คู่ชะตาบันดาลรัก 195 เสียวอู่

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 195 เสียวอู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จี้เสียวอู่ถือถ้วยกระเบื้องและรวบรวมพลังภายใน ผ่านไปสักพักน้ำในถ้วยก็เดือด

เขาตื่นเต้นจนหน้าแดง “เดือดแล้วๆ!” หยางชูเหลือบมองแล้วพยักหน้าให้หมิงเวย แสดงออกว่าเขาก็ทำได้ไม่เลว

หมิงเวยยิ้มแล้วหันไปเรียก “ตัวฝู!”

ห้องด้านในที่มีม่านกั้นน้ำเสียงขี้ขลาดของตัวฝูดังออกมา “คุณหนู”

“ไม่ต้องซ่อนหรอก ออกมาเถอะ” หลังจากนั้นไม่นานม่านก็ถูกเปิดออกและตัวฝูก็ออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่คล้ายกับของจี้เสียวอู่เพียงแต่ดูใหม่กว่าและมีการปะซ่อมเสื้อผ้าไปบางส่วน

หมิงเวยมองใบหน้าของนางตัวฝูถูกหมิงเวยมองก็วิตกกังวล อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง “บ่าวขี้เหร่ใช่หรือไม่เจ้าคะหรือบ่าวควรล้างแป้งออก…”

ตัวฝูตามหมิงเวยเข้าไปในบ้านหลังนี้จากนั้นก็ถูกดึงเข้าไปด้านหลังห้องแล้วหมิงเวยก็ทาแป้งลงบนใบหน้าของนาง

หมิงเวยกวักมือแล้วหยิบกระจกส่งไปให้ “เจ้าลองดู”

ตัวฝูเห็นเงาสะท้อนในกระจกก็ผงะ ปานบนใบหน้าของนางถูกปกปิดเผยให้เห็นใบหน้าดั้งเดิมของตน เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีซึ่งอยู่ในช่วงวัยแรกแย้มดูงดงามและอ่อนโยน กลิ่นอายของความเยาว์วัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง

“บ่าว นี่บ่าวหรือเจ้าคะ” ตัวฝูพึมพำพลางลูบหน้า

“เป็นเจ้า” หมิงเวยยิ้ม “ตัวฝูของพวกเราโตมาได้งดงามมากจะน่าเกลียดได้อย่างไร”

ตัวฝูมองตัวเองในกระจกหัวใจของนางค่อยๆ สงบลง นางยิ้มอย่างเขินอาย “ต่อหน้าคุณหนู ผู้ใดจะกล้าพูดว่างามกันเจ้าคะ”

หมิงเวยดีดนิ้ว “จริงสิ! นี่เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง! จำเอาไว้นะเจ้าเป็นสาวใช้ที่กัวฮูหยินเลือกให้คุณชายกัวพูดไม่เก่งแต่ภักดีต่อคุณชายมาก”

ตัวฝูพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “บ่าวจะจำไว้เจ้าค่ะ”

คุณชายพร้อม สาวใช้พร้อม เริ่มต้นการแสดงได้

……….

ชานเมืองหยุนจิงมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองธรรมดา ถนนกว้างขวาง บ้านเรือนคล้ายกันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวร้านค้ามากมาย ร้านเสื้อผ้า ร้านยา ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องทอง ร้านน้ำชา…หรือแม้กระทั่งหอคณิกา

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากแดนไกลมักไปไม่ถึงเมืองหลวงเพราะถูกดึงดูดโดยโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งนี้

วันนี้มีคุณชายวัยเยาว์ท่านหนึ่งเดินทางมาที่ชานเมือง

อายุของเขาไม่น่าเกินสิบหกสิบเจ็ดใบหน้าหล่อเหลาดูหาตัวจับได้ยาก ส่วนสาวใช้ที่ตามมาด้วยนั้นดูมีท่าทีตะกุกตะกักดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ออกมานอกจวนเป็นครั้งแรก

