได้มากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองถูกหลอก แต่เป็นการที่เธอได้ทำร้ายผู้คนไปมากมายขณะที่ถูกหลอก

พวกเขาทำให้ฟู่หลิวอิ๋งกับผู้เฒ่าฟู่ต้องตาย และยังฆ่าผู้วิเศษพลังกับผู้วิเศษยุติธรรม

หวนคืนไม่ได้อีกแล้ว

อิ๋งจื่อจินตั้งสมาธิ ยืนขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆ จับมือฟู่อวิ๋นเซินที่กำลังสั่นอยู่

เธอเหลือบตาขึ้น สีหน้าเย็นชา “ฉันถึงต้องฆ่าเธอ!”

“ฆ่าฉันเหรอ” พอได้ยินแบบนี้เย่ว์ฝูอีก็ไม่ได้แสยะยิ้ม ยังคงนิ่งเฉย “เธอจะฆ่าฉันยังไง อาศัยความที่ตัวเองไปจักรวาลอื่นมาเหรอ”

เธอพยักหน้าเบาๆ “ใช่ พลังต่อสู้ของเธอสูงกว่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็แค่ในระดับผู้วิเศษ ถ้าเป็นเธอคนที่กลับมาบนโลกเมื่อครั้งก่อนก็คงฆ่าฉันได้อย่างง่ายดาย”

ตอนนั้นเธอที่เป็นผู้วิเศษวันพิพากษารู้สึกได้ถึงอันตรายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นครั้งแรก

ถึงขั้นที่ซิว ยุติธรรม และพลังออกไปก่อตั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเค รวบรวมพวกคนแปลกประหลาดจากเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร ก็ยังมีเธอคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง

เธออยากสืบเรื่องเทพพยากรณ์ผ่านซิว ยุติธรรม และพลัง

เพราะการฆ่าเทพพยากรณ์เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

ทำได้เพียงผูกมิตร

แต่น่าเสียดายที่เทพพยากรณ์ลึกลับมาก แม้เย่ว์ฝูอีจะออกโรงด้วยตัวเองก็ยังเข้าไม่ถึงตัว

ต่อมาเทพพยากรณ์หายสาบสูญไป เธอถึงได้โล่งอกขึ้นมาบ้าง

นึกไม่ถึงว่าที่แท้ก็คือวงล้อแห่งโชคชะตาที่สูญเสียความทรงจำ

“น่าเสียดายจริงๆ วงล้อแห่งโชคชะตา เธอคอยคิดแต่จะเสียสละเพื่อคนอื่นตลอดเวลา” เย่ว์ฝูอีพูด “แต่มีใครนึกถึงเธอบ้าง เธอตายเพื่อโลกนี้ไปหนึ่งครั้ง ตายเพื่อจักรวาลแปลกหน้านั้นหนึ่งครั้ง”

“ถ้าไม่ใช่เพราะปกป้องคนอื่น มีเหรอที่พลังของเธอจะหายไป”

“ถ้าไม่ใช่เพราะตาย พลังสูญหายหมด เธอก็สามารถฆ่าฉันได้ด้วยปลายนิ้ว”

เย่ว์ฝูอีถอนหายใจ “น่าเสียดาย”

แม้แต่สวรรค์ก็เข้าข้างเธอ

ช่วยเธอชำระล้างโลกที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายนี้

ส่วนผู้วิเศษคนอื่นต่างถูก ‘ความรัก’ ผูกมัดไว้ สิ้นค่านานแล้ว

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย “ฉันไม่เสียใจ”

ฟู่อวิ๋นเซินจับมือเธอแน่น แสยะยิ้ม “ใช่ พวกเราไม่เสียใจ”

พวกเขายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพื่อกอบกู้อดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่เพื่อปกป้องปัจจุบันที่พวกเขายังมีอยู่

จึงไม่มีทางถอย

“ไม่เสียใจเหรอ วงล้อแห่งโชคชะตา เธอมีพลังหยั่งรู้ที่เด็ดขาด คิดดูก็น่าจะเห็นมากกว่าฉันด้วยหรือเปล่า” เย่ว์ฝูอีเงยหน้ามองท้องฟ้า หรี่ตาเล็กน้อย “วันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงอีกครั้งแล้ว ปีหนึ่งเก้าเก้าแปดพวกเราต้านได้ ปีสองศูนย์หนึ่งสองพวกเราก็ต้านได้ แต่ตอนนี้กำลังจะมาอีกแล้ว”

