คู่ชะตาบันดาลรัก 97 เกาะที่โดดเดี่ยว

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 97 เกาะที่โดดเดี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วัดเป่าหลิงกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ไฟไหม้ที่ยอดเขาชุ่ยมู่ ไฟยังลามมาไม่ถึงที่นี่ ทุกคนแค่ตื่นตระหนกกันไปก่อนเพียงเท่านั้น

คนเยอะมากมายเช่นนี้ แต่ทางลงเขากลับมีแค่ทางเดียว หากทุกคนพากันหนีตายถึงไฟยังลามมาไม่ถึง ทุกคนคงได้เหยียบกันตายก่อนเป็นแน่

มีหลายครั้งที่คนที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติไม่มาก แต่คนส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะความตื่นตระหนก

ท่านเจ้าเมืองอู๋ตะโกน “เหล่าโหยว รีบรวมกำลังคนไปดับไฟเร็ว!”

เจ้าหน้าที่ตงหนิงตอบรับ แต่ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่ทันเวลา เพราะมีผู้คนจำนวนมากในวัดเป่าหลิง บุตรสาวแต่ละตระกูลต่างขอออกไปจากเขาก่อน แล้วยังมีบางคนที่ต้องการหนีลงจากภูเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น!

“ใต้เท้าเจี่ยง!” ผู้ที่มาหาในเวลานี้คืออาหว่าน

เจี่ยงเหวินเฟิงเห็นนางก็รีบเดินไปในที่ลับตาคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดปากถาม “คุณชายเป็นอย่างไรบ้าง”

อาหว่านรีบพูดออกไป “คุณชายกับแม่นางหมิงไปที่ยอดเขาชุ่ยมู่ จากนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงหินถล่มแล้วไฟก็ไหม้ภูเขา”

ฟังนางพูดจบเจี่ยงเหวินเฟิงก็สรุปจากสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่าไม่ดีแล้ว! พวกเขาต้องการตัดรากถอนโคน!”

อาหว่านโกรธมาก “พวกเขากล้ามากที่ลงมือกับคุณชาย ไม่กลัวความพิโรธของฝ่าบาทหรืออย่างไรกัน”

เจี่ยงเหวินเฟิงเลิกคิ้ว “พวกเขากล้าที่จะทำเช่นนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาเตรียมการมาอย่างดีแล้ว อีกไม่นานข้าเองคงต้องถูกกำจัดเช่นกัน”

อาหว่านประหลาดใจ “ไม่จริงใช่หรือไม่เจ้าคะ คุณชายถูกขังอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยว และอยู่ห่างจากผู้คน หากต้องการฆ่าปิดปากยังจะมีอันใดให้พูดอีก แต่ใต้เท้าอยู่ที่วัดเป่าหลิงรอบกายมีคนมากมายเช่นนี้ พวกเขาจะฆ่าท่านได้อย่างไร”

เจี่ยงเหวินเฟิงมองไปยังฝูงชนที่ตื่นตระหนกรอบตัวเขาและพูดเสียงทุ้ม

“ฆ่าแค่คุณชายไม่มีทางปกปิดความจริงได้หรอก จำเป็นต้องฆ่าข้าด้วยเท่านั้นถึงจะบรรลุผล แม่นางอาหว่าน อาสวนไปหาเหลยหงแล้วหรือยัง”

“ไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เรื่องที่พวกท่านหวงเฉิงซือต้องจัดการ ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอันใดมาก เชื่อว่าอาสวนสามารถเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดได้ ตอนนี้ทำได้แค่หวังว่าพวกเขาจะไปที่เขาซิ่วเฟิงได้ทันเวลา”

เจี่ยงเหวินเฟิงหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “หากเป็นอย่างที่ข้าคาดการณ์ไว้ พวกเขาต้องจงใจก่อกวนแล้วอาศัยโอกาสความวุ่นวายนี้ฆ่าข้าที่นี่เป็นแน่ ด้วยวิธีเช่นนี้ต้องมีคนตายพร้อมกันด้วยแน่”

สีหน้าของอาหว่านเปลี่ยนไป นางกัดฟัน “จากนี้ไปบ่าวจะอยู่ใกล้ชิดใต้เท้าไม่ห่างเจ้าค่ะ จะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จแน่!”