สองนายบ่าวนี้ดูท่าทางแปลกแต่งกายดูดีแต่เสื้อผ้ากลับมีรอยปะ แต่ทั้งสองคนนั้นหน้าตางดงามจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร คุณชายน้อยมองซ้ายมองขวาดูเหมือนเขาจะอยากสัมผัสไปซะทุกอย่างจนสาวใช้ต้องคอยดึงรั้งเขาไว้

เมื่อเดินผ่านหอคณิกา นางคณิกาที่ยืนอยู่ข้างถนนเพื่อเรียกแขกเห็นเขามีหน้าตาหล่อเหลาจึงคิดอยากดึงเขากลับไปด้วย แต่สาวใช้จ้องมองกลับมาด้วยสายตามาดร้ายและผลักนางคณิกาออกไป

นางคณิกาที่สามารถออกมาเรียกแขกได้นั้นแน่นอนว่าคงไม่ใช่คณิกาที่มีชื่อเสียงที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ที่ไหนมีลูกค้า นางก็ไปที่นั่น

คุณชายน้อยไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อนเขาจึงทำอะไรไม่ถูกสุดท้ายเขาจึงจ่ายเงินตัดปัญหา เขาส่งเงินหยวนเป่าจำนวนห้าตำลึงให้นางคณิกา

นางคณิกาพอใจกับจำนวนเงินจึงปล่อยพวกเขาและเดินจากไป คนสมัยก่อนกล่าวว่าความมั่งคั่งไม่สามารถเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ได้ นกน้อยเพิ่งออกจากรังสองตัวเพิ่งแสดงความใจกว้างเช่นนี้จะไม่ถูกจับตามองได้อย่างไร คุณชายน้อยพาสาวใช้เดินเล่นต่อโดยไม่รู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งตามหลังพวกเขามา

หลังจากเดินเล่นไปมาสักพักก็รู้สึกหิวคุณชายน้อยจึงพาสาวใช้เข้าไปในร้านอาหาร ลูกจ้างในร้านเห็นว่าพวกเขาแต่งตัวสะดุดตาจึงรีบเข้ามาต้อนรับ

คุณชายน้อยพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่อะไรอร่อย อะไรดีเอามาให้หมด” จากนั้นก็โยนเงินจำนวนหนึ่งให้ “นี่ค่าตอบแทน”

ลูกจ้างดีใจมาก เงินเจ็ดแปดเหรียญนี้เทียบเท่าเงินค่าจ้างของเขาสิบวันเลย!

“คุณชายโปรดรอสักครู่ข้าน้อยจะรีบไปนำมาเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

ไม่นานอาหารเลิศรสก็ถูกส่งมาราวกับน้ำไหล ทั้งลิ้นแกะ ปูดองซีอิ๊ว ปลาผัดซีอิ๊ว  นกกระทาผัดหน่อไม้…ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดเต็มที่

คุณชายน้อยทานข้าวด้วยความเอร็ดอร่อยและพูดคุยกับสาวใช้ว่า “ออกมาข้างนอกดีจะตาย ท่านพ่อท่านแม่มักบอกเสมอว่าเราต้องประหยัดอย่าลืมกำพืดตนเอง มีเงินแต่ไม่ใช้ชีวิตนี้จะมีความหมายอะไรล่ะ!”

สาวใช้หน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณชายพวกเราจะกลับกันตอนไหนหรือเจ้าคะ”

“เพิ่งออกมาเองจะรีบกลับทำไมได้เดินครบรอบหยุนจิงแล้วค่อยว่ากัน!”

ทั้งสองกำลังคุยกันแล้วจู่ๆ ก็มีคนเดินมาชนเขา

“ไอหยา!” ไม่รอให้คุณชายน้อยได้พูด คนผู้นั้นก็รีบเข้ามาช่วยปัดเสื้อผ้าของเขา “ต้องขออภัยจริงๆ ไม่ระวังจนเดินชนท่านได้”

คุณชายน้อยผลักเขาออกไป “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

คนผู้นั้นยิ้มแล้วทำความเคารพให้ “ท่านช่างใจกว้างจริงๆ ขอบคุณขอรับ”