แววตาของอิ๋งจื่อจินเริ่มเย็นชาลง

ดาวเคราะห์น้อยขนาดมหึมากำลังจะพุ่งชนโลก

โลกก็จะพังทลาย

ภัยพิบัติระดับนี้เป็นภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลกครั้งแรกนับตั้งแต่มีผู้วิเศษปรากฏบนโลกนี้

แต่หากรวมพลังผู้วิเศษยี่สิบสองคนก็จะต้านไว้ได้

ทว่าตอนนี้มีผู้วิเศษหลายคนที่ดับสูญไปแล้ว

ไม่ใช่แค่วันสิ้นโลกในปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบแปดกับปีสองพันสิบสอง วันสิ้นโลกในอดีตก็ล้วนแต่ได้พวกเขาต้านไว้

คำทำนายวันสิ้นโลกของชาวมายาจึงกลายเป็นเรื่องหลอกลวง

วันเก่าผ่านไป ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นรับวันใหม่อีกครั้ง

ท้องฟ้ายังคงเป็นสีคราม เสียงนกร้องดอกไม้โชยกลิ่นหอม สรรพสิ่งยังคงสวยงาม

“วันเวลาที่ไม่สิ้นสุดแบบนี้ชวนให้รังเกียจจริงๆ!” เย่ว์ฝูอีละสายตา น้ำเสียงเย็นชาขั้นสุด “ทำลายทิ้งไปซะเถอะ!”

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “ผู้บัญชาการ มันยุ่งยากจริงๆ แต่ฉันเตรียมพร้อมไว้แล้ว”

“เหมือนกัน” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว “แต่ฉันจะยืนอยู่ข้างหน้าเธอ”

ตอนนี้คนที่ยังมีพลังต่อสู้ก็เหลือแค่พวกเขาสองคนแล้ว

“เอาเลย มาฆ่าฉันสิ” พอเห็นท่าทางของสองคนนี้ ดาบพิพากษาในมือเย่ว์ฝูอีก็ถูกยกขึ้น ชี้ไปที่กลางหน้าผากอิ๋งจื่อจิน “ผู้วิเศษสี่คนแรกสุด เดอะเวิลด์ไม่มีตัวตน ผู้โง่เขลากับเทวทูตก็ดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว”

แถมเธอยังแย่งพลังของยมทูตมาได้

ควบคุมความเป็นความตายกับคืนชีพสองอย่างนี้ที่ต่างกันสุดขั้วได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ขอแค่เธออยาก ไม่มีอะไรที่ทำลายไม่ได้

บนโลกนี้ไม่มีใครขัดขวางเธอได้อีกแล้ว

หลังจากที่เธอกำจัดผู้วิเศษที่ไม่รู้จักดูสารรูปตัวเองพวกนี้เสร็จ เธอก็อยากรอดูว่ายังจะมีใครขวางดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้อีก!

เย่ว์ฝูอียิ้มเป็นครั้งแรก “มา ฆ่าฉันสิ วงล้อแห่งโชคชะตากับเดวิล พวกเธอจะฆ่าฉันยังไง!”

เธอไม่ได้สนใจพวกผู้วิเศษที่เจ็บหนักกองอยู่บนพื้น ปล่อยพลังโจมตีไปทางสองคนนี้

“ฉับ!”

ดาบถูกฟาดลง พื้นที่อยู่ใต้เท้าแยกออก

แต่ทำอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่น้อย

พออิ๋งจื่อจินหลบได้ แววตาก็ขรึมลงนิดหน่อย “พลังแข็งแกร่งจริงๆ”

เดิมทีผู้วิเศษสี่คนแรกสุดก็ข่มผู้วิเศษคนอื่นได้อยู่แล้ว

ตอนนี้วันพิพากษายังมีพลังของผู้วิเศษยมทูตอยู่ในตัวอีก ยิ่งสู้ยากเข้าไปใหญ่

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “แต่สู้ไหว”

ทั้งสองคนมองหน้ากัน เริ่มปล่อยพลังโจมตีเย่ว์ฝูอี

อีกด้านหนึ่ง

ถึงแม้บาดแผลจะไม่หายขาด แต่มียาที่อิ๋งจื่อจินทำออกมา อย่างน้อยพวกฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงก็ฟื้นคืนพลังเคลื่อนที่กลับมาแล้ว

พวกเขาหลบออกไปทันที ยืนอยู่ตรงทำเลที่มองเห็นได้สะดวก

เห็นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน

สงครามการต่อสู้ของผู้วิเศษชั้นยอดทั้งสามคนไม่ด้อยไปกว่าภัยพิบัติที่หอคอยสร้างขึ้นมา

ทั่วทั้งท้องฟ้าเข้าสู่ความมืดมิด

ลมพัดกระโชกแรง โหมกระหน่ำไม่หยุดยั้ง

เหล่าผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวบาดเจ็บปางตายนอนกองอยู่บนพื้น อยู่ในอาการงุนงงไปชั่วขณะ

หลังจากที่ผู้วิเศษดวงดาวดับสูญ พลังสะกดและครอบงำอารมณ์ที่เธอปล่อยใส่ผู้วิเศษคนอื่นก็สลายหายไปทั้งหมด

“หอคอย” โจ้วเหยียนยกมืออย่างยากลำบาก เช็ดเลือดที่ริมฝีปาก ยิ้มเศร้า “พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”

หอคอยเองก็ยิ้มเศร้า “ใช่ กลับไปไม่ได้แล้ว”

เย่ว์ฝูอีเลือกที่จะฆ่ายมทูต ข้อแรกก็เพื่อจะได้ควบคุมความตาย ยกระดับพลังตัวเอง

ข้อสองเพื่อหลอกใช้อัลไคด์ ให้อัลไคด์มาครอบงำพวกเขา เปิดการกลับหัว

แน่นอนว่าอีกสาเหตุที่พวกเขาถูกครอบงำได้ยังเป็นเพราะพวกเขามีความคิดไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หากคนเราไม่มีความทะเยอทะยานย่อมไม่มีทางถูกครอบงำได้

และพวกเขาก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้ว่า ผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวแล้วถูกฆ่าตายได้

ตั้งแต่ต้นจนจบผู้วิเศษวันพิพากษาต่างหลอกใช้พวกเขาเพื่อให้แผนปฏิรูปโลกสำเร็จ

“วงล้อแห่งโชคชะตากับเดวิลเอาชนะวันพิพากษาไม่ได้หรอก” โจ้วเหยียนพยายามดิ้นรน แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยผิดปกติ “ฉันเองก็ทำเรื่องผิดไปมาก จะทำผิดไม่ได้อีก”

หอคอยมองมือที่ชุ่มเลือดของตัวเอง “ใช่ จะทำผิดไม่ได้อีกแล้ว”

“ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้วว่าฉันเทียบเดวิลได้ที่ไหนกัน” หลุยส์พิงกำแพง เอามือปิดตา “เขาเป็นแนวหน้าที่ปกป้องโลกเสมอ ส่วนฉันได้แต่หลบอยู่ข้างหลังเพราะความหวาดกลัว ฉันไม่คู่ควรเลยจริงๆ”

นักบวชหญิงเงียบไม่พูดอะไร

“หอคอย” โจ้วเหยียนไอ กระอักเลือดไม่หยุด “เริ่มเถอะ”

หอคอยพยักหน้า “ได้”

ในขณะที่พวกเขาตัดสินใจแบบนี้ อิ๋งจื่อจินก็หยั่งรู้ได้ทันที

เธอสีหน้าเปลี่ยน ออกคำสั่ง “นอร์ตัน ขวางพวกเขาไว้!”

นอร์ตันเอะใจ “ได้!”

เขาลุกขึ้นทันที

แต่สุดท้ายก็ช้าไปหนึ่งก้าว

กว่านอร์ตันจะไปถึงตรงหน้าพวกเขาด้วยความเร็วสูงสุด ผู้วิเศษกลับหัวทั้งสี่ก็ได้ส่งมอบพลังของตัวเองออกไปตามอัลไคด์ไปแล้ว

ผู้วิเศษลำดับที่สาม ผู้วิเศษนักบวชหญิง ดับสูญ

ผู้วิเศษลำดับที่ห้า ผู้วิเศษสังฆราช ดับสูญ

ผู้วิเศษลำดับที่สิบสาม ผู้วิเศษคนห้อยหัว ดับสูญ

ผู้วิเศษลำดับที่สิบเจ็ด ผู้วิเศษหอคอย ดับสูญ!