นางพูดเช่นนั้นเจี่ยงเหวินเฟิงก็รู้สึกทอดถอนใจ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาวิกฤตนี้ นางไม่ไปที่ยอดเขาชุ่ยมู่เพื่อดับไฟ แต่เลือกที่จะอยู่เคียงข้างตนแทน

เป็นเพราะว่านางรู้ดี นางตัวคนเดียวไปที่ยอดเขาชุ่ยมู่ก็ไม่สามารถช่วยอันใดได้ ในทางตรงกันข้ามการปกป้องเขายังพอมีความเป็นไปได้ที่จะขัดขวางคนชั่วได้

การตัดสินใจเช่นนี้หากขัดเกลาให้คมขึ้นอีกนิดก็จะสามารถแบกรับภาระได้

น่าเสียดายประสบการณ์ชีวิตของนางจริงๆ…

เจี่ยงเหวินเฟิงทิ้งความคิดยุ่งยากนั้นไป แล้วจดจ่อไปที่เรื่องสำคัญ

“เนื่องจากพวกเขาได้ลงมือทำไปแล้วยิ่งปัญหายิ่งใหญ่เท่าใดก็ยิ่งดี ข้าเกรงว่าวัดเป่าหลิงจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้คิดทำลายมนุษยชาติ ไม่สนใจชีวิตผู้บริสุทธิ์หรอก”

อาหว่านตอบ “ใต้เท้า ท่านคิดว่าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ ออกคำสั่งดีหรือไม่เจ้าคะ คนที่หวงเฉิงซือจัดส่งมาที่นี่จะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน!”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันด้านนอกก็เกิดการจลาจลขึ้น และมีคนกรีดร้องว่า

“ทางลงเขาถูกปิด! มีหินตกลงมาจากด้านบนทำให้ทางถูกปิด!” เพราะเรื่องนี้ทำให้วัดเป่าหลิงวุ่นวายมากขึ้น ทางลงเขามีทางเดียวหากถูกปิดก็ไม่สามารถลงได้

หรือว่าพวกเขาคิดจะเผาที่นี่ด้วย…แต่อันที่จริงแล้วเป็นความกังวลที่ไม่มีความหมายเลย ไฟไหม้ภูเขาแม้จะน่ากลัว แต่ไม่ใช่ว่าจัดการไม่ได้

ยอดเขาชุ่ยมู่อยู่ห่างจากวัดเป่าหลิงประมาณหนึ่ง ตัดพวกหญ้าต้นไม้ที่อยู่ตรงกลาง จัดการให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไฟก็ไม่สามารถลามมาถึงแล้ว

แต่ผู้คนกลับตื่นตระหนก อารมณ์จะพลุ่งพล่าน คนกลุ่มหนึ่งตื่นตระหนก กลัวยิ่งกว่าคนที่ประสบภัยพิบัติเสียอีก

เจ้าหน้าที่ในชั้นศาลตะโกนเสียงดังเพื่อหยุดฝูงชนที่ก่อความวุ่นวาย เหล่าสงฆ์ที่อยู่ในการจัดการของเจ้าอาวาสไปที่ยอดเขาใกล้เคียงเพื่อช่วยดับไฟ

วัดเป่าหลิงมีผู้คนมากมาย อาจมีเพียงสงฆ์เหล่านี้เท่านั้นที่ต้องการช่วยดับไฟจริงๆ

“อย่างนี้นี่เอง!” เจี่ยงเหวินเฟิงถอนหายใจ ทำให้ทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่เห็นได้ชัดว่ามีแผนอื่น

ตอนนี้วัดเป่าหลิงกลายเป็นเกาะที่โดดเดี่ยว มีเพียงผู้ที่ตายที่นี่เท่านั้นถึงจะเชื่อมต่อกับโลกภายนอกใหม่ได้

เจี่ยงเหวินเฟิงรวบรวมความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว หันกลับไปและตะโกน “ตี๋ฝาน!”

“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับใต้เท้า!” องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามาหา

“พวกเราพาคนมากี่คน”

“เรียนใต้เท้า หากนับตำแหน่งที่ต่ำลงมาด้วยรวมทั้งหมดสามสิบคนขอรับ”

“พวกเจ้าแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปที่ภูเขา จำไว้ว่าหน้าที่ของพวกเจ้าคือตามหาคุณชาย ไม่ใช่เพื่อดับไฟ ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีอันใดก็ตามจะต้องช่วยคุณชายออกมาให้ได้” เจี่ยงเหวินเฟิงกดเสียงลงออกคำสั่ง

“ขอรับ!”