อีกฝ่ายพูดคุยด้วยความสุภาพอีกสองสามคำก็หมุนตัวเดินจากไป

แต่ในขณะที่เขาหันไปด้านข้างทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน! ” คุณชายน้อยพลิกฝ่ามือแล้วคว้าข้อมือของเขา ฝ่ายตรงข้ามตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว เขาดึงมือออกทันทีแล้ววิ่งออกไป

ใครจะคิดว่าเมื่อวิ่งมาถึงประตูสาวใช้คนนั้นจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายใช้กระบวนท่าอะไรเพียงแค่ยื่นมือออกมาผลักเขา

“ซ่า!” คนผู้นั้นชนเข้ากับโต๊ะจนอาหารสุราตกลงบนพื้น เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนออกมา “พวกท่าน อย่าทะเลาะกัน!”

ผู้ใดจะไปฟังเขากันคนผู้นั้นคิดหาโอกาสวิ่งหนีไป แต่สาวใช้พุ่งพรวดเข้ามาแล้วบิดมือของเขาไว้ข้างหลังทำให้ไม่สามารถขยับได้

คุณชายน้อยเข้ามากระชากกระเป๋าเงินของตนไปจากมือของอีกฝ่ายและพูดอย่างโกรธๆ ว่า “มาขโมยเงินคุณชายอย่างข้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ ตัวฝู จัดการมือของเขาซะ!”

“เจ้าค่ะคุณชาย” แล้วสาวใช้ก็บิดมือของคนผู้นั้นสุดแรง

“กรอบ…” เสียงเคลื่อนของข้อต่อดังขึ้น

“อา!” โจรกรีดร้องออกมาใบหน้าของเขาซีดทันทีและเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก เขาตะโกนออกมาว่า “กล้าลงมือกับผู้อาวุโสงั้นหรือคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!”

เจ้าของร้านรีบเข้ามาหา “คุณชาย ปล่อยเขาเถิดขอรับคนผู้นี้ได้รับโทษไม่ได้ขอรับ!”

คุณชายน้อยหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมรึ พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือ ข้ามาทานอาหารที่ร้านของเจ้าแล้วถูกคนผู้นี้ขโมยกระเป๋าเงิน ร้านของท่านเป็นร้านผิดกฎหมายงั้นหรือ”

เจ้าของร้านโบกมือรัวๆ “คุณชายอย่าพูดเช่นนั้นสิขอรับ ข้าน้อยพูดเพื่อความปลอดภัยของคุณชายเท่านั้น คนผู้นี้…” เขาพูดเสียงเบา “เขามีคนหนุนหลัง ตอนนี้คุณชายกำลังโกรธ แต่อีกสักพักท่านจะตกเป็นเป้านะขอรับ”

“ตกเป็นเป้าอะไรกันข้าเกรงว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ!”

“เดี๋ยวก่อนท่าน!” เจ้าของร้านเป็นกังวลมากเขาจึงชะโงกหน้าไปบอกความจริงกับอีกฝ่าย “เขาเป็นกลุ่มยาจก! ท่านไม่สามารถลงโทษเขาได้หรอกขอรับทางร้านเองก็ไม่สามารถเอาเรื่องเขาได้!”

ไม่คิดว่าคุณชายน้อยได้ยินคำว่ากลุ่มยาจกแล้วยิ่งโมโหขึ้นไปอีก “กลุ่มยาจกในเมืองหลวงช่างชั่วร้ายเช่นนี้ น่ารังเกียจยิ่ง! ตัวฝูจัดการเท้าของเขาด้วย!”

สาวใช้รับคำและกำลังจะลงมือก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอก “ฮ่าๆๆ คุณชายท่านอย่าโกรธนักเลยกลุ่มยาจกในใต้หล้าเป็นครอบครัวเดียวกันให้ขอทานเช่นข้ามาเป็นทูตสันติภาพดีหรือไม่”

พวกเขาเห็นขอทานชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านนอกร้าน เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย แต่ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เสียงราวกับระฆัง ทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาก็โยนไม้ไผ่ในมือลงกับพื้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระท่าทางของเขาราวกับเป็นคนเฝ้าด่าน

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 195 เสียวอู่

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 195 เสียวอู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จี้เสียวอู่ถือถ้วยกระเบื้องและรวบรวมพลังภายใน ผ่านไปสักพักน้ำในถ้วยก็เดือด

เขาตื่นเต้นจนหน้าแดง “เดือดแล้วๆ!” หยางชูเหลือบมองแล้วพยักหน้าให้หมิงเวย แสดงออกว่าเขาก็ทำได้ไม่เลว

หมิงเวยยิ้มแล้วหันไปเรียก “ตัวฝู!”

ห้องด้านในที่มีม่านกั้นน้ำเสียงขี้ขลาดของตัวฝูดังออกมา “คุณหนู”

“ไม่ต้องซ่อนหรอก ออกมาเถอะ” หลังจากนั้นไม่นานม่านก็ถูกเปิดออกและตัวฝูก็ออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่คล้ายกับของจี้เสียวอู่เพียงแต่ดูใหม่กว่าและมีการปะซ่อมเสื้อผ้าไปบางส่วน

หมิงเวยมองใบหน้าของนางตัวฝูถูกหมิงเวยมองก็วิตกกังวล อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง “บ่าวขี้เหร่ใช่หรือไม่เจ้าคะหรือบ่าวควรล้างแป้งออก…”

ตัวฝูตามหมิงเวยเข้าไปในบ้านหลังนี้จากนั้นก็ถูกดึงเข้าไปด้านหลังห้องแล้วหมิงเวยก็ทาแป้งลงบนใบหน้าของนาง

หมิงเวยกวักมือแล้วหยิบกระจกส่งไปให้ “เจ้าลองดู”

ตัวฝูเห็นเงาสะท้อนในกระจกก็ผงะ ปานบนใบหน้าของนางถูกปกปิดเผยให้เห็นใบหน้าดั้งเดิมของตน เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีซึ่งอยู่ในช่วงวัยแรกแย้มดูงดงามและอ่อนโยน กลิ่นอายของความเยาว์วัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง

“บ่าว นี่บ่าวหรือเจ้าคะ” ตัวฝูพึมพำพลางลูบหน้า

“เป็นเจ้า” หมิงเวยยิ้ม “ตัวฝูของพวกเราโตมาได้งดงามมากจะน่าเกลียดได้อย่างไร”

ตัวฝูมองตัวเองในกระจกหัวใจของนางค่อยๆ สงบลง นางยิ้มอย่างเขินอาย “ต่อหน้าคุณหนู ผู้ใดจะกล้าพูดว่างามกันเจ้าคะ”

หมิงเวยดีดนิ้ว “จริงสิ! นี่เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง! จำเอาไว้นะเจ้าเป็นสาวใช้ที่กัวฮูหยินเลือกให้คุณชายกัวพูดไม่เก่งแต่ภักดีต่อคุณชายมาก”

ตัวฝูพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “บ่าวจะจำไว้เจ้าค่ะ”

คุณชายพร้อม สาวใช้พร้อม เริ่มต้นการแสดงได้

……….

ชานเมืองหยุนจิงมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองธรรมดา ถนนกว้างขวาง บ้านเรือนคล้ายกันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวร้านค้ามากมาย ร้านเสื้อผ้า ร้านยา ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องทอง ร้านน้ำชา…หรือแม้กระทั่งหอคณิกา

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากแดนไกลมักไปไม่ถึงเมืองหลวงเพราะถูกดึงดูดโดยโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งนี้

วันนี้มีคุณชายวัยเยาว์ท่านหนึ่งเดินทางมาที่ชานเมือง

อายุของเขาไม่น่าเกินสิบหกสิบเจ็ดใบหน้าหล่อเหลาดูหาตัวจับได้ยาก ส่วนสาวใช้ที่ตามมาด้วยนั้นดูมีท่าทีตะกุกตะกักดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ออกมานอกจวนเป็นครั้งแรก

สองนายบ่าวนี้ดูท่าทางแปลกแต่งกายดูดีแต่เสื้อผ้ากลับมีรอยปะ แต่ทั้งสองคนนั้นหน้าตางดงามจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร คุณชายน้อยมองซ้ายมองขวาดูเหมือนเขาจะอยากสัมผัสไปซะทุกอย่างจนสาวใช้ต้องคอยดึงรั้งเขาไว้

เมื่อเดินผ่านหอคณิกา นางคณิกาที่ยืนอยู่ข้างถนนเพื่อเรียกแขกเห็นเขามีหน้าตาหล่อเหลาจึงคิดอยากดึงเขากลับไปด้วย แต่สาวใช้จ้องมองกลับมาด้วยสายตามาดร้ายและผลักนางคณิกาออกไป

นางคณิกาที่สามารถออกมาเรียกแขกได้นั้นแน่นอนว่าคงไม่ใช่คณิกาที่มีชื่อเสียงที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ที่ไหนมีลูกค้า นางก็ไปที่นั่น

คุณชายน้อยไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อนเขาจึงทำอะไรไม่ถูกสุดท้ายเขาจึงจ่ายเงินตัดปัญหา เขาส่งเงินหยวนเป่าจำนวนห้าตำลึงให้นางคณิกา

นางคณิกาพอใจกับจำนวนเงินจึงปล่อยพวกเขาและเดินจากไป คนสมัยก่อนกล่าวว่าความมั่งคั่งไม่สามารถเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ได้ นกน้อยเพิ่งออกจากรังสองตัวเพิ่งแสดงความใจกว้างเช่นนี้จะไม่ถูกจับตามองได้อย่างไร คุณชายน้อยพาสาวใช้เดินเล่นต่อโดยไม่รู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งตามหลังพวกเขามา

หลังจากเดินเล่นไปมาสักพักก็รู้สึกหิวคุณชายน้อยจึงพาสาวใช้เข้าไปในร้านอาหาร ลูกจ้างในร้านเห็นว่าพวกเขาแต่งตัวสะดุดตาจึงรีบเข้ามาต้อนรับ

คุณชายน้อยพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่อะไรอร่อย อะไรดีเอามาให้หมด” จากนั้นก็โยนเงินจำนวนหนึ่งให้ “นี่ค่าตอบแทน”

ลูกจ้างดีใจมาก เงินเจ็ดแปดเหรียญนี้เทียบเท่าเงินค่าจ้างของเขาสิบวันเลย!

“คุณชายโปรดรอสักครู่ข้าน้อยจะรีบไปนำมาเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

ไม่นานอาหารเลิศรสก็ถูกส่งมาราวกับน้ำไหล ทั้งลิ้นแกะ ปูดองซีอิ๊ว ปลาผัดซีอิ๊ว  นกกระทาผัดหน่อไม้…ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดเต็มที่

คุณชายน้อยทานข้าวด้วยความเอร็ดอร่อยและพูดคุยกับสาวใช้ว่า “ออกมาข้างนอกดีจะตาย ท่านพ่อท่านแม่มักบอกเสมอว่าเราต้องประหยัดอย่าลืมกำพืดตนเอง มีเงินแต่ไม่ใช้ชีวิตนี้จะมีความหมายอะไรล่ะ!”

สาวใช้หน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณชายพวกเราจะกลับกันตอนไหนหรือเจ้าคะ”

“เพิ่งออกมาเองจะรีบกลับทำไมได้เดินครบรอบหยุนจิงแล้วค่อยว่ากัน!”

ทั้งสองกำลังคุยกันแล้วจู่ๆ ก็มีคนเดินมาชนเขา

“ไอหยา!” ไม่รอให้คุณชายน้อยได้พูด คนผู้นั้นก็รีบเข้ามาช่วยปัดเสื้อผ้าของเขา “ต้องขออภัยจริงๆ ไม่ระวังจนเดินชนท่านได้”

คุณชายน้อยผลักเขาออกไป “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

คนผู้นั้นยิ้มแล้วทำความเคารพให้ “ท่านช่างใจกว้างจริงๆ ขอบคุณขอรับ”

อีกฝ่ายพูดคุยด้วยความสุภาพอีกสองสามคำก็หมุนตัวเดินจากไป

แต่ในขณะที่เขาหันไปด้านข้างทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน! ” คุณชายน้อยพลิกฝ่ามือแล้วคว้าข้อมือของเขา ฝ่ายตรงข้ามตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว เขาดึงมือออกทันทีแล้ววิ่งออกไป

ใครจะคิดว่าเมื่อวิ่งมาถึงประตูสาวใช้คนนั้นจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายใช้กระบวนท่าอะไรเพียงแค่ยื่นมือออกมาผลักเขา

“ซ่า!” คนผู้นั้นชนเข้ากับโต๊ะจนอาหารสุราตกลงบนพื้น เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนออกมา “พวกท่าน อย่าทะเลาะกัน!”

ผู้ใดจะไปฟังเขากันคนผู้นั้นคิดหาโอกาสวิ่งหนีไป แต่สาวใช้พุ่งพรวดเข้ามาแล้วบิดมือของเขาไว้ข้างหลังทำให้ไม่สามารถขยับได้

คุณชายน้อยเข้ามากระชากกระเป๋าเงินของตนไปจากมือของอีกฝ่ายและพูดอย่างโกรธๆ ว่า “มาขโมยเงินคุณชายอย่างข้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ ตัวฝู จัดการมือของเขาซะ!”

“เจ้าค่ะคุณชาย” แล้วสาวใช้ก็บิดมือของคนผู้นั้นสุดแรง

“กรอบ…” เสียงเคลื่อนของข้อต่อดังขึ้น

“อา!” โจรกรีดร้องออกมาใบหน้าของเขาซีดทันทีและเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก เขาตะโกนออกมาว่า “กล้าลงมือกับผู้อาวุโสงั้นหรือคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!”

เจ้าของร้านรีบเข้ามาหา “คุณชาย ปล่อยเขาเถิดขอรับคนผู้นี้ได้รับโทษไม่ได้ขอรับ!”

คุณชายน้อยหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมรึ พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือ ข้ามาทานอาหารที่ร้านของเจ้าแล้วถูกคนผู้นี้ขโมยกระเป๋าเงิน ร้านของท่านเป็นร้านผิดกฎหมายงั้นหรือ”

เจ้าของร้านโบกมือรัวๆ “คุณชายอย่าพูดเช่นนั้นสิขอรับ ข้าน้อยพูดเพื่อความปลอดภัยของคุณชายเท่านั้น คนผู้นี้…” เขาพูดเสียงเบา “เขามีคนหนุนหลัง ตอนนี้คุณชายกำลังโกรธ แต่อีกสักพักท่านจะตกเป็นเป้านะขอรับ”

“ตกเป็นเป้าอะไรกันข้าเกรงว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ!”

“เดี๋ยวก่อนท่าน!” เจ้าของร้านเป็นกังวลมากเขาจึงชะโงกหน้าไปบอกความจริงกับอีกฝ่าย “เขาเป็นกลุ่มยาจก! ท่านไม่สามารถลงโทษเขาได้หรอกขอรับทางร้านเองก็ไม่สามารถเอาเรื่องเขาได้!”

ไม่คิดว่าคุณชายน้อยได้ยินคำว่ากลุ่มยาจกแล้วยิ่งโมโหขึ้นไปอีก “กลุ่มยาจกในเมืองหลวงช่างชั่วร้ายเช่นนี้ น่ารังเกียจยิ่ง! ตัวฝูจัดการเท้าของเขาด้วย!”

สาวใช้รับคำและกำลังจะลงมือก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอก “ฮ่าๆๆ คุณชายท่านอย่าโกรธนักเลยกลุ่มยาจกในใต้หล้าเป็นครอบครัวเดียวกันให้ขอทานเช่นข้ามาเป็นทูตสันติภาพดีหรือไม่”

พวกเขาเห็นขอทานชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านนอกร้าน เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย แต่ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เสียงราวกับระฆัง ทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาก็โยนไม้ไผ่ในมือลงกับพื้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระท่าทางของเขาราวกับเป็นคนเฝ้าด่าน

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+