“…”

เกิดความเงียบสงัด มีเพียงลมพัดผ่าน

ผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวทั้งหมดได้ตายหมดแล้ว

พลังของทั้งสี่คนนี้ไปรวมอยู่ในตัวฟู่อวิ๋นเซินคนเดียว

ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตพวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะยืนหยัดในหน้าที่ที่ผู้วิเศษควรทำ

“ดูท่าฉันจะประเมินค่า ‘ความผูกพัน’ ต่ำไป” ในที่สุดสีหน้าเรียบเฉยของเย่ว์ฝูอีก็เริ่มแสดงอารมณ์เล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบ “พวกเธอคิดว่าแค่แบบนี้จะเอาชนะฉันได้เหรอ”

“โง่เง่าสิ้นดี!”

เย่ว์ฝูอีถอยหลังหนึ่งก้าว พูดเสียงเย็นชา “งั้นฉันจะแสดงให้พวกเธอเห็นพลังที่แท้จริงของวันพิพากษา!”

ดาบพิพากษาในมือเธอฟันสายลมอีกครั้ง

เวลานี้ที่บ้านเก่าแก่ของตระกูลตี้อู่

ตี้อู่เย่ว์มองท้องฟ้าที่มืดลงอย่างฉับพลัน ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจรุนแรงยิ่งขึ้น

เธอไม่ต้องพยากรณ์ก็เดาได้ว่าตอนนี้กำลังเกิดสงครามใหญ่ที่เมืองแห่งโลก

อิ๋งจื่อจินกำลังตกอยู่ในศูนย์กลางของสงคราม

เกิดเสียงเอะอะที่นอกประตู

“ปรมาจารย์ตี้อู่!”

“ปรมาจารย์ตี้อู่ ช่วยพยากรณ์ให้พวกเราหน่อยนะครับ”

“ปรมาจารย์ตี้อู่ สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้วใช่ไหมครับ”

หน้าบ้านตระกูลตี้อู่มีบรรดานักพยากรณ์และลูกศิษย์ในวงการโหราศาสตร์ของประเทศจีนมารุมล้อม สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ

แตกต่างจากพลเมืองทั่วไปที่ยังคงไปเรียนไปทำงานกันปกติ พวกเขาก็สังหรณ์ใจได้ว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง

ถึงได้ร้อนใจนั่งไม่ติด

เวลาแบบนี้มีแค่ตระกูลตี้อู่ที่ให้ความสบายใจกับพวกเขาได้

“อย่าเพิ่งแตกตื่น ทุกคนใจเย็นๆ ก่อน” ตี้อู่เย่ว์โบกมือ “คนที่อยากเข้ามาดูการตั้งค่ายกลไปซื้อตั๋วด้านนั้นก่อนนะ ไม่งั้นห้ามเข้า”

ทุกคนอึ้ง พอหันไปก็เห็นตี้อู่เฟิงที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแผงขายตั๋วตั้งแต่เมื่อไร

บนโต๊ะเต็มไปด้วยตั๋วสารพัดแบบ

ทั้งยังแบ่งเป็นตั๋ววีไอพีกับตั๋วทั่วไป

บรรดานักพยากรณ์ “…”

วันสิ้นโลกจะมาถึงแล้วยังจะไม่ลืมเรื่องเงินอีก

สมกับเป็นตระกูลตี้อู่

แต่หากได้เข้าไปดูตี้อู่เย่ว์จัดวางค่ายกล ได้เรียนรู้มากมาย เงินแค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ทุกคนรีบควักเงินออกมาจ่ายแล้วกรูกันเข้าไปด้านใน