องครักษ์ระดับสูงแปดนายแบ่งงานกันอย่างรวดเร็ว ครึ่งหนึ่งอยู่ที่นี่ ที่เหลือรีบออกไปค้นหาเพื่อให้ความช่วยเหลือ

เจี่ยงเหวินเฟิงกระซิบอีกครั้ง “แม่นางอาหว่าน พวกเจ้าหวงเฉิงซือมีคนแปลกหน้าไม่น้อย เจ้าช่วยคิดหาทางติดต่อกับคนภายนอก นอกจากนี้ตรวจสอบร่องรอยของนายท่านสี่แล้วนำตัวมาพบข้าที่นี่”

“เจ้าค่ะ”

ทางด้านท่านเจ้าเมืองอู๋ตะโกนจนน้ำลายแห้ง เห็นกลุ่มองครักษ์ของเจี่ยงเหวินเฟิงก็ถามทันที “ใต้เท้าเจี่ยงจะออกค้นหาให้ความช่วยเหลือหรือขอรับ พวกเราไปด้วยกันดีหรือไม่ขอรับ ไปด้วยกันดีกว่าแยกย้ายกันไป”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มแล้วเรียกตี๋ฝาน “ได้ยินที่ท่านเจ้าเมืองอู๋พูดหรือไม่ พวกเจ้านำเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นไปด้วย แล้วยังมีกลุ่มสงฆ์ พวกเขามีประสบการณ์ในการดับไฟ ไปขอความช่วยเหลือด้วย ”

“ขอรับ!” ตี๋ฝานรับคำแล้วหันไปตะโกนสั่ง “พวกเจ้าจากนี้ไปรับฟังคำสั่ง!”

ท่านเจ้าเมืองอู๋รีบห้ามไว้ “ใต้เท้าเจี่ยง ข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”

เจี่ยงเหวินเฟิงเลิกคิ้ว “หรือว่าใต้เท้าอู๋ต้องการให้องครักษ์ของข้าฟังคนของท่านหรือ พวกเขาเป็นราชองครักษ์นะ!”

ท่านเจ้าเมืองอู๋ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรำคาญคนที่ออกความคิดนี้มาก แต่เขาต้องยืนอยู่ข้างฉีตงจวิ้นอ๋อง อย่างเช่นเมื่อครู่เขาต้องการจับตาดูคนของเจี่ยงเหวินเฟิงเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเลวร้าย ไม่คิดว่าจะถูกเจี่ยงเหวินเฟิงอาศัยโอกาสนี้ขัดขวางเขา

ที่พูดมานั้นไม่ผิดเลย! พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นองครักษ์ระดับสูง พวกเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังเจี่ยงเหวินเฟิงเป็นองครักษ์ที่ซื่อสัตย์ พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็อยากตะโกนเรียกใต้เท้า ขอไม่ให้คนของท่านสั่งการราชองครักษ์ได้หรือไม่

เจี่ยงเหวินเฟิงพูดว่า “ไฟไหม้ภูเขาจำเป็นต้องช่วย วัดเป่าหลิงเองก็จะให้เกิดความวุ่นวายไม่ได้ เกาฮ่วน!”

“ขอรับใต้เท้า!” องครักษ์นายหนึ่งตอบรับเสียงดัง

“ควบคุมผู้คนไม่ให้พวกเขาวิ่งหนีหรือเหยียบกัน ให้พวกเขามารวมตัวกัน หากผู้ใดไม่ฟังคำสั่งให้ถือว่ามีความผิดโดยตรง!”

“ขอรับ!”

หลังจากออกคำสั่งเจี่ยงเหวินเฟิงก็ส่งสายตาให้อาหว่าน “แม่นางอาหว่าน ข้างกายข้ามีคนคอยคุ้มครองแล้ว เจ้าไปทำเรื่องของตนเองเถิด”

อาหว่านเห็นว่ามีองครักษ์สองนายยืนอยู่ข้างหลังเจี่ยงเหวินเฟิงจึงพยักหน้า

“ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเรื่องอื่นต่อ” เจี่ยงเหวินเฟิงทำสัญญาณมือเป็นการเชิญ

ราชองครักษ์ขี่ม้าออกไป วัดเป่าหลิงก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว

พระสงฆ์ตีฆ้อง เจ้าหน้าที่ร้องตะโกนให้ประชาชนกลับมาที่เดิม

เจ้าหน้าที่และบุตรสาวจากตระกูลมารวมตัวกันอยู่ในวิหารหลวงเพื่อรอให้ดับไฟ และจัดการเปิดทางลงเขาเสร็จ

เจี่ยงเหวินเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าวิหารมองดูดวงอาทิตย์ที่เอียงไปทางทิศตะวันตก เฝ้ารอให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

หวังว่าคุณชายหยางและแม่นางหมิงจะปลอดภัย หวังว่าไฟป่าจะดับก่อนดวงอาทิตย์ตก ค่ำคืนนี้เกรงว่าจะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย…

……………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด