คู่ชะตาบันดาลรัก 335 เมืองเล็ก

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 335 เมืองเล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเดินทางไปได้ครึ่งลี้จู่ๆ หมิงเวยก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปทางด้านหลังของตัวฝู

“เจ้าถืออะไรมาด้วย”

ตัวฝูตกใจนางยกแผ่นไม้เล็กๆ ขึ้นมา “คุณหนู…”

“ไปเอามาจากที่ใดกัน” สีหน้าของนางดูจริงจัง

ตัวฝูตอบว่า “เมื่อคืนบ่าวเก็บได้จากข้างนอกกระโจมเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ถามอย่างประหม่า “คุณหนู…ของสิ่งนี้มีปัญหาหรือเจ้าคะ แต่บ่าวไม่สังเกตถึงกลิ่นอายแปลกๆ…”

หมิงเวยถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลย เสวียนชื่อธรรมดาไม่ได้สังเกตเห็นปัญหาจริงๆ”

นางตะโกนเรียกโหวเหลียงแล้วลงจากหลังม้า “มีบางอย่างที่ต้องจัดการ พวกเจ้าสามารถรอได้นานสุดสามวัน หากผ่านไปสามวันแล้วไม่เจอผู้ใดให้รีบออกจากที่นี่ไม่ว่าจะไปหูตี้หรือเกาถางแล้วแต่เจ้าเลย”

โหวเหลียงคิดในใจ แม่นาง…หากท่านไม่ไปหูตี้แล้วข้าจะไปที่นั่นทำอะไร หาเรื่องกันหรือ แต่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้ม “ถ้าเช่นนั้นให้คนสองอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแม่นาง…”

“ไม่ต้องคนเยอะวุ่นวายไป” หมิงเวยคาดสายคาดเอวแน่นแล้วเรียกตัวฝู “ไม่ต้องเอาม้ามาพวกเราจะเดินไป” ตัวฝูตอบรับแล้วลงจากหลังม้าแบกของที่จำเป็นไว้บนหลังอย่างเรียบร้อย

เมื่อมองไปยังกองคาราวานที่อยู่ข้างหน้าหมิงเวยคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็หยิบหยกแขวนออกมาแล้วโยนให้โหวเหลียง “ยามพักให้สร้างม่านพลังให้ดี วางสิ่งนี้ไว้ในแกนกลางหลังม่านด้วย”

ในเรื่องเคล็ดวิชาโหวเหลียงพอมีความรู้อยู่บ้างแค่มองเขาก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่นางถ่ายพลังออกมา “ขอรับ แม่นางหมิง”

หมิงเวยเหลือบมองขุนศึกของตระกูลหยางในกองคาราวานแล้วพูดเสียงเบา

“ไปเถอะ” เหล่าขุนศึกเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ละคนกลับขึ้นไปบนหลังม้าแล้วสั่งให้ออกเดินทาง แม่นางหมิงไม่ไว้ใจชายผู้นี้พวกเขาจึงต้องคอยจับตาดูตลอดทาง

เมื่อกองคาราวานจากไปตัวฝูจึงถามด้วยความกังวล “คุณหนู บ่าวทำผิดใช่หรือไม่เจ้าคะ…”

หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าข้าประมาทเอง”

นางเองก็ไม่คิดว่าภูเขารกร้างแห่งนี้จะมีคนดึงดูดพวกเขาให้มาที่นี่จนกระทั่งเห็นแผ่นไม้เล็กๆ ในมือของตัวฝูนางจึงพบว่ามันผิดปกติ

ใช่ เหตุผลที่พวกเขาไปผิดทางก็เพราะมีคนจงใจนำทางพวกเขา นางรับแผ่นไม้เล็กๆ มาแล้วมองอย่างละเอียด

ของสิ่งนี้มีความยาวหนึ่งนิ้ว กว้างหนึ่งนิ้ว ซึ่งไม่รู้ว่าใช้สีย้อมอะไรตัวลวดลายดูแปลกมาก และดูเก่ามากด้วยจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวฝูจะไม่สงสัยเมื่อหยิบมันขึ้นมา

มีของเก่าถูกทิ้งในที่รกร้างนอกเมืองผู้ใดจะสงสัยกัน ลวดลายนี้หมิงเวยรู้จักดี มันเป็นตัวอักษรที่ภิกษุในหูตี้นิยมใช้การสลักบนป้ายไม้เล็กๆ เช่นนี้ น่าจะเป็นเครื่องราง แต่หากปรากฏอยู่ที่นี่น่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น

หมิงเวยส่งแผ่นไม้เล็กๆ กลับไปให้ตัวฝูและพูดว่า “หลังจากนี้ถ้าเจอของเช่นนี้อีกให้ระวังหน่อย อักขระที่เป็นรูปแบบเช่นนี้มักจะมีความหมายพิเศษ”

ตัวฝูเชื่อฟังเป็นอย่างดี “เจ้าค่ะ” แล้วถามอีกว่า “คุณหนู ความลับของมันมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ”

“เจ้าลองใช้พลังสัมผัสดูสิ” ตัวฝูทำตามแล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าพลังของตนสัมผัสกับ ‘ใจกลาง’ ที่แข็งเล็กน้อย

“ตัวมันไม่ใช่ปัญหามันแค่ถูกทำเครื่องหมาย หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ เหตุผลที่เราหลงทางในเขาหู่โถ่วซานก็คือเราถูกลวงตา เรากลับไปหาได้ว่าทางนั้นมีเครื่องหมายเช่นเดียวกันหรือไม่”

ต้องโทษที่นางไม่รู้ทางตอนที่เดินทางนางแค่รู้สึกว่าชี่รอบกายไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ได้มองด้วยตาให้มากกว่านี้ สำหรับเสวียนชื่อแล้วกับดักที่ง่ายที่สุดไม่ใช่ค่ายกลที่ชาญฉลาด แต่เป็นการหลอกตาการรับรู้

“พวกเราติดกับแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะแล้วเราจะทำอย่างไรดี”

หมิงเวยจูงม้าและเดินห่างออกไป “ ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตั้งใจจะพาเรามาที่นี่เพื่ออะไร ข้าจึงต้องกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

นางตบตูดม้าส่งสัญญาณให้มันซ่อนตัวแล้วกลับเมืองเล็กๆ พร้อมกับตัวฝู

ม้าสิงโตหยกมีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมหากมันต้องวิ่งก็ไม่มีปัญหา ตัวฝูแค่อยากถามว่าจะแอบเข้าไปในเมืองได้อย่างไร และนางก็เห็นว่าหมิงเวยเดินตรงเข้าไปหา…

“ผู้เฒ่า!”

คราวนี้ชายชราตื่นขึ้น และมองนางด้วยความประหลาดใจ “แม่นางกลับมาทำไมหรือ” เมื่อมองไปข้างหลังนางก็ไม่มีผู้ใดนอกจากสาวใช้ที่มีปานบนใบหน้า

หมิงเวยตอบกลับว่า “ข้าเดินทางมาหลายวันรู้สึกเหนื่อยมากตั้งใจว่าจะขอพักที่นี่เป็นเวลาสองวัน”

“แล้วคนอื่นล่ะ”

“พวกเขาอาจไม่รู้สึกเหนื่อย” สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยน “หัวหน้ารีบร้อนเดินทาง ข้าจึงถอนตัวออกจากขบวนพักสักสองวันแล้วค่อยกลับไปจะดีกว่า”

ตัวฝูคิดเงียบๆ ในใจเหตุผลนี้มีคนเชื่อด้วยหรือ

“จริงหรือ” ชายชราหัวเราะ “แต่เมืองของพวกเราไม่มีโรงเตี๊ยม…”

ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ยื่นเงินหยวนเป่ามาอยู่ตรงหน้าเขา “รบกวนขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าแล้วเป็นห้องว่างที่บ้านท่านก็ได้”

“ข้าเกรงว่า…” เงินหยวนเป่าถูกยื่นมาอีกแท่ง ชายชราขยับริมฝีปากและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อมองไปที่เงินหยวนเป่าสักพักเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปขอให้โรงเตี๊ยมจางซานทำความสะอาดห้องไว้ให้!”

หมิงเวยยิ้มแล้วยื่นเงินหยวนเป่าสองแท่งให้แก่เขา “รบกวนท่านแล้ว”

ชายชราหยิบไม้เท้าและพาพวกนางเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ หมิงเวยรู้สึกว่างูขาวในแขนเสื้อของนางหดตัวและตัวสั่นอีกครั้ง

เมืองเล็กแห่งนี้เป็นเพียงถนนสายหนึ่งโรงเตี๊ยมเล็กมากจนน่าสงสาร คนที่เปิดโรงเตี๊ยมเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชายชราพูดกับอีกฝ่ายไม่กี่คำพวกเขาก็พยักหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงวัยกลางคนก็เดินมานำทาง “เชิญแม่นางตามข้ามา” น้ำเสียงของนางแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็กิริยามารยาทดี

หญิงสาวพาพวกนางขึ้นมาชั้นบนและผลักประตูห้องหนึ่ง “ที่นี่เดิมทีเป็นห้องของบุตรชายของข้า ข้าเพิ่งทำความสะอาดมันหวังว่าแม่นางจะไม่รังเกียจ”

หมิงเวยกวาดตามองแล้วพยักหน้า “มีที่พักก็ดีมากแล้วขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

หญิงสาวโค้งกายแล้วเดินออกไป ประตูปิดลง ตัวฝูก็ถามขึ้นมาอย่างใจร้อน

“คุณหนู พวกเขาจะเชื่อหรือเจ้าคะ”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ นางหยิบยันต์ออกมาแล้วเผาทิ้งจากนั้นก็ตอบไปว่า “เขาจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ พวกเราเข้ามาได้ก็พอแล้ว”

ในเมื่อดึงดูดพวกนางให้มาที่นี่ก็ต้องหาทางแสดงตัวใช่หรือไม่ หมิงเวยเป็นคนสบายๆ ช่วงเช้านางนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมองดูชาวเมืองที่มาดื่มเป็นครั้งคราว

ในช่วงค่ำนางขอยืมเตาผิงจากพวกเขาเพื่อปิ้งแป้งทานกับตัวฝูจัดการปัญหาอาหารเย็นด้วยตนเองจากนั้นก็พักผ่อน ตัวฝูที่นอนไม่หลับนั่งอยู่ในความมืดเพื่อฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก ไม่มีอะไรนอกจากเสียงลม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดหมิงเวยรู้สึกว่างูขาวเคลื่อนไหวอยู่ในแขนเสื้อของนาง มันพูดเบาๆ ว่า “นายท่านดูเหมือนว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่”

หมิงเวยลุกขึ้นนั่ง “เจ้านำทางได้เลย”

“เจ้าค่ะ”

หมิงเวยพับกระดาษคนสองใบแล้วโยนเข้าไปในห้องแล้วเปิดหน้าต่างข้ามออกไปจากนั้นลงสู่ถนนพร้อมกับตัวฝู

ข้างนอกมืดสนิทและไม่มีแสงสว่างเลย

จากการนำทางของงูขาวพวกนางพบห้องใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็วซึ่งมีคนคอยคุ้มกันอยู่ หมิงเวยประมวลความคิดแล้วพาตัวฝูถอยห่างออกมา จากนั้นสั่งการเสียงเบา “เจ้าไปตรงนั้นแล้วจุดไฟ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 335 เมืองเล็ก

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 335 เมืองเล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเดินทางไปได้ครึ่งลี้จู่ๆ หมิงเวยก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปทางด้านหลังของตัวฝู

“เจ้าถืออะไรมาด้วย”

ตัวฝูตกใจนางยกแผ่นไม้เล็กๆ ขึ้นมา “คุณหนู…”

“ไปเอามาจากที่ใดกัน” สีหน้าของนางดูจริงจัง

ตัวฝูตอบว่า “เมื่อคืนบ่าวเก็บได้จากข้างนอกกระโจมเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ถามอย่างประหม่า “คุณหนู…ของสิ่งนี้มีปัญหาหรือเจ้าคะ แต่บ่าวไม่สังเกตถึงกลิ่นอายแปลกๆ…”

หมิงเวยถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลย เสวียนชื่อธรรมดาไม่ได้สังเกตเห็นปัญหาจริงๆ”

นางตะโกนเรียกโหวเหลียงแล้วลงจากหลังม้า “มีบางอย่างที่ต้องจัดการ พวกเจ้าสามารถรอได้นานสุดสามวัน หากผ่านไปสามวันแล้วไม่เจอผู้ใดให้รีบออกจากที่นี่ไม่ว่าจะไปหูตี้หรือเกาถางแล้วแต่เจ้าเลย”

โหวเหลียงคิดในใจ แม่นาง…หากท่านไม่ไปหูตี้แล้วข้าจะไปที่นั่นทำอะไร หาเรื่องกันหรือ แต่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้ม “ถ้าเช่นนั้นให้คนสองอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแม่นาง…”

“ไม่ต้องคนเยอะวุ่นวายไป” หมิงเวยคาดสายคาดเอวแน่นแล้วเรียกตัวฝู “ไม่ต้องเอาม้ามาพวกเราจะเดินไป” ตัวฝูตอบรับแล้วลงจากหลังม้าแบกของที่จำเป็นไว้บนหลังอย่างเรียบร้อย

เมื่อมองไปยังกองคาราวานที่อยู่ข้างหน้าหมิงเวยคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็หยิบหยกแขวนออกมาแล้วโยนให้โหวเหลียง “ยามพักให้สร้างม่านพลังให้ดี วางสิ่งนี้ไว้ในแกนกลางหลังม่านด้วย”

ในเรื่องเคล็ดวิชาโหวเหลียงพอมีความรู้อยู่บ้างแค่มองเขาก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่นางถ่ายพลังออกมา “ขอรับ แม่นางหมิง”

หมิงเวยเหลือบมองขุนศึกของตระกูลหยางในกองคาราวานแล้วพูดเสียงเบา

“ไปเถอะ” เหล่าขุนศึกเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ละคนกลับขึ้นไปบนหลังม้าแล้วสั่งให้ออกเดินทาง แม่นางหมิงไม่ไว้ใจชายผู้นี้พวกเขาจึงต้องคอยจับตาดูตลอดทาง

เมื่อกองคาราวานจากไปตัวฝูจึงถามด้วยความกังวล “คุณหนู บ่าวทำผิดใช่หรือไม่เจ้าคะ…”

หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าข้าประมาทเอง”

นางเองก็ไม่คิดว่าภูเขารกร้างแห่งนี้จะมีคนดึงดูดพวกเขาให้มาที่นี่จนกระทั่งเห็นแผ่นไม้เล็กๆ ในมือของตัวฝูนางจึงพบว่ามันผิดปกติ

ใช่ เหตุผลที่พวกเขาไปผิดทางก็เพราะมีคนจงใจนำทางพวกเขา นางรับแผ่นไม้เล็กๆ มาแล้วมองอย่างละเอียด

ของสิ่งนี้มีความยาวหนึ่งนิ้ว กว้างหนึ่งนิ้ว ซึ่งไม่รู้ว่าใช้สีย้อมอะไรตัวลวดลายดูแปลกมาก และดูเก่ามากด้วยจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวฝูจะไม่สงสัยเมื่อหยิบมันขึ้นมา

มีของเก่าถูกทิ้งในที่รกร้างนอกเมืองผู้ใดจะสงสัยกัน ลวดลายนี้หมิงเวยรู้จักดี มันเป็นตัวอักษรที่ภิกษุในหูตี้นิยมใช้การสลักบนป้ายไม้เล็กๆ เช่นนี้ น่าจะเป็นเครื่องราง แต่หากปรากฏอยู่ที่นี่น่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น

หมิงเวยส่งแผ่นไม้เล็กๆ กลับไปให้ตัวฝูและพูดว่า “หลังจากนี้ถ้าเจอของเช่นนี้อีกให้ระวังหน่อย อักขระที่เป็นรูปแบบเช่นนี้มักจะมีความหมายพิเศษ”

ตัวฝูเชื่อฟังเป็นอย่างดี “เจ้าค่ะ” แล้วถามอีกว่า “คุณหนู ความลับของมันมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ”

“เจ้าลองใช้พลังสัมผัสดูสิ” ตัวฝูทำตามแล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าพลังของตนสัมผัสกับ ‘ใจกลาง’ ที่แข็งเล็กน้อย

“ตัวมันไม่ใช่ปัญหามันแค่ถูกทำเครื่องหมาย หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ เหตุผลที่เราหลงทางในเขาหู่โถ่วซานก็คือเราถูกลวงตา เรากลับไปหาได้ว่าทางนั้นมีเครื่องหมายเช่นเดียวกันหรือไม่”

ต้องโทษที่นางไม่รู้ทางตอนที่เดินทางนางแค่รู้สึกว่าชี่รอบกายไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ได้มองด้วยตาให้มากกว่านี้ สำหรับเสวียนชื่อแล้วกับดักที่ง่ายที่สุดไม่ใช่ค่ายกลที่ชาญฉลาด แต่เป็นการหลอกตาการรับรู้

“พวกเราติดกับแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะแล้วเราจะทำอย่างไรดี”

หมิงเวยจูงม้าและเดินห่างออกไป “ ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตั้งใจจะพาเรามาที่นี่เพื่ออะไร ข้าจึงต้องกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

นางตบตูดม้าส่งสัญญาณให้มันซ่อนตัวแล้วกลับเมืองเล็กๆ พร้อมกับตัวฝู

ม้าสิงโตหยกมีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมหากมันต้องวิ่งก็ไม่มีปัญหา ตัวฝูแค่อยากถามว่าจะแอบเข้าไปในเมืองได้อย่างไร และนางก็เห็นว่าหมิงเวยเดินตรงเข้าไปหา…

“ผู้เฒ่า!”

คราวนี้ชายชราตื่นขึ้น และมองนางด้วยความประหลาดใจ “แม่นางกลับมาทำไมหรือ” เมื่อมองไปข้างหลังนางก็ไม่มีผู้ใดนอกจากสาวใช้ที่มีปานบนใบหน้า

หมิงเวยตอบกลับว่า “ข้าเดินทางมาหลายวันรู้สึกเหนื่อยมากตั้งใจว่าจะขอพักที่นี่เป็นเวลาสองวัน”

“แล้วคนอื่นล่ะ”

“พวกเขาอาจไม่รู้สึกเหนื่อย” สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยน “หัวหน้ารีบร้อนเดินทาง ข้าจึงถอนตัวออกจากขบวนพักสักสองวันแล้วค่อยกลับไปจะดีกว่า”

ตัวฝูคิดเงียบๆ ในใจเหตุผลนี้มีคนเชื่อด้วยหรือ

“จริงหรือ” ชายชราหัวเราะ “แต่เมืองของพวกเราไม่มีโรงเตี๊ยม…”

ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ยื่นเงินหยวนเป่ามาอยู่ตรงหน้าเขา “รบกวนขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าแล้วเป็นห้องว่างที่บ้านท่านก็ได้”

“ข้าเกรงว่า…” เงินหยวนเป่าถูกยื่นมาอีกแท่ง ชายชราขยับริมฝีปากและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อมองไปที่เงินหยวนเป่าสักพักเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปขอให้โรงเตี๊ยมจางซานทำความสะอาดห้องไว้ให้!”

หมิงเวยยิ้มแล้วยื่นเงินหยวนเป่าสองแท่งให้แก่เขา “รบกวนท่านแล้ว”

ชายชราหยิบไม้เท้าและพาพวกนางเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ หมิงเวยรู้สึกว่างูขาวในแขนเสื้อของนางหดตัวและตัวสั่นอีกครั้ง

เมืองเล็กแห่งนี้เป็นเพียงถนนสายหนึ่งโรงเตี๊ยมเล็กมากจนน่าสงสาร คนที่เปิดโรงเตี๊ยมเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชายชราพูดกับอีกฝ่ายไม่กี่คำพวกเขาก็พยักหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงวัยกลางคนก็เดินมานำทาง “เชิญแม่นางตามข้ามา” น้ำเสียงของนางแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็กิริยามารยาทดี

หญิงสาวพาพวกนางขึ้นมาชั้นบนและผลักประตูห้องหนึ่ง “ที่นี่เดิมทีเป็นห้องของบุตรชายของข้า ข้าเพิ่งทำความสะอาดมันหวังว่าแม่นางจะไม่รังเกียจ”

หมิงเวยกวาดตามองแล้วพยักหน้า “มีที่พักก็ดีมากแล้วขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

หญิงสาวโค้งกายแล้วเดินออกไป ประตูปิดลง ตัวฝูก็ถามขึ้นมาอย่างใจร้อน

“คุณหนู พวกเขาจะเชื่อหรือเจ้าคะ”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ นางหยิบยันต์ออกมาแล้วเผาทิ้งจากนั้นก็ตอบไปว่า “เขาจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ พวกเราเข้ามาได้ก็พอแล้ว”

ในเมื่อดึงดูดพวกนางให้มาที่นี่ก็ต้องหาทางแสดงตัวใช่หรือไม่ หมิงเวยเป็นคนสบายๆ ช่วงเช้านางนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมองดูชาวเมืองที่มาดื่มเป็นครั้งคราว

ในช่วงค่ำนางขอยืมเตาผิงจากพวกเขาเพื่อปิ้งแป้งทานกับตัวฝูจัดการปัญหาอาหารเย็นด้วยตนเองจากนั้นก็พักผ่อน ตัวฝูที่นอนไม่หลับนั่งอยู่ในความมืดเพื่อฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก ไม่มีอะไรนอกจากเสียงลม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดหมิงเวยรู้สึกว่างูขาวเคลื่อนไหวอยู่ในแขนเสื้อของนาง มันพูดเบาๆ ว่า “นายท่านดูเหมือนว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่”

หมิงเวยลุกขึ้นนั่ง “เจ้านำทางได้เลย”

“เจ้าค่ะ”

หมิงเวยพับกระดาษคนสองใบแล้วโยนเข้าไปในห้องแล้วเปิดหน้าต่างข้ามออกไปจากนั้นลงสู่ถนนพร้อมกับตัวฝู

ข้างนอกมืดสนิทและไม่มีแสงสว่างเลย

จากการนำทางของงูขาวพวกนางพบห้องใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็วซึ่งมีคนคอยคุ้มกันอยู่ หมิงเวยประมวลความคิดแล้วพาตัวฝูถอยห่างออกมา จากนั้นสั่งการเสียงเบา “เจ้าไปตรงนั้นแล้วจุดไฟ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 335 เมืองเล็ก

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 335 เมืองเล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเดินทางไปได้ครึ่งลี้จู่ๆ หมิงเวยก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปทางด้านหลังของตัวฝู

“เจ้าถืออะไรมาด้วย”

ตัวฝูตกใจนางยกแผ่นไม้เล็กๆ ขึ้นมา “คุณหนู…”

“ไปเอามาจากที่ใดกัน” สีหน้าของนางดูจริงจัง

ตัวฝูตอบว่า “เมื่อคืนบ่าวเก็บได้จากข้างนอกกระโจมเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ถามอย่างประหม่า “คุณหนู…ของสิ่งนี้มีปัญหาหรือเจ้าคะ แต่บ่าวไม่สังเกตถึงกลิ่นอายแปลกๆ…”

หมิงเวยถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลย เสวียนชื่อธรรมดาไม่ได้สังเกตเห็นปัญหาจริงๆ”

นางตะโกนเรียกโหวเหลียงแล้วลงจากหลังม้า “มีบางอย่างที่ต้องจัดการ พวกเจ้าสามารถรอได้นานสุดสามวัน หากผ่านไปสามวันแล้วไม่เจอผู้ใดให้รีบออกจากที่นี่ไม่ว่าจะไปหูตี้หรือเกาถางแล้วแต่เจ้าเลย”

โหวเหลียงคิดในใจ แม่นาง…หากท่านไม่ไปหูตี้แล้วข้าจะไปที่นั่นทำอะไร หาเรื่องกันหรือ แต่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้ม “ถ้าเช่นนั้นให้คนสองอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแม่นาง…”

“ไม่ต้องคนเยอะวุ่นวายไป” หมิงเวยคาดสายคาดเอวแน่นแล้วเรียกตัวฝู “ไม่ต้องเอาม้ามาพวกเราจะเดินไป” ตัวฝูตอบรับแล้วลงจากหลังม้าแบกของที่จำเป็นไว้บนหลังอย่างเรียบร้อย

เมื่อมองไปยังกองคาราวานที่อยู่ข้างหน้าหมิงเวยคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็หยิบหยกแขวนออกมาแล้วโยนให้โหวเหลียง “ยามพักให้สร้างม่านพลังให้ดี วางสิ่งนี้ไว้ในแกนกลางหลังม่านด้วย”

ในเรื่องเคล็ดวิชาโหวเหลียงพอมีความรู้อยู่บ้างแค่มองเขาก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่นางถ่ายพลังออกมา “ขอรับ แม่นางหมิง”

หมิงเวยเหลือบมองขุนศึกของตระกูลหยางในกองคาราวานแล้วพูดเสียงเบา

“ไปเถอะ” เหล่าขุนศึกเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ละคนกลับขึ้นไปบนหลังม้าแล้วสั่งให้ออกเดินทาง แม่นางหมิงไม่ไว้ใจชายผู้นี้พวกเขาจึงต้องคอยจับตาดูตลอดทาง

เมื่อกองคาราวานจากไปตัวฝูจึงถามด้วยความกังวล “คุณหนู บ่าวทำผิดใช่หรือไม่เจ้าคะ…”

หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าข้าประมาทเอง”

นางเองก็ไม่คิดว่าภูเขารกร้างแห่งนี้จะมีคนดึงดูดพวกเขาให้มาที่นี่จนกระทั่งเห็นแผ่นไม้เล็กๆ ในมือของตัวฝูนางจึงพบว่ามันผิดปกติ

ใช่ เหตุผลที่พวกเขาไปผิดทางก็เพราะมีคนจงใจนำทางพวกเขา นางรับแผ่นไม้เล็กๆ มาแล้วมองอย่างละเอียด

ของสิ่งนี้มีความยาวหนึ่งนิ้ว กว้างหนึ่งนิ้ว ซึ่งไม่รู้ว่าใช้สีย้อมอะไรตัวลวดลายดูแปลกมาก และดูเก่ามากด้วยจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวฝูจะไม่สงสัยเมื่อหยิบมันขึ้นมา

มีของเก่าถูกทิ้งในที่รกร้างนอกเมืองผู้ใดจะสงสัยกัน ลวดลายนี้หมิงเวยรู้จักดี มันเป็นตัวอักษรที่ภิกษุในหูตี้นิยมใช้การสลักบนป้ายไม้เล็กๆ เช่นนี้ น่าจะเป็นเครื่องราง แต่หากปรากฏอยู่ที่นี่น่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น

หมิงเวยส่งแผ่นไม้เล็กๆ กลับไปให้ตัวฝูและพูดว่า “หลังจากนี้ถ้าเจอของเช่นนี้อีกให้ระวังหน่อย อักขระที่เป็นรูปแบบเช่นนี้มักจะมีความหมายพิเศษ”

ตัวฝูเชื่อฟังเป็นอย่างดี “เจ้าค่ะ” แล้วถามอีกว่า “คุณหนู ความลับของมันมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ”

“เจ้าลองใช้พลังสัมผัสดูสิ” ตัวฝูทำตามแล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าพลังของตนสัมผัสกับ ‘ใจกลาง’ ที่แข็งเล็กน้อย

“ตัวมันไม่ใช่ปัญหามันแค่ถูกทำเครื่องหมาย หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ เหตุผลที่เราหลงทางในเขาหู่โถ่วซานก็คือเราถูกลวงตา เรากลับไปหาได้ว่าทางนั้นมีเครื่องหมายเช่นเดียวกันหรือไม่”

ต้องโทษที่นางไม่รู้ทางตอนที่เดินทางนางแค่รู้สึกว่าชี่รอบกายไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ได้มองด้วยตาให้มากกว่านี้ สำหรับเสวียนชื่อแล้วกับดักที่ง่ายที่สุดไม่ใช่ค่ายกลที่ชาญฉลาด แต่เป็นการหลอกตาการรับรู้

“พวกเราติดกับแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะแล้วเราจะทำอย่างไรดี”

หมิงเวยจูงม้าและเดินห่างออกไป “ ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตั้งใจจะพาเรามาที่นี่เพื่ออะไร ข้าจึงต้องกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

นางตบตูดม้าส่งสัญญาณให้มันซ่อนตัวแล้วกลับเมืองเล็กๆ พร้อมกับตัวฝู

ม้าสิงโตหยกมีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมหากมันต้องวิ่งก็ไม่มีปัญหา ตัวฝูแค่อยากถามว่าจะแอบเข้าไปในเมืองได้อย่างไร และนางก็เห็นว่าหมิงเวยเดินตรงเข้าไปหา…

“ผู้เฒ่า!”

คราวนี้ชายชราตื่นขึ้น และมองนางด้วยความประหลาดใจ “แม่นางกลับมาทำไมหรือ” เมื่อมองไปข้างหลังนางก็ไม่มีผู้ใดนอกจากสาวใช้ที่มีปานบนใบหน้า

หมิงเวยตอบกลับว่า “ข้าเดินทางมาหลายวันรู้สึกเหนื่อยมากตั้งใจว่าจะขอพักที่นี่เป็นเวลาสองวัน”

“แล้วคนอื่นล่ะ”

“พวกเขาอาจไม่รู้สึกเหนื่อย” สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยน “หัวหน้ารีบร้อนเดินทาง ข้าจึงถอนตัวออกจากขบวนพักสักสองวันแล้วค่อยกลับไปจะดีกว่า”

ตัวฝูคิดเงียบๆ ในใจเหตุผลนี้มีคนเชื่อด้วยหรือ

“จริงหรือ” ชายชราหัวเราะ “แต่เมืองของพวกเราไม่มีโรงเตี๊ยม…”

ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ยื่นเงินหยวนเป่ามาอยู่ตรงหน้าเขา “รบกวนขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าแล้วเป็นห้องว่างที่บ้านท่านก็ได้”

“ข้าเกรงว่า…” เงินหยวนเป่าถูกยื่นมาอีกแท่ง ชายชราขยับริมฝีปากและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อมองไปที่เงินหยวนเป่าสักพักเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปขอให้โรงเตี๊ยมจางซานทำความสะอาดห้องไว้ให้!”

หมิงเวยยิ้มแล้วยื่นเงินหยวนเป่าสองแท่งให้แก่เขา “รบกวนท่านแล้ว”

ชายชราหยิบไม้เท้าและพาพวกนางเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ หมิงเวยรู้สึกว่างูขาวในแขนเสื้อของนางหดตัวและตัวสั่นอีกครั้ง

เมืองเล็กแห่งนี้เป็นเพียงถนนสายหนึ่งโรงเตี๊ยมเล็กมากจนน่าสงสาร คนที่เปิดโรงเตี๊ยมเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชายชราพูดกับอีกฝ่ายไม่กี่คำพวกเขาก็พยักหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงวัยกลางคนก็เดินมานำทาง “เชิญแม่นางตามข้ามา” น้ำเสียงของนางแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็กิริยามารยาทดี

หญิงสาวพาพวกนางขึ้นมาชั้นบนและผลักประตูห้องหนึ่ง “ที่นี่เดิมทีเป็นห้องของบุตรชายของข้า ข้าเพิ่งทำความสะอาดมันหวังว่าแม่นางจะไม่รังเกียจ”

หมิงเวยกวาดตามองแล้วพยักหน้า “มีที่พักก็ดีมากแล้วขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

หญิงสาวโค้งกายแล้วเดินออกไป ประตูปิดลง ตัวฝูก็ถามขึ้นมาอย่างใจร้อน

“คุณหนู พวกเขาจะเชื่อหรือเจ้าคะ”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ นางหยิบยันต์ออกมาแล้วเผาทิ้งจากนั้นก็ตอบไปว่า “เขาจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ พวกเราเข้ามาได้ก็พอแล้ว”

ในเมื่อดึงดูดพวกนางให้มาที่นี่ก็ต้องหาทางแสดงตัวใช่หรือไม่ หมิงเวยเป็นคนสบายๆ ช่วงเช้านางนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมองดูชาวเมืองที่มาดื่มเป็นครั้งคราว

ในช่วงค่ำนางขอยืมเตาผิงจากพวกเขาเพื่อปิ้งแป้งทานกับตัวฝูจัดการปัญหาอาหารเย็นด้วยตนเองจากนั้นก็พักผ่อน ตัวฝูที่นอนไม่หลับนั่งอยู่ในความมืดเพื่อฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก ไม่มีอะไรนอกจากเสียงลม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดหมิงเวยรู้สึกว่างูขาวเคลื่อนไหวอยู่ในแขนเสื้อของนาง มันพูดเบาๆ ว่า “นายท่านดูเหมือนว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่”

หมิงเวยลุกขึ้นนั่ง “เจ้านำทางได้เลย”

“เจ้าค่ะ”

หมิงเวยพับกระดาษคนสองใบแล้วโยนเข้าไปในห้องแล้วเปิดหน้าต่างข้ามออกไปจากนั้นลงสู่ถนนพร้อมกับตัวฝู

ข้างนอกมืดสนิทและไม่มีแสงสว่างเลย

จากการนำทางของงูขาวพวกนางพบห้องใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็วซึ่งมีคนคอยคุ้มกันอยู่ หมิงเวยประมวลความคิดแล้วพาตัวฝูถอยห่างออกมา จากนั้นสั่งการเสียงเบา “เจ้าไปตรงนั้นแล้วจุดไฟ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 335 เมืองเล็ก

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 335 เมืองเล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเดินทางไปได้ครึ่งลี้จู่ๆ หมิงเวยก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปทางด้านหลังของตัวฝู

“เจ้าถืออะไรมาด้วย”

ตัวฝูตกใจนางยกแผ่นไม้เล็กๆ ขึ้นมา “คุณหนู…”

“ไปเอามาจากที่ใดกัน” สีหน้าของนางดูจริงจัง

ตัวฝูตอบว่า “เมื่อคืนบ่าวเก็บได้จากข้างนอกกระโจมเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ถามอย่างประหม่า “คุณหนู…ของสิ่งนี้มีปัญหาหรือเจ้าคะ แต่บ่าวไม่สังเกตถึงกลิ่นอายแปลกๆ…”

หมิงเวยถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลย เสวียนชื่อธรรมดาไม่ได้สังเกตเห็นปัญหาจริงๆ”

นางตะโกนเรียกโหวเหลียงแล้วลงจากหลังม้า “มีบางอย่างที่ต้องจัดการ พวกเจ้าสามารถรอได้นานสุดสามวัน หากผ่านไปสามวันแล้วไม่เจอผู้ใดให้รีบออกจากที่นี่ไม่ว่าจะไปหูตี้หรือเกาถางแล้วแต่เจ้าเลย”

โหวเหลียงคิดในใจ แม่นาง…หากท่านไม่ไปหูตี้แล้วข้าจะไปที่นั่นทำอะไร หาเรื่องกันหรือ แต่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้ม “ถ้าเช่นนั้นให้คนสองอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแม่นาง…”

“ไม่ต้องคนเยอะวุ่นวายไป” หมิงเวยคาดสายคาดเอวแน่นแล้วเรียกตัวฝู “ไม่ต้องเอาม้ามาพวกเราจะเดินไป” ตัวฝูตอบรับแล้วลงจากหลังม้าแบกของที่จำเป็นไว้บนหลังอย่างเรียบร้อย

เมื่อมองไปยังกองคาราวานที่อยู่ข้างหน้าหมิงเวยคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็หยิบหยกแขวนออกมาแล้วโยนให้โหวเหลียง “ยามพักให้สร้างม่านพลังให้ดี วางสิ่งนี้ไว้ในแกนกลางหลังม่านด้วย”

ในเรื่องเคล็ดวิชาโหวเหลียงพอมีความรู้อยู่บ้างแค่มองเขาก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่นางถ่ายพลังออกมา “ขอรับ แม่นางหมิง”

หมิงเวยเหลือบมองขุนศึกของตระกูลหยางในกองคาราวานแล้วพูดเสียงเบา

“ไปเถอะ” เหล่าขุนศึกเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ละคนกลับขึ้นไปบนหลังม้าแล้วสั่งให้ออกเดินทาง แม่นางหมิงไม่ไว้ใจชายผู้นี้พวกเขาจึงต้องคอยจับตาดูตลอดทาง

เมื่อกองคาราวานจากไปตัวฝูจึงถามด้วยความกังวล “คุณหนู บ่าวทำผิดใช่หรือไม่เจ้าคะ…”

หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าข้าประมาทเอง”

นางเองก็ไม่คิดว่าภูเขารกร้างแห่งนี้จะมีคนดึงดูดพวกเขาให้มาที่นี่จนกระทั่งเห็นแผ่นไม้เล็กๆ ในมือของตัวฝูนางจึงพบว่ามันผิดปกติ

ใช่ เหตุผลที่พวกเขาไปผิดทางก็เพราะมีคนจงใจนำทางพวกเขา นางรับแผ่นไม้เล็กๆ มาแล้วมองอย่างละเอียด

ของสิ่งนี้มีความยาวหนึ่งนิ้ว กว้างหนึ่งนิ้ว ซึ่งไม่รู้ว่าใช้สีย้อมอะไรตัวลวดลายดูแปลกมาก และดูเก่ามากด้วยจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวฝูจะไม่สงสัยเมื่อหยิบมันขึ้นมา

มีของเก่าถูกทิ้งในที่รกร้างนอกเมืองผู้ใดจะสงสัยกัน ลวดลายนี้หมิงเวยรู้จักดี มันเป็นตัวอักษรที่ภิกษุในหูตี้นิยมใช้การสลักบนป้ายไม้เล็กๆ เช่นนี้ น่าจะเป็นเครื่องราง แต่หากปรากฏอยู่ที่นี่น่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น

หมิงเวยส่งแผ่นไม้เล็กๆ กลับไปให้ตัวฝูและพูดว่า “หลังจากนี้ถ้าเจอของเช่นนี้อีกให้ระวังหน่อย อักขระที่เป็นรูปแบบเช่นนี้มักจะมีความหมายพิเศษ”

ตัวฝูเชื่อฟังเป็นอย่างดี “เจ้าค่ะ” แล้วถามอีกว่า “คุณหนู ความลับของมันมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ”

“เจ้าลองใช้พลังสัมผัสดูสิ” ตัวฝูทำตามแล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าพลังของตนสัมผัสกับ ‘ใจกลาง’ ที่แข็งเล็กน้อย

“ตัวมันไม่ใช่ปัญหามันแค่ถูกทำเครื่องหมาย หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ เหตุผลที่เราหลงทางในเขาหู่โถ่วซานก็คือเราถูกลวงตา เรากลับไปหาได้ว่าทางนั้นมีเครื่องหมายเช่นเดียวกันหรือไม่”

ต้องโทษที่นางไม่รู้ทางตอนที่เดินทางนางแค่รู้สึกว่าชี่รอบกายไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ได้มองด้วยตาให้มากกว่านี้ สำหรับเสวียนชื่อแล้วกับดักที่ง่ายที่สุดไม่ใช่ค่ายกลที่ชาญฉลาด แต่เป็นการหลอกตาการรับรู้

“พวกเราติดกับแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะแล้วเราจะทำอย่างไรดี”

หมิงเวยจูงม้าและเดินห่างออกไป “ ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตั้งใจจะพาเรามาที่นี่เพื่ออะไร ข้าจึงต้องกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

นางตบตูดม้าส่งสัญญาณให้มันซ่อนตัวแล้วกลับเมืองเล็กๆ พร้อมกับตัวฝู

ม้าสิงโตหยกมีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมหากมันต้องวิ่งก็ไม่มีปัญหา ตัวฝูแค่อยากถามว่าจะแอบเข้าไปในเมืองได้อย่างไร และนางก็เห็นว่าหมิงเวยเดินตรงเข้าไปหา…

“ผู้เฒ่า!”

คราวนี้ชายชราตื่นขึ้น และมองนางด้วยความประหลาดใจ “แม่นางกลับมาทำไมหรือ” เมื่อมองไปข้างหลังนางก็ไม่มีผู้ใดนอกจากสาวใช้ที่มีปานบนใบหน้า

หมิงเวยตอบกลับว่า “ข้าเดินทางมาหลายวันรู้สึกเหนื่อยมากตั้งใจว่าจะขอพักที่นี่เป็นเวลาสองวัน”

“แล้วคนอื่นล่ะ”

“พวกเขาอาจไม่รู้สึกเหนื่อย” สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยน “หัวหน้ารีบร้อนเดินทาง ข้าจึงถอนตัวออกจากขบวนพักสักสองวันแล้วค่อยกลับไปจะดีกว่า”

ตัวฝูคิดเงียบๆ ในใจเหตุผลนี้มีคนเชื่อด้วยหรือ

“จริงหรือ” ชายชราหัวเราะ “แต่เมืองของพวกเราไม่มีโรงเตี๊ยม…”

ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ยื่นเงินหยวนเป่ามาอยู่ตรงหน้าเขา “รบกวนขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าแล้วเป็นห้องว่างที่บ้านท่านก็ได้”

“ข้าเกรงว่า…” เงินหยวนเป่าถูกยื่นมาอีกแท่ง ชายชราขยับริมฝีปากและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อมองไปที่เงินหยวนเป่าสักพักเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปขอให้โรงเตี๊ยมจางซานทำความสะอาดห้องไว้ให้!”

หมิงเวยยิ้มแล้วยื่นเงินหยวนเป่าสองแท่งให้แก่เขา “รบกวนท่านแล้ว”

ชายชราหยิบไม้เท้าและพาพวกนางเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ หมิงเวยรู้สึกว่างูขาวในแขนเสื้อของนางหดตัวและตัวสั่นอีกครั้ง

เมืองเล็กแห่งนี้เป็นเพียงถนนสายหนึ่งโรงเตี๊ยมเล็กมากจนน่าสงสาร คนที่เปิดโรงเตี๊ยมเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชายชราพูดกับอีกฝ่ายไม่กี่คำพวกเขาก็พยักหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงวัยกลางคนก็เดินมานำทาง “เชิญแม่นางตามข้ามา” น้ำเสียงของนางแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็กิริยามารยาทดี

หญิงสาวพาพวกนางขึ้นมาชั้นบนและผลักประตูห้องหนึ่ง “ที่นี่เดิมทีเป็นห้องของบุตรชายของข้า ข้าเพิ่งทำความสะอาดมันหวังว่าแม่นางจะไม่รังเกียจ”

หมิงเวยกวาดตามองแล้วพยักหน้า “มีที่พักก็ดีมากแล้วขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

หญิงสาวโค้งกายแล้วเดินออกไป ประตูปิดลง ตัวฝูก็ถามขึ้นมาอย่างใจร้อน

“คุณหนู พวกเขาจะเชื่อหรือเจ้าคะ”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ นางหยิบยันต์ออกมาแล้วเผาทิ้งจากนั้นก็ตอบไปว่า “เขาจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ พวกเราเข้ามาได้ก็พอแล้ว”

ในเมื่อดึงดูดพวกนางให้มาที่นี่ก็ต้องหาทางแสดงตัวใช่หรือไม่ หมิงเวยเป็นคนสบายๆ ช่วงเช้านางนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมองดูชาวเมืองที่มาดื่มเป็นครั้งคราว

ในช่วงค่ำนางขอยืมเตาผิงจากพวกเขาเพื่อปิ้งแป้งทานกับตัวฝูจัดการปัญหาอาหารเย็นด้วยตนเองจากนั้นก็พักผ่อน ตัวฝูที่นอนไม่หลับนั่งอยู่ในความมืดเพื่อฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก ไม่มีอะไรนอกจากเสียงลม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดหมิงเวยรู้สึกว่างูขาวเคลื่อนไหวอยู่ในแขนเสื้อของนาง มันพูดเบาๆ ว่า “นายท่านดูเหมือนว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่”

หมิงเวยลุกขึ้นนั่ง “เจ้านำทางได้เลย”

“เจ้าค่ะ”

หมิงเวยพับกระดาษคนสองใบแล้วโยนเข้าไปในห้องแล้วเปิดหน้าต่างข้ามออกไปจากนั้นลงสู่ถนนพร้อมกับตัวฝู

ข้างนอกมืดสนิทและไม่มีแสงสว่างเลย

จากการนำทางของงูขาวพวกนางพบห้องใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็วซึ่งมีคนคอยคุ้มกันอยู่ หมิงเวยประมวลความคิดแล้วพาตัวฝูถอยห่างออกมา จากนั้นสั่งการเสียงเบา “เจ้าไปตรงนั้นแล้วจุดไฟ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+