ตี้อู่เย่ว์นั่งอยู่บนพื้น เริ่มจัดวาง

“ฝีมือการตั้งค่ายกลของปรมาจารย์ตี้อู่อยู่เหนือพวกเราไปมากจริงๆ” นักพยากรณ์อาวุโสคนหนึ่งลูบเครา พูดต่อ “หากถามคนทั้งวงการโหราศาสตร์ประเทศจีน ใครยังจะมีความสามารถในการพยากรณ์อยู่เหนือปรมาจารย์ตี้อู่ได้อีก ก็คงมีแค่ปรมาจารย์ท่านนั้นที่เคยฆ่างูบนเขา”

ระหว่างพูดเขามีสีหน้าชื่นชม “หากได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ท่านนี้ ผมตายก็ไม่เสียดายแล้ว”

“อ๋อ นั่นอาจารย์ฉันเอง” ตี้อู่เย่ว์ไม่เงยหน้า จัดวางค่ายกลต่อ “อาจารย์ดีต่อฉันมาก ไม่ใช่แค่ให้ขนมกิน ยังช่วยหาเศรษฐีหน้าโง่มาให้ฉันหลอกด้วย พวกคุณอย่าหวังเลย”

นักพยากรณ์อาวุโสที่ถูกอวดอย่างไม่ทันตั้งตัว “…”

ตี้อู่เย่ว์จัดวางผังค่ายกลทำนายขั้นสุดท้ายเสร็จสีหน้าก็เปลี่ยนไป

วันสิ้นโลก วันสิ้นโลกจริงด้วย

แต่เมื่อวานเธอยังเห็นเป็นวันสิ้นโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่

พวกเขาทุกคนต้องตายหมด

แต่ตอนนี้ตี้อู่เย่ว์เห็นโอกาสรอด

วันสิ้นโลกระดับนี้ คนที่ยังสามารถพลิกสถานการณ์ได้ก็มีแค่อิ๋งจื่อจินแล้ว

เหมือนตี้อู่เย่ว์นึกอะไรขึ้นได้ รีบเก็บของทันที สะพายกระเป๋าใบน้อยวิ่งออกไป

“เย่ว์เย่ว์!” ตี้อู่ฮวาตามออกมาเรียกน้องสาวไว้ “เวลาแบบนี้ยังจะไปไหนอีก”

“พี่รอง ฉันจะไปดูที่นั่นหน่อย” ตี้อู่เย่ว์ชี้เมืองแห่งโลกที่ปกคลุมครึ่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับครึ่งทวีปยุโรป “อาจารย์ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน”

คนในตระกูลตี้อู่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของอิ๋งจื่อจินยกเว้นตี้อู่เย่ว์กับตี้อู่ชวน

ตี้อู่ฮวารู้แค่ว่าตี้อู่เย่ว์ฝากตัวเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ฮวงจุ้ยคนหนึ่งที่เก่งกว่าตี้อู่ชวน จึงพูดขึ้น “ที่นั่นอันตราย อาจารย์เธอ…”

“ไม่ได้หรอก” สายตาของตี้อู่เย่ว์แน่วแน่ “ฉันต้องขึ้นไป”

ตี้อู่ฮวาขวางไม่อยู่ ทำได้เพียงบอก “งั้นก็รีบไปรีบกลับนะ”

สงครามของผู้วิเศษสามคนยังไม่จบ เมืองแห่งโลกพังไปครึ่งหนึ่งแล้ว

พื้นเกิดรอยแยกต่อเนื่อง

ทั้งหมดเกิดจากถูกดาบพิพากษาฟันลงไป

ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินมีบาดแผลตามตัว บนแขนก็มีเลือดไหลอาบ

แต่พวกเขายังคงยืนตรง ปกป้องแผ่นดินที่ห้ามใครรุกรานแห่งนี้

“ยังไม่หยุดอีกเหรอ” เย่ว์ฝูอีก็คาดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะสู้ได้นานขนาดนี้ ชักเริ่มหงุดหงิด “พวกเธอต้องรู้นะว่าจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเลย”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอ หันกลับไป

เธอเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก สายตาเย็นชา “ถ้าพวกเธอกล้าทำแบบพวกผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวทำ ฉันจะไม่มีทางให้อภัย”

ฉินหลิงอวี๋พูดเสียงขรึม “อาอิ๋ง วางใจได้ พวกเราไม่มีทางทำเด็ดขาด”

อวี้เสวี่ยเซิงพยักหน้า “ใช่ พวกเราไม่ทำหรอกครับ”

หากพวกเขาเสียสละพลังจนดับสูญ มีแต่จะทำให้ผู้วิเศษวันพิพากษาได้ใจ มีแต่จะทำให้อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินยิ่งคลุ้มคลั่ง

ไม่เป็นประโยชน์ต่อสงคราม

ผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวเลือกที่จะส่งพลังให้เป็นเพราะเย่ว์ฝูอีช่วยเปิดการกลับหัวให้พวกเขา และก็ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของเธอ

อีกทั้งเห็นได้ชัดว่า ต่อให้พวกเขาส่งต่อพลังไปแล้วก็ยังพลิกสถานการณ์นี้ไม่ได้

ยังมีหนทางอื่นอีกแน่นอน

ซีซาร์ส่ายมือ “บอส วางใจได้ ผมกลัวตาย เสียดายชีวิต”

พอเขาพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างหู “พี่ชาย ตัวเองอาการสาหัสขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีกเดี๋ยวได้ตายจริงนะ”

เสียงอ่อนโยนของสาวน้อยเปรียบเหมือนขนมหวานที่อ่อนนุ่ม

ซีซาร์หันไป พอเห็นตี้อู่เย่ว์เขาก็อึ้งก่อน “ยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม มาได้ยังไง”

จากนั้นสีหน้าของเขาก็ขรึมลง “ที่นี่ไม่ปลอดภัย รีบไป!”

การต่อสู้ระหว่างผู้วิเศษไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงได้

ต่อให้เป็นจอมยุทธ์หรือนักทำนายก็ยังห่างชั้นอยู่มาก

ตี้อู่เย่ว์มาตอนนี้มีแต่จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ตี้อู่เย่ว์มองเขา สักพักก็พูดออกมาว่า “เห็นอาจารย์บอกว่าคุณจะเอาเงินไปโยนทิ้งทั้งหมด ไม่ต้องทิ้งหรอก ให้ฉันดีกว่า”

ซีซาร์ “…”

ตอนนี้เขาชักอยากตายแล้ว

“เอาล่ะ ไม่พูดไร้สาระด้วยแล้ว” ตี้อู่เย่ว์ล้วงอุปกรณ์ที่ใช้ตั้งค่ายกลออกมาจากกระเป๋าใบน้อย “ฉันมาเพราะมีเรื่องต้องทำ ถือโอกาสเยียวยาบาดแผลให้พวกคุณด้วย”

เธอจัดวางค่ายกลได้เร็วมากแล้ว ไม่กี่นาทีก็เสร็จไปสี่

ค่ายกลที่ตั้งขึ้นเหล่านี้ช่วยเยียวยาบาดแผลให้เหล่าผู้วิเศษได้อย่างช้าๆ

“ซี้ดดด” ซีซาร์เลิกคิ้ว “ยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม ฉันพบว่าฉันดูถูกเธอเกินไป เอาแบบนี้ เดี๋ยวกลับไปฉันจะใจกว้างหน่อย ให้ทองเธอหนึ่งคันรถ”

ตี้อู่เย่ว์ตอบรับทันที “ได้ ตกลง ฉันอัดเสียงไว้แล้ว ถ้าคุณเบี้ยว ฉันจะเอาไปลงในเน็ต”

ซีซาร์ “?”

“จะว่าไปอาจารย์เคยบอกฉันว่ายังขาดพลังอยู่หน่อย” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “อาจารย์ขาดหัวใจไป พวกคุณรู้หรือเปล่า”

ซีซาร์ก็เคยได้ยินคำพูดแนวๆ นี้ แต่ไม่เคยได้ยินประโยคสุดท้าย

เดิมทีเขาคิดว่าพลังที่อิ๋งจื่อจินขาดเป็นพลังพยากรณ์ของวงล้อแห่งโชคชะตา

แต่ตอนนี้พลังของวงล้อแห่งโชคชะตากลับมาแล้ว

ซีซาร์กับนอร์ตันมองหน้ากัน ออกอาการตะลึงเล็กน้อย

พลังของวงล้อแห่งโชคชะตาก็ติดบัคมากพออยู่แล้ว เป็นผู้วิเศษที่เก่งรอบด้าน

แต่นี่ยังขาดพลังสำคัญเพราะไม่มีหัวใจอีกเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด